Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 163

ตอนที่ 163

บทที่ 163

ความโกรธของทั้งสามนิกาย

 

 

โครงกระดูกหนึ่งโครงกระดูกเทียบเท่ากับธรรมชาติของธรรมชาติหนึ่งอย่าง ถ้าคุณสมบัติโดยธรรมชาติของใครแข็งแกร่ง มันจะช่วยให้คนหนึ่งพัฒนาพลังและแรงกายได้เร็วขึ้นเช่นกัน

 

หากคุณภาพโดยธรรมชาติของใครย่ำแย่ แม้ว่าว่าความพยามของเขาจะเหมือนกับม้าที่กำลังพยศ ผลลัพธ์ก็ยังถูกจำกัดขอบเขตเอาไว้อยู่ดี

 

โครงกระดูกคล้ายกับจิตวิญญาณ มันเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ รูปร่างของร่างกายมนุษย์ใช้โครงกระดูกเป็นพื้นฐานโครงสร้าง

 

การบริโภคองุ่นเม็ดหนึ่งเข้าไป หลี่ฟู่เฉินรู้สึกถูกกระแสไฟฟ้าที่น่าตื่นตะลึงจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านร่างกายของเขา ต่อจากนั้นก็มีความเจ็บปวดที่ออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกาย มันไม่สามารถอธิบายได้ มันราวกับเซลล์ที่เล็กที่สุดในร่างกายของเขาถูกแยกออกจากกัน

 

โชคดีที่ความเจ็บปวดนี้กินเวลาเพียงชั่วครู่

 

หลังจากระยะเวลาหนึ่ง หลี่ฟูเฉินก็ฟื้นสติขึ้นมา เขาตรวจร่างกายของตัวเอง ผิวของเขามีชั้นของเนื้อสีดำซีด กลิ่นเหม็นถูกปล่อยออกมาจากมัน

 

‘นี่ใช่สิ่งสกปรกที่ออกมาจากส่วนลึกที่สุดของร่างกาย?’ หลี่ฟู่เฉินไตร่ตรอง

 

“หลี่ชิตี๋ เจ้าตื่นแล้ว” เซี่ยวหลี่ไบ๋และทั้งสี่เข้ามา

 

หลี่ฟู่เฉินถาม “นานเท่าไหร่แล้ว?”

 

เฉินฟางหัว “นี่เป็นเช้าของวันที่เจ็ดแล้ว”

 

“เช้าวันที่เจ็ดแล้ว?” หลี่ฟู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เขารู้สึกราวกับว่าผ่านไปได้ไม่นานนัก

 

“หลี่ชิตี๋ เจ้ารู้สึกอย่างไร?” เฉินฟางหัวอยากรู้อยากเห็น

 

กำหมัดของเขา หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “มันรู้สึกคล้ายกับว่า ความสัมพันธ์ของข้าต่อสวรรค์และโลกดูใกล้ชิดกันมากขึ้น”

 

เซี่ยวหลี่ไบ๋พยักหน้า “โครงกระดูกเป็นพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีความลึกลับของสวรรค์และโลกปนอยู่ การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสวรรค์และโลกเป็นสิ่งปกติ”

 

ยิ่งระดับของโครงกระดูกสูงขึ้นเท่าใด ความสัมพันธ์กับเต๋าสวรรค์ก็ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น และขอบเขตที่จะเข้าถึงได้ก็ไร้สิ้นสุด บุคคลที่มีมากกว่าก็จะสามารถเข้าใจทักษะต่อสู้ได้ รวมทั้งเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้มากขึ้น

 

“ฮี่ฮี่ หลี่ชิตี๋ ตอนที่เจ้ามีโครงกระดูกปกติก็น่ากลัวอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นโครงกระดูกระดับ 1 ดาวแล้ว ใครจะรู้ว่าเจ้าจะน่ากลัวมากขึ้นเท่าใดกัน” เฉินฟางหัวแสดงความคิดเห็น

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น การแสดงออกของหลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนเปลี่ยนไป

 

พวกเขาตระหนักถึงปัญหานี้ด้วยเช่นกัน

 

โครงกระดูกปกติอย่างหลี่ฟู่เฉินก็แซงหน้าพวกเขาได้แล้ว และเมื่อเขามาถึงโครงกระดูก 1 ดาวมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออก

 

โชคดีที่องุ่นเจ็ดสีนั้นสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ครั้งที่สองเป็นต้นไปจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ หากไม่เช่นนั้น มันจะทำให้หลี่ฟู่เฉินยกระดับเป็นโครงกระดูกระดับ 3 ดาว และพวกเขาจะไม่เหลือทางอื่นนอกจากต้องอยู่ใต้ร่มเงาของหลี่ฟูเฉิน

 

ภายในโครงสร้างหินนั้นมีลำธารเล็กๆ หลี่ฟู่เฉินเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

ก่อนที่พวกเขาทั้งห้าจะออกจากโครงสร้างของหิน เขตแดนเร้นลับก็คล้ายกับจะปิดตัวลง

 

ด้านหน้าของพวกเขาทั้งห้า เป็นประตูแสงห้าสี

 

“แน่นอนว่านี่เป็นการเดินทางในเขตแดนเร้นลับแห่งนี้ นี้รู้สึกเหมือนฝันเลย” จ้องมองไปที่ประตูแสง เซี่ยวหลี่ไบ๋ยังรู้สึกถึงความรู้สึกเกินจริง

 

หลี่ฟู่เฉิน “นี่คือโอกาสที่พวกเราได้พานพบ แม้ว่ามันจะรู้สึกเหมือนฝัน แต่มันก็เป็นของจริงทั้งหมด”

 

“ใช่ นี่เป็นการเผชิญหน้ากับโอกาส” เซี่ยวหลี่ไบ๋พยักหน้า

 

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ!” เฉินฟางหัวนำ และก้าวเข้าสู่ประตูแสง

 

ตามหลังจากกล่าวเสร็จ หลี่ฟู่เฉินและที่เหลือเดิมตามเข้าประตู

 

***

 

“ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มออกมาแล้ว ฮ่าฮ่า! พวกเจ้าควรเริ่มเตรียมเหรียญทองของเจ้า!” เหว่ยยี่ปิงอาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจสวรรค์หัวเราะสุดเสียง เขามีความมั่นใจมากๆ เกี่ยวกับอัจฉริยะของนิกายปีศาจสวรรค์

 

หากพวกเขากำลังพูดถึงจำนวน นิกายปีศาจสวรรค์ของพวกเขามีถึงสิบสามคน

 

และเมื่อพูดถึงความสามารถ พวกเขามีหลี่หวูเซี่ย คู่อสูรขาวดำ กรงเล็บปีศาจเจิ้งซวน และหยานชิงหวูผู้ซึ่งอาจไม่ใช่หนึ่งในเหล่าหัวกะทิ แต่ก็นับว่าน่ากลัว หากไม่ใช่เพราะอายุของเธอที่น้อย เช่นนั้นก็แน่ใจได้แล้วว่าเธอจะกวาดศิษย์จากทั้งสามนิกายทั้งหมดมาอยู่แทบเท้า

 

ดังนั้น จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่นิกายปีศาจสวรรค์จะสูญเสีย

 

“หือ หือ ผลลัพอาจจะไม่เผยออกมาอย่างที่เจ้าอยากให้มันเป็น ทักษะการเอาชีวิตรอดที่ยอดเยี่ยมของศิษย์นิกายเร้นวิญญาณของข้าไม่ได้เป็นเพียงการแสดงแต่อย่างใด” หญิงชราจากนิกายเร้นวิญญาณหัวเราะอย่างเยือกเย็นและมีความมั่นใจเช่นกัน

 

“น่าขัน! ฉันกลัวว่าศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้าจะถูกสังหารโดยกระบี่คลั่งต้วนไห่จากนิกานโหมกระบี่ของข้าเสียก่อนนะซิ”

 

เห่อเหลียนหู่ผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายโหมกระบี่กอดหน้าอกของเขา ทำราวกับว่าผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

 

ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสี่ มีเพียงเฉพาะจ้าวหวูจินเท่านั้นที่ไม่แน่ใจ

 

จากข้อมูลที่รวบรวมได้ สำหรับการเปิดออกของเขตแดนเร้นลับในปีนี้ ศิษย์นิกายวารีครามในปีนี้นับได้ว่าเป็นเหยื่อแน่นอน เขาได้ละทิ้งการเดิมพันไปนานแล้ว เขามีเพียงความหวังเพียงแค่ว่าลูกศิษย์ของเขาจะอยู่รอด หากเขามองในแง่ร้ายที่สุด มันจะดีหากคนสองหรือสามคนจะรอดชีวิตมาได้

 

จากประวัติของกลุ่มที่ผ่านมา อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพวกเขาจะตาย แต่ผู้เข้าร่วมในปีนี้จากทั้งสามนิกายนั้นน่าหวาดกลัวมากเกินไป การมีศิษย์นิกายสารีครามสองหรือสามอยู่รอดนี่จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

 

“หลี่ฟู่เฉิน หลิวหวูหวง หยูเหวินเทียน เจ้าสามคนรอดชีวิตมาได้ย่อมดีที่สุด”

 

จ้าวหวูจินไม่ได้สนใจเกี่ยวกับที่เหลือ มีศิษย์โครงกระดูก 4 ดาวมากมาย แม้ว่าบางคนจะตาย มันก็ไม่สำคัญเลย แต่พวกเขาทั้งสามไม่สามารถตายได้

 

หลี่ฟูเฉินเป็นคนที่ได้รับการยกย่องจากเขาสูงสุด

 

หลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว

 

หากหนึ่งในนั้นถูกสังหาร มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่

 

เมื่อเวลาผ่านไป หมอกหนาปรากฏขึ้น ประตูห้าสีที่จางหายไปเมื่อเจ็ดวันก่อน ตอนนี้ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง

 

เห็นฉากเหมือนเมื่อก่อนหน้า ทุกคนกลั้นหายใจขณะมองอย่างใกล้ชิด

 

บางคนคาดหวัง บางคนกังวล ความรู้สึกต่างๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างหลากหลาย

 

คนแรกที่ปรากฏตัวคือศิษย์ของนิกายโหมกระบี่

 

หนึ่ง สอง สาม

 

นิกายโหมกระบี่ มีแค่สาม

 

จากนั้นก็คือศิษย์ยิกายปีศาจสวรรค์หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า

 

นิกายปีศาจสวรรค์ห้า

 

นิกายเร้นวิญญาณ…

 

ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหารและการหลบซ่อน พวกเขามีศิษย์ห้าคนเดินออกมา

 

จากนั้นก็เป็นศิษย์นิกานวารีคราม

 

หนึ่ง สอง สาม สี่…

 

เมื่อจำนวนคนมาถึงสี่คน ปากของจ้าวหวูจินเริ่มยิ้ม มันไม่ได้เลวร้ายเกินไป จริงๆ แล้วมีหลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ห้า

 

หก

 

นิกานวารีครามมีผู้รอดชีวิตทั้งหมดหกคน

 

คนสุดท้ายที่ออกมาคือเฉากวง

 

เขาผู้ซึ่งแต่เดิมอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดสูงสุด ได้ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลูกเล็กๆ เป็นเวลาเจ็ดวัน เขาเก็บสมุนไพรอย่างเงียบๆ ซึ่งอนุญาตให้เขาเก็บชีวิตของเขาไว้ได้ มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่มากเกินไปสำหรับการถูกสังหารโดยขอบเขตปฐพีทีละคนทีละคน มันเป็นเรื่องที่น่าขัน

 

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าจะเป็นนิกายวารีครามของข้าที่ชนะ ชายชราคนนี้ขอขอบคุณ” จ้าวหวูจินหัวเราะอย่างเต็มที่

 

มันต้องเป็นปาฏิหาริย์ที่มีถึงหกคนรอดชีวิตจากทั้งสิ้นสิบคน มันเป็นปาฏิหาริย์ที่ถูกสวรรค์สร้างขึ้นในหมู่สี่นิกาย โดยเฉพาะศิษย์นิกายวารีครามที่เป็นเหยื่อ

 

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! บอกข้าเร็ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เหว่ยยี่ปิงโกรธขณะที่เขาถามอสูรดำ

 

นิกายปีศาจสวรรค์ของเขามีสิบสาม ตอนนี้มีเพียงห้า รวมแล้วแปดคนที่ตายไป ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดจากทั้งสี่นิกาย นี่เป็นเรื่องที่น่าหอร่ออย่างไม่ต้องสงสัย

 

เห่าเหลียนหู่ก็โกรธเช่นกัน เขาไม่สามารถทนต่อความจริงที่ว่าศิษย์นิกายโหมกระบี่ของเขาที่มีผู้รอดชีวิตน้อยที่สุดได้

 

หญิงชราจากนิกานเร้นวิญญาณก็เริ่มตั้งคำถามกับเหล่าศิษย์นิกายเร้นวิญญาณ

 

เธอจำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ เหตุใดนิกายวารีครามที่อ่อนแอ่ที่สุดจึงมีผู้รอดชีวิตมากที่สุด

 

อสูรดำจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตแค้นและตอบเหว่ยยี่ปิง “อาวุโสใหญ่ ศิษย์ครึ่งหนึ่งของนิกายปีศาจสวรรค์เราตายภายใต้เงื้อมมือของหลี่ฟู่เฉิน เขาอำมหิตและโหดเหี้ยม แม้แต่กระทั่งปีศาจขาวก็ถูกเขาฆ่า”

 

อสูรขาวและดำเป็นเหมือนพี่น้องกันและกัน ความตายของอสูรขาวได้สร้างความเกลียดชังของเขาต่อหลี่ฟู่เฉิน เขาสาบานว่าจะฆ่าหลี่ฟู่เฉินเป็นการส่วนตัว และแก้แค้นให้กับอสูรขาว

 

ในอีกด้านหนึ่ง กระบี่โลหิตหลิงหวงพูดกับเห่อเหลียนหู่ “ศิษย์ส่วนใหญ่ของนิกายโหมกระบี่เราก็ถูกฆ่าโดยหลี่ฟู่เฉิน เฉินเฟ่ยไห่เองก็ด้วย”

 

“ศิษย์นิกายเร้นวิญญาณอย่างน้อยสามคนของเราต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันภายใต้เงื้อมมือของหลี่ฟู่เฉิน รวมถึงเจียงชิตี๋ด้วย” ต้วนมู่หยุนอธิบายแก่ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายเร้นวิญญาณ

 

เมื่อมองดูทุกสิ่งทุกอย่าง จ้าวหวูจินตกตะลึง เหตุผลที่ทั้งสามนิกายมีการบาดเจ็บล้มตายเป็นเพราะหลี่ฟู่เฉิน?

 

บุคคลเดียว ฆ่าศิษย์จากทั้งสามนิกาย?

 

มันฟังดูคล้ายกับดาบคลั่งในอดีต แต่เขาจัดการเพื่ออยู่เหนือกลุ่มคนเท่านั้น มันไม่ใช่สิ่งที่รุนแรงเท่ากับการสังหาร

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset