(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki 31

ตอนที่ 31

เมื่อจบคาบเรียน ผมตัดสินใจไปล้างมือ

 

“…..อะ”

 

ตอนที่ออกมา ชิโมสึกิดูเหงาหงอย แต่เพราะแค่ไปห้องน้ำช่วยอย่าทำหน้าไปนั้นได้มั้ย……เหมือนลูกนกที่ถูกทิ้งไว้ในรังเลย

 

อีกอย่างเพราะชิโมสึกิขี้อายและไม่ค่อยพูดในห้องเรียนอยู่แล้ว ต่อให้จะมีหรือไม่มีผมอยู่ก็คิดว่าไม่ต่างกันเท่าไรอยู่ดี

 

…..ก็คิดแบบนั้นอยู่หรอก แต่ดูจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับชิโมสึกิ

เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เธอจะสบายใจถ้าแค่มีผมอยู่ข้างๆ

 

มองมาทางนี้ตลอดเวลา แบะพอสบตาก็ยิ้มมาให้…..การยิ้มมอย่างกระทันหันไม่ดีต่อใจเอาซะเลย เพราะมันทำให้ประหม่าได้

 

ไม่รู้เหตุผลเลยด้วยว่าทำไมถึงหวนหากันขนาดนั้น ทำไมไม่ชินซักที

เป็นคนที่ประหลาดดีจริงๆนั่นแหละ

 

ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนั้นก็ทำธุระเสร็จ

เหตุผลที่ต้องรีบก็เพราะ รู้สึกตัวว่าทำให้ชิโมสึกิรอโดยไม่รู้ตัวอีกละมั้ง

 

พอคิดว่าจะรีบกลับห้อง…..โดนขัดขวาง ระหว่างทาง

 

“โย่ นากายะมะ แป๊บนึงได้มั้ย?”

 

พระเอกริวซากิ เรียวมะยืนหลังพิงกำลังแล้วเรียกออกมา

 

แป๊บนึงได้มั้ย? ปกติมันคือประโยคคำถาม แต่เขาก็ไม่สนใจคำตอบของผม และเข้ามาหาทันที

 

“นายน่ะ ตอนเปลี่ยนที่นั่งทำอะไรลงไป? ในสายตาของชั้นเห็นว่ากำลังทุจริตอยู่น่ะ”

 

กะแล้วว่าต้องโดนสงสัย

เพราะตอนจับฉลากทำหน้าสงสัยแบบนั้น คิดไว้แล้วล่ะว่าต้องโดนถามมา

 

เตรียมตัวสำหรับเล่นละครตบตา

เพราะอย่างนั้นจึงต้องทำหน้ายิ้ม และเล่นเป็นตัวประกอบไร้ความคิด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

 

“พูดถึงอะไร? มะ มะมะไม่ได้ทำอะไรซักหน่อยนะ?”

 

ที่พูดติดขัดไม่ใช่เพราะหวั่นวิตกแต่อย่างใด

เป็นกับดักเพื่อทำให้ริวซากิหลงเข้าใจผิด

 

“เห้ย ซ่อนอะไรอยู่ใช่มั้ย? พูดติดขัดอยู่ไม่ใช่รึไง”

 

ริวซากิกำหมัด และเดินเข้ามาอีกหนึ่งก้าว จากนั้นก็คว้าอกเสื้อผมแบบไม่ได้ตั้งตัว

 

ลงมือเร็วจังนะ……โมโหถึงขนาดนั้นเลยรึไง

ให้ตายสิ พระเอกนี่อวดดีจริงๆ

 

“ขะ เข้าใจแล้ว! จะพูดตรงๆก็ได้….พะ เพราะงั้น ยกโทษให้ด้วยเถอะ~”

 

แสดงท่าทางน่าหดหู่ไป ให้เหมือนกับอีกฝ่ายเหนือกว่า

กังวลว่าแสดงมากเกินไปหรือป่าว แต่ริวซากินั้นยังไม่สงบลงเลย คงจะค้างคาใจอยู่

 

“พูดมาไวๆ ทำอะไรไป”

 

เอาล่ะ พูดได้ดีเลย

ขณะที่หัวเราะอยู่ในใจ ก็ปั้นหน้าตาดูลำบากใจขึ้นมา พร้อมกับคำตอบที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

 

“กะ ก็แค่ขี้โกงนิดหน่อยเองน่า……..ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็จะเข้าใกล้ชิโมสึกิซังไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”

 

จริงครึ่งนึง ไม่จริงครึ่งนึง

ที่จริงคนลงมือไม่ใช่ผม…..แต่การทุจริตครั้งนี้ ผมอยากให้ริวซากิคิดว่าเป็นแผนการของผม

 

นี่ก็เพื่อให้ริวซากิคิดว่าเป็น’ตัวประกอบที่น่าสังเวชที่พยายามดิ้นลน’

 

“ตะ แต่ว่าชิโมสึกิซังก็ยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม คงไปได้ไม่สวยละนะ…….”

 

ต่อจากนั้น ก็ลดดีกรีความหึงหวงของริวซากิลง โดยการบอกว่าพลาด

ถ้าทำแบบนี้แล้วล่ะก็ อารมณ์ของพระเอกคงจะดีขึ้นอย่างมาก

 

“อา อย่างนี้รี่เอง กะแล้วนายโกงจริงๆด้วยสินะ? ใช้วิธีสกปรกแบบนั้น…….เพราะชิโฮะเป็นคนจริงจัง เธอเกลียดแบบนั้นนะ? ไม่มีทางที่เธอจะชอบคนโกงได้อยู่แล้ว บ้ารึป่าว”

 

ขอบคุณสิ่งนั้นดูเหมือนความโกรธจะเบาลงแล้ว

ริวซากิถอนหายใจและยอมปล่อยผม

 

“จะให้คำแนะนำ อย่างนึงนะ?”

 

และริวซากิก็ให้’คำแนะนำ’ในฐานะพระเอก

 

“ที่ผ่านมา มีผู้ชายแบบนายมากมายที่มาชอบชิโฮะ………แต่ทุกคนก็โดนบดหมดเลยนะ ชิโฮะน่ะพิเศษนิดหน่อย เพราะเธอไม่สนใจคนอื่นเลยล่ะนะ……เธอต้องเป็นประเภทที่ไม่เปิดใจให้ใครนอกจากคู่แต่งงานแน่นอน เพราะอย่างงั้น อย่าฝืนเลย”

 

ไอ้คำพูดที่ว่ามา ผมแทบจะหลุดขำออกมา

 

(ชิโมสึกิจริงจัง? ไม่สนใจคนอื่น? ไม่อะไม่อะไม่……ไม่ใช่เลย ซักนิด)

 

เธอน่ะชอบหยอกล้ออย่างมาก

เธอชอบแกล้งผมและก็ยิ้มแบบปีศาจตัวน้อย

 

และเธอ ก็ไม่ใช่ว่าไม่สนใจคนอื่นด้วย

เพราะเธอขี้อาย เลยแค่ทำให้คุยกับคนอื่นไม่ได้

 

ถึงแบบนั้น ริวซากิที่เข้าใจชิโฮะผิดแล้วเอามาใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองแบบนั้น น่ากลัวนิดหน่อยนะ

 

“ตัดใจจากชิโฮะจะดีกว่านะ ที่พูดนี่ก็เพื่อตัวนาย…..ที่มาเป็นผู้ท้าชิงโดยไม่คิดมาก่อนก็ไม่เลวนะ แต่ว่ายอมล่าถอยไปก่อนที่จะเจ็บเองเถอะ”

 

พระเอกที่หวังดีและมาจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง

ผมอยากจะพูดแบบนี้ดังๆใส่ริวซากิ

 

มันไม่ใช่เรื่องของแกเลยเว้ย……

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Score 10
Status: Completed

ผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า'ตัวเอก'ด้วยซ้ำ

 

แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Options

not work with dark mode
Reset