Double รักร้ายคูณสอง 22

ตอนที่ 22

กว่าคุณคาลอฟท์จะกลับก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงที่เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนเลขาของเขาถึงกับโทรตามให้กลับบริษัทไปเคลียร์งานเอกสารบนโต๊ะ ฉันรู้สึกเหมือนเห็นภาพคุณคาลอฟท์กับเอริคซ้อนทับกันชะมัด เขาสองคนนิสัยต่างกันแต่ก็มีบางมุมที่คล้ายกันนั่นก็คือเรื่องไม่ค่อยนั่งโต๊ะเซ็นเอกสารที่กองเป็นภูเขาเหล่ากาสักเท่าไหร่ ยิ่งเอริคนี่หนักกว่าอีก… ถึงฉันโทรตามเขาก็ไม่กลับไปง่ายๆ อย่างคาลอฟท์แน่นอนพันเปอร์เซ็นต์

“คุณเอริค เอกสารในแฟ้มสีเทาบนโต๊ะทำงานของคุณเป็นเอกสารด่วนที่ฉันต้องส่งให้เลวี่ภายในเย็นนี้ รบกวนคุณช่วยเซ็นให้ด้วยนะคะ”

“แล้วเธอจะไปไหนน่ะโมนา”

ขาเรียวทั้งสองข้างชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนฉันจะหันไปบอกเอริคที่นั่งเก้าอี้ทำงานแถมยังเท้าคางจ้องมองมาทางฉันด้วยสายตาดุดันไม่เลิก

“ฉันก็จะเอาแก้วพวกนี้ไปล้างไงคะ คุณมีอะไรรึเปล่า?” ฉันยื่นถาดที่ใส่แก้วกาแฟกับแก้วชาไปให้เอริคดู แล้วยืนเลิกคิ้วถามเขาด้วยความสงสัย “ถ้าคุณไม่มีอะไรงั้นฉันไปล้างแก้วก่อนนะคะ…”

“เดี๋ยว”

เสียงเข้มต่ำรีบเอ่ยบอกก่อนที่ฉันจะผลักบานประตูห้องทำงานที่เชื่อมกับห้องประชุมเล็กๆ ออกไป เอริคเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ โดยที่ฉันได้แต่ยืนงุนงงอยู่ที่เดิมและขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเขาจะเรียกฉันทำไม แถมยังทำหน้าตึงใส่อีกต่างหาก

“คุณหงุดหงิดอะไรน่ะ ฉันเห็นคุณจ้องฉันแบบนั้นนานแล้วนะ”

“ไม่ได้หงุดหงิด แค่ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบ? ไม่ชอบอะไรของคุณ ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ?” ฉันกะพริบตาปริบๆ แล้วเงยหน้าถามเอริคที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาถอนหายใจ จากนั้นฝ่ามือหนาก็คว้าถาดในมือฉันไปวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาแทนซะงั้น

“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกโมนา ช่างมันเถอะ”

ตุบๆ

ร่างสูงตบมือตุบๆ ลงบนโซฟาข้างๆ เขาสองสามที จากนั้นเอริคก็หันมามองฉันพร้อมกับยิ้มมุมปากหน่อยๆ อย่างกวนประสาท ฉันขมวดคิ้วจ้องมองเขาด้วยความมึนงง เขาต้องไปเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานไม่ใช่รึไง มานั่งทำซากอะไรตรงนี้ไม่ทราบเนี่ย!

“ทำอะไรของคุณน่ะ เอกสารล่ะคะคุณเอริค”

“มีอะไรสงสัยนิดหน่อย มานั่งนี่ก่อนสิ”

เอริคยักไหล่ สายตาคมเหลือบมองโซฟาด้านข้างเขาเป็นเชิงเร่งให้ฉันลงมานั่งสักที ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“คุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับเอกสารที่ฉันให้เซ็นเหรอคะ?”

“อือ จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

อะไรน่ะ? ทำไมคำตอบของเขาดูกำกวมแปลกๆ ฉันยืนเม้มริมฝีปากอย่างลังเลเล็กน้อย แต่พอสบกับสายตาดุดันคู่สวยก็ต้องถอนหายใจเฮือกแล้วเดินไปนั่งลงข้างเขาอย่างช่วยไม่ได้ เลขาที่ดีก็ต้องทำตามที่เจ้านายบอกสินะ อีกอย่างเรื่องงานฉันจะมาทำตัวยุ่งยากมากความทำไมก็ไม่รู้ด้วย นั่งๆ ไปก็จบ…

“คุณไม่เข้าใจหรือสงสัยตรงไหนเหรอ ให้ฉันไปเอาแฟ้มมาให้หรือเปล่า”

“ไม่ต้องหรอก มีแค่บางจุดที่สงสัย”

เอริคเอนตัวพร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงวางพาดไปบนพนักโซฟาด้านหลังฉัน น้ำเสียงเข้มต่ำฟังดูจริงจังกว่าทุกทีจนฉันต้องหันไปมองเขาอย่างตั้งใจ

“ตรงไหนคะ? คุณสงสัยอะไรน่ะ”

“เมื่อกี้ไปเช็กดู อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องบินบางอันไม่จำเป็น แต่กลับมีเยอะกว่าอันที่จำเป็นต้องใช้” ร่างสูงมองใบหน้าฉันนิ่ง คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่นไม่หาย “ใครเป็นคนดูแลเรื่องรายการสั่งของพวกนั้น?”

“อืมม…” ฉันนั่งคิดสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแฟ้มรายการของพวกนั้นมาจากพนักงานของตึกอีกฝั่ง “เลขาของคุณแมททิวเอามาให้เลวี่ไว้อีกทีค่ะ แล้วเราก็เพิ่งมีการเปลี่ยนหน้าที่ของพนักงานในบริษัทจากการประชุมเมื่อไม่กี่เดือนก่อนด้วย”

“แล้วทำไมไม่ให้คนถนัดด้านนี้มาทำวะ” เอริคถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วล้วงเอาซองบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมา ฉันเหล่สายตามองซองที่อัดไปด้วยสารนิโคตินอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นักจนเขาเลิกคิ้วเข้มพลางยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ชอบที่ฉันสูบบุหรี่รึไง?”

“เปล่าสักหน่อย ปอดคุณ คุณจะทำร้ายมันยังไงก็เรื่องของคุณสิ…” ฉันยักไหล่ เบ้ปากหน่อยๆ แล้วกลับไปคุยเรื่องงานกับเขาต่อ “แต่เรื่องเปลี่ยนตำแหน่งงานฉันแจ้งให้คุณฟังแล้วหนิ จำไม่ได้หรือไงกัน”

“จำได้ แต่เรื่องคนที่รับผิดชอบงานนี้ไม่ได้ชื่อแมททิวไม่ใช่รึไง”

“เอ๊ะ…”

ฉันกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง จากนั้นก็รีบคว้าสมุดจดกับไอแพดขึ้นมาเปิดดูรายชื่อพนักงานในแผนกต่างๆ เพื่อคว่ามแน่ใจทันที และพอสไลด์ดูและเช็กเป็นแสนแปดรอบจนตาลาย ฉันก็เห็นว่าเป็นชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่แมททิวอย่างที่เอริคบอกจริงๆ ให้ตายสิ ฉันเป็นปลาทองหรือไงน่ะ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้เรื่องเนี่ย! แต่ที่น่าแปลกคือเอริคจำได้ยังไงนี่แหละ เขาดูไม่ได้สนใจตอนประชุมด้วยซ้ำไป…

“เป็นไง ใช่ชื่อแมททิวอะไรนั่นหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ค่ะ… ที่จริงคุณแกเรียลต้องเป็นคนทำหน้าที่นี้ แล้วทำไมเลขาคุณแมททิวถึงมาส่งแฟ้มเอกสารล่ะ…”

ฉันส่ายหน้าพึ่บพั่บส่งให้เอริค ก่อนจะขมวดคิ้วเรียวสวยที่ตั้งใจเขียนอย่างสงสัยพลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าครุ่นคิดไม่ต่างกัน แต่สักพักเขาก็เอ่ยบอกด้วยท่าทางนิ่งๆ อย่างเคย

“เรื่องนี้เราค่อยมาคุยกันอีกที คงต้องถามเลวี่ให้แน่ใจและคุยกับแผนกฝั่งนั้นในที่ประชุมอีกรอบ”

“ได้ค่ะ… อ๊ะ คุณจะทำอะไรน่ะเอริค!”

หมับ!

ฉันอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เอริคคว้าเอวบางไปกอดแนบชิดกับแผงอกกำยำโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว เอริคหัวเราะต่ำในลำคอแกร่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ก็บอกไปแล้ว ว่าเธอไม่รอดแน่ โมนา”

“อะไรนะ… อื้อ!”

ฉันวางมือแหมะลงที่บ่ากว้างเพื่อจะดันเขาออก แต่เอริคกลับโน้มลงมาประกบจูบ พร้อมกับฝ่ามือหนาจับท้ายทอยฉันแน่น ฉันที่กำลังอ้าปากด่าเขาถึงกับเหวอแล้วสติหลุดหน่อยๆ เมื่อเอริคใช้จังหวะนั้นดุนดันลิ้นเปียกชื้อนเข้ามาตวัดลิ้นเล็กของฉันอย่างช่ำชอง เขาทำแบบนี้อีกแล้วนะ… หัวใจฉันก็ดันเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่งอีกแล้ว!

พรึ่บ!

แล้วฉันก็ต้องรีบคล้องแขนรอบลำคอแกร่งด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่ฝ่ามือหนาจับเอวบางแล้วยกตัวฉันให้ขึ้นไปนั่งตักของเขา เอริคยกยิ้ม ก่อนที่ฉันจะได้อ้าปากบ่นเขาก็โน้มลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาขบเม้มริมฝีปากอิ่มเบาๆ แล้วค่อยๆ ทำสติฉันแตกกระเจิงกับรสจูบที่เร่าร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…

“เอริค กระโปรงฉัน…”

ฉันหอบหายใจทันทีที่เอริคผละริมฝีปากเพื่อให้ฉันได้หายใจหายคอ แล้วกระหืดกระหอบบอกเขาเสียงแหบพร่าเมื่อเหลือบไปเห็นกระโปรงของตัวเองที่ถลกขึ้นมาถึงขาอ่อนจนแทบจะเห็นกางเกงในของฉันอยู่แล้ว!

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ตรงนี้มีแค่เรา”

“คือฉันว่า… เราทำงานกัน อื้อ!”

อีกแล้ว! ยังพูดไม่ทันจบเอริคก็โน้มมาจูบปิดปากฉันอีกแล้ว! ให้ตายสิ ฉันก็เผลอไผลไปกับเขาทุกทีเหมือนกันนั่นแหละ ทำยังไงดีละเนี่ย ฉันไม่อยากให้ตัวเองใจง่ายกับเอริคแบบนี้ตลอดหรอกนะ…

แต่พอเจอความร้อนแรง และสายตาคมคู่สวยจดจ้องมองมาอย่างเจ่าเล่ห์ทีไรหัวใจฉันก็เต้นไม่เป็นส่ำทุกที… ฉันอยากจะบ้าตายรายวัน นี่ฉันกำลังแอบแซ่บกับเจ้านายงั้นเรอะ?! เจ้านายอย่างเอริคที่ถึงจะดูเท่ และฮอตปรอทแตกแต่ก็ชอบกวนประสาทฉันทุกวันไม่ว่างเว้นวันหยุดเนี่ยนะ!

“เป็นอะไรโมนา เธอดูเหม่อๆ”

เสียงเข้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่ผะแผ่วอยู่บริเวณเนินอก ทำให้ฉันเม้มริมฝีปากด้วยความวกังวลหน่อยๆ นิ้วเรียวยาวแกะกระดุมเสื้อฉันออกไปสองเม็ดทั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฝ่ามือหนาก็ค่อยๆ ลูบไล้ซอกคอขาวลงมายังหน้าอกเต่งตึงที่สวมบราเซียร์ลูกไม้แผ่วเบา ฉันบ่ากว้างแน่นขึ้นทันทีที่เอริคกดจูบลงมาตรงเนินเนื้อ ก่อนเขาจะยกยิ้มมุมปาก แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อฉันไม่ตอบเขาสักที

“คือฉันแค่กำลังคิดว่า… ที่เราทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องหรือเปล่า ที่นี่มันที่ทำงาน แล้วอีกอย่างฉันก็เป็นเลขาของคุณ ฉันว่าเรา…”

“เธอไม่อยากทำหรือไง… ฉันไม่บังคับเธอหรอกนะโมนา ถ้าเธอไม่ต้องการ”

เอริคจ้องมองใบหน้าฉันนิ่ง เขาหยุดการกระทำทุกอย่าง ผละมือออกจากหน้าอก และเอวบางของฉัน เอนตัวพิงพนักโซฟาท่าทางสบายๆ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลงคล้ายกับว่าเขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ โดยไม่ได้แหย่เพื่อยั่วโมโหฉันอย่างที่เคย

ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่น มองเจ้าของตักแกร่งที่นั่งอยู่แล้วขมวดคิ้วมุ่น ถ้าจะบอกว่าฉันไม่อยากทำก็คงจะไม่ใช่… ถ้าจะบอกว่าเอริคบังคับก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน ฉันรู้ดีว่าในใจลึกๆ ฉันอยากทำแบบนี้กับเอริค แต่อีกใจหนึ่งก็ต่อต้านและพยายามบังคับให้ตัวเองผลักไสเข้าออก ฉันสับสน… มึนงง และไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงกับสถานการณ์นี้ บ้าจริง ฉันควรทำยังไงกับเอริคดี…

“ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะ แต่มันก็… ไม่รู้สิ ฉันบอกไม่ถูก”

“โมนา ทำในสิ่งที่เธอต้องการบ้างก็ได้”

“เอริค คือฉัน…”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเอริคฉันก็ชะงักไปเล็กน้อย อันที่จริง… ฉันไม่ค่อยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรืออยากทำสักเท่าไหร่ ฉันเอาแต่ทำงาน หลีกหนีจากเรื่องความสัมพันธ์เพราะเคยผิดหวังกับมันมาแล้วในอดีต ฉันไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แต่จิตใต้สำนึกส่วนลึกของฉันกลับมีความรู้สึกบางอย่างต่อเอริค…

มันก็จริง… ที่ฉันไม่เคยปฏิเสธการสัมผัสจากเขาเหมือนอย่างผู้ชายทุกคนที่พยายามจะแตะต้องเนื้อตัวจนฉันทนไม่ได้ เขาไม่เหมือนคนอื่น เอริคไม่เคยบังคับ หรือทำให้ฉันลำบากใจโดยเอาความเป็นเจ้านายหรือหน้าที่การงานมาขู่ฉันอย่างที่เคยเจอ แล้วน่าแปลกมากกว่านั้นคือ… เพราะเป็นเขาฉันถึงสบายใจ และโล่งใจถึงได้ทำหน้าที่เป็นเลขา แม้ว่าเขาจะชอบกวนประสาทไปบ้างก็ตาม

แต่มันจะแค่นั้นจริงๆ เหรอ? สำหรับความรู้สึกที่ฉันมีต่อเอริค มันจะเป็นแค่เพราะเขาทำให้ฉันสบายใจ และมีความต้องการเรื่องเซ็กส์กับเขาแค่นั้นจริงๆ งั้นเหรอ…

“ว่ายังไงโมนา ถ้าเธอไม่อยากทำต่อ… ฉันก็ไม่บังคับหรอกนะ”

เอริคยักไหล่ เลิกคิ้วเข้มมองใบหน้าฉันเป็นเชิงถามอีกครั้ง เขาแอบถอนหายใจและขบสันกรามเมื่อสายตาคมเหลือบมองลงมายังเนินอกเต่งตึงที่คอเสื้อเปิดอ้าอยู่

ฉันเม้มปาก หัวใจเต้นตึกตักอย่างประหม่าปนตื่นเต้นไปหมด ยิ่งเอริคยกยิ้มรู้ทันเมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบคำถาม และเอาแต่นั่งหน้าแดงอยู่บนตักแกร่ง ฉันก็ยิ่งหลับตาพริ้มพลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะขยับขาเรียวข้างหนึ่งเปลี่ยนไปนั่งคร่อมเขาแทน

“เดี๋ยวคุณจะหาว่าฉันไร้เดียงสาอีกน่ะสิ ที่จริงฉันก็ไม่ค่อยอยากจะทำ แต่เห็นว่าถึงเวลาพักเที่ยงแล้วก็… อื้อ!”

ท่อนแขนแข็งแรงคว้าเอวบาง แล้วดึงตัวฉันเข้าไปแนบชิดกับแผงอกกำยำ พร้อมกับรสจูบแสนเร่าร้อนรุนแรงที่ขบเม้มอยู่บนริมฝีปากอิ่มอย่างหิวกระหาย ฉันได้แต่ยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอแกร่ง เผยอริมฝีปากออกเพื่อให้ลิ้นเปียกชื้นเข้ามาตวัดลิ้นเล็กได้ถนัดมากขึ้น ความวาบหวาม ร้อนแรงแผดเผาไปทั่วร่างจนฉันเผลอครางเสียงเบาหวิวอย่างลืมตัว…

“หึ เธอไม่ได้ไร้เดียงสาหรอกโมนา… แต่เธอหวานเกินไปจนฉันอดใจไม่ไหว”

“เอริค… อ๊ะ”

หมับ!

ฉันสะดุ้งทันทีที่ฝ่ามือหนาล้วงเข้าไปในกระโปรงแล้วค่อยๆ ลูบไล้เรียวขาเนียนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงสะโพกกลมกลึง เอริคยกยิ้มมุมปาก สายตาคมดุดันจดจ้องมองใบหน้าฉันอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็บีบสะโพกฉันแรงๆ อย่างมันเขี้ยว

“ไปตรงหน้าต่างนั่นดีกว่า”

พรึ่บ!

“คุณ… คุณจะทำอะไร ฉันจะตก!” ฉันรีบคล้องแขนรอบคอแกร่งแน่นกว่าเดิม พร้อมกับตวัดขาเรียวรอบเอวสอบด้วยความรวดเร็ว เมื่อฝ่ามือหนาทั้งสองข้างจับสะโพกกลมกลึงยกขึ้น เอริคไม่พูดอะไร เขาได้แต่ยกยิ้มกวนประสาทใส่ฉันไม่เลิก แล้วเดินไปยังชั้นวางของเล็กๆ ริมขอบหน้าต่างห้องประชุม ก่อนจะวางฉันลงบนนั้น

“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ มาตรงนี้ทำไม…”

“เปลี่ยนบรรยากาศไง หรือเธอชอบตรงโซฟางั้นเหรอ”

“ก็… เปล่าหนิ ฉันไม่ได้ชอบ… อ๊ะ”

“หึ แล้วทำไมไม่ยิ้มให้ฉันเหมือนยิ้มให้คาลอฟท์บ้างล่ะ”

ร่างสูงโน้มลงมาซุกไซ้ซอกคออย่างหยอกเย้าพลางเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำติดจะแหบพร่าหน่อยๆ ท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดเอวบางพร้อมกับยกตัวฉันขึ้นเล็กน้อย แล้วมือหนาก็ค่อยๆ เกี่ยวชั้นในตัวบางออกจากสะโพกกลมกลึงช้าๆ

“ไม่อยากตอบงั้นเหรอโมนา”

“คุณอย่ามากวนประสาทฉันตอนนี้นะเอริค… อื้อ!” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ฝ่ามือหนาก็ดันบราเซียร์ฉันขึ้นแล้วโน้มลงมางับยอดอกที่แข็งชูชันเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ฉันจิกเล็บไปบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบเอวบางเพื่อกลั้นเสียงคราง พลางซบใบหน้าบนบ่ากว้างแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง

“อื้อ เอริค…”

“เป็นอะไร เธอยังไม่ตอบคำถามเลย”

“อย่า… อย่าแกล้งฉันแบบนี้ จะตอบทีหลัง…อ๊ะ” เอริคยกยิ้มอย่างพอใจ นิ้วเรียวยาวเค้นคลึงจุดเสียวกลางกายแล้วค่อยๆ ดุนดันเข้ามาภายในตัวฉันอย่างใจเย็น…

ดวงตาที่หรี่ปรือจ้องมองใบหน้าหล่อเหลา เมื่อเขาขยับนิ้วเข้าออกเนิบนาบช้าๆ เหมือนอยากจะแกล้งกัน ฉันคล้องแขนรอบลำคอแกร่งอีกครั้ง ข่วนเล็บไปบนแผ่นหลังกว้างเป็นการเอาคืน…

“หึ โมนา ถ้าทำแบบนี้ฉันจะไม่อดทนแล้วเหมือนกัน”

ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวเมื่อเอริคไม่พูดเปล่า แต่เขากลับรูดซิปกางเกงยีนส์ แล้วเอื้อมไปหยิบถุงยางอนามัยที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังขึ้นมาฉีกต่อหน้าต่อตาจนฉันที่กำลังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนชั้นมองเขาด้วยความประหม่าไปหมด ให้ตายสิ! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันกับเอริคสักหน่อย ทำไมต้องหน้าแดงเพราะเห็นอะไรต่อมิอะไรแสนใหญ่โตของเขาด้วยเนี่ย… ตั้งสติไว้ยัยโมนา!

Options

not work with dark mode
Reset