Double รักร้ายคูณสอง 0

ตอนที่ 0

“หวังว่าคงไม่มีเจ้านายหัวงูแบบทุกทีนะ”

ฉันยืนมองตึกสูงใหญ่ดูหรูหราสวยสง่าด้านหน้าแล้วหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เหอะ ฉันเพิ่งลาออกจากงานเพราะไอ้หัวหน้าเฮงซวยที่ชอบลวนลามจับนิดจับหน่อยน่ะสิ เมียก็มียังจะมาทำแบบนี้กับฉันอีก น่าจะตบสักทีก่อนยื่นใบลาออกด้วยซ้ำ คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่วันนี้วันดีฉันจะมาอารมณ์เสียไม่ได้นะ!

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ?”

“สวัสดีค่ะ พอดีฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ” ฉันหันไปยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้พนักงานหญิงแต่งตัวดูดีที่เดินมาถามแล้วพยักหน้าหงึกหงักกลับไปให้เธอทันที ให้ตายเถอะ ข้างนอกว่าหรูแล้วพอเข้ามาภายในบริษัทอย่างกับอยู่ในโรงแรมห้าดาวหรูๆ แหน่ะ

“สักครู่นะคะ”

“ได้ค่ะๆ” พนักงานคนเดิมเดินมาบอกฉันเสร็จก็เดินไปเคาะประตูใหญ่สีน้ำตาลทองด้านหลัง แต่เธอเข้าไปในนั้นไม่ถึงนาทีก็เดินออกมาพลางเปิดประตูเชิญให้ฉันเข้าไปข้างใน

”เข้าไปพบท่านประทานได้เลยค่ะ”

ฉันยิ้มดีใจปนตื่นเต้นก่อนจะรีบตั้งสติแล้วเดินเข้าไปในห้องท่านประธาน ทันทีที่เข้ามาก็พบกับผู้ชายท่าทางน่าเกรงขามที่ถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตามเงยหน้าจากเก้าอี้ทำงานราคาแพงขึ้นมามองฉันพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้เป็นการทักทาย

“สะ… สวัสดีค่ะ”

เสียงที่เอ่ยบอกท่านประธานสั่นเล็กน้อยโดยที่ฉันไม่ควบคุมไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยมาสัมภาษณ์งานแต่ตอนนี้มันต่างกันน่ะสิ ทำไมท่านประธานที่นี่ถึงดูมีอิทธิพลจนแผ่อำนาจออกมาขนาดนี้เนี่ย…

“ชื่ออะไรล่ะเรา?” ท่านประธานพยักหน้าแล้วยิ้มส่งมาให้เล็กน้อย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยที่ท่านคงไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

“โมนา ดีแลนด์ค่ะ”

“สมัครตำแหน่งเลขาเหรอ“

“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก ท่านประธานก้มลงอ่านแฟ้มประวัติฉันในมือนิ่งๆ แล้วทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่าจะไม่เกร็งแล้วซะอีก แต่ยิ่งท่านเงียบฉันก็ยิ่งลุ้นจนเหงื่อออกไปหมดแล้วเนี่ย

“ถ้าอย่างงั้นฉันจะไม่สัมภาษณ์อะไรมากมายแล้วกัน ขอแค่เธอทำสิ่งหนึ่งได้สำเร็จฉันจะรับเข้าทำงานทันที”

“คะ?”

ฉันยืนมึนงงอยู่ที่เดิมทันทีที่ได้ยินท่านประธานมองฉันที่ทำหน้าตาสงสัยแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้ จากนั้นท่านก็พับเก็บแฟ้มประวัติฉันวางลงบนโต๊ะทำงานหรูด้านหน้าแทน

“หนูจะรับข้อเสนอของฉันมั้ย?”

“เอ่อ… ข้อเสนออะไรเหรอคะ?” เดี๋ยวก่อน… นี่อย่าบอกนะว่าท่านประธานจะเป็นเหมือนไอ้หัวหน้าเฮงซวยหัวงูพวกนั้นที่ฉันเคยเจอน่ะ!

“ลูกชายฉันมันไม่ชอบเข้ามาทำงานที่บริษัท เลขาคนไหนก็ไม่มีใครสามารถทำให้มันมาทำงานได้เลย ถ้าหนูทำให้มันเข้ามาทำงานวันนี้ได้ฉันจะรับเข้าทำงานทันที แถมเพิ่มเงินเดือนให้ด้วยอีกสองหมื่น”

ดวงตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อได้ยินเรื่องเงินเดือน โอ้แม่เจ้า! เพิ่มอีกสองหมื่นงั้นเหรอ?! ฉันกะพริบตาปริบๆ มองท่านประธานอีกครั้ง หนูขอโทษนะคะที่ไปกล่าวหาว่าท่านเป็นหัวหน้าเฮงซวยหัวงูแบบนั้น หนูผิดไปแล้วค่ะ

“จะรับข้อเสนอของฉันมั้ย? หรือว่า…”

“รับค่ะ” ฉันตอบรับข้อเสนอนั้นทันที จะต้องคิดอะไรให้มากอีกล่ะ แค่ได้ยินคำว่าเพิ่มเงินเดือนอีกตั้งสองหมื่นตอนนี้ฉันก็พร้อมทำได้ทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อยเลยนั้นแหละ

“งั้นนี่เป็นคีการ์คคอนโดของเอริคลูกชายฉัน ตอนนี้มันคงกำลังนอนยังไม่ตื่น ทำยังไงก็ได้ให้มันมาทำงานที่บริษัทให้ได้”

ฉันยื่นมือไปรับคีการ์ดที่ท่านประธานส่งมาให้ แล้วชื่อคอนโดหรูสุดแสนจะแพงก็โชว์เด่นเป็นสง่าอยู่บนคีการ์ดจนมือฉันที่ถืออยู่ถึงกับสั่นเกือบทำหล่นลงพื้น โอ้โห… เป็นบุญมือฉันจริงๆที่ได้ถือมันเนี่ย

“ค่ะ โมนาจะทำทุกทางให้คุณเอริคมาทำงานให้ได้ค่ะท่านประธาน” ฉันยิ้มกว้างอย่างสดใสแล้วบอกด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เอาน่า… แค่ไปปลุกลูกชายเจ้านายมาทำงานมันจะไปยากอะไรขนาดนั้นกันเชียว คนอย่างโมนาทำได้อยู่แล้วล่ะย่ะ!

@คอนโด XS

ขาเรียวก้าวลงจากรถยนต์ฮอนด้าสีขาวแสนน่ารักทันทีที่จอดรถเสร็จ ฉันหันไปมองลูกรักที่มีบีเอ็มดับเบิลยูกับแลมโบกินี่สุดหรูรุ่นล่าสุดจอดอยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่ส่งกำลังใจไปให้ ไม่เอานะลูกฮอนด้าน้อยของแม่ อย่าเพิ่งน้อยใจไป ยังไงเราก็สวยน่ารักปุ๊กปิ๊กกว่าตั้งเยอะ เหอะ!

“แล้วเขาอยู่ชั้นไหนล่ะเนี่ย…”

พอเข้ามาในลิฟต์ฉันก็หยิบคีการ์ดขึ้นมาดูชั้นอีกครั้ง ก่อนจะแตะไปทั่วลิฟต์ ก่อนจะเห็นว่าเป็นชั้นบนสุด แถมเหมือนชั้นนั้นยังมีไม่กี่ห้องอีกต่างหาก จะว่าไปฉันก็รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ เหมือนกันแฮะ เพิ่งเคยมาที่พักหรูหราขนาดนี้เป็นครั้งแรกด้วยสิ ให้ตายเถอะ ไม่รวยจริงอยู่ไม่ได้นะเนี่ยชั้นบนสุดเนี่ย!

ติ๊ง!

ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกฉันก็ยืนมองดูหมายเลขห้องด้านหน้ากับหมายเลขบนคีการ์ดตาปริบๆ เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง พอเห็นว่าตรงกันก็จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูเรียบร้อยกว่าเดิม ก่อนจะจิ้มนิ้วชี้ไปกปุ่มออดด้านข้างบานประตูห้องเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท แต่กดตั้งนานก็ไม่มีใครมาเปิดสักทีเลยต้องใช้คีการ์ดที่ได้มาให้เป็นประโยชน์โดยการเปิดเข้าไปเองซะเลย และพอเข้ามาภายในห้องฉันถึงกับตกตะลึงในความสวยงามกับการตกแต่งสไตล์ผู้ชายเท่ๆ ที่เข้ากันอย่างลงตัว มันเป็นการตกแต่งที่แตกต่างจากคอนโดฯ ทั่วไปที่ฉันเคยเห็นมากเลยทีเดียว

“ห้องนอนอยู่ไหนล่ะเนี่ย?”

ฉันรวบรวมสติแล้วสอดส่ายสายตาไปจนทั่วห้อง จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูที่คิดว่าคงเป็นห้องนอนออกแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็น เห็นร่างกายสูงใหญ่กำลังนอนแผ่สบายใจอยู่บนเตียงอย่างไม่สะทกสะท้าน ฉันเดินดุ่มๆ ไปยืนข้างเตียงนอนแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ฟังดูสดใสสุดๆ

“นี่คุณเอริคคะ ไปทำงานได้แล้วค่ะ”

“ใคร” เสียงทุ้มเข้มแหบต่ำเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด ฉันขมวดคิ้วแล้วพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมจนร่างสูงที่นอนอยู่ชะงักเล็กน้อย

“ไปทำงานได้แล้วค่ะ!”

พรึ่บ!

“หนวกหู”

“อ๊ะ… ปล่อยฉันนะ อุ๊บ!”

ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่จู่ๆ ฝ่ามือหนาก็จับข้อมือบางแล้วดึงฉันเข้าไปใกล้จนตัวฉันล้มลงไปนอนบนเตียงข้างเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นเขาก็เอามืออีกข้างมาปิดปากฉันไว้พร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงกอดล็อกรอบเอวฉันแน่น ว้อท?! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!!

“อื้อ อ่อยอั้นอ้ะ!” ฉันดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังกอดรัดเอวบางไว้แน่นทันทีที่ตั้งสติได้ ก่อนจะตะโกนบอกเขาเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ตะโกนเท่าไหร่มือหนาก็ยังคงปิดปากฉันไว้เหมือนเดิม

หมับ!

“หนวกหู จะนอน”

เอริคจับตัวฉันพลิกหันหน้าไปทางเขาจนริมฝีปากอิ่มแตะไปบนแผงอกกำยำเปลือยเปล่า ฉันกะพริบตาปริบๆ เมื่อ สายตามองเห็นรอยสักรูปราชสีห์ที่อยู่ตรงอกข้างซ้ายยาวขึ้นไปถึงหัวไหล่แกร่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับไหลพร้อมคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด แต่มันกลับไม่สามารถทำให้ความหล่อของเขาลดลงสักนิดเดียว ให้ตายเถอะ เขาดูเท่กว่าเดิมซะอีก เดี๋ยวนะ… ฉันสะบัดหัวเพื่อควบคุมสติของตัวเองแล้วใช้มือดันหน้าท้องที่มีแต่กล้ามเนื้อซิกแพคแน่นๆ ให้ออกห่าง

“คะ… คุณเอริคคะ ไปทำงานค่ะ!”

“…” เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆทั้นสิ้น มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังออกมาพร้อมกับกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่จางๆ จากร่างสูงที่ยังคงนอนกอดฉันไว้แน่น ฉันเลยต้องออกแรงและพยายามดันตัวเขาออกอีกครั้ง ไอ้” จู่ๆ เอริคพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างฉันไว้ด้วยความรวดรวดเร็ว ฉันอ้าปากพะงาบๆ ตกใจจนพูดไม่ออก อยากจะตะโกนด่าออกไปดังๆ แต่เสียงมันกลับหายลงไปในลำคอ พอก้มลงมองก็เห็นมือหนากำลังจับหน้าอกฉันแล้วบีบเค้นอย่างสนุกเหมือนมันเป็นของเล่น ฉันขมวดคิ้วพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นด้วยความโกรธเคือง ใจเย็นโมนา… เพื่องานและเงินเดือนมากมายนั่น ท่องไว้สิยะ!

“นิ่มจังวะ”

เสียงเข้มแหบพร่าเอ่ยขึ้นโดยที่เขายังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ ฉันกำมือไว้แน่น ตัวสั่นหน่อยๆ ด้วยความโมโหแล้วพอสายตาไปพบว่าเขาใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวบางเส้นความอดทนของฉันก็ขาดผึ่งทันที ไม่ทงไม่ทนมันแล้วโว้ยยย!

ผลั่ก! ตุบ!

“ไอ้ลามก!”

