Double รักร้ายคูณสอง 4

ตอนที่ 4

ร่างสูงเลิกคิ้วมองใบหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนเสียงเข้มต่ำจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไปไหน”

“พอดีฉันอยากให้คุณช่วยอะไรนิดหน่อย ได้มั้ยคะ”

ฉันยืดตัวไปกระซิบข้างหูเขาเพราะเสียงเพลงในผับตรงนี้มันดังจนคุยกันแทบไม่รู้เรื่อง เอริคขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้แกะมือฉันออกจากรอบลำคอแกร่ง “ช่วยอะไร”

“คุณแค่ไปนั่งกับเพื่อนฉันแป๊ปนึง ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง… นะคะ”

ฉันยืนกระพริบตาปริบๆ รอฟังคำตอบจากเขา เอริคมองใบหน้าฉันอยู่นาน และสักพักเขาก็ถอนหายใจพลางพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบส่งมาให้สีหน้าเรียบนิ่งอย่างเคย

“ขอบคุณค่ะ”

ฉันบอกเอริคและยิ้มบางอย่างพอใจ จากนั้นก็จับข้อมือหนาให้เขาเดินตามมานั่งบนโซฟาสีน้ำเงินเข้มข้างฉัน โดยมีสายตาของคนทั้งโต๊ะมองมาอย่างสงสัยปนอึ้งเล็กน้อย

“นี่แฟนแกเหรอโมนา” เดล่าหันมาถามฉันตาโต ยัยเจสก็มองมาทางฉันอย่างรอฟังคำตอบ ฉันยิ้มมุมปากแล้วยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นจิบเบาๆ

“ใช่ นี่เอริค… แฟนฉันเอง”

“งานดีนะยะ”

ทันทีที่ฉันบอกเพื่อนไปแบบนั้นจบ เอริคก็หันมาสบสายตากับฉันพร้อมกับเลิกคิ้วเข้มขึ้นจนฉันต้องแอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ส่วนยัยเจสสิก้าก็ยังคงส่งยิ้มกว้างหน้าเบิกบานมาให้ฉันอย่างปลื้มปริ่ม ที่มันบอกว่างานดีนั่น… มันก็ต้องงานดีสิยะ ก็เขาเจ้านายสุดหล่อที่พนักงานต่างจ้องตาเป็นมันทุกวันยังไงล่ะ! ให้ตายเถอะ พอหันไปมองทางเอริคทีไรเขาก็นิ่งซะจนฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก จะยังไงก็เอาไว้ก่อน ตอนนี้ขออย่าให้เขาหงุดหงิดจนแผนแตกก็พอ!

“เอ่อ… คุณจะเอาเหล้าหรือเบียร์คะ?”

“เหล้า แล้วอธิบายมาด้วยว่านี่มันเรื่องอะไร”

ฉันหันไปถามเอริคที่ยังคงมองมาที่ฉันนิ่งๆ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะโน้มลงมาเอ่ยบอกเสียงเข้มต่ำใกล้ใบหูจนฉันต้องกลืนน้ำลายลงคอดังอึกอย่างประหม่าแล้วหันไปส่งยิ้มแห้งๆ ให้เขาแทน

“เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟังทีหลังได้มั้ยคะ ตอนนี้คุณอยู่เฉยๆ ไปก่อน…” ฉันกระซิบบอกเอริคจบก็ยื่นแก้วเหล้าไปให้เขา เอริครับไปแล้วกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่าเขากำลังหงุดหงิดฉันอยู่น่ะ…

“ถ้ามีแฟนแล้วก็เลิกยุ่งกับแดเนียลซะ”

ฉันหันขวับไปจ้องยัยเอ็มม่าทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันจากเธอ เดี๋ยวนะยะ ฉันไปยุ่งกับแฟนเธอตอนไหนไม่ทราบ มีแต่แดเนียลนั่นแหละที่คอยมองฉันตลอดเองมากกว่า ฉันเห็นนะจะบอกให้ เหอะ ฉันกรอกตามองบนใส่เอ็มม่าอย่างเบื่อหน่าย แล้วหันไปยกยิ้มมุมปากใส่แดเนียลที่ยังคงมองมาทางฉันทั้งๆ ที่เอริคก็นั่งอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าฉันจะมโนเอาเองว่าเขาเป็นแฟนฉันก็ตาม แต่แดเนียลก็ยังคงจ้องฉันไม่เลิก บ้าชะมัด

“เราไม่คิดจะกลับไปคบกันหรอก เรื่องนั้นมันผ่านมาตั้งนานจนลืมไปหมดแล้ว จริงมั้ยแดเนียล?”

“โมนา คือ..”

หมับ!

แดเนียลเหมือนจะพูดอะไรกับฉันสักอย่าง แต่จู่ๆ ท่อนแขนแข็งแรงกลับโอบรอบเอวบางแล้วดึงตัวฉันเข้าไปใกล้เขามากขึ้นซะก่อน ฉันหันไปมองเขาตาปริบๆ และจ้องมองเอริคที่งยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากด้วยความสงสัย ก่อนฉฉันจะตั้งสติแล้วขยับไปกระซิบถามเขาใกล้ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่เราสองคน

“คุณจะทำอะไรคะ?”

“ฉันพอรู้แล้วว่าเธอพาฉันมานั่งตรงนี้ทำไม”

ทันทีที่เสียงเข้มต่ำเอ่ยบอกเรียบนิ่ง ฉันก็ต้องกัดริมฝีปากล่างอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาเฉยเลย ถึงฉันจะขอให้เขาช่วยแต่มันก็เหมือนเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยที่ให้เอริคเข้ามายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องของตัวเองแบบนี้

“ขอโทษนะคะ ถ้าคุณจะกลับก็…”

“ขอโทษทำไม ฉันเป็นคนยอมตกลงมาเอง”

“แต่ว่า…”

“หยุดพูดได้แล้วโมนา เพื่อนเธอมองอยู่” ฉันชะงักแล้วเหลือบไปมองตามสายตาคมและเห็นว่าทั้งโต๊ะกำลังมองมาเราสองคนด้วยความสนอกสนใจ บางคนก็ดูงุนงง บางคนก็ดูหมั่นไส้อย่างเช่นยัยเอ็มม่าน่ะนะ ฉันกระแอมเรียกสติของตัวเองแล้วกลับขยับให้ออกห่างจากเอริคเล็กน้อยแต่ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจปนสับสนเมื่อจู่ๆ ท่อนแขนแข็งแรงก็คว้าเอวบางเอาไว้ซะก่อน…

หมับ!

“คุณ..อื้อ!”

ฉันได้แต่กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงงไม่หายเมื่อฝ่ามือหนาจับปลายคางฉันไว้แล้วเขาก็โน้มลงมาประกบริมฝีปากอิ่มด้วยความรวดเร็ว ฉันได้แต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับหรือผลักเขาออก มือบางบีบไหล่กว้างไว้แน่น ทันทีที่ลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้ามาตวัดลิ้นเล็กไปมาอย่างช่ำชองจนฉันเริ่มหายใจไม่ทัน และเหมือนเอริคจะรับรู้เขาถึงผละจูบดูดดื่มออกช้าๆ ให้ฉันได้หายใจหายคอสักที แต่ให้ตายเถอะ อยู่ดีๆ เอริคก็มาจูบฉันโดยไม่บอกกล่าวอีกแล้วนะ!

”เอ่อ… โมนา”

ฉันสะดุ้งเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เงยหน้าหันไปมองทางเจสสิก้าที่พึพพำเบาๆ แล้วรอยยิ้มแซวของเพื่อนก็ทำให้ฉันรู้สึกอายหน่อยจนอยากซุกหน้าไปบนโซฟาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้ทำได้เพียงหันไปถลึงตามองเอริคที่ยังคงนั่งยกเหล้าเข้าปาไม่สะทกสะท้านกับเรื่องน่าอายที่เขาเพิ่งทำลงไป ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดปนหมั่นไส้แล้วกระซิบถามเขาเสียงหนักด้วยความไม่เข้าใจ บ้าจริง เอริคคิดจะทำอะไรก็ทำหรือไงกันน่ะ จะห่ามเกินไปแล้วนะยะ!

“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย!”

“ก็จูบแฟนตัวเองไง”

ฉันเม้มริมฝีปากไว้แน่น อยากจะเถียงเขาออกไปก็เถียงไม่ออกเพราะดันเป็นคนไปขอความช่วยเหลือกับเขาก่อนเนี่ยสิ แต่ถึงยังไงมันใช่เรื่องที่เขาอยากจะดึงฉันไปจูบตอนไหนก็ได้ที่ไหนกันจูบเล่า บ้าจริง

“หวานกันจริงๆเลยนะยะ” เดล่าหันมาแซวด้วยอีกคน เหอะ! หวานบ้าอะไรล่ะ แฟนกันก็ไม่ได้เป็นสักหน่อยย่ะ เอริคก็แค่อยากกวนประสาทฉันเล่นก็เท่านั้นเองนั่นแหละ!

“กลับก่อนนะ”

“เอ๊ะ… แดเนียล รอเอ็มม่าด้วยสิคะ!” จู่ๆ แดเนียลก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความเร่งรีบจนยัยเอ็มม่ารีบวิ่งตามไปแทบไม่ทัน จริงๆสินะยัยเอ็มม่าเนี่ย เกาะหนึบทุกได้ที่เลย

“โอ้! เดี๋ยวนี้โมนาของเราใจกล้าขึ้นป่ะเนี่ย”

“พอเลยเลโอ พูดมากน่า” พอทุกคนหายงุนงงกับแดเนียลและเอ็มม่า เลโอก็หันมาแซวฉันด้วยอีกคน ฉันถอนหายใจแรงก่อนจะบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ แต่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าแก้มตัวเองเริ่มร้อนผ่าวๆ ก็ไม่รู้สิ…

“หึ ไม่แซวแล้วก็ได้ ว่าแต่… เอริคใช่มั้ยครับ”

“อือ”

หลังจากหัวเราะฉันจบ เลโอก็เปลี่ยนไปคุยกับเอริคที่นั่งนิ่งอยู่ข้างฉันแทน เหอะ แล้วนี่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง เอริคเพิ่งจะมาเจอเพื่อนฉันครั้งแรกเองนะ แต่กลับเป็นเพื่อนฉันซะเองที่ดูเกร็งๆ ที่เห็นเขานั่งสีหน้าราบเรียบกับท่าทางห่ามๆ แบบนั้นน่ะ

“คุณคบกับโมนาคบกันนานรึยัง ทำไมโมนาไม่เห็นเล่าเรื่องคุณให้พวกเราฟังมาก่อนเลย”

เอริคกับเลโอจ้องหน้ากันนิ่งจนฉันและเพื่อนสาวอีกสองคนมองด้วยความสงสัยและท่าทางของเลโอยังดูเหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง ฉันกระแอมเรียกสติแล้วเอ่ยแทรกเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

“คืองี้นะเลโอ ฉัน..”

“สามเดือน”

“ใช่… ห้ะ!?”

ฉันอ้าปากค้างเมื่อรวบรวมสมาธิและได้ยินคำตอบจากเอริคก่อนจะหันขวับคอแทบเคล็ดไปมองใบหน้าหล่อเหลาตาปริบๆ ทันที เดี๋ยวนะ… เมื่อกี้เขาบอกว่าเราคบกันแล้วสามเดือนงั้นเหรอ บ้าบอ! ทำไมเอริคต้องพูดแบบนั้นด้วยล่ะเนี่ย!

“ตกใจอะไรโมนา จำไม่ได้รึไงว่าเราคบกันนานแค่ไหน”

จำไม่ได้น่ะสิยะ! ใครจะไปจำเรื่องมโนของเขาได้กันเล่า บ้าจริง ฉันขมวดคิ้วมุ่นแล้วขยับไปบอกเอริคเสียงอุบอิบอย่างัลงเลหน่อยๆ อีกครั้ง “คุณเอริคฉันว่าเรื่องนี้…”

“ทำไมไม่เห็นบอกอะไรพวกฉันเลยโมนา แถมถามทีแรกก็บอกไม่มีแฟนอีก” ยังพูดไม่ทันจบยัยเจสสิก้าก็พูดแทรกด้วยเสียงน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไม่จริงจังใส่ซะงั้น

“ใช่ พวกเราก็เพื่อนแกนะ มีอะไรก็บอกกันหน่อยสิ”

เดล่าก็เป็นไปอีกคน อะไรของพวกนี้กันล่ะเนี่ย ฉันอยากจะกรอกตาพร้อมกุมขมับให้หายมึน ไม่ได้มึนเพราะมาเหล้านะ มึนเพราะความกวนประสาทที่เอริคก่อเพิ่มเนี่ยแหละ! ฉันสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อย่างพยายามรวบรวมสติและหันไปหาเลโอก็เห็นว่าเขากำลังนั่งยิ้มมุมปากมองมาที่ฉันกับเอริคนิ่งๆ อย่างรู้ทันอะไรบางอย่าง หรือว่าเลโอจะรู้ว่าฉันกับเอริคไม่ได้คบกัน? บ้าน่า เขาจะดูออกขนาดนั้นเลยหรือไงน่ะ โอ้ยยย! ช่างมันเถอะ ไม่ว่ายังไงฉันก็จะบอกความจริงพวกนี้อยู่แล้วน่ะสิ!

“ฉันว่าพวกแกเข้าใจอะไรผิด…”  โมนา” แล้วเอริคก็พูดแทรกฉันอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ! จะอธิบายอะไรก็เลยไม่ได้ทำ บ้าบอที่สุด!

“คุณเอริค!”

“เสียงดังใส่แฟนได้ไง”

ฉันชะงักเมื่อเอริคโน้มลงมาเอ่ยเสียงเข้มต่ำชิดใบหูจนรู้สึกสยิวแปลกๆ ฉันพยายามจะบอกเขาด้วยเสียงตามปกติแต่มันดันตะกุกตะกักอย่าน่าหงุดหงิดซะได้! “คะ..คือ”

“เดี๋ยวคืนนี้ก็โดนทำโทษหรอก”

“นี่คุณ!”

“เสียงดังอีกแล้วนะโมนา”

ฉันสบกับสายตาเจ้าเล่ห์ด้วยความขุ่นเคืองหน่อยๆ เอริคเป็นอะไรของเขาเนี่ย! ฉันให้ช่วยนิดๆ หน่อยๆ ก็จำเป็นต้องสมจริงสมจังขนาดนี้ก็ไม่ไหมเล่า! นี่ฉันคิดถูกหรือคิกผิดที่ไปขอความช่วยเหลือกับคนเจ้าเล่ห์จอมกวนประสาทอย่างเอริคเนี่ย รู้สึกอยากเมาหนีเขาชะมัดเลยโว้ย!

“ถ้ามีธุระ… คุณไปก่อนก็ได้นะคะ“

เอริคหยุดกดโทรศัพท์มือถือแล้วหันกลับมามองใบหน้าฉันเรียบนิ่ง ส่วนฉันก็ได้แต่มองหน้าเขาตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูหงุดหงิดขึ้นมาเฉยเลย “หมดประโยชน์ก็ไล่กันแบบนี้เลย?”

“เปล่า… เปล่านะคะ ฉันแค่เห็นคุณดูท่าทางมีธุระด่วน” ฉันเม้มริมฝีปากแล้วหันหน้าหนีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับสายตาคมดุดันไปมองทางอื่นกลบเกลื่อนอาการศประหม่าของตัวเองทันที เหอะ ฉันไม่ได้คิดว่าเขาหมดประโยชน์สักหน่อย ให้ตายสิ…

“ไอ้ออสตินมันให้ไปหา”

“งั้นคุณไปหาเพื่อนคุณเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย”

ฉันพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจแล้วขยับไปกระซิบบอกให้เขา สงสัยที่ฉันเจอกับเอริคคงเป็นเพราะเพื่อนเขานัดมาที่นี่เหมือนกันแน่เลย แล้วฉันก็ดันไปลากตัวเอริคให้มาเสียเวลาด้วยเรื่องสาระของตัวเองอีกต่างหาก บ้าชะมัดเลยยัยโมนาเอ๊ย!

“มันให้เธอไปด้วย”

“เอ๊ะ… อะไรนะคะ?!”

ฉันกะพริบตาปริบๆ ถามเขาเสียงดังด้วยความมึนงงปนตกใจจนเพื่อนทั้งสามคนที่นั่งคุยและเต้นกันอย่างเมามันส์หันมามองทางฉันด้วยความสงสัย ฉันเลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พวกนั้นแก้เก้อแทน

“ฉันกับเจสว่าจะไปที่ฟลอตรงนั้นหน่อยน่ะ แกจะไปด้วยกันมั้ย?” เดล่าหันมาถาม ส่วนเลโอก็เดินหายไปกับฝูงชนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สงสัยจะไปจีบสาวอีกตามเคย เพื่อนของฉันแต่ละมีแต่คนดีๆ กันทั้งนั้นบอกเลย

“ไม่ดีกว่า ฉันรออยู่..”

“งั้นผมกับโมนาขอตัวไปชั้นสองแป๊ปนึง” แต่จู่ๆ เอริคก็เอ่ยบอกเพื่อนฉันแทน เดล่ากับเจสสิก้ามองหน้ากันสักพักก็หันมาส่งยิ้มร้ายกาจใส่ฉันอย่างกรุ้มกริ่มหน่อยๆ

“เชิญเลยค่ะ จะพาโมนาไปไหนตามสบายเลยนะคะคุณเอริค” ยัยเจสสิก้าตอบหน้าชื่นตาบานจบก็เดินไปที่ฟลอเต้นพร้อมกับเดล่า เหอะ บอกแล้วไงเพื่อนฉันมีแต่คนดีๆ นี่พวกมันทำเหมือนจะยกฉันใส่พานถวายให้เอริคอยู่แล้วอ่ะคิดดู มันน่านัก!

หมับ!

“อ๊ะ… คุณเอริค!”

ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเอริคก็คว้าข้อมือบางแล้วลากให้ฉันเดินตามเขาไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ และตลอดทางที่เดินมาคนก็เยอะแยะเต็มไปหมด แถมมีมือผู้ชายที่ไหนไม่รู้จะเอื้อมจับต้นแขนฉันไว้ ฉันขมวดคิ้วมุ่นแล้วรีบเดินเข้าไปใกล้เอริคก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แน่น เอริคจะรีบเดินไปไหนของเขากันน่ะ ฉันเดินตามไม่ทันแล้วนะ หน้าก็เกือบทิ่มพื้นเพราะก้าวเท้าฉับๆ ตามเขาจนจะสะดุดส้นสูงอยู่แล้ว!

“อะไร”

เอริคหันมามองฉันที่กำชายเสื้อเชิตเขาเอาไว้จนมันยับย่นด้วยความสงสัย “คุณเดินช้าๆ หน่อยไม่ได้รึไงน่ะ ฉันตามไม่ทันแล้วเนี่ย…”

พรึ่บ!

ฉันเงยหน้ามองหน้าเอริคด้วยความตกใจทันทีที่เขาใช้ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางแล้วดันตัวฉันให้มายืนอยู่ด้านหน้าโดยมีมือหนาทั้งสองจับเอวฉันไว้จากทางด้านหลัง ก่อนเขาจะบีบเอวฉันเบาๆ เมื่อเห็นว่าฉันยังยืนนิ่งไม่ยอมเดินไปสักที

“เดินไปสิ”

“เอ่อ… ฉันไม่รู้ว่าออสตินอยู่ที่ไหนนี่คะ”

ฉันเม้มปากอย่างประหม่า กระแอมเรียกสติของตัวเองแล้วหันไปบอกเขาตาปริบๆ เอริคถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วดันตัวฉันให้เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง แผ่นหลังของฉันแนบชิดกับแผงอกกำยำจนสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นๆ และความอบอุ่นจากร่างสูงใหญ่ ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก บ้าจริง… นี่ฉันกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่เนี่ย บ้าไปแล้วหรือไงกันยัยโมนา!

ปึง!

”ไง กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง ไหนบอกกูว่าถึงนานแล้วไงวะ?” ทันทีที่เอริคเปิดประตูห้องใหญ่ที่ชั้นสองของผับออก ออสตินที่นั่งดื่มเหล้าอยู่บนโซฟาหรูก็หันมาถามเพื่อนเขาพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นฉันมาด้วย

“มีธุระนิดหน่อย” แล้วทำไมเอริคต้องหันมาเน้นคำว่าธุระกับฉันด้วยล่ะ ให้ตายสิ!

“โมนานั่งก่อนสิ”

พอออสตินเห็นว่าเอริคเดินไปนั่งโซฟาอีกตัว เขาก็หันมาชวนฉันที่เอาแต่ยื่นบื้ออยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหนสักที ฉันเลยเดินไปนั่งลงบนโซฟาว่างใกล้ๆ กับเอริคแล้วถามเขาด้วยึวามสงสัยไม่หาย

“แล้วทำไมฉันต้องมาด้วยล่ะออสติน?”

“เห็นไอ้เอริคบอกว่าเจอเธอพอดี เลยให้มันพาเธอมาด้วยจะได้สนุก” ออสตินพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์มาทางฉันกับเอริค ท่าทางเขาคงจะรู้สึกสนุกจริงๆ สินะถึงชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย เห็นออสตินแล้วนึกถึงเลโอขึ้นมาทันที เขาสองคนนิสัยเหมือนกันชะมัดเลยให้ตาย

“โทรให้กูมามีไร”

เสียงเข้มต่ำเอ่ยถามออสตินสีหน้าเรียบนิ่งอย่างเคย จากนั้นเขาก็ยกเหล้าเข้าปากอย่างสบายใจ ฉันเลิกคิ้วเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าเอริคไปสักเพิ่มที่แขนมา เพราะรอยสักเท่ๆ โผล่ออกจากแขนเสื้อเชิ้ตของเขาเล็กน้อย

“กูจะมีงานเลี้ยงเปิดผับใหม่“

“แล้ว?”

“กูอยากให้มึงกับโมนาช่วยอะไรนิดหน่อย”

สายตาคจ้องมองมาทางฉันนิ่งๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นหน่อยๆ แต่สักพักเอริคก็หันไปคุยกับออสตินต่อโดยที่ฉันได้แต่นั่งมึนงงมองเขาสองคนอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก ออสตินจะให้เราสองคนช่วยอะไรน่ะ? แล้วทำไมเอริคถึงมองมาทางฉันคล้ายกับไม่สบอารมณ์และคิดหนักแบบนั้นด้วยล่ะเนี่ย…

“ช่วยอะไรของมึง?”

ออสตินยกยิ้มมุมปากที่ดูแล้วไม่น่าไว้ใจสุดๆ ก่อนเขาจะยักไหล่แล้วบอกเอริคท่าทางสนุกปนเจ้าเล่ห์ “มึงแค่นั่งเฉยๆ สบายๆ”

“ตกลงมึงจะไม่บอก“

“ถึงเวลาเดี๋ยวมึงก็รู้เอง”

“งั้นกูไม่ทำ”

เอริคพูดจบก็กระดกเหล้าเข้าปากหลายอึก นี่เขาจะดื่มให้มันหมดขวดตอนนี้เลยเรอะ?! แล้วนั่นเขาไม่รู้สึกเมาบ้างเลยหรือไง ดื่มไปตั้งเยอะขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันหัวทิ่มตั้งแต่ครึ่งขวดแล้วมั้ง!

“กูเพื่อนมึงนะไอ้เอริค จะไม่ช่วยกูจริงดิ?”

“เออ”

คำตอบสั้นๆ ของเอริคทำให้ออสตินถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย หน้าตาเขาดูสลดลงเล็กน้อยจนฉันที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันตั้งนานเลยอดถามขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้

“เอ่อ… แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรงั้นเหรอ?”

ทันทีที่ฉันหันไปถามออสตินก็มองใบหน้าฉันนิ่งๆ สักพักเขาก็ส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างเจ้าเล่ห์หน่อยๆ “โมนาก็แค่คอยยืนข้างๆ ไอ้เอริคเอง เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย?”

“คือว่าฉัน..” ฉันมองหน้าออสตินด้วยความลังเล ทำไมงานที่เขาให้ช่วยมันดูแปลกชะมัดเลยแฮะ หรือฉันคิดมากไปเอง?

”ฉันมีค่าเสียเวลาให้นะ”

“ฉันว่า..”

”สี่หมื่น”

“โอเค!” พอได้ยินเรื่องเงินฉันโพล่งตอบออกไปเสียงดังฟังชัดโดยแทบไม่ได้คิดอะไรต่ออีกจนเอริคหันมาจ้องหน้าฉันนิ่งๆ แล้วเขาก็หันกลับไปสูบบุหรี่ตามเดิมเหมือนชินกับความหน้าเงินของฉันซะแล้ว

“แต่ถ้าไอ้เอริคยอมทำด้วย… ฉันให้เพิ่มอีกสองหมื่นเลย”

“สองหมื่น…” ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังอึก แล้วหันไปมองร่างสูงข้างๆ ตาปริบๆ ให้ตายสิ เงินหกหมื่นกับการช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของออสตินมันคงไม่หนักหนามากมายอะไรนักหรอกมั้ง

เอริคเลิกคิ้วเมื่อเห็นฉันเอาแต่นั่งจ้องหน้าเขาตาแป๋วไม่เลิก ก่อนเขาจะเอ่ยถามสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย “มองแบบนั้นทำไม”

“คุณช่วยออสตินเถอะนะคะ แค่นั่งเฉยๆ เองนี่”

“ไม่” ตอบกลับมาทันควันโดยที่ฉันยังถามไม่จบด้วยซ้ำ ใช่สิ! ก็เขามันคนรวยหนิ กะอีแค่เงินหกหมื่นเขาจะสนใจทำไมกัน และถึงเขาไม่สนแต่ฉันสนไง สนมากด้วย นั่นมันตั้งหกหมื่นเลยนะ หาได้ง่ายๆ แบบนี้ที่ไหนกันเล่า!

“เหอะ! แค่นี้คุณยังทำไม่ได้เลย ฉันว่าช่วยงานท่านประธานสามเดือนคงไม่ไหวหรอกค่ะ งั้นฉันโทรบอกท่านประธานเลยนะคะว่าคุณทำตามที่รับปากไม่ได้ คุณพูดแล้วคุยทำไม่ได้น่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาดื่มเหล้าของคุณไง..”

เอริคถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพ่นควันบุหรี่ไปอีกทางอย่างหงุดหงิด ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ส่วนออสตินก็หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเอริคพยักหน้ารับกลับไปให้เขาด้วยความเหนื่อยหน่าย “เออ ทำก็ทำ”

“งั้นก็ตามนี้ เรื่องวันเวลาเดี๋ยวกูบอกอีกที”

“มึงนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ใช้โมนาจนได้นะมึง…” เอริคหันไปเอ่ยบอกเสียงเข้มใส่เพื่อนตัวเองอย่างไม่ค่อยสยอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ออสตินกลับไม่สะทกสะท้านหัวเราะสนุกสนานที่แหย่ให้เอริคหัวเสียสำเร็จ

“แล้วฉันต้องทำอย่างอื่นอีกมั้ย นอกจากยืนข้างคุณเอริคอะ”

ฉันไม่สนใจเรื่องอื่นมากนัก ตอนนี้สนใจแต่เรื่องเงินที่จะได้เลยหันไปถามออสตินอีกครั้ง จะว่าไป… งานนี้ก็น่าสงสัยเหมือนกันแฮะ เพราะจากที่เขาบอกรายละเอียดมาทำไมมันดูง่ายขนาดนั้น? ออสตินให้เงินหกหมื่นกับงานเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้… มันง่ายไปมั้ยอ่ะ ถึงเขาจะรวยขนาดไหนแต่แบบนี้มันก็แปลกอยู่ดีไหมนะ?

“เอาน่า รู้แค่ว่ามันไม่ยากหรอก”

แล้วออสตินก็ไม่ยอมบอกอีกตามเคย เขาแค่นั่งยกยิ้มมุมปากมองฉันกับเอริคสลับกันไปมาท่าทางเจ้าเล่ห์พลางหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างสบายอกสบายใจเหมือนตั้งตารอเรื่องสนุกอยู่อย่างนั้นแหละ… บ้าชะมัด อะไรของเขากันล่ะเนี่ย แต่ช่างมันเถอะ เงินตั้งหกหมื่นกับงานแค่นี้คงไม่ยากเย็นนักหรอกน่า!

Options

not work with dark mode
Reset