Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 219

ตอนที่ 219

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 219: อำนาจแห่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

ในขณะนั้น เจ้าอ้วนได้แต่ขอบคุณตัวเองในใจที่ดิ้นรนหาทรัพยากรมาเพื่อเปิดใช้งานสถานีสายฟ้าของเขา ‘ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานีสายฟ้า ข้าคงไม่สามารถปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้มากมายขนาดนี้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าข้าคงต้องตายในวันนี้! ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณ!’

เหลยซานเอ๋อตกใจทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือมันยากมากถ้าหากนางต้องจัดการสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากถึงสามร้อยครั้งและการทำเช่นนั้นหมายความว่านางต้องเสียสละอุปกรณ์วิเศษของตนเอง ในตอนนี้นางเผชิญกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นับพันลูก นางไม่สามารถต่อสู้ได้เลย มีหนทางเดียวคือยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น แน่นอนถ้าหากต้องส่งลูกน้องของตนเองไปเผชิญหน้ากับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของซ่งจง โอกาสชนะอาจจะพอมีอยู่บ้างแต่คงเป็นชัยชนะที่ขื่นขม ถ้าหากนางต้องการจะทำเช่นนั้น นางจะต้องสูญเสียลูกน้องจำนวนมากเช่นกัน จากนั้นนางจะกลายเป็นผู้นำที่ไร้ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาทันที

ในทะเลตะวันออก มันยากมากที่นางจะอยู่รอดในสถานที่แห่งนี้โดยลำพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่ง เหตุผลเดียวที่นางอยู่รอดมาได้เพราะเหล่าอินทรีย์สายฟ้านับหมื่นตัว ถ้าหากนางต้องสูญเสียพวกมันทั้งหมด สถานะของนางจะต้องลดลงอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกคนที่เป็นศัตรูกับนางจะต้องหาช่องทางเพื่อโจมตีนางอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่รอนางอยู่เบื้องหน้าคือการถูกไล่ล่าและหลบหนีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นเหลยซานเอ๋อจึงตัดสินใจที่จะไม่ต่อสู้กับซ่งจงในเวลานี้แม้ว่าจะโกรธจัดเพียงใด

นางตัดสินใจแล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ดีแน่ เหลยซานเอ๋อสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสามารถบอกชื่อของเจ้าให้ข้ารู้ได้หรือไม่?”

“ซ่งจงจากสำนักเสวียนเทียน!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างไม่แยแส

“ซ่งจง? เป็นชื่อที่น่าสนใจ!” เหลยซานเอ๋อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าชื่อของเจ้าจะไม่เป็นมงคลนัก อา เจ้ามีความสามารถจริง ๆ ในตอนนี้ข้ารับรู้แล้ว! ก็ตามนี้ ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่ง วันนี้ก็อากาศดี ข้าคิดว่าคงดีที่สุดถ้าเราจะแยกย้ายกันไป!”

เมื่อได้ยินเหลยซานเอ๋อกล่าวเช่นนั้น ซูหยู่และซูหยุ่นกระโดดด้วยความดีใจ อย่างไรก็ตาม ซ่งจงยังอยู่ในความสงบและตอบกลับอย่างเฉยชา “งั้นหรือแม่นางเหลยซานเอ๋อ เจ้าอยากจะไปแล้วงั้นหรือ!” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาโบกมือราวกับว่าส่งแขกกลับบ้านไป

นางไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงแค่โบกมือกลับอย่างสงบและสั่งให้ลูกน้องของนางทั้งหมดออกไป

แต่ในขณะนั้น เสียงร้องอันน่าเวทนาดังจากกลุ่มผู้ใต้บัญชาเหลยซานเอ๋อ “ศิษย์พี่ซ่ง ศิษย์พี่ซ่ง ได้โปรดช่วยพวกข้าด้วย พวกข้ามาจากสำนักเสวียนเทียน!”

ซ่งจงตกใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามองหาต้นทางของเสียงพร้อมกับรู้ว่ามันมาจากเหล่าอินทรีย์สายฟ้า เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกจับได้และยังมีชีวิต ซึ่งมีมากกว่าห้าสิบคน แต่สายฟ้าบนร่างกายของเหล่าอินทรีย์นั้นมากมายเกินไปจึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้

เหล่าเชลยส่วนใหญ่นั้นบาดเจ็บล้มตาย ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสหรือหมดสติ มีหนึ่งคนที่เห็นว่าซ่งจงสามารถต่อกรกับเหลยซานเอ๋อได้ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ

ดวงตาของเหลยซานเอ๋อเบิกโพลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องนั้น จากนั้นนางหยุดกองกำลังของตนเอง จากนั้นนางให้อินทรีย์สายฟ้านำตัวผู้ชายคนนั้นออกมายืนอยู่ต่อหน้าของนางและถามว่า “เจ้ารู้จักน้องซ่งด้วยงั้นหรือ?”

บุรุษผู้นี้ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดจากการต่อสู้และท่าทีของเขาหวาดกลัวอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำถามจากเหลยซานเอ๋อ เขารีบตอบกลับทันที “ซ่งจงนั้นเป็นอัจฉริยะของสำนักเสวียนเทียน แน่นอนว่าข้ารู้จักเขา!”

“ฮ่าฮ่า ข้ายินดีที่พวกเจ้าได้พบกัน เอาล่ะในตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป น้องชายของเจ้าอยู่ในมือของข้า แล้วอย่างไรต่อดี? เจ้าจะยอมแพ้ตอนนี้หรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “แม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนร่วมสำนัก แต่ไม่นับว่าเรารู้จักกันมากนัก อย่างน้อยข้าก็จะไม่ยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือเขา ถ้าหากเจ้าต้องการใช้ชีวิตของเขามาข่มขู่ข้า ก็จงทำซะสิ!”

“จริงหรือ?” เมื่อเหลยซานเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยังกล่าวต่อไป “ถ้าหากข้าฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าเจ้า เจ้าจะไม่สนใจเลยงั้นหรือ?” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางใช้สายฟ้าเพื่อส่งไปถึงอินทรีย์สายฟ้าที่จับเขาไว้ทันที

อินทรีย์ตนนั้นขยับกรงเล็บของตนเองให้แน่นขึ้นและเจาะลึกเข้าที่ร่างกายของบุรุษผู้นั้น ทำให้เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เพื่อความอยู่รอดของตนเอง เขาได้แต่ตะโกนออกมา “ศิษย์พี่ซ่ง เรานั้นมาจากสำนักเดียวกัน ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สำนักของพวกเขานั้นถือว่าเหนียวแน่น แม้ว่าจะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและซ่งจงไม่ได้มองเห็นเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเมื่อได้ยินเสียงร้องเช่นนั้น จากนี้ต้องกำหนดว่าใครจะเป็นนายหรือสุนัข แต่ก่อนที่จะตีสุนัข สำหรับเหลยซานเอ๋อที่กำลังทรมานศิษย์น้องต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เคารพอะไรเขาเลย แล้วเขาจะอดทนกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?

ใบหน้าของซ่งจงเปลี่ยนไปพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้ระฆังทองแดงลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาพร้อมกับเหล่าบอลสายฟ้าที่ล้อมรอบไว้ เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกไปอย่างรุนแรง พร้อมกับมองที่เหลยซานเอ๋อและกล่าวออกมาอย่างเลือดเย็น “ซานเอ๋อ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้แน่นอนใช่ไหม?”

เมื่อเห็นซ่งจงพร้อมที่จะต่อสู้และตัดสินด้วยความตาย ซานเอ๋อรู้สึกกระวนกระวายภายในจิตใจอย่างมาก แต่นางไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว นางจึงตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าเพียงแค่จัดการกับเชลยของตัวเองเท่านั้น อย่าบอกว่าเจ้าคิดจะแทรกแซงเรื่องนี้?”

“ข้าไม่สนใจเรื่องอื่น แต่เขามาจากสำนักเสวียนเทียนและในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ แน่นอนว่าข้าต้องกังวลเกี่ยวกับเขา!” ซ่งจงตอบกลับ

“ฮ่า! เพียงแค่กับเจ้างั้นหรือ? ข้าต้องการจะเห็นว่าเจ้าจะกังวลกับเขาอย่างไร!” ซานเอ๋อตอบกลับอย่างหงุดหงิด

“ซานเอ๋อ อย่าบีบบังคับให้ข้าต้องทำลายล้างเจ้า!” ซ่งจงกล่าวอย่างเยือกเย็น “ข้ามีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากมายรอบตัวข้า ถ้าหากข้าสั่งให้มันระเบิดพร้อมกันทั้งหมด ไม่เพียงลูกน้องของเจ้าจะตาย แต่เจ้าก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดได้!”

เมื่อเหลยซานเอ๋อได้ยินเช่นนั้น การแสดงออกของนางเปลี่ยนไปพร้อมสาปแช่ง “แต่เจ้าก็จะไม่อาจอยู่รอดได้เช่นกัน! ทำไมล่ะ? เจ้าต้องการจะตายไปด้วยกันงั้นหรือ?”

“หากเจ้าไม่ต้องการแสดงความเคารพใดต่อข้า ข้าก็คงไม่มีทางเลือก!” ซ่งจงตอบกลับ “ในฐานะบุรุษ ข้าสามารถตายได้ แต่ไม่สามารถถูกเหยียดหยามได้!”

“เจ้า เจ้า!” เหลยซานเอ๋อโกรธจัดจนคำถามออกมา “มีเพียงคนอื่นเท่านั้นที่จะก้มหัวให้กับเจ้า แต่ไม่ใช่ข้า! ข้ามีลูกน้องนับหมื่นอยู่ตรงนี้และข้าต้องปล่อยตัวเขาเพียงแค่คำพูดของเจ้างั้นหรือ? ถ้าทำเช่นนั้น ข้าจะมีศักดิ์ศรีในการมีชีวิตอยู่ในทะเลตะวันออกต่อไปได้อย่างไร?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าคนที่มีสถานะเช่นนางจะต้องมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนหากทำเช่นนั้น ถ้าหากเขาบังคับให้นางจนมุม นางอาจจะเลือกทางเดินคือต่อสู้กับเขาจนตาย ความจริงแล้วซ่งจงนั้นไม่คิดที่จะต่อสู้กับนางเช่นกัน หนึ่งคือเขาอาจพ่ายแพ้ หรือสองแม้ว่าเขาจะชนะ เขาก็จะต้องจ่ายในราคาที่สูงเช่นกันซึ่งเขาก็ไม่อาจยอมรับได้

แต่เขาก็ไม่อาจทิ้งศิษย์น้องของตนเองไว้เช่นนั้น ดังนั้นทั้งซ่งจงและเหลยซานเอ๋อติดอยู่ในความคิดเช่นนี้ ทั้งสองไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กันแต่ก็ไม่อาจถอยหลังได้ สถานการณ์ตอนนี้คือทางตัน

โชคดีที่ซ่งจงนั้นเกิดมาพร้อมกับสติปัญญาอันแหลมคม เขาคิดออกอย่างรวดเร็ว “ฮ่าฮ่า แล้วถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะ พวกเราคนหนึ่งมาจากทะเลตะวันออกและจากเทือกเขาใหญ่ เราทั้งสองอยู่ห่างไกลกันนับหมื่นลี้แต่กลับได้พบกันในวันนี้ เพื่อเป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรา เหตุใดเราจึงไม่ยอมแลกเปลี่ยนสิ่งของเพื่อเป็นตัวแทนความสัมพันธ์ของเราล่ะ?”

“แลกเปลี่ยนสิ่งของ? เจ้าหมายความว่าอะไร?”

“สิ่งที่ข้าพูดนั้นง่ายมาก!” ซ่งจงขว้างขวดเล็ก ๆ ให้กับเหลยซานเอ๋อ “นี่เป็นของขวัญจากข้า ถ้าหากว่าเจ้าชอบ จงเก็บมันซะ! ข้าไม่ได้คาดหวังนักหรอกว่าเจ้าจะชอบ แต่เจ้าต้องปลดปล่อยทุกคนที่มาจากสำนักเสวียนเทียน! แบบนี้เป็นเช่นไร?”

สำหรับเหลยซานเอ๋อที่ได้รับขวดที่ซ่งจงขว้างมาให้ นางเปิดมันพร้อมกับอุทานออกมา “น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า?”

“ไม่ได้มากมายอะไร!” ซ่งจงตอบกลับเรียบๆ

“ฮ่าฮ่า นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ!” เหลยซานเอ๋อกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา จากนั้นนางขยิบตาพร้อมกล่าวอย่างเย้าแหย่ “แต่ว่าข้ายังไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงของเจ้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหนีไปพร้อมกับของขวัญนี้หรือ? เจ้ารู้ดีว่าเหล่าอินทรีย์สายฟ้าพวกนี้บินได้รวดเร็วมาก เจ้าจะไม่สามารถไล่ตามได้อย่างแน่นอน!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางเริ่มมีท่าทีที่พร้อมจะหลบหนีออกมาจริง

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเย้ยหยันพร้อมตอบโต้ด้วยการหยิบดาบอินทรีย์ทองออกมา พร้อมทั้งให้มันเปล่งประกายเจิดจ้าและแสดงท่าทีว่าพร้อมที่จะวิ่งไล่จับนางอย่างแน่นอน

ซ่งจงนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นกลาง รวมกับที่เขามีปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่นอย่างมากพร้อมทั้งใช้ดาบบินอินทรีย์ทอง แน่นอนว่าเขาสามารถบินเร็วได้ถึงสามพันลี้ต่อชั่วโมง และสามพันลี้ต่อชั่วโมงคือความเร็วของอินทรีย์สายฟ้า กล่าวก็คือซ่งจงสามารถไล่ล่าพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าเหลยซานเอ๋อจะต้องการหนีเขาไปจริง แน่นอนว่าเขาจะไล่ล่านางด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เขามี

ซานเอ๋อเข้าใจอย่างรวดเร็วเมื่อซ่งจงแสดงท่าทีเช่นนั้น นางจะไม่ยินยอมสูญเสียลูกน้องของตนเองเพื่อมนุษย์ห้าสิบคนอย่างแน่นอน ท่าทีของนางอ่อนลงพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างเอาใจ “ฮ่าฮ่า ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น ปล่อยผู้ฝึกตนทั้งหมดซะ!”

เมื่อนางออกคำสั่ง เหล่าอินทรีย์สายฟ้าได้ปล่อยผู้ฝึกตนทั้งห้าสิบคนล่วงหล่นจากท้องฟ้าทันที ซูหยู่และคนอื่นไม่กล้าชักช้า พวกเขาทั้งหมดรีบเข้าไปดูแลเหล่าผู้ฝึกตนที่ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้น ซ่งจงอยู่ในสภาวะมึนงงอย่างสมบูรณ์ เขาตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้ฝึกตนสองสามคนจากสำนักเสวียนเทียนเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าเหลยซานเอ๋อได้ยินคำขอของเขาผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ซ่งจงรู้สึกหดหู่ทันที บุคคลเหล่านี้บาดเจ็บหนักและไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ เพียงแค่หนึ่งหรือสองคน นาวายักษ์ของเขาสามารถรับได้ แต่ถ้าหากมากถึงห้าสิบคนมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะแบกพวกเขาทั้งหมดกลับไป

ถ้าหากนาวายักษ์ไม่สามารถบรรทุกคนเหล่านี้ได้ แน่นอนว่าทางเลือกคือพวกเขาสามารถบินกลับไปได้อย่างช้า ๆ แต่มีผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนที่บาดเจ็บหลายคน สำหรับการบินย้อนกลับไปหลายพันลี้ เมื่อไหร่กันที่จะถึงจุดหมาย? หากพวกเขาพบเจอกับอุบัติเหตุ ซ่งจงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร!

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset