Midterm Fantasy 87

ตอนที่ 87
การแก้แค้นของเหล่านักเลง

“พี่ใหญ่หลิว เด็กคนนั้นมารับของเรียบร้อยแล้ว” เสียงของหยางเทียนดังผ่านโทรศัพท์ มีเสียงเครื่องยนต์ของเรือดังเป็นเบื้องหลัง “แต่มีเรื่องนิดหน่อย”

แล้วหยางเทียนก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พี่ใหญ่ของตนฟังอย่างไม่ตกหล่น ตั้งแต่การมาถึง การถูกนักเลงรุมล้อม ไปจนถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น

พี่ใหญ่นั่งฟังอย่างตั้งใจจนจบ แล้วถามความเห็น

“น้องเทียนคิดอย่างไรบ้าง”

“ผมคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะมีฝีมืออยู่บ้าง น่าจะฝึกหัดวิชาหอกหรือไม้เท้าจากอาจารย์สักคนมา แต่ออกจะอวดดีไปบ้าง” หยางเทียนออกความเห็นตามความคิด เขายังยึดถือว่าการที่รอนปฏิเสธความหวังดีในการช่วยเหลือแล้วลุยกับคนสิบกว่าคนถือเป็นความอวดเก่งถือดี

“แต่ผมคิดว่าเด็กคนนี้ผิดปกติ” หวังหลินบอก มือจับพวงมาลัยเรือไว้มั่น

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นเรอะเสี่ยวหลิน” พี่ใหญ่หลิวเอ่ยถาม

“เด็กคนนี้ไม่ได้เก่งแค่วิชาหอกหรือไม้เท้า เห็นได้จากที่ตอนที่เขาถูกแย่งไม้พลองไปเขาก็หยิบไม้ของอีกฝ่ายมาใช้ต่อสู้อย่างชำนาญ การตัดสินใจในการต่อสู้ฉับไวกว่าคนทั่วไป สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายพร้อมกันได้หลายคนและใช้ตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นประโยชน์ ต้องผ่านการต่อสู้จริงมาแล้ว ไม่ใช่การต่อสู้ในโรงฝึกแต่ต้องเป็นการต่อสู้ที่มุ่งทำร้ายกันและกัน”

“ทำไมคิดแบบนั้น ว่าต่อไป”พี่ใหญ่หลิวบอก

“ความดุดันเด็ดขาดในการลงมือครับ ในการรับมือกับศัตรูที่มากกว่า เขาจงใจทำร้าย4คนแรกที่เข้ามาอย่างหนักถึงขั้นเลือดออกกระดูกแตก แต่ในคนที่เหลือเขากลับลงมือแบบธรรมดา ก่อนที่จะจับหัวหน้าแล้วลงมือซ้อมอย่างทารุณ แสดงถึงความจงใจทำลายขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้าม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้” หวังหลินบอก

“วิเคราะห์ได้ดี แต่ยังมีอีกสามจุดที่พวกนายไม่ได้พูดถึงนั่นคือ 1.เด็กคนนี้ใส่ชุดนักเรียนมา 2.เขากล้าพูดว่าไม่รู้จักเป๋งโมบาย 3. เขาซื้อของกับเรา” หลิวลี่จงวิเคราะห์

“การใส่ชุดนักเรียนมาแสดงว่าไม่ต้องการปิดบังฐานะ ยิ่งการบอกว่าไม่รู้จักเป๋งโมบายที่เป็นนักเลงท้องถิ่นในชุดนักเรียนนับว่าไม่เห็นนักเลงเหล่านี้ในสายตา” พี่ใหญ่บอก “หรือเขาจะไม่รู้จักจริงๆ ย่อมไม่ใช่  คนที่มีฝีมือเช่นนี้ซื้ออาวุธขนาดนี้มีรึที่จะไม่รู้จัก ยิ่งมีคนในกลุ่มนักเลงนั่นกล่าวหาว่าเด็กนี้คือสายตำรวจ แปลว่าต้องเคยมีเรื่องกันมาก่อน ที่สำคัญ เขาซื้อของกับเราขนาดนี้ ของที่เราขายในการค้าครั้งนี้ราคาเหยียบ6แสน เขาจ่ายโอนเงินในเวลาสั้นๆ แบบนี้ย่อมมีที่มาของเงินที่ไม่ธรรมดา ฝีมือแบบนี้มีเงิน แต่กลับมารับของจำนวนมากคนเดียวโดยไม่เอารถมา แต่กลับอาศัยแท็กซี่ของนักเลงเหล่านั้นในการขนของ”

“อ๊ะ หรือพี่ใหญ่หมายความว่า”

หยางเทียนฉุกคิดขึ้นได้ หนาวเหน็บไปถึงสันหลัง

“ใช่แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เห็นนักเลงเหล่านั้นในสายตาตั้งแต่แรก ไม่คิดปิดบัง แถมยังมั่นใจมากขนาดที่ว่าจะจัดการจนอีกฝ่ายหนีไปแล้วใช้แท็กซี่ของพวกนั้นขนของกลับ” พี่ใหญ่บอก “ถ้าคาดเดาไม่ผิด ในเวลาอีกไม่นานนี้ ‘เป๋งโมบาย’ จะตกเป็นเป้าหมายการถล่มเป้าหมายต่อไปของเด็กคนนี้”

หลิวลี่จงเอนหลังลงกับเก้าอี้นวมแย้มยิ้มที่มุมปาก ครุ่นคิดถึงโอกาสของพวกเขาที่จะเข้ามาจากความวุ่นวายเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการนักเลง

“ฮัดชิ้ว”

รอนจามออกมาจนคนขับแท็กซี่สะดุ้ง มองกระจกหลังอย่างหวาดระแวง

เด็กหนุ่มชี้ไปที่ข้างหน้าตรงหน้าร้านอาม่า เขาไม่อยากให้แท็กซี่เข้าไปถึงในบ้านในพ่อกับแม่ของเขาสงสัย รอนจ่ายเงินค่าแท็กซี่ทั้งสามคันเต็มจำนวนแม้ว่าแต่ละคนทำท่าเหมือนไม่อยากจะรับก็ตามที

“ฮึบ ฮึบ ช่วยกันหน่อย” แท็กซี่คนนึงร้องเรียกสองคนที่เหลือให้ช่วยกันยกลังลงอย่างยากลำบาก เพราะแต่ละลังหนักเป็นร้อยกิโล

“ไม่เป็นไรครับ ผมยกเอง” รอนบอก

เด็กหนุ่มเดินไปท้ายรถแล้วยกออกลังอันแสนหนักออกมาอย่างไม่ยากเย็น ท้ายรถที่ยวบอยู่เด้งขึ้นทันทีที่ลังขนาด100กิโลถูกดึงออกไป คนขับทั้งสามคนหน้าซีดเมื่อเห็นพละกำลังของเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่เมื่อไม่เห็นว่ารอนจะต้องการอะไรเพิ่มทั้งสามก็รีบขึ้นรถแล้วบึ่งออกไปทันที

รอนค่อยๆขนลังทั้งหมดเข้าซอยบ้านทีละลัง เขาเอามันไปวางไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านก่อนจะเอาผ้าใบปิดทับแล้วค่อยเข้าบ้าน

“กลับมาแล้วครับ” รอนสวัสดีพ่อแม่

“ทำไมวันนี้กลับค่ำจังล่ะลูก กินข้าวแล้วรึยัง” แม่ทัก

“ยังเลยครับแม่ มีอะไรกินมั่งครับ”

แม่เปิดฝาชีกับข้าวและคดข้าวใส่จาน ควันกรุ่นไอลอยเหนือจานข้าว รอนเดินไปล้างมือแล้วกลับมานั่งเตรียมกินอาหาร หากแต่สายตาของคนเป็นแม่จ้องไปที่เสื้อนักเรียนของลูกชาย

“ทำไมวันนี้เสื้อเปื้อนจังเลยล่ะลูก ไปล้มที่ไหนมารึเปล่า”

รอนมองดูแขนเสื้อตนเอง มีรอยเปื้อนดินและเศษไม้ที่เกิดขึ้นตอนต่อสู้มาด้วย

“อ๋อ ตอนที่กลับจากบ้านของแพทน่ะครับ มันมืดแล้วผมเลยลื่นล้มนิดหน่อยไม่มีอะไร”

“เหรอลูก” แม่บอก

“อ้อ แล้วช่วงนี้อ่านหนังสือกับหนูแพทเป็นยังไงบ้าง” พ่อเปลี่ยนเรื่อง

“ดีครับพ่อ ตอนนี้เราสองคนอ่านทบทวนบทเรียนม.ต้นพร้อมจะไปร่วมสอบแข่งขันวิชาการสัปดาห์หน้าแล้ว” รอนกินไปตอบไป

“สอบแข่งขัน? สอบอะไรเหรอลูก”พ่อถามอย่างสงสัย รอนเลยเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อและแม่

“คือคะแนนสอบสะสมสามปีของผมกับแพทต่ำเกินไปครับ ถ้าขึ้นม.ปลายด้วยคะแนนแบบนี้คงได้ติดสายศิลป์ แต่เราสองคนอยากเรียนสายวิทย์มากกว่า ครูดุษฎีบอกว่าถ้าหากพวกเราไปสอบแข่งขันวิชาการแล้วได้รางวัลก็อาจจะใช้รางวัลที่ได้เป็นคะแนนพิเศษใช้ในการเลือกชั้นในม.4ได้ครับ”

ทั้งพ่อและแม่มองลูกชายอย่างประหลาดใจ ปกติรอนจะเรื่อยๆกับการเรียน ไม่ค่อยกระตือรือล้นไปถามหรือไปริเริ่มขวนขวายอะไรเกี่ยวกับการสอบหรือการเรียนเท่าไหร่ ดูเหมือนปีนี้รอนเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ

เด็กหนุ่มกินข้าวจนเสร็จ จากนั้นเปิดคอมฯแล้วค้นหาข้อสอบแข่งขันของปีก่อนๆที่ผ่านๆมาทั้งคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและสังคม กับแข่งกีฬา ก่อนจะดาวน์โหลดข้อสอบทั้งหมดลงมือถือเพื่อเตรียมเอาไปอ่านที่โลกฝั่งโน้น

รอนปิดคอมพิวเตอร์ เอากระเป๋านักเรียนไปเก็บที่ห้องแล้วถอดชุดเตรียมอาบน้ำ แม่รอจนลูกชายเข้าห้องน้ำไปแล้ว เดินไปหยิบเสื้อนักเรียนมาดูแล้วทำท่าจะเรียก หากแต่พ่อส่ายหน้าห้ามเอาไว้

“รออีกสักวันสองวันก่อนแล้วกัน ถ้าลูกยังไม่บอกเดี๋ยวเราสองคนค่อยถาม”

“แต่ว่า”

“ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ รอนคงบอกเราสองคนแล้ว ที่ลูกไม่บอกก็อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆหรือเด็กๆเพื่อนๆทะเลาะกันธรรมดาก็ได้”

แม่พยักหน้ารับ มองไปยังเสื้อนักเรียนที่มีรอยพื้นรองเท้าประทับกลางหลัง แล้วก็หย่อนลงแช่น้ำไป

คืนนั้นรอนรอจนเที่ยงคืนจากนั้นขนลังหอกและหัวธนูข้ามไปฟากตรงข้ามเพื่อเตรียมจะขายต่อให้กับท่านโซล่าให้นำเอาไปใช้ป้องกันเมือง

แน่นอนว่าแม้จะขนไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้เอาไปให้ท่านโซล่าหรือมีอาทันที เมื่อวานพวกเขาเพิ่งคุยกันและรอนก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมีอาวุธมาขาย

เด็กหนุ่มออกจากที่พักแล้วตรงไปหาพ่อค้ากลาสซึ่งตอนนี้พักอาศัยในเมืองในร้าน ARMAMENT ขนเอาลังอาวุธทั้งสองไปด้วยเพื่อให้กลาสนำเอาไปเสนอขายให้กับท่านโซล่า

เนื่องจากรอนขนลังไปได้วันละสองลัง ทำให้ใช้เวลาสามวันกว่าจะขนของไปได้หมด แต่มันก็ทำให้กลาสมีข้ออ้างกับท่านโซล่าได้ว่าเป็นการขนส่งสินค้าจากที่ห่างไกลและทยอยขนมา

“คุณรอนครับ นี่คือเงินที่ได้จากท่านโซล่าสำหรับค่าอาวุธทั้ง6ลังครับ” กลาสเลื่อนหีบทองคำให้เด็กหนุ่ม

“คุณกลาสแบ่งบางส่วนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในร้านหรือยังครับ”

“ไม่ต้องหรอกคุณรอน ตอนนี้ร้านมีรายได้จากสินค้าอย่างอื่นที่เอามาขายแล้ว ค่าอาวุธพวกนี้คุณรอนเอาไปทั้งหมดนั่นแหละ”

รอนดูค่าอาวุธที่ได้มาในใบเสร็จบัญชี อาวุธที่ขายนี้รอนลดราคาให้กับท่านโซล่าเป็นพิเศษ50% แต่กระนั้นพอคิดเป็นเงินของที่นี่แล้วก็ได้ราคาที่น่าตกใจ หัวหอกทั้ง1000หัว ขายได้3000เหรียญทอง มีดขว้าง2000เล่ม ได้1000เหรียญทอง หัวธนูหนึ่งลัง1000เหรียญทอง

เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ หีบทองตรงหน้าที่ไม่ใหญ่ไม่โตมากหนักอึ้งกว่า70กิโลกรัม

5000เหรียญทอง!

ถ้าขายได้เหรียญละ10000บาท ก็จะได้50,000,000

“40ล้านบาท”

“อ้าว”

รอนงงกับราคาที่พ่อของแพทบอกมา ดูราคามันตกลงไปกว่าเดิมอีกนี่นะ

แต่คุณวิทวัสแจงอย่างรวดเร็ว

“ก็เธอเลือกปล่อยของออกทีละมากๆ connection ที่ลุงมีในประเทศรับทองได้จำกัด ของพวกนี้ต้องปล่อยที่ต่างประเทศ อัตราราคาเหลือน้อยกว่าครึ่งนึงนี่เรื่องธรรมดานะ”

เด็กหนุ่มเปิดดูบัญชี Bitcoin ของตัวเองที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ด้วยราคาBitcoinที่ตอนนี้อยู่ที่909$ต่อ1BTC   ทำให้ตอนนี้เขามีBitcoinในมือราวๆ 1250BTC

รอนมองตัวเลขในบัญชีWalletของตนเองอย่างไม่สบายใจ แม้เขาจะไม่ได้มีความรู้เรื่องเงินๆทองๆเท่าไหร่แต่ก็จำได้ว่าผู้ใหญ่หลายคนคุยกันเรื่อง Bitcoin ว่ามันเป็นแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป แถมราคามันขึ้นจากต้นปีมาเยอะแล้วถ้าวางเงินไว้ในนี้ ต่อไปถ้าราคามันตกเขาอาจจะขาดทุนได้

แต่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นแหล่งเก็บเงินที่ถูกตามรอยได้ยากที่สุดเท่าที่เขานึกออกในตอนนี้ ถึงแม้ต่อไปจะต้องขาดทุนแต่เขาก็คงต้องยอม

“สงสัยต้องหาเงินเพิ่ม จะหายังไงดีเนี่ย”

รอนค่อยๆคิด จะขายหอกให้กับเมืองกาล่าเหรอ

แต่จำนวนทหารของเมืองก็จำกัด งบประมาณเมืองก็จำกัด คงจะซื้อของจากเขามากๆไม่ได้

หรือจะขายให้กับพวกนักผจญภัยกับคนทั่วไป ก็ไม่เหมาะอีก เพราะอาวุธที่ทำจากเหล็กกล้าในโลกนี้เทียบเท่าอาวุธโอริค่อนในโลกนั้นซึ่งมีราคาสูง หากปล่อยออกไปมากๆจะกระทบต่อสมดุลราคาสินค้า กระทบอาชีพช่างอาวุธ แถมยังไปทำให้อาวุธของคนทั่วไปดีเทียบเท่าอาวุธของทหาร แบบนั้นคงไม่ดีแน่

รอนคิดไปเรื่อยๆแต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี

“รอน คิดอะไรอยู่เหรอ” แพทถาม “ตั้งแต่เมื่อกี้ที่เธอคุยกับพ่อเราแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าหรอก เราแค่อยากจะหาเงินเพิ่มเร็วๆเท่านั้น”

“เธอจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ ไม่ได้นะ ตอนนี้ใกล้เวลาจะสอบแข่งขันแล้ว พวกเราตั้งใจเรียนและเตรียมสอบก่อนดีกว่านะ”

“ได้ๆๆ” รอนรับคำอย่างโล่งใจที่แพทไม่ถามต่อว่าเขาจะหาเงินไปทำไมมากมาย

ทั้งสองอ่านเนื้อหาที่จะเรียนวันนี้ล่วงหน้าอย่างเงียบๆจนใกล้เวลาเคารพธงชาติจึงเก็บของแล้วลงไปข้างล่าง แล้วจึงสังเกตว่าที่หน้าประตูโรงเรียนมีคนมุงดูอะไรบางอย่างอยู่

“ไป ไป ทุกคนแยกย้ายกันก่อนอย่าเพิ่งมุง” ครูเทพร้องบอก “ตามรถพยาบาลเร็วเข้า”

ที่พื้นหน้าโรงเรียน ลุงยามนอนเลือดอาบ ที่ศีรษะมีรอยแตกและมีไม้ตกอยู่ท่อนนึง

“กล้องวงจรปิดล่ะ”

“กล้องวงจรปิดหน้าโรงเรียนโดนทุบไปเมื่อคืนนี้ยังไม่ทันซ่อมเลย”

“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกไหนกันมาตีลุงยาม”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นพวกคนขับรถบอกกันว่าคนที่มาเป็นนักเลงที่คุมพื้นที่แถวนี้ มันไล่ตีน้องม.1เข้ามาในโรงเรียน ลุงยามไปห้ามก็เลยเจอมันทุบ พวกนักเลงนั่นบอกว่ามันล้างแค้นแทนพวกที่เจอนักเรียนโรงเรียนเราไปทำร้ายพวกมัน”

“จะบ้าเหรอไง นักเรียนโรงเรียนเราเนี่ยนะจะไปมีเรื่องกับพวกนักเลงนั่น มันจำคนผิดหรือเปล่า”

รอนฟังนักเรียนคนอื่นๆคุยกันแล้วก็คิดได้แค่คำเดียว

ซวยแล้ว!

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

Score 10
Status: Completed
เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ ... มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset