Scholar’s Advanced Technological System 1249 พวกเรา

ตอนที่ 1249 พวกเรา

ดอกไม้ไฟที่งดงามยังคง ‘ระเบิดปึงปัง’ อยู่บนฟ้า

ครอบครัวหนึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้าสนามกีฬา ชายสูงวัยที่ใส่แจ็กเก็ตสีเทามองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า

“พวกเขาอยู่ไหนกันนะ? ทำไมพวกเขายังไม่มาที่นี่ล่ะ?”

เมื่อวานเขาได้วางแผนไว้กับผู้เฒ่าลู่ ชายที่เขาเจอที่สถานีรถไฟความเร็วสูงแล้ว ว่าให้มาเจอกันที่หน้าทางเข้าสนามกีฬา แต่หลังจากมารอได้สักพักเขาก็ยังไม่เห็นผู้เฒ่าลู่อยู่ตรงไหนสักที่เลย…

“พวกเราต้องเข้าไปข้างในแล้วนะ!”

หลิวเพ่ยจงยังไม่อยากเดินไปจากตรงนี้เลย เขามองภรรยาของเขาแล้วตะโกนว่า “รอหน่อยสิ…เพื่อนผมกำลังจะมาแล้ว”

“จะรอหาพระแสงอะไรล่ะ! ”

ภรรยาของเขาหันหลังกลับแล้วเดินตรงเข้าสนามกีฬาไป

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลิวเพ่ยจงก็งงตึ๊บไม่แพ้กัน เขารีบขอให้ภรรยาของเขาเดินตามคุณแม่ของเขาที่เข้าไปก่อน แล้วเขาก็เดินไปยืนตรงหน้าพ่อของตัวเองแล้วบอกอีกฝ่ายว่า

“พ่อครับ พวกเรารอต่อไม่ได้แล้วนะ คนที่นี่เยอะมากเลย ถ้าพวกเราไม่เข้าไป พวกเราจะโดนยามที่นี่ไล่เอานะครับ”

“ใช่แล้วค่ะลุงหลิว” หญิงสาวที่ใส่ชุดออฟฟิศถอนหายใจแล้วบ่นว่า “พวกเราแค่มาดูโชว์เฉยๆ ไม่ได้หรือไงคะ? ทำไมลุงต้องบังคับให้หนูมาเดทด้วย…พวกเราไปเดทกันพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ? ”

ไม่มีที่ให้นัดบอดอะไรหรอกนะ…

คนเยอะขนาดนี้…

“เธอไม่เข้าใจหรอก!”

“หนูไม่เข้าใจตรงไหนคะ?”

หลิวเพ่ยจงลังเลแล้วถอนหายใจ

“คนที่ลุงกำลังจะแนะนำให้เธอรู้จักน่ะ…เป็นคนพิเศษนะ”

หญิงสาวในชุดออฟฟิศกลอกตาตัวเอง

“เขาเป็นพวกลูกชายไม่เอาไหนจากครอบครัวคนรวยหรือเปล่าล่ะคะ? ที่นี่ปักกิ่งนะลุง เขาจะพิเศษอะไรนักหนา? ”

“รถที่มารับพ่อแม่ของเขาเป็นรถระดับเอของรัฐบาลเลยนะ…”

“พี่คะ หนูว่าการเบี้ยวนัดใครสักคนนี่มันก็แย่นะคะ เรามารอตรงนี้กันดีกว่า! ”

ชายหนุ่มมองลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง

อะไรวะเนี่ย?

แต่…

ระดับเอเลยนะ…

ชายหนุ่มพยักหน้า

“โอเค ถ้าอย่างนั้น…รออีกหน่อยก็ได้”

ดอกไม้ไฟยังคงเปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้า

ถึงแม้พวกเขาจะอยากรอต่ออีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นว่ายังมีคนเข้าสนามกีฬาอยู่เรื่อยๆ ถ้าพวกเขารอนานกว่านี้ พวกเขาคงหาที่นั่งไม่ได้แล้ว

ในอีกฟากหนึ่งนั้น ลู่โจวเพิ่งจะเดินเข้าสนามกีฬาไป

ในตอนแรกผู้เฒ่าลู่ก็รู้สึกหดหู่ที่ไม่สามารถไปเจอกับเพื่อนของเขาได้ แต่หลังจากที่เดินเข้าสนามกีฬามา ลู่ปังกั๋วก็เลิกสนใจเรื่องนั้นไปเรียบร้อย

เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา มันช่างมหัศจรรย์เกินไป

ลูกศรลอยอยู่ตรงหน้าเขามันกลืนไปกับควัน นี่มันดูเหมือนจริงเกินไปแล้ว

“พ่อ…แตะนี่ได้ไหม? ” ผู้เฒ่าหลิวพูดขึ้นขณะมองไปที่ลูกชายของเขา

ลู่โจวมองพ่อของเขาที่ทำท่าทางงุนงงแล้วก็ยิ้มออกมา

“แตะได้ตามสบายเลยครับ มันเป็นแค่ภาพโฮโลแกรมเท่านั้นแหละ แตะไปพ่อก็ไม่ทำมันพังหรอก”

เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ ทำให้นอกจากอุปกรณ์ฉายภาพเสริมบางตัวแล้ว อุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมแทบทุกตัวที่เหลือจะถูกติดตั้งอยู่บนเพดานทั้งนั้น ภาพโฮโลแกรมของทั้งสนามกีฬาถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เพดานยันพื้น เหมือนกับโคมไฟที่แขวนอยู่บนเพดาน

ไม่ต้องห่วงว่าจะทำอะไรพังทั้งนั้น

พวกเขาเดินไปตามทางที่ลูกศรชี้ และก็เจอที่นั่งอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั่งลงตามที่นั่ง เจ้าหน้าที่ก็เตือนลู่ปังกั๋วให้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย

ก่อนที่โชว์จะเริ่ม เขาใช้เวลาไปกับการมองรอบๆ สนามกีฬา เขามองฝูงชนในนั้นแล้วพูดออกมาอย่างเสียดายว่า

“รังนกนี่วิเศษจริงๆ …เสียดายที่พ่อไม่เคยมาที่นี่เลย”

ฟางเหมยกลอกตาแล้วพูดว่า “จะเสียดายทำไมกัน ตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่แล้วนี่นา”

“มันแตกต่างจากตอนที่ได้เห็นตอนมันสร้างครั้งแรกนะ…นี่ลูก โชว์จะเริ่มตอนไหนนะ?”

ลู่โจวกำลังจะตอบคำถามลู่ปังกั๋ว แต่แสงบนเพดานก็เริ่มหรี่ลงทันที และสนามกีฬาที่เคยส่งเสียงอึกทึกจากการที่มีคนอยู่เกือบ 100,000 คน ก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีเช่นกัน

ลู่โจวมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ยิ้มออกมา

เขามองพ่อตัวเองแล้วบอกว่า “มันเริ่มแล้วครับ”

ผู้ชมทุกคนต่างนั่งลงกับที่ตัวเอง ดนตรีจากมุมสนามกีฬาได้ป้องกันเสียงรบกวนของผู้ชม

แสงค่อยๆ หรี่ลง สนามกีฬาเริ่มมืด จากนั้นทุกสิ่งก็ตกอยู่ในความมืด เหลือเพียงแสงจากหน้าจอโทรศัพท์บางคนเท่านั้น

ผู้คนเริ่มหยุดคุยกันแล้วเปลี่ยนมาเป็นกระซิบกระซาบกันเบาๆ แทน ในเสียงกระซิบกระซาบนั้นมีร่องรอยของความตื่นเต้นและความคาดหวังเจืออยู่

พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตารอโชว์นี้

และมันก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

หมอกล่องหนลอยเข้ามาในความมืด มันเป็นเหมือนกับควันหนาที่เข้าปกคลุมภายในสนามกีฬาอย่างรวดเร็ว ทำให้ความมืดในนั้นดูหนาและหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้แม้แต่แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ก็ถูกหมอกหนาที่สังเคราะห์ขึ้นมากลืนกินไปเรียบร้อย

บางคนเริ่มเปิดไฟฉายในมือถือขึ้นมา แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ขัดอย่างรวดเร็ว ตามด้วยยึดโทรศัพท์พวกเขาไปเลย โทรศัพท์พวกนี้จะถูกส่งไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยและจะถูกส่งคืนให้หลังจบโชว์

ความมืดนั้นไม่ได้อยู่นานนัก

ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทันใดนั้นเองจุดลำแสงหลายจุดก็ปรากฏขึ้นข้างตัวทุกคน มันเป็นอนุภาคแสงสีแดงที่เหมือนกับหิ่งห้อยเริงระบำอยู่ในความมืด เป็นเหมือนกับแสงจากดอกไม้ไฟ พวกมันเริ่มรวมตัวกันเป็นเส้นวิถี

‘หิ่งห้อย’ ปรากฏตัวขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับดวงดาวบนกาแล็กซี

ผู้คนรู้สึกมหัศจรรย์ใจไปกับภาพที่ทั้งวิเศษและดูโรแมนติกนี้ พวกเขาหยุดพูดคุยกันแล้วเริ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วยความสงสัย

เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักของผู้ใหญ่เริ่มเอื้อมมือของตัวเองออกไป พยายามจะไขว่คว้าจุดสีแดงเล็กๆ พวกนั้นมาให้ได้

คู่รักที่นั่งอยู่ข้างกันเริ่มชี้ไปที่อนุภาคแสงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าซึ่งคล้ายคลึงกับดาวตกด้วยความตื่นเต้น แล้วพวกเขาก็ใช้โอกาสนี้ในการขอพรให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตลอดไป…

ภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นเหมือนกับภาพลวงตาในม่านหมอก มันดูไม่ใช่ของจริง แต่มันก็ยังสวยงามเหลือเกิน

ทันใดนั้นเองทุกอนุภาคแสงก็ลอยไปที่จุดศูนย์กลางของสนามกีฬาและรวมตัวกันเป็นลูกบอลเพลิงสีแดง

ลูกบอลสีแดงเรืองแสงออกมาเหมือนคบเพลิง ราวกับว่ามันทำมาจากแมกมา กำแพงหมอกหนาทำให้มันดูเป็นสีแดงเข้ม ลำแสงเริ่มฉายทะลุขึ้นมาจากด้านบนของลูกบอลนั้นเหมือนกับเป็นธนูเพลิงที่ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี

เด็กๆ เลิกเล่นกันแล้ว และพวกคู่รักก็หยุดทำตัวกะหนุงกะหนิงกัน พวกผู้ใหญ่เริ่มกลั้นหายใจ ส่วนเหล่าผู้สูงวัยก็กำหมัดแน่น ดวงตาของพวกเขามีแววรำลึกถึงอะไรบางอย่าง…

ทันใดนั้นเองเครื่องบินต่อสู้ก็บินทะลุเมฆและโฉบลงมาจากท้องฟ้า เสียงกรีดร้องดังขึ้นในสนามกีฬา จนยากที่จะแยกว่าเป็นเสียงของซาวด์เอฟเฟกต์หรือเป็นเสียงของผู้ชมกันแน่

ทุกอย่างดูเหมือนฉากในภาพยนตร์ ผู้ชมพยายามหลบกระสุน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ล่ะก็ พวกเขาทุกคนต้องร่วงลงจากเก้าอี้แน่ๆ

แล้วนี่ก็เป็นแค่ฉากเปิด โชว์นี้ยังห่างไกลจากตอนจบนัก

สนามรบเริ่มเปลี่ยนเป็นพื้นที่ฟาร์มหลายพันไร่ แล้วก็ตามด้วยดินแดนรกร้างหลายพันไร่

ผู้ชมเห็นว่ามีคนกำลังปีนภูเขาเอเวอเรสต์ท่ามกลางหิมะอยู่ พวกเขาเห็นดินแดนน้ำแข็ง เห็นภูเขา และเห็นคนที่ถือเคียวกับจอบ ซึ่งต่อสู้เพื่อชะตาอุตสาหกรรมของประเทศ…

มนุษย์คือทรัพยากรที่มีค่าน้อยที่สุดในยุคที่มีการผลิตต่ำ

แต่ทรัพยากรอันที่ว่านี้ก็สามารถสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบขึ้นมาได้

มีเหตุผลเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น

เพราะมนุษย์เชื่อว่าอนาคตจะต้องดีกว่าเดิม

นั่นเป็นเพียงแรงขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกเขายังมุ่งหน้าไปต่อได้ในทุกๆ วัน

ย้อนกลับไปสมัยนั้น มันไม่มีของอย่างระบบอัตโนมัติหรือปัญญาประดิษฐ์เลย แต่พวกเขาก็ยังเชื่ออย่างหนักแน่นว่าสักวันหนึ่งในอนาคตพวกเขาจะสามารถกินอาหารหรือใส่ชุดอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ มนุษย์ชอบทำงานที่มีความหมายและรับรู้คุณค่าของชีวิตในสิ่งต่างๆ ที่มีคุ้มเวลากับพวกเขามากกว่าจะเสียเวลาของตัวเองไปกับการทำงานเหมือนเครื่องจักร

พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์แบบนั้นในชั่วชีวิตของตัวเอง

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเสียกำลังใจแต่อย่างใด

เพราะพวกเขากำลังมุ่งหน้าทำในสิ่งที่มีความหมายอยู่

พวกเขารู้ดีว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่ทันได้เห็นความพยายามของเขาผลิดอกออกผลในชั่วชีวิตของตัวเอง แต่ลูกหลานของพวกเขาจะได้เห็นแน่ๆ ลูกๆ ของพวกเขาจะทำตามความฝันของพวกเขาได้

ภาพแต่ละภาพที่ผ่านไปเหมือนกับโลกที่หมุนไปเรื่อยๆ มันฉายฉากแต่ละฉากมาครู่หนึ่งให้ผู้ชมดู

เมื่อเหล่าผู้สูงอายุมองเห็นภาพความทรงจำเก่าของตัวเองอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า เด็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างผู้ใหญ่ ถึงแม้จะยังมีความเป็นเด็กไร้เดียงสา พวกเขาก็เริ่มกำหมัดตัวเอง และสัมผัสถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสำคัญนี้ได้

รถคันหนึ่งปรากฏขึ้น

มันขับมาจากเรือที่จอดเทียบท่า

เสียงเครื่องจักรดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของการที่ประเทศจีนเข้าสู่เวทีโลก สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงยุคที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ในที่สุดบรรยากาศและดนตรีอันน่าหดหู่ก็จางหายไป ในขณะที่ตึกสูงนับพันเริ่มผุดขึ้นมาจากพื้นดิน

หอไข่มุกตะวันออก[1] รังนก[2] ศูนย์นิทรรศการและการประชุมระดับโลก[3]…และยังมีสตาร์ไลท์ที่ยึดครองวงโคจรขนย้ายดวงจันทร์ได้ แล้วยังมีปราสาทจันทราที่ลอยอยู่บนฟ้าอีก

ในฉากสุดท้ายของวิดีโอโฮโลแกรมนั้น นักบินอวกาศกำลังถือธงสีแดงแล้วเดินอยู่บนพื้นดินของดวงจันทร์ แล้วเขาก็ปักธงสีแดงนั้นลงไปบนพื้นผิวดวงจันทร์

จากนั้นฉากก็เปลี่ยนไป

ธงสีแดงหายไป

แต่ดินดวงจันทร์สีเทาใต้เท้าของนักบินอวกาศกลับเปลี่ยนเป็นเมืองอวกาศที่ดูเหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟ มีรถไฟแล่นไปตามรางระหว่างตึกสูงระฟ้า มีกล่องพัสดุที่ไถลไปตามอุโมงค์เหมือง

ลู่โจวสังเกตว่าพ่อของเขาแอบปาดน้ำตา

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทำเพียงมองไปทางอื่นอย่างเงียบๆ

เขารู้ดีว่าพ่อของเขาเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบเสียหน้า พ่อของเขาคงนอนไม่หลับแน่ๆ ถ้าลูกชายได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเขา

“ฉันรู้สึกเหมือน…”

“เหมือนอะไรเหรอ? ”

เฉินยู่ซานไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี เธอสูดจมูกแล้วก็เอ่ยขึ้นมาว่า “มันวิเศษสุดๆ ไปเลย”

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า

“จริงของเธอนั่นแหละ”

ถึงเขาจะไม่รู้ว่าควรเรียกว่าโชว์นี้ประสบความสำเร็จหรือไม่ และเขาก็ยังไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นการแสดงเทคโนโลยีภาพฉายโฮโลแกรมของสตาร์สกายเทคโนโลยีให้ออกมาได้ดีหรือเปล่า…

แต่เขาก็รู้ว่าผู้ชมเข้าใจความหมายที่สอดแทรกอยู่ในโชว์นี้ได้ตรงประเด็นเป็นอย่างดี

……………………

[1] เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

[2] สนามกีฬาแห่งชาติของจีน

[3] ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 801 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน

ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง

ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล

“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”

“ไม่ได้”

“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”

“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”


Options

not work with dark mode
Reset