LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 9.1: ค้างคืนและฟ้าผ่า

ตอนที่ 9.1: ค้างคืนและฟ้าผ่า

 

“….ค้างคืนเหรอ?์”

ไม่ใช่ผมโง่ที่ไม่เข้าใจความหมายคำนี้เลยถามนะ แต่คือเพื่อความชัวร์เลยขอคำยืนยันอีกที

(จะบอกว่ายุยขอร้องให้ผมค้างคืนที่บ้านเธอเหรอ ไม่หรอกมั้ง นิสัยเธอไม่น่าจะพูดแบบนั้นหรอก)

 

“เอ่อชายหญิงอายุพอๆกันค้างคืนนี่มันดูไม่ดีในสายตาคนอื่นหากรู้เรื่องนี้น่าจะพอทราบใช่มั้ยครับ”

“ม..ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย ชั้นไม่สนสายตาคนอื่น …ก็..ชั้นพึ่งพายูมะหลายเรื่องแต่ไม่เคยตอบแทนบุญคุณได้สักที  วันนี้มีโอกาสเลยอยากตอบแทนน่ะ”

“เคยบอกไปแล้วไม่ใช่รึครับว่าไม่ต้องใส่ใจเรื่องตอบแทนบุญคุณ”

“..ก..ก็ชั้นอยากทำนี่นา ชั้นไม่อยากเป็นฝ่ายรับอยู่ฝั่งเดียวเลยอยากทำอะไรสักอย่างตอบแทนให้ได้”

ยูมะพึ่งจะเคยเห็นยุยมีท่าทียืนกรานดื้อดึงแบบนี้ครั้งแรก

“ก็นะ..แต่ว่า..”

สมมติว่าค้างจริงแต่เขาจะอธิบายเนเน่ยังไงล่ะ ทว่าสักพัก ยูมะนึกออกว่า เมื่อเช้าเนเน่บอกว่า “วันนี้ไปทำงานนอกสถานที่ กลับพรุ่งนี้มืดเลย”

 

นั่นแปลว่า ต่อให้วันนี้ยูมะค้างบ้านยุย เนเน่ก็ไม่รู้เรื่องนี้

(…เฮ้ยไม่ดีมั้ง.. นั่นไม่ใช่ปัญหาซะหน่อย)

ยูมะรีบดึงสติตัวเอง แต่ดูจะต้านทานเหตุผลไม่ไหว

(ถามตัวเองว่าอยากค้างบ้านยุยมั้้ย ตอบเลยว่าใช่ เห็นท่าทีของยุยอ้อนวอนผมให้ค้างแล้วผมสงสาร…แต่ว่าไอ้การค้างคืนนี่มันเลเวลอัพข้ามขั้นตอนพุ่งพรวดเลยนะ”)

ยูมะมองยุยอีกรอบ เธอทำท่าสลดยินหงอยอยู่

“ย…ยุย?”

“ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจฝืนใจยูมะเลย”

“เอาน่า ไม่เป็นไรครับ  ผมดีใจกับคำพูดที่บอกว่าอยากตอบแทนครับ”

ยุยส่ายหัวกับคำพูดยูมะ

 

“ขอโทษนะ ที่ชั้นบอกอยากตอบแทนมันคือข้ออ้างน่ะ”

 “ข้ออ้าง?”

“อืม…จริงๆแล้ว…จริงๆแล้ว”

ยุยเอามือแตะอก กำเสื้อแน่น ตั้งมั่นแน่วหน้า เงยหน้ามองยูมะ

“ชั้น…อยากอยู่ด้วยกันกับ…ยูมะ…ให้นานกว่านี้”

***

 

(แล้วนี่กุหลุดปากตอบโอเคไปทำบ้าไรวะ)

สรุปตอนนี้ ยูมะตัดสินใจแล้วว่าจะค้างบ้านยุย

(งานหยาบ…งานหยาบของจริง ปกติอยู่ใกล้สาวที่ชอบก็ใจเต้นระรัวแล้ว แต่คราวนี้เข้ามาอยู่ในบ้านของสาวที่ชอบนี่มันข้ามขั้นเกินชัดๆ)

แต่ว่าให้ทำไงได้ล่ะ

 

ถ้าคุณเจอสาวที่ชอบบอกว่า “อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้” คุณคิดว่าจะมีผู้ชายสักคนในโลกกล้าปฏิเสธคำขอล่ะครับ นี่ยังไม่รวมพลังทำลายล้างจากคำพูดของเธอเล่นเอาใจละลาย

 

ตั้งสติไว้ก่อนลูก 

(เอาน่า มองโลกในแง่ความเป็นจริง ยังไงครอบครัวเธอก็ต้องอยู่บ้าน อย่างยุยคงไม่กล้าชวนให้มาค้างคืนในบ้านสองต่อสองหรอก)

“วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านนะ ท่านออกไปทำงานกว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เลย”

(บ๊ะแหล่ววววววววววว)

ยุยไปกินยากล้าหาญมาจากไหน ทำไมเธอถึงได้มั่นขนาดนี้ ยูมะรู้สึกตาลายคล้ายจะเป็นลม

“เพราะงั้นถึงจะเสียงดังไปบ้างก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”

……ก็รู้นะว่าที่ยุยพูดถึงเสียงดัง หมายถึงเล่นเกมเสียงดัง  เล่นเกมนะโว้ย เล่นเกม ยูมะพยายามท่องในหัวว่าเล่นเกม แต่สมองแล่นไปถึงเรื่องบนเตียงแทนซะงั้น

ยกโทษให้ผมด้วยเถอะคร้าบบที่คิดแบบนี้ แต่โดนผู้หญิงที่ชอบบอกว่า “พ่อกับแม่ไม่อยู่” นี่มันแฟล็กปักธงชัดๆ ใครจะไปห้ามความคิดไหว

 

ระหว่างที่ยูมะใจเต้น ทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในบ้านยุย

บ้านยุยดูสะอาดสะอ้านสวยงามบ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของเจ้าของ

ปกติเวลาที่ส่งยุยจะส่งแค่หน้าบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้านเธอ หัวใจยูมะเต้นรัวยิ่งกว่าตีกลอง

 

“รบกวนด้วยนะครับ”

“แหะแหะ ดีใจจังเลย เพิ่งเคยชวยเพื่อนมาเที่ยวบ้านเป็นครั้งแรก♥”

“……”

ผู้ชายคนแรกที่ยุยพามาเที่ยวบ้านงั้นเหรอ ยิ่งฟังยูมะยิ่งใจเต้นหนักกว่าเก่า

 

ทั้งสองคนเดินเข้าในห้องรับแขก

สายตายูมะกวาดมองรอบๆสำรวจเฟอนิเจอร์ พบว่าเป็นของหรูทั้งนั้น

“นั่งโซฟาได้เลยนะ..อ้อ เอาชาด้วยมั้ย”

“อ..อืม..รบกวนด้วยครับ”

ยูมะนั่งโซฟา หัวใจเต้นตุ้มต่อม หาเรื่องคุยระหว่างยุยไปเตรียมชา

“ครอบครัวยุยทำงานอะไรเหรอ”

“พ่อเป็นหมอแม่เป็นนางพยาบาลน่ะ”

“เห..เจ๋งเลยนี่นา”

“อืม”

ดูจากน้ำเสียง เธอคงสนิทกับครอบครัวดี

“อึ๊บ เอาน้ำมาเสิร์ฟจ้า”

ยุยยกขนมกับน้ำชา วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะนั่งลงข้างๆยูมะ

ยูมะรับถ้วยชาจากยุย ดื่มไปอึกหนึ่ง

อร่อยจัง ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องชาแต่สัมผัสรับรสได้ถึงความหรูได้เลย

 

“ชาอร่อยดีครับ”

“อืม แขกคนสำคัญมาเยี่ยมทั้งทีก็ต้องเสิร์ฟของที่ดีที่สุดให้สิ”

“เห ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้า”

หลังจากนั้น ยูมะเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทั้งสองคนทานขนมกับน้ำชาเงียบๆ

ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่บรรยากาศไม่ได้แย่ กลับกัน รู้สึกถึงความอบอุ่นหัวใจด้วยซ้ำ นี่สินะรสชาติของความสุข

แค่ได้นั่งมองยุยจิบชาพลางเคี้ยวขนมแค่นี้ก็รู้สึกถึงความรักที่เอ่อล้นจากข้างในแล้ว

หลังจากนั้นสักพัก ยุยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา

ยูมะเห็นก็รู้งานหยิบโทรศํพท์ขึ้นมาด้วย ทั้งสองคนเริ่มพิมพ์แชทหากัน

“ขอบคุณที่ตอบรับคำขอร้องชั้นนะ”

“ไม่หรอก ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ชวนมาค้างบ้าน”

“ก็ตามที่บอกว่าอยากตอบแทนบุญคุณ ยูมะมีอะไรที่อยากรีเควสเป็นพิเศษมั้ย”

“ยังจะตอบแทนให้ได้จริงเหรอ”

“ใช่ ความรู้สึกที่อยากตอบแทนยูมะให้ได้มันเป็นของจริงค่ะ เพราะซาบซึ้งในสิ่งที่ยูมะดูแลมาตลอดค่ะ”

“จะว่าไปทำไมจู่ๆดูพูดจาสุภาพล่ะ”

“ก็มันเขินเลยไม่กล้าคุยแบบเดิมไง”

ยุยพิมพ์แชทจบ ส่งยิ้มให้ยูมะ

เอาเหอะ ถ้าอยากตอบแทนขนาดนี้ คงต้องคิดจริงจังสักนิดละ แตามันยังคิดไม่ออกนี่สิ

“ตอนนี้ยังนึกเรื่องรีเควสเป็นพิเศษไม่ออกเลย”

“งั้นเหรอ ถ้างั้นชั้นขอเสนอตัว เป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ให้ยูมะรู้สึกดีใจ คิดว่าไง  ง่ายๆว่า ให้ชั้นเป็นเมดของยูมะก็ได้”

“..เมดเหรอ”

“ถูกต้องจ้า คิดซะว่าชั้นเป็นเมดที่ยูมะจ้างมาดูแลส่วนตัวเลย”

“พูดขนาดนั้นก็ไม่ปฏิเสธละ”

จะว่าไปการที่เธอบอกว่าเป็นเมด แปลว่าตอนนี้ยุยมองเราในฐานะผู้ชายนิดนึงละสินะ

(อ้ากกก เขินจนอยากจะตายตรงนี้เลย)

ระหว่างที่ยุมะยังหมกหมุ่นกับความคืดตัวเอง ยุยพิมพ์แชทหา

“ยูมะอยากจะใช้ชั้นเรื่องไหนก็เชิญตามสบายนะ”

ยุยยืนยันหนักแน่นซะขนาดนี้ ก็ตามนั้นแหละครับ

“รับทราบครับ วันนี้ก็ขอใช้บริการหน่อยนะครับ”

พออ่านแชทที่ยูมพิมพ์จบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเธอทันที น่ารักจริงๆ

ยุยสูดลมหายใจเข้า ดึงเสื้อยูมะเล็กน้อย 

“เอ่อ..คือว่า..สนใจไป…ห้องชั้นมั้ย”

“ห้องเธอเหรอ.. คือว่าชั้นเป็นผุ้ชาย เข้าห้องเธอไม่มีปัญหาอะไรแน่นะ”

“อ..อืม.ไม่มีปัญหาหรอก ไม่ต้องเกรงใจนะ”

ยุยพายูมะไปที่ชั้นสอง มาที่ห้องที่ป้ายเล็กๆติดว่า ห้องยุย

ตื่นเต้นชิบหายเลยว้อยย ในชีวิตเพิ่งจะเคยเข้าห้องหญิงอื่นเป็นครั้งแรก (ไม่นับเนเน่นะ)  ยิ่งเป็นห้องเด็กที่ชอบ ยิ่งลุ้นหนักเข้าไปใหญ่

ดูเหมือนว่าคนที่ตื่นเต้นจะไม่ใช่ยูมะคนเดียว ยุยเองก็ออกอาการไม่น้อยเหมือนกัน

“ช..เชิญค่ะ”

ยุยพูดจบ เปิดประตู ทั้งคู่เข้ามาในห้อง ยูมะสูดได้กลิ่นหอมสไตล์ห้องผู้หญิง เพียงแค่ได้กลิ่น ยูมะก็เริ่มใจเต้นแล้ว

จะว่าไป ห้องยุยนี่…ก็ต้องบอกว่าสมเป็นห้องยุยแหละ

ห้องแบ่งสเปซออกเป็นสองส่วนชัดเจน ส่วนหนึ่งคือเตียงนอน หัวเตียงกับข้างเตียงมีตุ๊กตาหมีเรียงราย สมเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ

 

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เป็นโต๊ะคอม มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ ด้านหน้ามีเก้าอี้เกมมิ่งตัวหรู ด้านข้างมีชั้นหนังสือมีมังงะกับไลท์โนเวลเรียงราย

เขร้ เธออ่านโจโจ้ล่าข้ามศตรวรรษแถมมีครบทุกเล่มด้วย จะมีผู้หญิงคนไหนในโลกมีการ์ตูนเรื่องนี้แบบเธอมั้ยฟะ

หลังเข้าห้องสักพัก ยุยกล่าว

“ตอนชั้นยังเด็ก ร่างกายอ่อนแอ  คุณพ่อกลัวชั้นเหงาเลยซื้อตุ๊กตาหมีให้ชั้นเยอะเลย”

“แต่ว่าที่เห็นนี่มีการ์ตูนผู้ชาย สไตล์เกมที่เล่นก็แนวผู้ชายชอบเล่นซธส่วนใหญ่ พ่อเธอไม่ว่าอะไรรึ”

“มันแปลกเหรอ”

“เปล่าซะหน่อย สมเป็นยุยต่างหาก”

“แหะแหะ ขอบคุณนะ”

“ขอดูชั้นหนังสือนิดหนึ่งนะ”

“อืม ตามสบายเลย”

พอได้รับคำอนุญาต ยูมะเดินไปค้นหนังสือ เป็นห้องที่จะว่าแปลกก็แปลกแหละ บนเตียงนี่ห้องผู้หญิงแน่ แต่บนโต๊ะเกมนี่ห้องผู้ชายชัดๆ

ยูมะดูหยังสืออยู่ โชคดีที่ยูมะกับยุยชอบอ่านการ์ตูน ความชอบที่ตรงกัน  ยูมะจึงสนใจหนังสือในชั้นพอสมควร

“เฮ้ เล่มนี้ดูน่าสนใจ เรื่องนี้สนุกมั้ย”

“สนุกนะ ถ้ายูมะสนใจจะยืมไปอ่านก็ได้นะ”

“แท้งกิ้ว เจอกันครั้งหน้าเดี๋ยวเอามาคืนนะ ครั้งหน้าเดี๋ยวชั้นเสนอการ์ตูนมันส์ๆมาแลกกันอ่านนะ”

พอคุยเรื่องงานอดิเรกสิ่งที่ชอบ ความตื่นเต้นของยูมะก็เริ่มหายไป

เมื่อคนสองคนที่มีความชอบใกล้เคียงกันอยู่ด้วยกัน บรรยากาศมันจะเริ่มเต็มไปด้วยความสนุกแบบนี้แหละ

 

“เน่ ยูมะ คิดเรื่องตอบแทน ออกรึยัง”

“โอ๊ะ โทษทีนะ”

“หือ มีเรื่องอะไรต้องขอโทษเหรอ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

จริงๆก็ไม่มีอะไรแหละ แค่ไม่เคยเห็นยุยที่นั่งบนเตียง กอดตุ๊กตาหมี ส่งสายตาถาม 

 

ถึงแม้ว่าตอนคุยเรื่องการ์ตูน จะให้ความรู้่สึกเหมือนผู้ชายคุยกัน แต่จริงๆแล้วนี่คือห้องผู้หญิง เห็นยุยกอดตุ๊กตาหมีบนเตียง ยิ่งยืนยันชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน

ห้องนี้คือห้องที่ยุยใช้นอนหรือทำธุระส่วนตัว  หรือใช้เปลี่ยนเสื้อ และตอนนี้ชั้นกำลังยืนอยู่ในห้องจริงๆไม่ได้ฝันซะด้วย

 

พอคิดแบบนี้ ยูมะกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่

ทางด้านยุยที่ยังคงทำหน้าสงสัยว่ายูะเป็นอะไรไป ก็ต้องขอบคุณความไร้เดียงสายุยที่นึกไม่ออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่บ้าง

“จะว่าไป ที่บอกว่าตอบแทน ตอนนี้ก็อยู่ห้องเธอแล้ว จะทำอะไรรึ”

ยูมะลองถามดู ยุยเจอคำถามยูมะแล้วหน้าแดงมีท่าทีขวยเขิน

  “คือว่านะ..ชั้นลองค้นคว้าข้อมูลดูก่อนหน้าเกี่ยวกับเรื่องความปรารถนาของเด็กผู้ชายหรือเรื่องที่ทำแล้วผู้ชายจะดีใจ ชั้นอยากจะทำเรื่องนั้นให้ยูมะ”

“……”

 ผู้หญิงที่หลงรักจะทำอะไรให้ผู้ชายดีใจ….มันก็เรื่องอย่างว่า…รึเปล่าวะ

ยูมะแอบลุ้นนิดๆแต่ก็เดาว่าเธอคงไม่ทำขนาดนั้นหรอก รอดูว่าเธอจะทำอะไรดีกว่า

“เอ่อ…ยูมะ..ขึ้นมาบนเตียงสิ”

“ห๊ะ..ขึ้นเตียง?”

“ชั้นคิดว่าอยากจะทำให้ยุมะรู้สึกดี..”

บ๊ะแหล่ว ยูมะตัวแข็งทื่อ ภาพในหัวนึกถึงความฝันเมื่อเช้า

“ไม่ดีมั้ง ไม่ดีมั้ง ไม่ดีแน่ๆ ถึงจะเป็นความปรารถนาของผู้ชายแต่เรื่องนี้มันยังไม่ควรนะ”

ความหมายที่เธอคิดกับที่ผมคิดมันต้องคนละเรื่องแน่ ชัวร์ เธอต้องเข้าใจผิด…มั้ง หรือจะทำจริงเหรอวะ

“ม..ไม่ดีตรงไหนเหรอ ชั้นอ่านในการ์ตูน เห็นแม่ตัวเอกทำให้พระเอกนะ”

“อย่าเอาสองมิติมาปะปนกับสามมิติสิโว้ย  จะว่าไปนี่นายไปอ่านการ์ตูนเรื่องอะไรมาฟะ”

“ไม่อยากให้ทำจริงๆเหรอ”

“ก็มันยังไม่ควรทำอะ เรื่องแบบนั้นมันต้องใช้เวลาทำความรู้จักกันอีกหน่อย…หือ โทษทีนะ ในมือเธอถืออะไรอยู่น่ะ”

“นี่เหรอ? ไม้แคะหูไง”

“ไม้แคะหู”

“อืม ใช่ ไม้แคะหู”

“แล้วถือไม้แคะหูมาทำไมล่ะ”

“ถือไม้แคะหูมาก็ต้องใช้แคะหูสิ หรือมันเอาไปใช้ทำอย่างอื่นได้เหรอ”

“….เชี่ยเอ้ยยยยยยยยย”

สรุปมีกูคนเดียวเลอะเทอะเข้าใจผิดไปเองสินะ โอ้ยย อายชิบหายเลยโว้ย ถ้ามีหลุมอยู่ตอนนี้จะโดดลงไปไม่โผล่หน้าให้ใครเห็นแน่

“เอ่อ..ยูมะ..ไม่ชอบแคะหูเหรอ ชั้นน่ะนะ นานๆทีแม่จะแคะหูให้ชั้น มันรู้สึกดีมากเลย ชั้นเลยอยากทำให้ยูมะบ้าง”

คำพูดยุยใสซื่อบริสุทธิ์มาก ไม่มีเจตนาร้ายใดๆยิ่งทำให้ยูมะคอตกรู้สึกผิดหนักกว่าเดิมอีก

“ยูมะ..เป็นอะไรรึเปล่า”

“เอ่ออ..อืม..งั้นแคะหูเลยก็ได้ครับ”

“อืม งั้นยูมะมานอนหนุนต้นขาชั้นนะ  เพิ่งจะเคยทำเรื่องแบบนี้ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นจัง”

ยูมะเดินหงอยๆ ไปนอนบนเตียง  ฟีลลิ่งหมดไฟผิดกับเมื่อครู่

 

ทว่าพอได้นอนจริงๆ ยูมะเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด

ไอ้การนอนแคะหูนี่มัน ทำแดเมจใส่ยูมะได้เยอะกว่าที่คิดซะงั้น

 

*****

จบ CH9-1

 

ใครอ่านแล้วเดาได้ว่ายุยทำอะไรได้บ้างเอ่ย ผมเดาไม่ได้นะ55 แต่ชอบตอนยูมะประสาทแดกคิดไปเองเพราะความซื่อไร้เดียงสาน้องยุยนี่แหละ

 

ตอนต่อไปจะเป็นไง รอลุ้นกันนะครับผม ว่าไปเรื่องนี้ก็แปลไป 88% ใกล้จบละ เดี๋ยวต้องโหวตถามผู้อ่านว่าอยากเอาเรื่องไหนมาแปลต่อดี ถ้าใครมีอะไรเสนอพิเศษ แจ้งได้นะครับ ขอไปงมก่อนว่าศัพท์ยากมั้ย ถ้ายากก็ยกธงขางนะครับ 55

 

 

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend

Score 10
Status: Completed
สมบัติอันล้ำค่าของมนุษย์คือเพื่อนสนิท หากมีความสุข เราจะสุข2เท่า หากมีความทุกข์ เราแชร์ความรู้สึกแย่นั้นให้เพื่อนฟังเพื่อระบายได้ สรุปง่ายๆ ขอแค่ชีวิตคุณมีเพื่อนแบบนี้สักคนก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว แล้วถ้าเพื่อนที่สุดยอดคนนั้น เป็นเพื่อนต่างเพศ เขาและเธอมีความรรู้สึกชอบกัน เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ***

Options

not work with dark mode
Reset