LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 1.1: บทนำ+ยูมะ กับ ชวาร์ส

ตอนที่ 1.1: บทนำ ยูมะ กับ ชวาร์ส

สมบัติอันล้ำค่าของมนุษย์คือเพื่อนสนิท 

หากมีความสุข เราจะสุข2เท่า หากมีความทุกข์ เราแชร์ความรู้สึกแย่นั้นให้เพื่อนฟังเพื่อระบายได้

สรุปง่ายๆ ขอแค่ชีวิตคุณมีเพื่อนแบบนี้สักคนก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

แล้วถ้าเพื่อนที่สุดยอดคนนั้น เป็นเพื่อนต่างเพศ เขาและเธอมีความรรู้สึกชอบกัน เรื่องราวจะเป็นเช่นไร

***

สุงิซากิ ยูมะ กับ เพื่อนสนิทของเขา คามิชิโร ยุย ทั้งสองคนเดินทางไปโรงเรียนด้วยกัน

ยุยมีสีผมสีขาวต่างจากคนอื่น เธอเดินตามหลังยูมะ ด้วยส่วนสุงของเธอที่ค่อนข้างเตี้ยกว่า เหมือนลูกหมาตัวน้อยกำลังเดินตามเจ้านาย สายตาของทั้งสองคนต่างมองไปคนละทาง

แต่ว่าเหตุผลที่คนภายนอกมองปราดเดียวก็รู้ว่า ทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะนั่นคือ มือของทั้งคู่กุมมือกันในลักษณะของคู่รักจูงมือเดินไปด้วยกัน

สีหน้าของยุยเต็มไปด้วยความเขินอาย หน้าเธอแดงก่ำไปถึงใบหู

ส่วนทางด้านยูมะก็หัวใจเต้นตึกตัก เสียงดังราวกับจะทะลุอก ในหน้าร้อนผ่าว เขินไม่แพ้กัน

“…ถ้าเธออาย ปล่อยมือก็ได้ครับ”

ยูมะยื่นข้อเสนอถาม ส่วนคำตอบที่ได้รับคือยุยส่ายศรีษะปฏิเสธ ภาษากายบอกชัดเจนคือ “ไม่อยากปล่อยมือเธอไป”  เธอกุมมือเขาแน่นกว่าเดิมเป็นคำตอบยืนยัน

ยุยเธอเข้าใจความรู้สึกตัวเองแล้วว่าเธอชอบยูมะในฐานะคนรัก แต่ว่าตัวยูมะเอง จะบอกว่า รักยุย ในฐานะคนรักด้วยกันมั้ย ถึงตอนนี้ยังบอกไม่ได้เต็มปากเต็มคำ 

ยุยเพิ่งจะมีเพื่อนต่างเพศเป็นครั้งแรกคือยูมะ

จะบอกว่า สกินชิฟจากการจับมือ การที่เธอบีบมือแน่นขึ้น นั่นเป็นการทำในฐานะเพื่อน   หรือ มันเกิดจากความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อน ยูมะก็ไม่กล้าฟันธงชัดเจน

แต่สิ่งที่ยูมะยืนยันได้แน่นอนคือ ยุยช่างน่ารักเหลือเกิน 

ยูมะกุมมือเธอคืนกลับแน่นกว่าเดิม พลางนึกถึงเรื่องราวที่ได้พบกับเธอครั้งแรกตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน 

 

ทั้งสองคนพบกับช่วงหยุดฤดูร้อนม.2

รู้จักกันผ่านทางเกมออนไลน์ชื่อดัง ระดับโลก แกรนด์เกท 

แกรนด์เกทเป็นเกมส์ mmorpg ผจญภัยต่างโลก ปรับแต่งตัวละครได้ตามใจชอบ

ยูมะเป็นผู้เล่นสายโซโล่เพลย์เยอร์ เล่นเอาชีพ นักดาบเวทย์

มีวันหนึ่ง ยูมะผจญภัย ขึ้นเรือล่องสำราญ โดนศัตรูเป็นมอนสเตอร์ขนาดยักษ์จู่โจมใส่ ศัตรูคือคราเคน เป็นมอนสเตอร์ระดับบอสที่ต้องใช้ผู้เล่นเลเวลสูง5คนรุมถึงจะเอาชนะได้

แต่ว่าบนเรือมีเพียง “ยูมะ” กับ  “ชวาร์สชไวน์” ผุ้เล่นอีกคนหนึ่งสายอาชีพอัศวินศักสิทธิ์เกราะใหญ่

เอาจริงๆเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะชนะด้วยคนเท่านี้

แต่ว่า..นี่เป็นครั้งแรกทื่ยูมะได้รู้ถึงความหมายคำว่า ลมหายใจสอดคล้องราวกับเป็นคนๆเดียวกัน

แรกๆพวกยูมะ ยังตั้งหลักไม่ติด เลยโดนบอสอัดใส่ แต่เมื่อการต่อสู้ผ่านไปเรื่อยๆ ชวาร์ส ที่เล่นสายซัพพอร์ต  ฮีลในจังหวะที่เหมาะสม โจมตีกายภาพในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่ผิดแน่ว่าชวาร์สเป็นผู้เล่นระดับสุดแกร่งคนหนึ่งในเกมนี้

ส่วนทางผมก็ไม่ใช่ระดับไก่กา การเล่นหรือเทคนิคก็ไม่ได้หมู

หลังจากต่อสู้ได้สักพัก ยูมะและชวาร์สคงรู้สึกได้ว่า “คนๆนี้เก่งและพึ่งพากันและกันได้”

พอรู้สึกแบบนี้ การประสานงาน และจังหวะของพวกยูมะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็สามารถล้มบอสได้ด้วยคนเพียงสองคน

หลังจากชนะ ยูมะกับชวาร์สก็ผจญภัยด้วยกันหลายครั้ง เลยเป็นเพื่อนกันในเกมและได้พูดคุยรวมถึงชีวิตจริงภายนอก  เลยได้รู้ว่า ชวาร์สเรียนม.2เท่ากัน   

ความบังเอิญที่วัยเดียวกัน และมีความชอบต่างๆไม่ว่าอนิเมะ หรือมังงะเหมือนกัน ทำให้ยูมะเกิดความรู้สึกว่า ถ้าได้เป็นเพื่อนกับคนๆนี้มันจะสนุกขนาดไหนนะ

**

หลังจากนั้นผ่านไป 1 ปีกับอีก8เดือน ทั้งสองคนจบม.ต้น ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม เหลือเวลาอีกสามสัปดาห์ ถึงจะเริ่มเข้าเรียนม.ปลายปี 1

***ช่วงคุยในเกมจะเป็นน้ำค่อนข้างเยอะเลยขอตัดออก แต่จะสรุปคร่าวๆว่า ปกติ ชวาร์สจะเป็นคนที่พิมพ์แชทตอบเก่ง พิมพ์ฺเร็วมาก ปกติถ้าเปิดออโต้บอท ก็จะใช้เวลานั้นมาคุยเรื่องส่วนตัวกัน วันนี้ทั้งสองคนคุยเรื่องอนิเมะแนะนำ

ชวาร์สจะชอบตัวละครแนวโลลิ ยูมะจะแปลกใจบอกว่าปกติคนต้องชอบตัวละครสาวๆอกตู้มสิ เลยโดนแซวกลับ 

 หลังจากนั้น ยูมะจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เกิดมา ชวาร์สมีร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ ช่วงประถมถึงม.ต้นเลยไม่ค่อยได้เข้าเรียน  แต่ตอนนี้คือรักษาหายดีระดับหนึ่งเลยคิดว่าช่วงม.ปลายจะไปเรียนได้ตามปกติ

“พูดตามตรงว่ากลัวการไปโรงเรียนนิดหน่อยนะ”

“แสดงว่าที่ผ่านมาเรียนด้วยตัวเองที่บ้านหรือโรงพยาบาลสินะ จะกลัวเรื่องไปโรงเรียนก็ไม่แปลกหรอกเพราะสิ่งแวดล้อมมันเปลียนด้วย”

“อืม เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมโดนแกล้งที่โรงเรียนด้วย”

**หมายเหตุจากผู้แปล(ชวาร์สตอนพิมพ์แชทกับยูมะจะแทนตัวเองด้วยสรรพนามว่าโบคุตลอด)

“มองจากภายนอก ผมจะมีจุดที่แตกต่างจากคนทั่วไป ผมเลยโดนคนแกล้งมาตลอด สุดท้ายผมเลยเป็นโรคสื่อสารกับคนทั่วไปไม่เก่ง”

**หมายเหตุจากผู้แปล ภาษาญี่ปุ่นในนิยายใช้คำเดียวกับโรคที่โคมิจากเรื่องโฉมงามพูดไม่เก่ง คือคำว่า Komyushou [コミュ症]

ถ้าใครไม่เคยดูเรื่องนี้ ให้คลิกลิ้งอ้างอิงที่นี่นะครับ เขาเขียนอธิบายเรื่องนี้ชัดเจนดี

ยูมะที่ได้ฟังคำตอบก็รู้สึกว่าเพื่อนมีอดีตที่แย่เลยอยากเป็นกำลังใจให้ 

“ถ้ามีอะไรที่ชั้นเป็นพลังให้นายได้ก็ดีสิ”

“ขอบคุณนะขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็พอ”

“มีเรื่องอะไรปรึกษาเราได้ตลอดนะ”

“เรื่องอะไรก็ได้เหรอ เอาจริงดิ อิอิ”

“โห นี่คนเค้าจริงจังนะเฟ้ย”

“โทษทีโทษที”

“จะว่าไปนายเรียนที่ไหนล่ะ”

คำถามนี้มันถามไปเรื่อยแหละท ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คำตอบที่ได้ทำเอาตะลึง

“อืม ผมเรียนที่โรงเรียนไซกะ”

ยูมะอุทานคำพูดออกมาในชีวิตจริงโดยไม่รู้ตัว 

“ชั้นก็เรียนที่ไซกะเหมือนกัน”

“เอ๋ จริงดิ?”

“แล้วนายพักอยู่แถวไหนล่ะ”

ตอนนนี้ยูมะรู้แล้วว่าชวาร์สต้องอยู่ในเมืองเดียวกับที่เขาอยู่แน่

“บังเอิญอะไรอย่างนี้ แค่ผจญภัยด้วยกันในเกมนี่ก็บังเอิญแล้ว นี่มาอยู่ในเมืองใกล้ๆกันอีก เราสองคนมีโชคชะตาผูกไว้แน่”

“ใช้คำว่าโชคชะตาผูกไว้เลยเหรอ อย่าบอกนะว่านายจะจีบผม”

“ตลกละ ตูไม่ได้มีงานอดิกเรกจีบผู้ชายนะเฟ้ย”

หลังจากยูมะส่งแชทนี้ปุ๊บ ปกติชวาร์สเป็นคนที่พิมพ์แชทตอบมาไวมาก แต่คราวนี้หายเงียบไปเป็นนาทีเลย

ยุมะใจคอไม่ดีเลยส่งแชทไป

“เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่า”

“อ้อ…งี้นี่เอง ผมยังไม่เคยบอกนายสินะ..” 

“บอกว่า…?”

แชทที่ยูมะส่ง ไร้การตอบกลับไปพักหนึ่งก่อนจะขึ้นคำว่า

“โทษที ไม่มีอะไรหรอก”

“อืม เข้าใจแล้ว”

ถ้าคุยกันแล้วอยู่ๆบรรยากาศเปลี่ยน ก็สู้ไม่ต้องถามจะดีกว่า สุดท้ายยูมะเลยเลือกจะเปลี่ยนหัวข้อ

“จะว่าไป นายบอกว่าเพิ่งเข้าเรียนแบบนี้ นายมีตัวช่วยแล้วยัง”

“ตัวช่วย?”

“อืม นายห่างหายจากการไปโรงเรียนมาซะนาน บางทีมันอาจมีเรื่องที่นายลำบากไม่รุ้จะทำยังไง บอกได้เดี๋ยวชั้นช่วย”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้”

“อย่าลืมสิว่านายกับชั้นเป็นเพื่อนกันนะ”

“แต่ว่าตัวผมในเน็ตกับชีวิตจริงมันต่างกันลิบลับ ผมสื่อสารกับคนอื่นไม่เก่ง อยู่ด้วยกันนายอาจจะเบื่อก็ได้”

“แบบนั้นยิ่งต้องอยู่ด้วยกันกับชั้น ถึงจะดี นายอยู่คนเดียวก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก เชื่อชั้นสิ เราเพื่อนกันนะ นายยิ่งเกรงใจชั้นยิ่งรู้สึกแย่นะเฟ้ย”

“ขอบคุณนะ จะว่าไปครั้งหน้าเดี๋ยวเราไปลุยเควสเอ้กตรีมด้วยกันมั้ย เห็นนายเคยบอก มีวัตถุดิบธาตุสายฟ้าที่อยากได้อยู่นี่นา”

  “เออ จัดไปเพื่อน”

ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้าในชีวิตจริง แต่ยูมะคิดว่าชวาร์สคือเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่ง ถ้าเพื่อนมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ตัวเขาอยากจะช่วยเต็มที่

“ยูมะ ผมมีเรื่องจะขอร้องอย่างหนึ่ง”

“เอ๊ะ”

“ก่อนจะเริ่มเรียนม.ปลาย ผมอยากเจอนายในชีวิตจริงสักครั้ง”

“โอเค ได้เลย”

“เอ่อ..เอาจริๆงนะ ที่ผมชวนนี่เค้นพลังความกล้าออกมาสุดชีวิตเลย”

“โห ชั้นกับนายเป็นเพื่อนกัน จะเกรงใจทำมะเขืออะไรครับ”

ยูมะส่งแชทนี้ไปปุ๊บ แชทตอบกลับหายวับไปเลย จนยูมะต้องส่งถามซ้ำ

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะ”

“กลัว?”

“ถ้าการพบกันในชีวิตจริงมันไม่เป็นไปตามที่คิด ยูมะเปลี่ยนนิสัยจากเดิม ผมคงช็อคจนทำอะไรไม่ถูกแน่”

“เมิงนี่น้า เชื่อเพื่อนกันบ้างดิวะ นี่พิมพ์เองยังรู้สึกระดาก แต่นายคือเพื่อนคนสำคัญอันดับหนึ่งของชั้น ชั้นไม่เปลี่ยนนิสัยกับอีเรื่องพรรค์นี้หรอก”

“ขอบคุณนะ ผมก็คิดว่ายูมะคือเพื่อนคนสำคัญอันดับหนึ่งเหมือนกัน”

ทั้งสองคนพิมพ์เองเขินเอง แต่ถามว่ารู้สึกแย่กับสิ่งที่พิมพ์มั้ย บอกเลยว่าไม่สักนิด

หลังจากนั้น ชวาร์สแชทต่อ

“ผมขอโทษด้วยที่ต้องพึ่งนาย คือผมอยากจะฝึกการสนทนากับคนอื่นจากปากตัวเองโดยตรง ปกติคนที่ผมคุยมีแค่พ่อแม่ หมอ กับครู ถ้ามียูมะมาช่วยผม ผมคงคุยกับคนอื่นได้ปกติ”

“คือนายอยากให้ชั้นเป็นคนช่วยรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งสินะ”

“ผมอยากหายจากโรคนี้ เพราะถ้าเป็นนักเรียนม.ปลายแต่ยังแก้โรคนี้ไม่ได้ การใช้ชีวิตในโรงเรียนคงลำบากน่าดู แล้วก็….”

“แล้วก็?”

“ผมอยากมีเพื่อน”

คำพูดคำเดียวแต่ซึ้งทะลุอก

“ตัวผมน่ะ ตอนแรกคิดว่าถึงใช้ชีวิตคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพอผมเป็นเพื่อนกับยูมะ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ผมสนุกมาก พอยูมะไม่อยุ่ ผมเหงาจริงๆ”

เอาจริงทางยูมะก็รู้สึกไม่ต่างกับชวาร์ส พอเลิกเล่นเกมก็ได้แต่นอนจ้องเพดานเบื่อๆ ตอนกลางวันสัยที่เรียนก็หนีไปกินข้าวบนดาดฟ้าคนเดียว กลับถึงบ้านปุ้บก็หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่เล่นเกมก็อ่าหนังสือ ชีวิตวนลูปอยู่แค่นี้ จนกระทั่งรู้จักกับชวาร์ส ชีวิตถึงมีสีสันขึ้นเยอะ ยูมะถึงอยากเป็นเพื่อนกับชวาร์สในชีวิตจริง

ยูมะแชทตอบกลับอย่างชัดเจน

“วางใจได้เลย”

จากนั้นแชทเสริมไปอีก

“ยืนยันเลยว่าต่อจากนี้นายจะไม่เดียวดาย ชั้นจะช่วยนายรักษาโรคสื่อสาร ชั้นจะทำให้นายได้ใช้ชีวิตม.ปลายที่ดีที่สุด คอยดูได้เลย”

“ทำไมยูมะพูดจาดูเท่จังเลยฟะ 55”

“หุบปากไปสาสส พูดเองเขินเองอยู่เนี่ย อย่าแซวมากได้ปะ”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยูมะตัดสินใจแล้วว่า ยังไงก็จะเป็นเพื่อนกับชวาร์สให้ได้

***

บ่ายวันนัดเจอกันในชีวิตจริง ยูมะรออยู่หน้าสถานีรถไฟ

“ไม่มารึเปล่านะ”

ยูมะมองซ้ายขวายังไม่พบคนที่มีท่าทีจะเป็นชวาร์สเจอ

ปกติตอนเล่นเกม ชวาร์สเป็นคนที่มาก่อนเวลานัดห้านาทีด้วยซ้ำ 

“หรือว่าหลงทาง?”

จะตัดความเป็นไปได้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ เพราะพื้นที่แถวนี้ก็คนพลุกพล่านระดับหนึ่ง

ผมลองกดโทรศัพท์หาชวาร์ส ปล่อยเสียงโทรศัพท์ดังตู้ดๆๆๆๆเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครรับสาย

“เป็นอะไรรึเปล่านะ อย่าบอกนะว่าหลงทางหรือเกิดอุบัติเหตุ”

ขณะที่ยูมะกำลังกังวลกับสถานการณื สายตาเหลือไปเห็นบางอย่าง 

“……?”

ตรงโน้นไกลๆข้างมุมตึก เหมือนผมเห็นใครแอบซ่อนตัวอยู่ คนๆนั้นใส่เสื้อพาร์ก้า(เสื้อแจ็คเก็ตคอกลมแบบมีฮู้ด) สวมฮู้ดปิดบังทำให้เห็นหน้าไม่ชัด แต่ท่าทีของเขาเหมือนดูโทรศัพท์อยู่

หันซ้ายขวาลังเล เดินไปสถานีตำรวจที่อยู่ข้างๆ ราวกับว่าโทรศัพท์นั้นเป็นของคนอื่น  จะเอาโทรศัพท์นี้ไปให้ตำรวจหาเจ้าของ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยื่นให้ เดินคอตก มองโทรศัพท์อีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนตัดสินใจกดรับสาย  นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ตู้ดๆผมดับพอดี ชัดเจนว่า คนสวมชุดพาร์ก้าเป็นชวาร์สแน่นอน

“ฮัลโล ตอนนี้นายอยู่ไหน”

“……..”

“หือ ไม่ได้ยินรึเปล่า ฮัลโล ได้ยินมั้ย”

“…อยู่..”

ดูเหมือนว่าฝั่งที่รับสายพยายามจะสื่อสารกลับ แต่ไม่รู้จะตอบกลับยังไง  ทางยูมะก็ตัดสินใจเดินไปยังที่คนสวมชุดพาร์ก้า

“”คนสวมฮุ้ดที่อยู่ตรงข้างๆสถานีรถไฟคือนายใช่มั้ย”

ยูมะได้ยินเสียงสูดหายใจเข้า เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นคนสวมชุดพาร์ก้ามีปฏิกริยาสูดลมหายใจเหมือนกัน

“โห อุตส่าบอกไปแล้วว่าจะรอตรงหอนาฬิกา นายลืมรึไงฟะ”

ยูมะคุยโทรศํพท์ส่งเสียง พลางโบกมือหาคนสวมชุดพาร์ก้า  ในที่สุดคนสวมชุดพาร์ก้าก็เห็นยูมะ สบตากัน  หลังจากนั้นฅ”

“ข..ขอโทษ..”

เสียงจากสายกล่าวขอโทษลอยเข้าหุ

หลังจากนั้นคนสวมชุดพาร์ก้า ไม่สิ ชวาร์สตัดสินใจวิ่งหนี

“ไม่ไหว ว่าแล้วเชียว ไม่ไหวจริงด้วย”

ยูมะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์เข้าหู

ไม่ไหว? คือรู้แหละจากแชทว่าเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ แต่เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงยิ่งปล่อยให้หนีไม่ได้ ถ้าปล่อยให้หนีไป เกรงว่าอนาคตอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก

ยูมะคิดว่ายังไงก็ต้องตามให้ทัน และถ้าเจอหน้าเมื่อไร จะบอกเขาว่า “ไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น” พร้อมส่งยิ้มให้

ยูมะออกวิ่งไปทั้งที่ยังถือโทรศัพท์แนบหุ

“ชวาร์สรอเดี๋ยวก่อน”

“……แฮ่ก…..แฮ่ก”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่สิ นี่มันเสียงหายใจหอบจนตอบกลับไม่ไหวต่างหาก

ชวาร์สวิ่งหนีไปยังซอกตึกที่คนไม่นิยมเดิน

ดูเหมือนว่าพลังกายของชวาร์สจะถึงขีดสุด ฝีเท้าเริ่มชะลอทีละหน่อย

“ชวาร์สสส”

ชวาร์สได้ยินเสียง หันกลับมาแว่ยหนึ่งก่อนจะวิ่งหนีต่อ แต่ดูเหมือนพลังกายจะหมดแล้ว สปีดเลยตกฮวบฮาบ เข่าสั่นขาสั่น

“บอกให้รอก่อนไง นึกยังไงถึงหนีล่ะ”

ยูมะวิ่งตามมาทัน คว้ากอดเขาจากด้านหลังแน่นเพื่อไม่ให้หนีไปได้ แต่ว่าความรู้สึกที่ส่งผ่านมือมันนุ่มแปลกๆ

คือได้ยินมาว่าร่างกายอ่อนแอก็จริง แต่สัมผัสที่นุ่มนิ่มเกินคาดจากมือนี่ มันไม่ใช่ละ อย่าบอกนะว่า..

“แง”

มือขวาของยูมะที่จับโดนอะไรสักอย่างนุ่มๆ  ตำแหน่งที่มือยูมะโดนคือหน้าอกของชวาร์ส

“……ห๊ะ”

“!!”ไม่น้า …อย่า..จับนะ… ปล่อยชั้นเถอะ…”

ชวาร์สเอ่ยเสียงสูงสั่นเครือ

เสียงชวาร์สถ้าเทียบกับผู้ชายทั่วไปตอนฟังผ่านโทรศัพท์ ต้องบอกว่าสูงกว่าปกติ

แต่ว่าพอฟังโดยตรงจากหูตัวเอง เสียงชวาร์สน่ารักมาก และโทนเสียงแบบนี้มันชัดเจน..

“เอ้อ..เอ๊ะ..คือว่า..นายคือชวาร์สใช่มั้ย”

ชวาร์สพยักหน้าทั้งที่ยังโดนกอดอยู่

“งั้นเหรอ.. ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แล้วก็..ชวาร์ส..นาย…ไม่สิ..เธอ..เป็นผู้หญิงสินะ”

ชวาร์สพยักหน้ารับ

“..แล้วก็ตะกี้ที่มือผมไปโดนคือหน้าอกเธอใช่มั้ย”

“……”

ไม่มีเสียงตอบรับ เด้ดแอร์ไปพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเล็กน้อย

***

จบ CH1-1 ครับ 

ถือว่าหาอะไรอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอโอโทนาริละกันนะครับผม 

 

 

ใครสนใจอ่านล่วงหน้า เรียนเชิญได้ที่เพจนะครับ  ตอนนี้มีกิจกรรมแจกลูกเพจ อ่านนิยายแล้วได้เงินนะครับ

 

อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend

Score 10
Status: Completed
สมบัติอันล้ำค่าของมนุษย์คือเพื่อนสนิท หากมีความสุข เราจะสุข2เท่า หากมีความทุกข์ เราแชร์ความรู้สึกแย่นั้นให้เพื่อนฟังเพื่อระบายได้ สรุปง่ายๆ ขอแค่ชีวิตคุณมีเพื่อนแบบนี้สักคนก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว แล้วถ้าเพื่อนที่สุดยอดคนนั้น เป็นเพื่อนต่างเพศ เขาและเธอมีความรรู้สึกชอบกัน เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ***

Options

not work with dark mode
Reset