Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 286

ตอนที่ 286

บทที่ 286

ความแตกต่างของพลังบ่มเพาะ

 

ชูมู่หยูไม่ได้กล่าวความเห็นของเธอ เธอพูดถึงหลี่ฟู่เฉินต่อหน้าเถิงฉิงหยุนมาก่อนหน้านี้และไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับหลี่ฟู่เฉินมากนัก

สิ่งที่เถิงฉิงหยุนรู้เกี่ยวกับหลี่ฟู่เฉินอาจจะเหมือนกับคนอื่นๆ เขารู้เพียงแค่ว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นคนแรกที่เข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ดและเป็นคนแรกที่ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับหมายเลข 1 ในฐานะศิษย์ส่วนตัว

 

แน่นอนว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับที่หลี่ฟู่เฉินมีโครงกระดูกแค่ระดับ 1 ดาวด้วยเช่นกัน

 

โครงกระดูก 1 ดาว

 

แม้แต่กระทั้งชูมู่หยูก็ไม่คาดคิดงว่าหลี่ฟู่เฉินที่ยอดเยี่ยมผู้นั้นจะมีโครงกระดูกแค่ระดับ 1 ดาว

 

สิ่งนี้ได้ทำลายความรู้ความเข้าใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัยและยังทำให้เกิดความสงสัยมากมาย

 

ในสายตาของทุกคน หลี่ฟู่เฉินระดับ 1 ดาวถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ใช่อัจฉริยะชั้นยอด

 

สำหรับอัจฉริยะชั้นยอด จะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในอนาคต ขณะที่อนาคตของหลี่ฟู่เฉินยังคงดูมืดมัว เขาอาจเป็นเพียงแค่ดอกไม้บานกลางคืนที่มีช่วงเวลาชีวิตสั้นแสนสั้น

 

“เถิงฉิงหยุน ในที่สุดเจ้าก็มา” ฉีเหิงยกย่องเถิงฉิงหยุนค่อนข้างมาก ในเมื่อเขาเป็นอันดับที่ห้าในการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ ในแง่ของความสามารถ เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าฉิเหิงมากนัก

 

เถิงฉิงหยุนสำรวจฉีเหิง “ดูเหมือนว่าการป้องกันของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น”

 

สภาวะพลังฉีของฉีเหิงนั้นแปลกประหลาดมาก เขาให้ความรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเป็นอาวุธ ปลดปล่อยพลังฉีที่ดูราวกับโลหะหนักสึกไม่รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ใดๆ

 

ฉีเหิงยิ้ม เผยให้ฟันที่สะอาดเรียบร้อยและดูน่าหวาดกลัว “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าเข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับดารา ข้าหวังไว้แต่ว่าข้าจะมีความสุขกับตัวเองอย่างเต็มที่” หากเขาต้องการ ฉีเหิงน่าจะสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว

 

มีเหตุผลสามประการที่ทำให้เขายับยั้งตัวเอง

 

ประการแรก เขาต้องการได้รับโชคชะตาดาราให้มากกว่านี้

 

โชคชะตาของดาราคือการดำรงอยู่ที่อยู่แค่ในจินตนาการเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อว่าด้วยการสนับสนุนของโชคชะตาดารา อนาคตของพวกเขาจะราบรื่นขึ้นมาก

 

ประการที่สอง ก็คือการได้รับพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ให้มากกว่านี้

 

ประการที่สาม คือข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง

 

มีข่าวลือว่าการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ร่างของบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้อาจเป็นบุคคลที่จะกระตุ้นสามัญสำนึกทั้งหมดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกในอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือ มังกรที่แท้จริงจะปรากฏตัวในการแข่งขันจัดอันดับดาราในปีนี้ และจะเป็นผู้กำหนดทวีปยูนิคอร์นตะวันออกไว้ทั้งหมด

 

มีบางสิ่งที่เราควรเชื่อแม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ตาม ดังนั้นฉีเหิงจึงเลือกที่จะเชื่อ

 

เถิงฉิงหยุนยิ้มจางๆ และไม่กล่าวอะไร

 

เขารู้เกี่ยวกับข่าวลือของการแข่งขันการจัดอันดับดาราครั้งนี้ และในความคิดของเขาสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องโกหกที่สร้างขึ้น

 

มังกรที่แท้จริงที่กำหนดทั่วทั้งทวีปยูนิคอร์นตะวันออก?

 

นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน มันไม่มีใครสามารถเป็นหนึ่งในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกได้

 

หากใครต้องการกำหนดทั้งทั่วทวีปยูนิคอร์นตะวันออก พวกเขาต้องมีความสามารถที่แน่นอน หากมันแข็งแกร่งขึ้นแค่หนึ่งระดับ นั้นมันนับว่าเปล่าประโยชน์ อย่างน้อยๆ มันต้องแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปถึงหนึ่งขอบเขต

 

ยกตัวอย่างเช่นทวีปยูนิคอร์นตะวันออก หากมีใครซักคนสามารถก้าวขึ้นไปถึงขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณได้ เช่นนั้นแล้วบุคคลนั้นก็จะสามารถปกครองทวีปยูนิคอร์นตะวันออกได้ และคงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขา

 

แต่นับตั้งแต่เวลาที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นหายไป มันก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกอีกต่อไป

 

มันอาจจะมีปรากฏขึ้นอีก แต่ผู้คนก็จะไม่มีทางทราบสาเหตุที่พวกเขาหายไปตัวอีกครั้ง

 

“ดูนั้น มันคือนิกายดาบมังกรฟ้า และนิกายดาบเลิศสวรรค์”

 

“นิกายเต๋าแห่งดาบที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้มาพร้อมกัน มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญอย่างจริงๆ”

 

เกิดความวุ่นวายอีกครั้งบนพื้นกว้าง

 

มีเกือบร้อยนิกายในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แต่มีนิกายเต๋าแห่งมากกว่าหนึ่งโหลเล็กน้อย และมีเพียงสองนิกายเต๋าแห่งดาบที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งนั้นก็คือนิกายดาบมังกรฟ้าและนิกายดาบเลิศสวรรค์

 

นิกายดาบมังกรฟ้ามีหนึ่งในหกนายน้อย นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่

 

นิกายดาบเลิศสวรรค์เองก็มีหนึ่งในหกนายน้อย นายน้อยดาบทยาน หลั่วเฟ่ยหยุน

 

ในระหว่างการแข่งขันการจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ จื่อหยูเย่อยู่ในอันดับที่ 28 ขณะที่หลั่วเฟ่ยหยุนอยู่ในอันดับที่ 11

 

เมื่อสัตว์วิญญาณล่อนลงมา จื่อหยูเย่และหลั่วเฟ่ยหยุนก็ลงมาเช่นกัน

 

แต่เดิมนักดาบมีออร่าที่ผิดธรรมดาอยู่แล้ว แต่ทั้งสองคนเป็นนักดาบที่เป็นอัจฉริยะ ดังนั้นกลิ่นอายของพวกเขาจึงเกินกว่าปกติไปมากนัก ไม่มีใครสามารถมองข้ามพวกเขาได้แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม พวกเขาให้ความรู้สึกถึงดวงดาวที่สุกสว่าง ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่คอยกดทับผู้อื่น ส่งผลทำให้ผู้อื่นต้องสูญเสียความสุกสว่างในตนเองไป

 

นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ มีคิ้วตั้งตรงสม่ำเสมอและมีดวงตาที่คล้ายกับหมู่ดาว ทำให้ขับให้อ่อร่าที่เขามีโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

 

หลังจากมองไปที่ฉีเหิงและเถิงฉิงหยุนอย่างไม่เป็นทางการ จื่อหยูเย่ก็ถอนสายตา

 

ในสายตาของเขา มีเพียงฉีเหิงและเถิงฉิงหยุนเท่านั้นที่ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ในขณะที่คนอื่นๆ มากสุดก็เป็นได้แค่คู่ต่อสู้ที่ต้องระวังก็แค่นั้น

 

หลั่วเฟ่ยหยุนไม่ได้มีรูปร่างและหน้าตาที่ด้อยกว่าเลย เมื่อเทียบกับจื่อหยูเย่ เขาผู้ที่สวมชุดสีขาว ดูแล้วราวกับว่าเขาเป็นก้อนเมฆเมื่อตอนที่เขาเคลื่อนไหวไปรอบๆ เขาเหมือนลอยไปรอบๆ โดยที่ไม่มีน้ำหนัก และจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าทักษะการหลบหลีกของเขาจะต้องไปถึงระดับที่น่ากลัวแล้วแน่นอน

 

ข้างหลี่ฟู่เฉิน ฟานเฉียนสงอธิบายอย่างละเอียด “เจ้าสมควรรู้รายละเอียดเกี่ยวกับนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ อยู่แล้ว สำหรับนายน้อยดาบทยาน หลั่วเฟ่ยหยุน… เขามีชื่อมากกว่าจื่อหยูเย่และอยู่ในอันดับที่ 11 ในการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ เขามีทักษะดาบที่น่าทึ่งและดาบบินที่เขาทำได้ก็น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น ในการแข่งขันก่อนหน้านี้ นอกเหนือจากบุคคลไม่กี่คน ไม่มีใครสามารถขัดขวางการโจมตีจากดาบบินของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่กระทั้งจื่อหยูเย่ก็ยังต้องพ่ายแพ้ต่อดาบบินของเขา แน่นอน จื่อหยูเย่ตอนนั้นยังเด็กและเขาก็อายุน้อยกว่าหลั่วเฟ่ยหยุนหนึ่งปี”

 

“หือ ดาบบิน?” หลี่ฟู่เฉินเคยได้ยินเกี่ยวกับนายน้อยดาบทยาน หลั่วเฟ่ยหยุน

 

ที่เรียกว่าดาบบิน ในความเป็นจริงมันเป็นอาวุธลับและมีรูปร่างเหมือนกับดาบขนาดเล็กเท่านั้น

 

ฟานเฉียนสงกล่าว “ชิเซียงจากนิกายไร้กังวลของข้าเห็นหลั่วเฟ่ยหยุนจึงกระบวนท่าเป็นการส่วนตัว เขาบอกว่าความเร็วของดาบบินเร็วมากและไม่เคยพลาดเป้า นอกเหนือจากราชาดาราอันดับ 1 ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงได้ และต้องป้องกันมันอย่างรัดกุม”

 

“นั่นเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

ดาบพลังฉีอาจจะเร็วมาก แต่มันไม่ได้ทรงพลังเท่าดาบบิน ดังนั้นมันจึงสามารถป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย

 

ฟานเฉียนสงถอนสายตาจากหลั่วเฟ่ยหยุนและกล่าวกับหลี่ฟู่เฉิน “หลี่ฟู่เฉิน คนอื่นอาจจะไม่เชื่อในตัวเจ้า แต่ข้าเชื่อ ข้าหวังว่าเจ้าจะติดอันดับหนึ่งในสิบ”

 

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

อัจฉริยะชั้นยอดเหล่านี้ทำให้เขากดดัน แต่ส่วนใหญ่เกิดจากความแตกต่างในระดับพลังบ่มเพาะ

 

ในหมู่พวกเขา มีคนอย่างชูมู่หยูที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่ก็อยู่ที่ระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสูงกว่าเขาหนึ่งระดับ

 

ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ราชาไร้เคลื่อนไหว ฉีเหิง มีระดับบ่มเพาะสูงสุด ซึ่งอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสวรรค์ นายน้อยหุบเขานิรันดร์ เถิงฉิงหยุน นายน้อยดาบมังกรจื่อหยูเย่ นายน้อยนภาดารามู่หรงตี๋ นายน้อยต้วนหลินเซี่ยฮัวชวน และนายน้อยดาบทยานหลั่วเฟ่ยหยุนล้วนอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพี ไม่มีใครที่อยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี

 

“โชคยังดี ที่ข้าดื่มยาอายุวัฒนะนั้นเข้าไป ไม่เช่นนั้นแล้ว มันอาจจะหมดหนทางอย่างแท้จิง” หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง

 

ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีและระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีนั้นมีช่องว่างที่ใหญ่กว่า หากย้อนกลับเมื่อตอนที่เขายังอยู่ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีและต้องต่อสู้กับหลี่เซียงหรูที่อยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี เขาต้องใช้ความสามารถทั้งหมดเว้นไว้แค่บทดาบไร้สมบรูณ์ของเขาและท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูง และคนเหล่านี้เหนือกว่าหลี่เซียงหรูมาก แต่ว่าในเวลานั้น หลี่เซียงหรูเองก็ยังไม่ได้สำเร็จเทคนิคลับระดับ 4 ดาวของเขา

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset