Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ 61

ตอนที่ 61

ตอนนี้เฉินโจวอี้คิดถึงน้องสาวขึ้นมาในทันที ในใจของเขาเริ่มรู้สึกเป็นกังวลโดยไม่รู้ตัว

อายุช่วง 15-16 นี่มันช่วงอายุของน้องสาวเขานี่นา

ขณะที่เขากำลังจะรีบกลับบ้านไปดูน้องสาวนั้น รถเก๋งสีดำสองคำขับเข้ามาจอดบริเวณฝูงชนอย่างรวดเร็ว

เสียงยางรถเสียดสีกันดังขึ้น

จากนั้นเสียงกระแทกปิดประตูรถดังขึ้นติดต่อกัน

ชายแปดคนสวมชุดสูทสีดำเดินลงมาจากประตูรถแต่ละฝั่งของตัวเอง

” หลีก หลีก! หลีกทางให้หมด ไม่ต้องล้อมที่นี่แล้ว! “

ทั้งแปดคนนี้มีสีหน้าไร้อารมณ์ ลักษณะดูแข็งแกร่ง ก้าวเดินอย่างรวดเร็วดูน่าเกรงขาม ทำให้บรรดาฝูงชนเพียงแค่เห็นก็เกิดความกลัว พอพวกเขาเห็นจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุ

ฝูงชนรีบแหวกทางเดินให้พวกเขา

หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านไปแล้ว พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะข้ามเส้นแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งดูเหมือนเตรียมจะเดินไปหยุดพวกเขา แต่ถูกตำรวจอายุมากคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างห้ามไว้ ก่อนจะเอ่ยเตือน ” อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า พวกเขาเป็นคนของฝั่งนั้น “

ตำรวจหนุ่มคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าทันที แววตาของเขาเกิดความเคารพยำเกรง

” พวกเราคือแผนกสืบสวนพิเศษ ที่นี่ให้พวกเรารับช่วงต่อเอง ” ชายสวมสูทดำคนหนึ่งที่เดินนำมาหยิบเอกสารแสดงตนจากกระเป๋าตรงหน้าอกออกมาแกว่งไปมา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส

เขาอายุประมาณ 30-40 ปี รูปร่างสูงใหญ่ หน้ารูปเหลี่ยมดูจริงจัง ให้ความรู้สึกชอบธรรมน่ายำเกรงต่อผู้คน

ในไม่ช้าตำรวจวัยกลางคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนหัวหน้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนจับมือกัน ” ได้ยินชื่อเสียงของผู้บังคับบัญชาเซี่ยมานานแล้ว ชื่อเสียงของท่านมีมาอย่างยาวนาน “

” รองผู้บัญชาการเติ้งสุภาพเกินไปแล้ว ถ้าให้เทียบกับผู้บังคับบัญชาเซี่ย ผมชอบให้คุณเรียกผมว่าผู้บัญชาการเซี่ยมากกว่า ” ชายสวมสูทดำรีบชักมือกลับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

ตำรวจวัยกลางคนไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจ พูดจาลื่นไหลราวสายน้ำ ” ผู้บัญชาการเซี่ยมีอะไรให้ช่วยไหมครับ? “

” ช่วยงั้นหรอ? ไม่ล่ะเรื่องนี้อันตรายมาก พวกคุณกลับไปได้แล้ว “

….

เฉินโจวอี้ดูเหตุการณ์ไปสักพัก แล้วหมุนตัวเดินออกไป

ในตอนนี้เองชายสวมสูทที่เป็นผู้นำ จู่ๆ ก็มองไปยังเงาของเด็กหนุ่มที่เดินออกไป พลางขมวดคิ้วขึ้น

” มีอะไรหรือเปล่าครับ ผู้บัญชาการ! “

” ไม่มีอะไร พวกเราเข้าไปกันเถอะ! ” เขาดึงสติกลับมา สีหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดูเหมือนตัวเขาเองจะกังวลมากเกินไป แค่เด็กวัยรุ่นคนเดียวจะสามารถทำให้เขารู้สึกเป็นอันตรายได้อย่างไร

….

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉินโจวอี้ค่อนข้างเป็นกังวลในใจ

การรุกรานของโลกที่แตกต่าง จะหมายถึงการที่บรรดาสาขาของเหล่าวิญญาณเทพจะแผ่ขยายมายังที่แห่งนี้หรือเปล่านะ!

มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!

ที่ผ่านมาทั้งสองโลกสามารถรักษาความสงบมาได้เกือบยี่สิบปี

แต่ไม่ใช่ว่าทั้งสองโลกจะรักสันติ

ดูจากประวัติศาสตร์ทางอารยธรรมของมนุษย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้ว แต่ไหนแต่ไรมนุษย์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่รักสันติ สงครามดูเหมือนจะกลายเป็นประเด็นที่คงอยู่ตลอดกาล

และสำหรับเหล่าทวยเทพแห่งโลกที่แตกต่างที่แสวงหาความศรัทธาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้น พวกเขาไม่ใช่สัตว์กินมังสวิรัติผู้แสนจะอ่อนโยนแน่นอน

เหตุที่ทั้งสองโลกสามารถรักษาความสงบมาได้อย่างยาวนานนั้น เป็นเพราะข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมของแต่ละโลก ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเข้าสู่โลกอีกฝั่ง ต่างก็ถูกจำกัดอย่างรุนแรง

ต่อให้มันแข็งแกร่งราวเทพเจ้าแต่เมื่อเข้าสู่โลกมนุษย์แล้ว พลังเทพจะแหลกสลายไปในทันที ความสามารถเหนือธรรมชาติจะเลือนหายไป อย่างมากที่สุดก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พอเผชิญหน้ากับอาวุธของมนุษย์ที่มีอำนาจทำลายล้างสูง จึงไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่น้อย

แต่ข้อจำกัดของมนุษย์มีมากกว่าบรรดาอาวุธเกือบทั้งหมด พอเข้าไปในโลกที่แตกต่างจะกลายเป็นกองเศษเหล็กทันที

ที่พูดว่าเกือบทั้งหมดในที่นี้ เป็นเพราะยังมีอาวุธอีกหนึ่งชนิดที่ยังคงสามารถใช้ได้

นั่นคืออาวุธนิวเคลียร์

อาวุธชนิดนี้เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมนุษยชาติที่อาศัยการฟิชชั่นและการฟิวชั่นของอะตอม มันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสนามพลังลึกลับของโลกที่แตกต่าง

ซึ่งเป็นอาวุธเดียวที่มนุษย์สามารถใช้ต่อกรกับโลกที่แตกต่างได้เลย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อจำกัดในการส่งมอบ ทำให้บทบาทของอาวุธชนิดนี้ลดลงไปอย่างมาก

ในช่วงหลายปีมานี้ ศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่สามารถกลายเป็นชาวยุทธได้ยังคงมีอยู่น้อยนิด

อย่างในกรณีของเมืองตงหนิงซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรเกือบหนึ่งล้านคน บรรดาชาวยุทธทั้งหมดคาดว่าไม่น่าจะเกินสิบคน

ส่วนชาวยุทธที่ยิ่งใหญ่นี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีเลยสักคน

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นชาวยุทธผู้ยิ่งใหญ่ ยังทำได้แค่สำรวจโลกที่แตกต่างอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าประมาทขึ้นมาอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้

ถ้าหากว่าโลกมนุษย์และโลกที่แตกต่างผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าความสงบสุขอันเปราะบางนี้จะถูกทำลายในทันที

พอถึงตอนนั้น มนุษย์จะมีอำนาจต่อกรได้ขนาดไหนกัน?

อีกอย่างจะมีสักกี่คนที่จะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงเมื่อเผชิญหน้ากับการล่อลวงของเทพเจ้าแห่งโลกที่แตกต่าง

ความเป็นความตายของมนุษย์เกิดความน่าหวาดกลัวขึ้นแล้ว

ความตายของมนุษย์รวมถึงความกลัวต่อความตายเป็นความกลัวพื้นฐานที่สุดของทุกชีวิต

ต่อให้เป็นเทพเจ้าจอมของปลอมก็ยังมีคนมากมายนับไม่ถ้วนศรัทธาในตัวมัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพเจ้าในโลกที่แตกต่างของจริงพวกนั้นเลย

….

หลายวันมานี้เนื่องจากตลาดทางการเกษตรเริ่มมีกำลังผลิตที่มั่นคงยิ่งขึ้น วันนี้ร้านอาหารที่บ้านของเขาจึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

พอเฉินโจวอี้กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่เขาหลีกเลี่ยงการบ่นของแม่เขาอย่างยากลำบากแล้ว จึงรีบถามหาถึงน้องสาวทันที

จนกระทั่งแม่ของเขาพูดขึ้นมาว่าน้องสาวพึ่งกลับมาถึงบ้าน เขาจึงจะโล่งใจ

ยังดีที่น้องสาวไม่เป็นอันตราย

หลังจากที่เขาเดินขึ้นไปบนบ้านแล้ว ก็เห็นเฉินซิงเยว่ที่มีใบหน้านิ่งเงียบกำลังถือดาบอัลลอยฝึกซ้อมอยู่ในห้องนั่งเล่น ขนาดเขาเข้ามา เธอยังไม่สังเกตเห็นเลย

อาจเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงนี้ ทำให้เธอกดดันเป็นอย่างมาก

เฉินโจวอี้มองไปสักพัก ขณะที่กำลังจะเตรียมกลับห้องนอนเอากระเป๋าเอกสารไปวางนั้น

ตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินซิงเยว่ก็แทงดาบมาทางแขนของเขา

เฉินโจวอี้ขยับร่างกายไปอีกด้านตามจิตใต้สำนึก จึงสามารถหลบหลีกดาบได้อย่างง่ายดาย

” อะไรเนี่ย เป็นบ้าหรือไงห๊ะ! “

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา แค่ชาวยุทธฝึกหัดอย่างน้องสาวเขานี้ ไม่ครณามือเขาหรอก ต่อให้เขาวอกแวกอยู่ ยังไงก็ยังหลบได้อย่างสบายๆ

เฉินซิงเยว่ไม่ได้พูดอะไร เธอยังคงฟาดดาบมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ยังไม่ยอมหยุดใช่ไหม!

เฉินโจวอี้เริ่มรำคาญ ถ้าเขาไม่หลบล่ะก็ คงได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าคงถูกดาบคมตัดขาดไปแล้ว

มือของเขาพุ่งไปจับสันดาบอัลลอยอย่างรวดเร็วราวกับเงา จากนั้นสะบัดเล็กน้อย แล้วออกแรงดึงดาบมา

วินาทีต่อมา ดาบอัลลอยในมือของเฉินซิงเยว่ได้ตกมาอยู่ในมือของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ” เฮ้ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย! “

” ฮื้อ! ” ทันใดนั้นอารมณ์ของเฉินซิงเยว่พังทลายลงในทันที เธอร้องไห้เสียงดังออกมา

เขาชะงักไป ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นมา เฉินโจวอี้ยังไม่เคยเห็นน้องสาวร้องไห้อีกเลย แถมยังร้องไห้หนักขนาดนี้ ร้องได้บ้าคลั่งอะไรเช่นนี้เนี่ย!

ทันใดนั้นเขาก็สังเกตได้ว่าน่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น

” ซิงเยว่ เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น? “

เฉินซิงเยว่ร้องไห้ถึงครึ่งนาทีเต็มๆ ถึงจะพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า ” พี่…..ฮึกๆๆ จางเชี่ยนหรูกับลู่ชูเยวียนตายแล้ว! “

เฉินโจวอี้ตกตะลึง!

สองคนนี้เป็นเพื่อนแท้ของเฉินซิงเยว่ ตอนแรกที่เฉินซิงเยว่ไปทดสอบชาวยุทธฝึกหัด เขายังเคยเจอพวกเธอเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะตายแล้ว

เขาถามขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า ” ตายได้ไง? “

” ถะ…..ถูกพวกนับถือลัทธินอกรีตฆ่าตาย “

จู่ๆ เฉินโจวอี้ก็นึกถึงบรรดาศพทั้งหลายที่ตำรวจหามไปในทันที จนเขารู้สึกหวาดกลัว

แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกได้ว่าเรื่องนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน ตอนที่เขามาตำรวจเพิ่งไปถึงที่เกิดเหตุได้ไม่นานนี่นา

เขารีบถามต่อ ” เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? “

” ตะ…..ตอนเช้า พะ…..พวกเธอมาหาฉันที่บ้านเพื่อมาชวนไปเดินเล่น สุดท้ายพวกเราพบคนแจกใบปลิวบนถนน เขาบอกว่าบริษัทเครื่องสำอางแห่งหนึ่งกำลังจะปิดกิจการในเร็วๆ นี้ เครื่องสำอางทั้งหมดจะถูกนำมาขายในราคาต่ำ พวกเราไม่ได้สงสัยอะไร ดะ…..ดังนั้นพวกเราจึงลองไปดู ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ใบหน้าซีดเซียว

หลังจากฟังคำพูดสะอึกสะอื้นของน้องสาวเฉินโจวอี้ก็เข้าใจในที่สุด

พอทั้งสามคนไปถึงที่นั้น ก็ถูกควบคุมตัวไว้ทันที เฉินซิงเยว่ไม่ได้ต่อต้าน

จากที่น้องสาวอธิบาย ภายในนั้นนอกจากบรรดาเด็กสาวยี่สิบกว่าคนที่ถูกหลอกมาแล้ว ยังมีพวกนับถือลัทธินอกรีตอีกหลายสิบคน ทุกคนต่างสวมเสื้อคลุมสีดำลึกลับ ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงได้

อีกอย่างคนเหล่านี้ทรงพลังมาก มีแม้กระทั้งชาวยุทธจริงๆ อยู่ในนั้น

เฉินโจวอี้คิดหนักในทันที เดิมทีเขานึกว่ามีแต่พวกคนธรรมดา มากสุดคงมีแค่ชาวยุทธฝึกหัด แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพวกชาวยุทธเข้าร่วมด้วย เขาจึงรีบถามเธอต่อทันที

” แล้วเธอหนีออกมาได้ยังไง? “

” ตะ…..ตอนที่กำลังทำพิธีกรรมอยู่ ตำแหน่งที่ฉันยืน…..อยู่ใกล้หน้าต่าง ฉันอาศัยตอนที่พวกมันไม่สนใจ ใจกล้าทุบกระจกจนแตกแล้วกระโดดลงมา ดะ…..ดีที่ตึกไม่สูง ที่ล่างตึกมีผ้าใบบังแดดของร้านอยู่ จึงไม่ตกลงไปตาย “

ตอนที่พูดถึงพิธีกรรม สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตัวของเธอสั่นเทา

” แต่…..เชี่ยนหรูกับชูเยวียนไม่ได้ออกมา หลังจากที่ฉันออกมาได้แล้วจึงรีบไปแจ้งตำรวจ แต่มันสายเกินไปแล้ว “

เฉินโจวอี้ฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วเกิดความกลัว เมื่อมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความรู้สึกผิดของเฉินซิงเยว่ ในใจของเขาเกิดไฟแห่งความโกรธแค้นทันที

Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่

Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 50 อ่านนิยาย ตอนที่ 51 – 60 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


พลังถูกฟื้นคืนกลับมา ศิลปะการต่อสู้มีเพิ่มมากขึ้น บนโลกเกิดเส้นทางเชื่อมต่อกับมิติที่ต่างออกไปมากมาย ชีวิตที่ไม่ธรรมดานับไม่ถ้วนเข้ามายังโลกมนุษย์ เกิดการบุกรุกจากเหล่าทวยเทพ ทำให้ถือกำเนิดกฎเกณฑ์มากมาย เหตุการณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้ง มนุษย์เริ่มต้นยุคสมัยแห่งวิวัฒนาการ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลายเป็นเจ้าของหนังสือแห่งความรู้ ที่สรุปการฝึกฝนทั้งหมดไว้ เป็นเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพลัง ผ่านมุมมองพระเจ้าของเขา ด้วยคุณสมบัติที่เหนือมนุษย์นี้ สู่การเริ่มต้นของการเดินทางที่สุดพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset