Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 336

ตอนที่ 336

บทที่ 336
เทคนนิคลับนิกายต้นกำเนิดดาบ

 

 

โถงใหญ่นิกายวารีคราม…

 

โอหยางเหวินเทียนรออยู่ที่นั่นแล้ว

 

เมื่อโอหยางเหวินเทียนเห็นหลี่ฟู่เฉินเดินเข้ามา เขาโยนม้วนหยกให้หลี่ฟู่เฉินทันทีและกล่าวว่า “นี่คือคัมภีร์หยกทักษะต่อสู้แบบใช้ครั้งเดียว มันเป็นข้อมูลเทคนิคลับนิกายต้นกำเนิดดาบ จงจำไว้ เทคนิคลับนิกายต้นกำเนิดดาบก็คือเทคนิคที่กำหนดให้เป็นความลับสูงสุดของนิกายวารีครามเรา มีไม่ถึง 20 คนที่ได้ฝึกฝนมัน ดังนั้นแล้ว จึงห้ามมอบสิ่งนี้ให้กับผู้ใด และเจ้าต้องให้สัตย์สาบานกับเต๋าแห่งการต่อสู้”

 

คำสาบานที่ถูกสาบานกับเต๋าแห่งการต่อสู้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์และเป็นคำสาบานเกี่ยวกับเต๋าของนักสู้นั้นๆ ในอนาคต

 

ใครที่ละเมิดคำสาบาน จะต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องตลอดความก้าวหน้าในเต๋าแห่งการต่อสู้ในอนาคตของเขา ไม่นานนัก มันก็ค่อยๆ มีคนเริ่มเชื่อมากขึ้น

 

คำสาบานแห่งเต๋าการต่อสู้มีอีกชื่อว่า คำสาบานหัวใจปีศาจ

 

ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสาบานเต๋าการต่อสู้จะเกิดการพัฒนาหัวใจปีศาจขึ้น และมันก็เป็นหัวใจปีศาจนี่เองที่จะขัดขวางความก้าวหน้าของนักสู้

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

หลี่ฟู่เฉินชูสามนิ้วด้วยมือขวาและท่องคำสาบาน

 

หลังจากที่ออกจากห้องโถงใหญ่นิกายวารีคราม หลี่ฟู่เฉินกลับไปที่เขาของตนเองทันทีและเตรียมพร้อมตั้งสมาธิอย่างเต็มที่ในการศึกษาเทคนิคลับนิกายต้นกำเนิดดาบ

 

สามวันต่อมา…

 

‘นิกายต้นกำเนิดดาบนั้นยอดเยี่ยมยิ่ง จริงๆ แล้วมันกลับสามารถช่วยให้ทะเลพลังฉีในตันเถียนผลิตดาบต้นกำเนิดชีวิตซึ่งสามารถใช้เก็บดาบพลังฉีไว้ได้’

 

ลมรุนแรงพัดทั่วยอดเขา

 

หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ท่ามกลางสายลม ในขณะที่เสื้อผ้าของเขากระพืออย่างรุนแรง

 

หายใจเข้าลึก หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานนิกายต้นกำเนิดดาบทันที

 

สภาวะพลังฉีที่แหลมคมซึ่งมันสามารถทำให้ลมที่รุนแรงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมี 100 ก้าวก็กลายเป็นเขตที่ไร้ซึ่งสายลมใดๆ

 

ในขณะเดียวกัน ดาบพลังฉีก็ลอยอยู่รอบๆ บริเวณโดยรอบของหลี่ฟู่เฉิน เพียงแค่มองคร่าวๆ มันก็มีดาบพลังมากกว่าหนึ่งร้อยเล่มแล้ว

 

การผลิตดาบต้นกำเนิดชีวิตในตันเถียนใช้พลังฉีจำนวนมากทั้งยังแทบจะไม่เพียงพอกับการหลงเหลือพลังฉีไว้ให้ตัวเอง หลี่ฟู่เฉินสามารถผลิตและเก็บนิกายต้นกำเนิดดาบไว้ได้ 100 เล่มส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากหินวิญญาณระดับต่ำ

 

“ไป!”

 

ด้วยการสั่งจากจิตสำนึก ดาบพลังฉีกว่าร้อยเล่มก็ถูกยิงไปที่ก้อนหินยักษ์ในอีกด้านหนึ่ง

 

ปิส ปิส ปิส ปิส…

 

หินก้อนยักษ์ถูกเจาะเป็นรังผึ้งก่อนที่มันจะระเบิดออกเป็นผุยผง

 

‘ทรงพลังอะไรเช่นนี้’ คิ้วของหลี่ฟู่เฉินยกขึ้น

 

นิกายต้นกำเนิดดาบทุกเล่มมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ด้อยกว่าการโจมตีแบบสุดกำลังของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 1 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันอาจดูธรรมดา แต่เมื่อนิกายต้นกำเนิดดาบกว่า 100 ร้อยเล่มอยู่รวมกัน พลังของมันก็ไปถึงระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์แล้ว

 

และนี่ก็เป็นเพียงนิกายต้นกำเนิดดาบหนึ่งร้อยเล่มเท่านั้น หากมีหลายร้อย หลายพัน หรือแม้แต่กระทั้งหลายหมื่นเล่ม มันจะทรงพลังขนาดไหน?

 

ดื่มด่ำลงไปในจิตสำนึก หลี่ฟู่เฉินมองดูตันเถียนของตัวเอง

 

ในตันเถียนของเขา มีลูกกลมสีแดงเพลิงขนาดยักษ์ตั้งไว้อยู่ มันเหมือนกับดวงอาทิตย์สีแดงสด มันคือพลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉิน และข้างๆ ก็มีดาบสีขาวเล่มเล็ก

 

ดาบสีขาวขนาดเล็กนี้คือดาบต้นกำเนิดชีวิต

 

ยิ่งดาบต้นกำเนิดชีวิตแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ จำนวนที่จะสามารถจัดเก็บนิกายต้นกำเนิดได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น สำหรับตอนนี้ ดาบต้นกำเนิดชีวิตของหลี่ฟู่เฉินสามารถเก็บดาบพลังฉีได้เพียงร้อยเล่มและเขาได้ใช้ไปก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้ว

 

นำหินวิญญาณระดับต่ำออกมา หลี่ฟู่เฉินเริ่มดูดซับพลังวิญญาณภายในหินและถ่ายพลังลงในดาบต้นกำเนิดชีวิตของเขา

 

นอกเหนือจากการจัดเก็บพลังฉีนิกายต้นกำเนิดดาบแล้ว ดาบต้นกำเนิดชีวิตยังสามารถควบแน่นดาบพลังฉีและทำให้ดาบพลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

 

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงดาบพลังฉี 100 เล่มก็ถูกสร้างขึ้น

 

‘ดาบพลังฉี 100เล่มใช้เวลาสองชั่วโมงเพื่อรวบรวมมันให้ครบ 1,000 เล่มจะใช้เวลายี่สิบชั่วโมง ซึ่งนั้นก็นับว่าเกือบวัน 10,000 เล่มต้องใช้เวลาสิบวัน นี่อาจเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงของนิกายต้นกกำเนิดดาบ!’

 

นิกายต้นกำเนิดนั้นทรงพลังมากและเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดเทคนิคลับระดับ 5 ดาวในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แต่ข้อบกพร่องของมันก็ใหญ่มากเช่นกัน เมื่อใช้ดาบพลังฉีหมดแล้ว ผู้ฝึกฝนจะต้องใช้เวลาอย่างมากในการสร้างดาบพลังฉีขั้นมาใหม่ ไม่เหมือนกับเทคนิคลับอื่นๆ ที่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ตลอดเวลา

 

หลังจากที่ดาบพลังฉีถูกเติมเต็มแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็เปิดใช้งานนิกายต้นกำเนิดดาบอีกครั้ง

 

“ไป!”

 

ดาบพลังฉีหนึ่งร้อยเล่มปรากฏขึ้น

 

คิดในใจาหลี่ฟู่เฉินเริ่มทำการรวมดาบพลังฉีเข้าด้วยกัน

 

ด้วยความคิดของหลี่ฟู่เฉิน ดาบพลังฉี 100 เล่มกลายเป็นดาบขนาดยักษ์ ที่กำลังแทงไปยังก้อนหินยักษ์อีกก้อน

 

บูม!

 

ก้อนหินยักษ์ระเบิดและมันก็ถูกทำลายละเอียดยิ่งกว่าเดิม

 

‘อย่างที่คาดไว้ เมื่อรวมนิกายต้นกำเนิดดาบเข้ากับการรับรู้ของเขา มันก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม’

 

ดาบพลังฉีที่กระจัดกระจายนั้นยังไงท้ายที่สุดมันก็อ่อนแอกว่าดาบพลังฉีที่นำมารวมกัน เมื่อตอนที่นำดาบพลังฉี 100 มารวมกัน พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า

 

นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงแค่ดาบพลังฉี 100 เล่มเท่านั้น หากหลี่ฟู่เฉินสามารถรวบรวมดาบพลังฉีได้ 1000 เล่ม พลังของมันก็อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงแค่สองเท่าแต่อย่างใด

 

‘มาดูกันว่ามันสามารถซ้อนทับกับเทคนิคลับบทดาบไร้สมบรูณ์ได้หรือไม่’

 

หลังจากดูดซับพลังฉีวิญญาณ ดาบต้นกำเนิดชีวิตก็เต็มไปด้วยดาบพลังฉีอีกครั้งหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง

 

ครั้งนี้ หลี่ฟู่เฉินใช้บทดาบทองแดงใส่ดาบพลังฉีก่อนที่จะนำมันออกจากร่างกายของเขา

 

ติ๋ง!

 

เสียงดาบที่ชัดเจนดังขึ้น

 

สภาพแวดล้อมใกล้หลี่ฟู่เฉิน ดาบพลังฉีทองแดง 100 เล่มลอยอยู่รอบตัวของเขา ดาบพลังฉีทุกๆ เล่มเป็นเหมือนกับดาบทองแดงที่มีอยู่จริง พวกมันทั้งหมดดูสมจริงเป็นอย่างยิ่ง

 

“รวม!”

 

หลังจากรวมนิกานต้นกำเนิดดาบทองแดง 100 เล่มเข้าด้วยกันแล้ว มันก็กลายเป็นดาบทองแดงขนาดยักษ์และพุ่งออกไป

 

ปิสสส!

 

ก้อนหินยักษ์ซึ่งเป็นแร่ระดับลึกลับขั้นสูงสูดกลับระเบิดออกทันที

 

ไม่เพียงแต่เท่านั้น ดาบทองแดงเหล่านั้นยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยและไม่ได้หายไป ในขณะที่มันยังคงมีพลังโจมตีที่ทรงพลังแฝงไว้อยู่เช่นเดิม

 

ซึ่งหมายความว่าหลังจากซ้อนทับด้วยเทคนิคลับบทดาบไร้สมบรูณ์ นิกายต้นกำเนิดดาบของหลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่จะทรงพลังขึ้น แต่มันยังมีพลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ระยะเวลาในการคงสภาพของมันเองก็นานขึ้นเช่นกัน

 

หลังจากฝึกฝนไปได้หนึ่งสัปดาห์ ดาบต้นกำเนิดชีวิตของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าและตอนนี้มันก็สามารถเก็บดาบพลังฉีได้ถึง 500 เล่มแล้ว

 

การฝึกฝนนิกายต้นกำเนิดดาบ และการดูแลดาบต้นกำเนิดชีวิตทำให้เกิดความต้องการอย่างสูงสำหรับจิตวิญญาณของผู้ที่ฝึกฝน นักสู้ขอบเขตสวรรค์ทั่วไปจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ มีเพียงนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงเท่านั้นที่ยังพอเข้าเกณฑ์ระดับต่ำของความต้องการได้

 

จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินโดยธรรมชาติแล้วย่อมทรงพลัง และทุกคนก็เห็นมันแล้วระหว่างการแข่งขันการจัดอันดับดารา

 

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม โอหยางเหวินเทียนถึงมอบนิกายต้นกำเนิดดาบให้หลี่ฟู่เฉินล่วงหน้า

 

หากโอหยางเหวินเทียนรู้ถึงความคืบหน้าของหลี่ฟู่เฉิน เขาก็น่าจะต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เลี้ยงดูดาบต้นกำเนิดชีวิต จนกระทั้งเก็บดาบพลังฉีได้ 500 เล่มในเวลาเพียงสิบวัน มันนับเป็นความก้าวหน้าที่น่าตกใจ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่โอหยางเหวินเทียนฝึกฝนนิกายต้นกำเนิดดาบ เขาใช้เวลาสามเดือนในการดูแลดาบต้นกำเนิดชีวิตของเขาจนกว่าจะอยู่ในระดับนี้ได้

 

***

 

ในสนามรบ การต่อสู้ครั้งที่สามยังคงดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานาน มีนักสู้ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์จำนวนมหาศาลที่เสียชีวิตในทุกวินาทีและทุกช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดหลายคนที่ล้มลงไป

 

ร้อยนิกายไม่สามารถถอนตัวได้อีกแล้ว เมื่อพวกเขาถอนตัวออกไป ผลที่ตามมาคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้

 

สิบภูมิภาคปีศาจเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะถอนตัวออกไป เนื่องจากพวกเขากุมความได้เปรียบและไม่มีเหตุผลที่จะถอนตัว

 

บางที ร้อยนิกายเองก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของการต่อสู้ครั้งที่สามนี้ และพวกเขาก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ นักสู้ชราบางคนที่อยู่อย่างสันโดษมาหลายปีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการปรากฏตัวและมีส่วนร่วมเป็นส่วนนึงของความแข็งแกร่งของพวกเขา

 

นอกจากนี้ด้วยรูปแบบการต่อสู้ร่วมกันที่เป็นเอกลักษณ์ของนิกายต่างๆ พวกเขาจึงยังสามารถต้านทานสิบภูมิภาคปีศาจไว้ได้อยู่

 

ในสนามรบที่ไร้ขอบเขตนี้ จ้าวหวูจินกำลังเข้าสังหารอย่างบ้าคลั่ง

 

ความแข็งแกร่งของจ้าวหวูจินนั้นแข็งแกร่งกว่าที่หลี่ฟู่เฉินจินตนาการไว้มาก

 

จ้าวหวูจินอาจเป็นเพียงโครงกระดูกระดับ 4 ดาว แต่เขาเคยเผชิญหน้ากับโชคชะตามากมายมาก่อน และเขาได้ฝึกฝนเทคนิควารีครามแท้จริงไปจนถึงขั้นที่ 19 ได้เมื่อนานมาแล้ว ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังเขาเองก็เข้าใจเจตจำนงดาบวารีคราม ด้วยการมีนิกายต้นกำเนิดดาบเข้าไปเสริม ก็แทบจะไม่มีใครที่อยู่ใต้กว่าขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดสู้เขาได้

 

ไม่ผิดเลยที่จะถือว่าเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของขอบเขตสวรรค์

 

เมื่อมองไปทั่วสนามรบ ห่างออกไปหนึ่งพันไมล์ ในเงามืดของภูเขา มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายของความหายนะออกมา ทุกครั้งที่มันเดิน ก็จะมีภูเขาบางจุดที่พังทลายลงมา

 

มันคือคชสารกระชากผา ซึ่งเป็นผู้ปกครองภูมิภาคดินแดนพันปีศาจ

 

จ้าวหวูจินมีสีหน้าโหยหา ในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง ‘ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดในชีวิตนี้ได้หรือไม่’

 

ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในชีวิตนี้คือการเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด

 

ต่ำกว่าขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด อายุขัยของคนเราจะไม่มีทางเกิน 150 ปี ในความเป็นจริงแล้ว มันก็ดีมากแล้วหากมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 100 ปี

 

การฝึกฝนทักษะต่อสู้คือกระบวนการดึงศักยภาพ และยิ่งใช้มีศักยภาพแฝงเร้นมากเท่าไหร่ อายุขัยก็ยิ่งน้อยลง จริงๆ แล้วนักฃสู้ทั่วไปที่ไม่ได้พลังฝึกฝนสูงซักเท่าไหร่มักจะมีชีวิตยืนยาว

 

แต่เมื่อพลังฝึกฝนของคนๆ หนึ่งมาถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด อายุขัยของผู้ฝึกตนอย่างน้อยๆ ก็จะอายุ 200 ปีขึ้นไป ซึ่งอายุขัยมันก็มากกว่าเดิมถึงสองเท่า

 

อายุเพิ่มขึ้นสองเท่า แนวคิดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? จ้าวหวูจินเองก็นึกไม่ออกเช่นกัน

 

“ฆ่า!”

 

ห่างออกไปไม่ไกล ปีศาจระดับ 4 กำลังไล่ล่าสังหาร

 

ปีศาจระดับ 4 มีพลังต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ มันอาจไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่มันก็ยังแข็งแกร่งกว่าจ้าวหวูจิน และยังสามารถสังหารสัตว์ปีศาจระดับ 4 ขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย

 

จ้าวหวูจินรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ดังนั้น เขาจึงถอยกับอย่างรวดเร็ว

 

เขาเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง

 

ในสนามรบ ปีศาจมีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด ในขณะที่มนุษย์และสัตว์ปีศาจเองก็แข็งแกร่งเช่นกันแต่ยังอยู่คนละระดับ

 

มีเพียงสัตว์ปีศาจที่กลายพันธุ์บางตัวเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับปีศาจได้

 

***

 

นิกายวารีคราม…

 

หลังจากฝึกฝนไปได้สองเดือน ดาบต้นกำเนิดชีวิตของหลี่ฟู่เฉินก็เติบโตขึ้นมากจนสามารถเก็บดาบได้ถึง 3000 เล่ม และทำให้อยู่ในขั้นสมบรูณ์ย่อยได้แล้ว

 

สำหรับนิกายต้นกำเนิดดาบ ความสามารถในการจัดเก็บดาบพลังฉี 1,000 เล่มจะเป็นอันดับเริ่มต้น 3,000 เล่มเป็นขั้นสมบรูณ์ย่อย ในขณะที่เก็บดาบพลังฉีได้ 10,000 เล่มจะเป็นระดับสมบูรณ์

 

“ถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปยังสนามรบแล้ว” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเป็นประกายด้วยเจตจำนงต่อสู้

 

ในช่วงสองเดือนนี้ พื้นที่หลักที่สี่ของแคว้นวารีครามอยู่ในสถานการณ์ปกติและไม่มีลัทธิปีศาจโผล่มาแต่อย่างใด ซึ่งมันก็ทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกโล่งใจ

 

พลังงานของเขามีขีดจำกัด มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจัดการทุกอย่าง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างปัจจุบันนี้ เขาต้องการไปในสนามรบมากกว่าสิ่งใดและมีส่วนร่วมในการใช้ความแข็งแกร่งของเขาเอง เขาไม่ต้องการอยู่ในแคว้นวารีครามและคอยจัดการกับกองกำลังเต๋าปีศาจอยู่ร่ำไป

 

คำขอในการไปสนามรบของหลี่ฟู่เฉิน ท้ายที่สุดก็ได้รับการอนุมัติจากโอหยางเหวินเทียน

 

ในวันเดียวกัน เขาขี่นกยักษ์เคียวสยอง และเดินทางออกจากแคว้นวารีคราม พุ่งตรงไปยังหกแคว้น

 

หันหน้าไปทางหกแคว้น ทั้งสี่แคว้นถูกร้อยนิกายอาศัยอยู่ชั่วคราว

 

ในวันนี้ หลี่ฟู่เฉินมาถึงป้อมรักษาการณ์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นเขตภูเขารกร้าง

 

ในเมืองภูผาดำของเขตภูเขารกร้าง…

 

เมืองนี้ได้รับความเสียหายจากการทำลายล้างของปีศาจและได้กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว หลังจากที่ร้อยนิกายมาถึง พวกเขาก็ยึดครองเมืองนี้

 

ดังนั้น ในเมืองนี้จึงไม่มีนักสู้ธรรมดาแม้แต่คนเดียว แม้แต่กระทั้งผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพี ขณะเดียวกันนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเองก็มีอยู่หลายร้อยคน

 

“หลี่ฟู่เฉิน” บนถนนของเมืองภูผาดำมีเสียงเรียกหลี่ฟู่เฉิน

 

หลี่ฟู่เฉินมองไปยังทิศทางของเสียง

 

มันคือเถิงฉิงหยุน

 

เมืองภูผาดำมีผู้เชี่ยวชาญจากนิกายมากกว่ายี่สิบคนประจำการอยู่ที่นี่ ในหมู่พวกเขา มีอยู่สองฝ่าย นั้นคือนิกายวายุเหมันต์และหุบเขานิรันดร์

 

ด้วยสายตาของหลี่ฟู่เฉิน โดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมสามารถเห็นได้ว่าเถิงฉิงหยุนมาถึงจุดสูงสุดของระดับที่ 2 ขอบเขตสวรรค์แล้ว เถิงฉิงหยุนได้สั่งสมประสบการณ์มากมาย และหลี่ฟู่เฉินเชื่อว่าความแข็งแกร่งของเถิงฉิงหยุนไม่ได้ง่ายเหมือนที่แสดงออกมาเป็นแน่

 

“เถิงฉิงหยุน” หลี่ฟู่เจินยิ้มตอบ

 

เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเถิงฉิงหยุน แต่ก็ไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ เช่นกัน

 

“ไปรายงานตัวกันเถอะ!” เถิงฉิงหยุนแนะนำ

 

ก่อนเข้าร่วมสนามรบ พวกเขาจำเป็นต้องรายงานตัวก่อน หลังจากทั้งหมดแล้ว วินัยก็เป็นข้อดีสองสามประการสุดท้ายของร้อยนิกาย หากพวกเขาจะโถมกันเข้ามาในสนามรบ ร้อยนิกายจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชยิ่งกว่า

 

“แน่นอน” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งคู่ก็มาถึงที่พำนักของเจ้าเมืองภูผาดำ

 

ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการและเป็นที่รับคำสั่งของหน่วยงานระดับสูงอย่างนิกายวายุเหมันต์และหุบเขานิรันดร์

 

การมาถึงของหลี่ฟู่เฉินและเถิงฉิงหยุนไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหน่วยงานระดับบนของศูนย์บัญชาการ สือตูเหล่ย ฉีเหิง และอัจฉริยะคนอื่นๆ ได้เข้าร่วมสนามรบแล้ว มันก็เนื่องจากทั้งสองได้ก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์แล้ว พวกเขาคงไม่สามารถรั้งตัวเองได้อีกต่อไป แต่คนระดับบนค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นว่าหลี่ฟู่เฉินก้าวไปสู่ระดับที่ 4 ของขอบเขตสวรรค์

 

“ผู้อาวุโสหวัง ทั้งสองคนจะเข้าร่วมทีมของท่าน!”

 

คนระดับบนๆ คนหนึ่งพูดกับผู้อาวุโส

 

ผู้อาวุโสหวังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหนึ่ง และพลังฝึกฝนของเขาก็อยู่ในขอบเขตสวรรค์ขั้นสูงุด ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความดีใจหรือเสียใจ

 

พวกเขาสองคนอาจจะเป็นอัจฉริยะ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ในปัจจุบันของพวกเขามี จำกัด และมันก็ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะเข้าร่วมในการต่อสู้หรือไม่

 

 

ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ INdyNovel

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset