I Never Run Out Of Mana 95. อีเว้น 100+500

ตอนที่ 95. อีเว้น 100 500

I Never Run Out Of Mana

 

 

พอร์ทัลเลเวล 30 ในชางวอน ชอยโซฮยอนยืนขวางทางจุงโฮพร้อมกับยิงเวทย์เป้าเดียวออกไปเป็นจํานวนมาก

 

เธอถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร ในด้านของประสบการณ์จํานวนมากที่เธอมีต่อดันเจี้ยน

 

นั่นคือเหตุผลที่เธอรู้ว่าจะไม่มีมอนเตอร์จํานวนมากที่ออกมาจากพอร์ทัลเลเวล 30.

 

อย่างไรก็ตาม มอนเตอร์ไม่ได้ออกมาพร้อมกันทั้งหมด

 

แต่พวกมันออกมาที่ละกลุ่มเป็นช่วงๆ

 

เธอสามารถเข้าใจได้เกี่ยวพอร์ทัลที่ไม่ควรจะเข้าไปอย่างประมาท แถมมันยังอันตรายเกินไปที่จะทําเช่นนั้น

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมแทนที่เธอจะใช้สกิลAoEที่ใช้มานาเยอะๆกลับไปใช้สกิลเป๋าเดียวที่ใช้มานาน้อยกว่า เมื่อถึงเวลาพอควรแล้วและมอนเตอร์ก็มารวมกันเยอะ เธอจะใช้สกิล AoE ที่ทรงพลังเพื่อปิดฉากมัน

 

จุงโฮรู้ดีเกี่ยวกับสกิลที่เธอใช้ เพราะมันเป็นหนึ่งในเวทย์นับพันๆที่อยู่ในแหวนบัลล็อคที่เขาสวมใส่

 

ขณะนี้มีมอนเตอร์ประมาณ 10 ตัวอยู่นอกพอร์ทัลและแต่ละตัวถูกโจมตีจากเวทย์เอ็กโพชั่นที่เธอร่าย

 

เปลวไฟที่รุนแรงจากเวทย์เป้าเดียวนี้จะไม่ดับลงจนกว่าเป้าหมายจะถูกทําลายจนตาย ไม่อย่างนั้นมันจะสร้างความเสียหายตลอดเวลา

 

ยิ่งไปกว่านั้น โซฮยอนใช้เทเลพอตเพื่อเข้าไปใจกลางฝูง มอนเตอร์ก่อนที่จะร่าย[Frozen Spear]เพื่อพยายามหยุดการเคลื่อนไหวของมัน

 

แท่งน้ําแข็งพุ่งออกไปเป็นวงกว้างรอบๆผู้ร่ายเวทย์

 

เปลวไฟที่รุนแรงแผดเผาที่หน้าอกของพวกมันขณะที่หอกน้ําแข็งพุ่งทะลุร่างของพวกมันทําให้พวกมันเดินช้าลงเล็กน้อยขณะที่ตามไล่ล่าเธอ

 

“เดาว่าพวกแรงค์เกอร์เหล่านี้ได้มันต้องเพราะเหตุผลแบบนี้แน่ๆ

จุงโฮจ้องไปที่การต่อสู้อย่างเหม่อลอยจากความประหลาดใจที่เธอสร้างความเสียหายได้มากที่สุดขณะที่ใช้มานาออกไปเพียงน้อยนิด มันเป็นมืออาชีพจริงๆไม่นาน.

 

จากน้ําเสียงรําคาญ ชอยโซฮยอนที่กําลังต่อสู้กับมอนเตอร์ได้ตะโกนใส่เขา

 

“คุณจะยืนอยู่เฉยๆอีกนานไหม??”

 

“จ๊ะ อ้าา! โทษที!”

 

“อย่างน้อยๆก็ดึงดูดให้พวกมันมารวมๆกันสักหน่อย!”

 

นี่ ใช่เลย.

 

มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอนั้นได้เครียร์ดันเจี้ยนเลเวล 28 ด้วยตัวเอง แต่พอร์ทัลในปัจจุบันที่พวกเขาเผชิญอยู่นั้นเป็นเลเวล 30.

 

มันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอที่จะเผชิญหน้ากับพอร์ทัลนี้เพียงคนเดียว

 

จุงโฮตอบด้วยน้ําเสียงเรียบเฉยแบบคนสไตล์พังค์

 

“นั่นหมายความว่าคุณต้องการให้ผมช่วย?”

 

“นี่ยังต้องถามอีกหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”

 

ใบหน้าสวยๆของเธอเต็มไปด้วยการดูถูกขณะที่เธอยังคงมุ่ยปากบ่น

 

แม้ว่าจะมีศักดิ์ศรีที่ออกปากขอเขาแล้วจะเหลือไม่เยอะ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจ

 

จุงโฮไม่ได้คิดที่จะเห็นการแสดงน่ารักๆแบบนี้

 

ความสามารถพิเศษที่เธอมีเมื่อร่ายเวทย์ใส่มอนเตอร์นั้นไม่เคยพบได้ที่ไหน

 

“เร็วๆ!”

 

เธอพูดเบาๆกับตัวเองอย่างเงียบๆที่มีเพียงแค่เธอที่ได้ยินเกี่ยวกับวิธีการที่เธอขอร้องเขาก่อนหน้านี้ จุงโฮวิ่งไปด้านหน้าและตอบกลับเสียงดัง

 

“จะไปแล้ว!”

 

-วูซซซซซ!

 

จุงโฮจับแขนโซฮยอนและเหวี่ยงเธอออกไปอย่างไกล

 

เขาใช้ค่าพลังความแข็งแกร่ง(STR)ของเขาเพื่อโยนเธอออกไป

 

เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่อยู่ในระยะของเวทย์ เพราะมันไม่ใช่เวทย์ที่เจาะจงเป้าหมาย

 

ดวงตาของเธอเบิกกว้างจากการกระทําของจุงโฮก่อนหน้านี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกว้างกว่าเก่า

 

ทันใดนั้นเธอก็ตกลงบนก้อนหินอย่างปลอดภัย

 

เธอลอยห่างออกไปกว่า 20 เมตร

 

เธอพูดด้วยสีหน้าตกใจ

 

“ย้าา! นายกําลังทําอะไร!”

 

“รอแป๊ป”

 

โซฮยอนไม่สามารถพูดต่อไปได้หลังจากสิ่งที่เธอเห็นต่อไป

นี้

 

จุงโฮที่เธอคิดว่าเดิมที่เขาเป็นวอริเออร์ก็ได้ร่าย[Fire Shock]ต่อหน้าต่อตาของเธอ

 

เธอยังสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเวทย์นั้นแข็งแกร่งกว่า[Fire Shockของเธอ

 

ทั้งขนาดและปริมาณของไฟที่ตกลงมามันมีมากกว่าและแม้แต่รูปแบบของไฟก็ไม่อาจคาดเดาได้

 

มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่เธอเคยใช้มาจนถึงตอนนี้

 

มอนเตอร์ที่รวมกันเพราะเธอถูกปกคลุมไปด้วย[Fire Shock]ที่จุงโฮร่ายออกมา

 

ความเสียหายขนาดใหญ่ทําให้มอนเตอร์กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและไม่อาจโจมตีกลับได้

 

สกิลในแหวนที่มินชยอลเก็บไว้ยังมีคูลดาวน์

 

มันเป็นไปตามการเติบโตของผู้ที่จะเก็บทักษะไว้ในแหวน

 

[Fire Shock]มีคูลดาวน์สามนาทีและมอนเตอร์ก็ยังไม่ตายทั้งหมด

 

เมื่อเขาคิดถึงสกิลอะไรต่อ จุงโฮก็พูดกับตัวเองโดยไม่ใส่ใจ.

 

“ถ้าใช้เมเทโอมันจะตายในการโจมตีครั้งเดียว แต่ฉันคิดว่ารัศมีของมันจะใหญ่เกินไปที่จะใช้ตอนนี้ ไม่มีอย่างอื่นเหมาะสมอีกแล้วหรือ?”

 

เมื่อได้ยินคําพูดคนเดียวจากระยะไกล เธอก็ทําได้เพียงตกใจ.

 

ในขณะที่[Fire Shock]ยังคงทํางานอยู่ จุงโฮก็ตัดสินใจเลือก[lceberg]

 

มอนเตอร์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว

 

ถ้าหากเขาร่าย[Iceberg]ไปที่มอนเตอร์สองครั้ง มันจะมีมอนเตอร์สองถึงสามพันตัวที่จะตาย.

 

แน่นอนว่าไม่มีการรอระยะเวลาในการร่ายเวทย์ของ[lceberg]มอนเตอร์แต่ละตัวต่างก็แตกสลายออกไป

 

-แกรัก!

 

“มันเป็นไปไม่ได้ ?

 

“หืม? คุณพูดอะไรนะ? เสียงมันดังเกินไปจนไม่ได้ยินที่คุณพูด.”

 

“[Fire Shock]. [Iceberg]. ทั้งขนาดและความเสียหายของเวทย์ที่คุณร่ายฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย…”

 

“หืม?”

 

มอนเตอร์ติดอยู่ใน[iceberg]และถูกทําลายจนกลายเป็นชิ้นๆอยู่ตามพื้น

 

เมื่อเสียงที่เกิดจากการแตกร้าวของน้ําแข็งหยุดลงและบรรยากาศสงบลง จุงโฮก็ใช้เทเลพอตเพื่อพาโซฮยอนจากไปทันที

 

“คุณพูดอะไร?”

 

“คุณไม่ได้พูดอะไรงั้นหรอ? หรือว่าผมได้ยินผิด…”

 

“อะ… [Iceberg]…”

 

“ใช่. [Iceberg]! [Iceberg]ทําไม?”

 

“คะ..คุณ. อเวคมัน?”

 

“ผมคิดว่านะ?”

 

เธอมีทั้งเวทย์[Meteor Ca]และ[Iceberg]

 

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าเวทย์เหล่านี้สามารถเพิ่มเลเวล ได้และอเวคมันได้จนถึงจุดที่ว่ามันไม่มีคูลดาวน์และไม่ต้องรอระยะเวลาเพื่อร่าย มันเป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ํา

 

ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์เหล่านี้ใช้มานาเป็นจํานวนมาก

แต่ชายคนนี้กําลังใช้[Iceberg]ออกมารัวๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

โซฮยอนทําได้เพียงจ้องหน้าจุงโฮอย่างโง่งม.

 

ตอนนั้นเอง

 

มีบางอย่างเริ่มลอยเหลือซากมอนเตอร์ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

มันไม่ใช่อะไรนอกจากของที่ดรอปจากมอนเตอร์

 

แต่มันก็มีบางอย่างที่ดูไม่เป็นรูปเป็นร่างและมีบางอย่างที่คล้ายกับไฟวิญญาณสีฟ้า

 

มันสามารถเทียบได้กับ[oni fre] (oni fre-ดวงวิญญาณ ของแบบญี่ปุ่น)

 

[oni fre]กว่าสิบดวงลอยขึ้นตรงกับจํานวนของมอนเตอร์,

 

เปลวไฟเหล่านี้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างของชอยโซฮยอนอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นอย่างนั้น จึงโฮก็ถาม.

 

“นั่นอะไร?”

 

แหม?”

 

“ที่คุณดูดซับไป.”

 

“มะ.มานา…”

 

“หืมม? คุณดูดซับมานาหลังจากที่ฆ่ามอนเตอร์? ว้าว… คุณก็มีความสามารถโกงๆเหมือนกันนี่นา มันน่าซึ่งเป็นอย่างมากๆ

 

“ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าพึ่งพอๆกับคนที่ร่าย[iceberg]ที่อเวคมาแล้วลงมารัวๆ?”

 

“อ่า.

 

ใช้เวลาไม่นานก่อนที่พอร์ทัลเลเวล 30 จะหาย และเปลี่ยนเป็นดันเจี้ยน

 

พวกเขาสองคนยับยั้งพอร์ทัลด้วยกัน

 

มันเป็นไปได้ที่จุงโฮจะเป็นคนทําคนเดียว แต่ด้วยความเข้าใจในสกิลและประสบการณ์การต่อสู้ของโซฮยอนทําให้สามารถพูดได้ว่ามันกลายเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ.

 

มองไปที่เขา เธอพูด

 

“ฉันคิดว่ามันจบแล้ว”

 

“ใช่ ขอบคุณที่ทํางานหนัก”

 

“นี่คือสิ่งที่ฉันอยากรู้ตั้งแต่ต้น ฉันไม่เคยเห็นใครร่ายเวทย์ที่อเวคแล้วออกมารัวๆหรือเคยได้ยินมาก่อน คุณมีความสามารถแบบไหน?”

 

“นี่นี้ไม่ใช่เพราะผม ผมยืมเขามา อย่างที่คุณรู้ ผมมีคลาสเป็นวอริเออร์”

 

จุงโฮฉีกยิ้มเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ละเอียดละอ่อน

 

เธอไม่ได้ถามกดดันต่อไป แต่กลับถามคําถามอื่นแทน

 

“ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะไปต่อไหม อย่างไรก็ตามคุณจะไปที่ไหนต่อ?”

 

“อืมม..ผมคิดว่าผมต้องติดต่อกับพี่ชายและน้องชายก่อน คุณจะไปป้องกันพอร์ทัลอื่นอีกหรือ?”

 

“ดี ฉันเดาว่าคุณกําลังไปหาคนที่มีเวทย์ต่อสู้กับมอนเตอร์นั่นใช่ไหม?”

 

“อย่างนั้นก็รอแปป ผมจะบอกอีกที

 

จุงโฮโทรหาโฮจิน.

 

มันคือการหาสถานที่ต่อไปเนื่องจากโฮจินอยู่กับผู้บัญชาการที่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ดีหลังจากที่พอร์ทัลระเบิด

 

-กริ้งงงงง

 

-กริ้งงงงง กริ้งงงงง

 

“หืมม.. พวกเขาคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดละมั้ง?”

 

ในขณะที่ผมกําลังจะวางสาย โฮจินก็กดรับพอดี

 

“คุณปลอดภัยดี ใช่ไหม?”

 

หลังจากที่รอสายมานาน โฮจินก็แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของจุงโฮ.

 

หลังจากที่ได้ฟังคําถาม จุงโฮตอบ.

 

“แน่นอน ฮยองก็ปลอดภัยดีใช่ไหม?”

 

“ใช่ เราจัดการพอร์ทัลได้แล้ว”

 

“ขอบคุณที่ทํางานหนักที่นี่ก็เหมือนกัน”

 

“ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น ไม่มีการติดต่อจากคุณมินชยอลเลย?

 

“ใช่ ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย”

 

“ใช่ เนื่องจากมีสองพอร์ทัล เพราะงั้นเขาอาจจะยุ่งมาก”

“นั่นก็ช่วยไม่ได้ คุณช่วยบอกตําแหน่งต่อไปที่มีมอนเตอร์ที่แพ้เวทย์มนต์หน่อย?”

 

“โอ้…รอแป๊ปนะ”

 

สักพักเขาก็ได้ยินโฮจินพูดกับใครบางคน.

 

โฮจินใช้เวลาไม่นานในการพูดต่อ

 

“จากสิ่งที่ฉันรู้ มอนเตอร์ที่แพ้เวทย์มนต์คือพอร์ทัลเลเวล 34 ที่ยางพย็อง อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันเป็นพอร์ทัลเลเวลสูง ฉันคิดว่าน่าจะดีกว่าที่เธอจะรอคุณมินชยอลจะเสร็จธุระ ทางสมาคมไม่สามารถกองหนุนไปสถานที่นั้นๆได้เช่นกัน ดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นพื้นที่ปิด ฉันเดาว่ามันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะไปที่นั้นตอนนี้”

 

“หืมม.เข้าใจแล้ว ฮยอง ผมจะติดต่อมินชยอลแปป.”

 

“ได้ ดูแลตัวเองด้วย ติดต่อฉันทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น.”

 

“ครับ! ฮยองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ!”

 

เมื่อวางสายและหันไปรอบๆ เขาก็เห็นชอยโซฮยอนกําลังคุยกับใครบางคน

 

น่าจะเป็นหาข้อมูลจากเหล่าอเวคที่เธอรู้กําลังติดตามสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

จุงโฮก็โทรหามินชยอล

 

-ตรู้ดดด

 

-ตรู้ดดด

 

“ครับ พี่!”

 

“หืม? เสร็จแล้วหรอ?”

 

“ไม่ ผมยังอยู่กลางทาง.”

 

“นี่มันอันตรายนะ โทรมาหาฉันหลังจากที่นายเสร็จแล้ว”

 

“ได้.

 

-แฮ่กๆ

 

เขาสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจของมินชยอล.

 

แต่ก็มีเสียงแปลกๆที่กําลังกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังเข้ามา

 

อีก.

 

มันฟังดูเหมือนกับเป็นเสียงร้องของมนุษย์

 

“อ้าาา!”

 

“ ช. ช. ช่วยด้วย!”

 

“แ… แอ๊ก!”

 

“เฮ้ย! มินชยอล นั่นเสียงอะไรอะ? ฉันคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสําคัญกว่าของฉันนะ?”

 

“อ่า ไม่มีอะไรมาก มอนเตอร์บางตัวก็แสดงราวกับว่ามันเป็นมนุษย์

 

“งะงั้นหรอ? นั้นเป็นเรื่องแปลกจริงๆ จนกว่าทุกอย่างจะได้รับการจัดการ อย่าลดการระวังตัวนะ ระวังตัวด้วย!”

 

“ไม่ต้องกังวลไป ชางวอนจัดการเสร็จแล้ว?”

“อ้ากกก!”

 

“แค่ก… แอ๊ฟ”

 

“ พูดตรงๆมอนเตอร์เหล่านั้นค่อนข้างส่งเสียงดัง ใช่ ผมกําลังจะไปที่พอร์ทัลเลเวล 34 ที่ยางพย็อง”

 

“อ่า เข้าใจแล้ว มันอันตรายมากหากไปโดยไม่ระวังตัว ผมจะจัดการที่นี่เสร็จแล้วและจะมุ่งหน้าไปที่นั่น”

 

“ได้เลย

 

-ตรู้ดดด

 

เขาวางสายและหันมาพูดกับเธอ

 

“ดูเหมือนว่าพอร์ทัลเลเวล 34 ในยางพยองจะแพ้ทางเวทย์มนต์ เธอจะมาด้วยไหม?”

 

“คุณจะใช้[วาป]?” (TLะวาปกับเทเลพอตคือคนละอันกันนะ เพื่อจะลืม)

“ไม่ ผมใช้มันเพื่อมาที่นี่ ดังนั้นยังเหลือคูลดาวน์อีกมากว่าจะใช้ได้อีกครั้ง”

 

“ฉันก็เหมือนกัน ไปด้วยกันเถอะ”

 

“OK”

 

“หุ้นจ้าน ลุ้นจ้านจริงๆ!”

 

มอนเตอร์มากมายมาถึงชายหาดและกําลังพุ่งเข้ามา

 

ยิ่งไปกว่านั้นลูกน้องของฝ่ายหัวรุนแรงก็มาเช่นกัน

 

โดยไม่รอให้ผมได้พักแม้สักนิด ผมก็ร่ายเวทย์ออกไปไม่หยุด

 

ชิ้นส่วนของมอนเตอร์หลายประเภทกระจายจากการระเบิดครั้งใหญ่

 

พลังทําลายที่เพียงพอที่จะทําลายทุกอย่างในรัศมี 3 เมตร โดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ

 

พื้นที่ที่พวกมันระเบิดได้กลายเป็นหลุมราวกับโดนลูกระเบิดตกลงตรงนั้น

 

เนื่องจากมันระเบิดพวกเขา ลูกน้องของดาร์กเลดี้ก็ตายไปเช่นกัน

 

เมื่อดูภาพเหล่านี้ ผมไม่อาจระงับความโกรธของผมได้

 

“ไม่! ไอ้โง่! นั่นมันสถานะของฉัน…หยุดจัดการพวกมันอย่างโลภมากและออกไปให้พ้นสายตาของฉัน!”

 

“ตูมมมม!

 

Options

not work with dark mode
Reset