“อึก… อะไรวะ!” เอริคลืมตาแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนหลังจากที่ฉันออกแรงถีบเข้าไปที่หน้าท้องที่มีซิกแพคแน่นๆ นั่นด้วยความโมโหปนขุ่นเคืองไม่หายจนเขาล้มลงไปบนพื้นข้างเตียง จากนั้นฉันก็รีบลุกไปยืนข้างเตียงใหญ่ จัดเสื้อหน้าหน้าผมที่ฟูไม่เป็นทรงของตัวเองให้ดูเรียบร้อยมากกว่าเดิม แล้วหายใจสูดเอาอากาศเข้าปอดเพื่อข่มอารมณ์เดือดปุดๆ ในหัวออก ก่อนจะเงยหน้าบอกเขอีกครั้ง

สายตาคมจดจ้องมองใบหน้าฉันนิ่ง เอริคเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำราบเรียบอย่างไม่สบอารมณ์ คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนฉันแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว แต่ถึงเขาจะน่ากลัวยังไงฉันก็ไม่ยอมแพ้เลยเชิดหน้าแล้วตอบเขาด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านกลับไปเหมือนกัน

“ฉันเป็นเลขาคนใหม่ค่ะ รู้แล้วก็รีบไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ… คุณเอริค”

“เลขาคนใหม? เธอชื่ออะไร”

เสียงเข้มที่ต่ำลงกว่าเดิมทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังอดทนไม่ให้โมโหมากเกินไป ฉันกลืนน้ำลายลงคอออึกหนึ่งเพื่อรวบรวมสติจากนั้นก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย

“โมนาค่ะ… โมนา ดีแลนด์”

“หึ โมนา เมื่อกี้เธอถีบฉันงั้นเหรอ”

“กะ… ก็คุณ” เอริคยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ส่วนฉันก็ตอบรับตะกุกตะกักอย่างหวั่นๆเพราะท่าทางของเขาดูจะโมโหจริงๆ แต่มันช่วยไม่ได้นี่! เอริคอยากมาทำแบบนั้นกับฉันก่อนทำไมกันล่ะ!

“ฉันทำไม?”

“คุณจับ… จับ“

“จับอะไร?” ร่างสูงเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย ฉันกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น มองสบกับสายตาคมดุดันด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโพล่งออกไปอย่างหมดความอดทน

“คุณจับหน้าอกฉันไงล่ะ!”

“…”

เสียงตะโกนของฉันทำให้เอริคหยุดเดินเข้ามาใกล้ทันที เขามองใบหน้าฉันนิ่ง สักพักก็ไล่สายตาคมลงมาที่หน้าอกของฉันอย่างไม่ปิดบัง จนฉันต้องรีบยกแขนขึ้นมากอดอกไว้แล้วถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“ลามก!”

ฟุ่บ!

“จะนอนต่อ กลับไปซะ” แต่จู่ๆ เอริคก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่อีกครั้ง โดยที่ฉันได้แต่ยืนมองเขาตาปริบๆ ด้วยความงุนงง อะไรของเขาน่ะ คิดจะนอนต่อก็นอนแบบนี้เลยเรอะ!

“แต่คุณต้องไปทำงานที่บริษัทนะคะ”

“อย่ากวน”

พรึ่บ!

“ลุกได้แล้วค่ะ!” ฉันเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มออกแล้วตะโกนบอกเสียงดังเพื่อให้เขาลุกจากเตียงนอนสักที เอริคลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับคิ้วเข้มขมวดมุ่นมากกว่าเดิมแล้วจ้องมาทางฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างน่ากลัว

“รู้มั้ย ถ้ากวนเวลาฉันนอนจะเป็นยังไง”

“ไม่รู้ค่ะ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องพาคุณเข้าไปทำงานที่บริษัทให้ได้”

แต่ถึงสายตาคมที่จ้องมองใบหน้าฉันอยู่มาจะน่ากลัวขนาดไหน ฉันก็จะไม่มีวันยอมแพ้เรื่องนี้เป็นอันขาด! เงินเดือนที่มากมายและงานเลขาที่นี่ฉันต้องได้มันมา!

หมับ! ตุบ!

“ถ้าอยากให้ไปบริษัท ก็ทำให้ฉันพอใจสิ”

“นี่คุณ!” ฉันเบิกตาโพลงเมื่อฝ่ามือหนาจับข้อมือบางแล้วดึงตัวฉันเข้าไปใกล้จนฉันขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนซิกแพคของเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มือหนาอีกข้างก็จับต้นขาฉันไว้แน่น กระโปรงทำงานที่ยาวเลยเข่ามานิดหน่อยตอนนี้มันเลื่อนขึ้นมาสูงแทบจะเห็นกางเกงในสีแดงของฉันหมดแล้ว ให้ตายสิ!

“หึ”

“ปล่อยฉันนะคุณเอริค!” ฉันจิ๊ปากแล้วเอ่ยบอกเขาด้วยความขุ่นเคือง พยายามดึงข้อมือออกจากฝ่ามือหนา แต่เอริคกลับจับเอาไว้แน่นมากกว่าเดิมซะอีก

“อยากให้ฉันไปบริษัทไม่ใช่รึไง โมนาดีแลนด์”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง… คุณถึงจะยอมไป”

ฉันจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความหงุดหงิด พลางหายใจแรงเพื่อควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเอง อดทนไว้โมนา ถึงแม้ตอนนี้มันจะอดได้ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม แต่ใจเย็นไว้ ท่องไว้… เพื่องานและเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นตั้งสองหมื่นเชียวนะยะ!

“ฉันหิว ไปทำอะไรมาให้กินหน่อย”

“เอ๊ะ… อะไรนะคะ?!” ฝ่ามือหนาปล่อยข้อมือบางออก แต่ฉันก็ยังคงนั่งอยู่บนซิกแพคแน่นๆ ด้วยความงุนงงไม่หาย ให้ตายสิ ฉันตามอารมณ์ของเอริคไม่ทันแล้วนะ จู่ๆ ก็บอกให้ฉันไปทำอะไรให้กินงั้นเหรอ?! บ้าชะมัดเลย!

“หรือที่ยังนั่งอยู่นี่… จะให้กินเธอแทนใช่รึไง”

เสียงเข้มต่ำเอ่ยบอกเรียบนิ่งพร้อมกับสายตาคมดุดดันมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ฉันกัดริมฝีปากล่าง แล้วรีบกระโดดลุกออกจากการนั่งคร่อมตัวเขาไปยืนบนพื้นข้างเตียงใหญ่ด้วยความรวดเร็ว

“งั้นรอสักครู่ค่ะ!”

พอหันไปกระแทกเสียงบอกเอริคจบ ฉันก็เดินออกจากห้องนอนของเขาไปทางห้องครัวทันที บ้าจริง นี่ตกลงฉันมาสมัครเป็นเลขาหรือแม่บ้านกันแน่เนี่ย! “หวังว่าคงไม่มีเจ้านายหัวงูแบบทุกทีนะ”

ฉันยืนมองตึกสูงใหญ่ดูหรูหราสวยสง่าด้านหน้าแล้วหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เหอะ ฉันเพิ่งลาออกจากงานเพราะไอ้หัวหน้าเฮงซวยที่ชอบลวนลามจับนิดจับหน่อยน่ะสิ เมียก็มียังจะมาทำแบบนี้กับฉันอีก น่าจะตบสักทีก่อนยื่นใบลาออกด้วยซ้ำ คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่วันนี้วันดีฉันจะมาอารมณ์เสียไม่ได้นะ!

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ?”

“สวัสดีค่ะ พอดีฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ” ฉันหันไปยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้พนักงานหญิงแต่งตัวดูดีที่เดินมาถามแล้วพยักหน้าหงึกหงักกลับไปให้เธอทันที ให้ตายเถอะ ข้างนอกว่าหรูแล้วพอเข้ามาภายในบริษัทอย่างกับอยู่ในโรงแรมห้าดาวหรูๆ แหน่ะ

“สักครู่นะคะ”

“ได้ค่ะๆ” พนักงานคนเดิมเดินมาบอกฉันเสร็จก็เดินไปเคาะประตูใหญ่สีน้ำตาลทองด้านหลัง แต่เธอเข้าไปในนั้นไม่ถึงนาทีก็เดินออกมาพลางเปิดประตูเชิญให้ฉันเข้าไปข้างใน

”เข้าไปพบท่านประทานได้เลยค่ะ”

ฉันยิ้มดีใจปนตื่นเต้นก่อนจะรีบตั้งสติแล้วเดินเข้าไปในห้องท่านประธาน ทันทีที่เข้ามาก็พบกับผู้ชายท่าทางน่าเกรงขามที่ถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตามเงยหน้าจากเก้าอี้ทำงานราคาแพงขึ้นมามองฉันพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้เป็นการทักทาย

“สะ… สวัสดีค่ะ”

เสียงที่เอ่ยบอกท่านประธานสั่นเล็กน้อยโดยที่ฉันไม่ควบคุมไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยมาสัมภาษณ์งานแต่ตอนนี้มันต่างกันน่ะสิ ทำไมท่านประธานที่นี่ถึงดูมีอิทธิพลจนแผ่อำนาจออกมาขนาดนี้เนี่ย…

“ชื่ออะไรล่ะเรา?” ท่านประธานพยักหน้าแล้วยิ้มส่งมาให้เล็กน้อย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยที่ท่านคงไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

“โมนา ดีแลนด์ค่ะ”

“สมัครตำแหน่งเลขาเหรอ“

“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก ท่านประธานก้มลงอ่านแฟ้มประวัติฉันในมือนิ่งๆ แล้วทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่าจะไม่เกร็งแล้วซะอีก แต่ยิ่งท่านเงียบฉันก็ยิ่งลุ้นจนเหงื่อออกไปหมดแล้วเนี่ย

“ถ้าอย่างงั้นฉันจะไม่สัมภาษณ์อะไรมากมายแล้วกัน ขอแค่เธอทำสิ่งหนึ่งได้สำเร็จฉันจะรับเข้าทำงานทันที”

“คะ?”

ฉันยืนมึนงงอยู่ที่เดิมทันทีที่ได้ยินท่านประธานมองฉันที่ทำหน้าตาสงสัยแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้ จากนั้นท่านก็พับเก็บแฟ้มประวัติฉันวางลงบนโต๊ะทำงานหรูด้านหน้าแทน

“หนูจะรับข้อเสนอของฉันมั้ย?”

“เอ่อ… ข้อเสนออะไรเหรอคะ?” เดี๋ยวก่อน… นี่อย่าบอกนะว่าท่านประธานจะเป็นเหมือนไอ้หัวหน้าเฮงซวยหัวงูพวกนั้นที่ฉันเคยเจอน่ะ!

“ลูกชายฉันมันไม่ชอบเข้ามาทำงานที่บริษัท เลขาคนไหนก็ไม่มีใครสามารถทำให้มันมาทำงานได้เลย ถ้าหนูทำให้มันเข้ามาทำงานวันนี้ได้ฉันจะรับเข้าทำงานทันที แถมเพิ่มเงินเดือนให้ด้วยอีกสองหมื่น”

ดวงตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อได้ยินเรื่องเงินเดือน โอ้แม่เจ้า! เพิ่มอีกสองหมื่นงั้นเหรอ?! ฉันกะพริบตาปริบๆ มองท่านประธานอีกครั้ง หนูขอโทษนะคะที่ไปกล่าวหาว่าท่านเป็นหัวหน้าเฮงซวยหัวงูแบบนั้น หนูผิดไปแล้วค่ะ

“จะรับข้อเสนอของฉันมั้ย? หรือว่า…”

“รับค่ะ” ฉันตอบรับข้อเสนอนั้นทันที จะต้องคิดอะไรให้มากอีกล่ะ แค่ได้ยินคำว่าเพิ่มเงินเดือนอีกตั้งสองหมื่นตอนนี้ฉันก็พร้อมทำได้ทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อยเลยนั้นแหละ

“งั้นนี่เป็นคีการ์คคอนโดของเอริคลูกชายฉัน ตอนนี้มันคงกำลังนอนยังไม่ตื่น ทำยังไงก็ได้ให้มันมาทำงานที่บริษัทให้ได้”

ฉันยื่นมือไปรับคีการ์ดที่ท่านประธานส่งมาให้ แล้วชื่อคอนโดหรูสุดแสนจะแพงก็โชว์เด่นเป็นสง่าอยู่บนคีการ์ดจนมือฉันที่ถืออยู่ถึงกับสั่นเกือบทำหล่นลงพื้น โอ้โห… เป็นบุญมือฉันจริงๆที่ได้ถือมันเนี่ย

“ค่ะ โมนาจะทำทุกทางให้คุณเอริคมาทำงานให้ได้ค่ะท่านประธาน” ฉันยิ้มกว้างอย่างสดใสแล้วบอกด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เอาน่า… แค่ไปปลุกลูกชายเจ้านายมาทำงานมันจะไปยากอะไรขนาดนั้นกันเชียว คนอย่างโมนาทำได้อยู่แล้วล่ะย่ะ!

Options

not work with dark mode
Reset