Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 212

ตอนที่ 212

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 212: ทรยศ

เมื่อทั้งสองพี่น้องได้ยินเช่นนั้น พวกเขาตกใจทันที พร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว หนึ่งในนั้นรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “พวกข้าไม่รู้จักยาเปลี่ยนใบหน้าหรอก แต่ว่าใบหน้าของพวกข้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิด!”

แม้ว่าพวกนางจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่การแสดงออกเช่นนี้ได้ทรยศพวกนางอย่างชัดเจน ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนแต่มีความฉลาดและบอกได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกนางกลัวว่ารูปลักษณ์ที่ดีจะดึงดูดเหล่าบุรุษและทำให้พวกนางต้องมีค่าใช้จ่าย น่าเสียดายที่มู่ซื่อหรงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้น

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของตาเฒ่าพิษจ้องมองไปที่หญิงสาวทั้งสองอย่างเป็นประกาย แม่มดเปลือยกายเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา แสดงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าเรื่องดังกล่าว มีเพียงบุคคลที่ทำตัวดั่งเช่นก้อนหินเท่านั้นที่เข้าสู่สมาธิไปแล้ว

เมื่อเห็นสายตาของซ่งจง ทั้งสองพี่น้องเริ่มกังวลถึงความคิดของเขา จากวิธีที่ซ่งจงใช้มู่ซื่อหรงก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าทั้งสองรู้ได้ทันทีว่าซ่งจงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ตรงหน้าทั้งสองกลัวว่าซ่งจงจะคิดร้ายกับพวกนาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งจงรู้ได้ทันทีว่าพวกนางเกรงกลัวสิ่งใด เขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “เจ้าทั้งสองไม่จำเป็นต้องระแวงข้าหรอก เพราะข้าไม่ใช่บุคคลที่จะเล่นกับผู้หญิงทุกคนที่ข้าพบเจอ!”

แม้ว่าจะตกใจกับสิ่งที่ซ่งจงกล่าว แต่พวกนางก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่รูปลักษณ์ที่กำลังบิดเบือนนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ไม่น่าประหลาดใจสักเท่าไหร่ที่เป็นเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้มู่ซื่อหรงผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาได้ทำร้ายใครคนหนึ่งจนตาย แม้แต่แม่มดเปลือยกายยังรู้สึกหวาดกลัว ถ้าหากเขายิ้มและกล่าวออกมาว่าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ใครกันจะสามารถเชื่อถือเขาได้?

เมื่อซ่งจงเห็นการตอบรับเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่านับตั้งแต่เขาอนุญาตให้มู่ซื่อหรงจัดการกับเหล่าฉือ เขาได้กลายเป็นปีศาจไปเสียแล้ว และคงไม่อาจล้างชื่อนี้ออกไปได้ จากนั้นเขาจึงเลิกใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์ พร้อมกันเขามองไปที่บุคคลที่ทำตัวดั่งเช่นก้อนหินและถามว่า “ข้าขอถามชื่อพี่ชายนักบวชได้หรือไม่?”

อย่างไรก็ตาม บุรุษก้อนหินได้เมินเฉยต่อซ่งจงไปแล้วโดยสมบูรณ์

ซ่งจงไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะถูกเมินเฉยเช่นนี้พร้อมกับใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา มู่ซื่อหรงที่กำลังดื่มชาอยู่จ้องมองไปที่เขาพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อสองพี่น้องเห็นเช่นนั้น พวกนางรีบตะโกนออกมา “ศิษย์พี่ได้โปรดอย่าสร้างปัญหาให้กับพี่ชายหิน เขาไม่ชอบพูดนัก”

“พี่ชายหิน?” ซ่งจงช่วยไม่ได้นอกจากหัวเราะออกมา “อย่าบอกข้านะว่าทุกคนเรียกเขาว่าหิน?”

“เขาเป็นเช่นนั้น!” ซื่อหยู่และซื่อหยุ่นตอบกลับอย่างเรียบง่าย “เขามาจากสำนักดาบเหล็กและรู้เพียงการฝึกฝนเท่านั้น เขาจะพูดออกมาถ้ามันสุดหนทางแล้วจริง ๆ ได้โปรดท่านอย่าคิดมากกับเขา!”

“ย่อมได้!” ซ่งจงกล่าวออกมา “เพื่อเห็นแก่ศิษย์น้อง ข้าจะไม่รบกวนหินก้อนนี้ เนื่องจากเขามาจากสำนักดาบเหล็ก ข้าเชื่อว่าเขาคงเป็นผู้ฝึกตนประเภทดาบและมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม นอกจากนั้นมู่ซื่อหรงของข้ายังเป็นผู้ฝึกดาบเช่นกันและพวกท่านก็ได้เห็นมันแล้ว! ทีมของเราช่างเต็มไปด้วยอัจฉริยะจริง ๆ!”

เมื่อซ่งจงกล่าวจบ ทุกคนมองมาที่เขาแต่ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมา จนท้ายที่สุดแม่มดเปลือยกายได้รวบรวมความกล้าและถามออกไปว่า “แล้วพี่ชายตัวน้อยมีความพิเศษอะไรงั้นหรือ?”

“ข้าน่ะหรือ?” ซ่งจงยิ้มพร้อมกับจิบชา “ข้ามีความสามารถในการดื่มช้า ข้าเกลียดการต่อสู้ที่สุด!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดหัวเราะออกมาทันที พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งจงจะสื่อความหมายแต่อย่างใด

แม้ว่าทั้งหมดจะอยู่ในความงง แต่ซ่งจงกลับไม่คิดอะไรเช่นนั้น หลังจากจิบชาอีกครั้ง เขาถามออกไป “พวกท่านกำลังประชุมกันอยู่หรือ? แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะ?”

“โอ เป็นเช่นนั้น นี่ผ่านมานานนับเดือนแล้วหลังจากการออกกำลังกายครั้งสุดท้ายของพวกเรา เมื่อผ่านพ้นวันพักฟื้น ทุกคนต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับภารกิจอีกครั้ง” แม่มดเปลือยกายตอบกลับ

“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ข้าคงไม่อาจตัดสินใจอะไรได้ ขอให้พวกท่านบอกข้าตามสมควร!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายตาตื่นทันที นางคิดว่าเจ้าอ้วนกำลังจะแย่งบทบาทของการเป็นหัวหน้าทีม ด้วยพลังการต่อสู้อันน่ากลัวของมู่ซื่อหรง แน่นอนว่านางไม่อาจรักษาตำแหน่งหัวหน้าทีมได้ และนางก็ไม่คิดว่าเจ้าอ้วนจะปล่อยละเลยเรื่องเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในลัทธิเต๋าที่ต้องการเดินตามรอยเท้าตนเอง ถ้าหากเป็นเช่นนี้นางก็ยังพอใจที่จะอยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าอ้วนและใช้ความสามารถของมู่ซื่อหรงเพื่อพิชิตทะเลตะวันออก!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น แม่มดเปลือยกายเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล พี่สาวผู้นี้จะจัดการเรื่องยากลำบากทั้งหมดเอง ท่านจงใช้ชีวิตให้มีความสุขเถิด!”

“เป็นเรื่องที่ดีมาก!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างยินดี “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าจงไปทำหน้าที่ของตนเองในเรื่องที่สมควร และไม่รบกวนการพักผ่อนของข้า!”

สำหรับแม่มดเปลือยกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางโกรธจัด ต้องเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้เป็นของนางและมันสวยงามอย่างมาก แต่เมื่อถึงเวลาที่ซ่งจงมาถึง เขาคว้ามันไว้และกำลังขับไล่นางออกไป

เมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องของตนเอง ทุกคนเริ่มทยอยกันออกไปเพราะเกรงว่าถ้าหากนั่งอยู่นานกว่านี้อาจจะถูกมู่ซื่อหรงจ้วงจนตายเหมือนอย่างเหล่าฉือ หลังจากที่แม่มดเปลือยกายจ้องมองเจ้าอ้วนอยู่ชั่วครู่ นางตัดสินใจยอมแพ้และเริ่มเก็บข้าวของ นางลงจากภูเขาและเริ่มมองหาที่พักใหม่ด้วยความโกรธ

แต่ซ่งจงไม่สนใจอย่างสมบูรณ์ เขาและมู่ซื่อหรงเริ่มตรวจสอบสถานที่พักใหม่อย่างสนุกสนาน เมื่อคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรในวันแรกของการมาอยู่ที่นี่ เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากภายในหัวใจของตนเอง ในคืนนั้น เขาทุบตีมู่ซื่อหรงและเรียกแม่มดปีศาจเทวะทั้งเก้าออกมาร่วมต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนรุ่งสาง

ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังดูแลมู่ซื่อหรงอย่างตื่นเต้น แม่มดเปลือยกายและตาเฒ่าพิษกำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน แม่มดเปลือยกายนั่งบนเก้าอี้หินพร้อมกับกล่าวว่า “ตาเฒ่าพิษเจ้ารู้เบื้องหลังของไอ้เจ้าซ่งจงนั่นหรือไม่? มันกล้ามากที่ละเมิดสิทธิ์ของข้า อีกทั้งข้ายังไม่อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย!”

“ซ่งจง มู่ซื่อหรง…” ตาเฒ่าพิษพยายามนึกถึงอะไรบางอย่างก่อนจะกล่าวออกมา “พวกเขามาจากสำนักเสวียนเทียน ข้าจำได้ว่าทั้งสองเป็นบุคคลสำคัญของสำนักเสวียนเทียน มู่ซื่อหรงเป็นหลานสาวของจ้าวสำนักคนปัจจุบันและเป็นหนึ่งในเหล่าอัจฉริยะ สำหรับซ่งจง เขารุ่งโรจน์หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้คนในหอเฉวียนจี้ต่างพากันนับถือเขา เขามีความสามารถในการต่อสู้เพียงคนเดียวในการล่าผลไม้วิญญาณ เขาต่อสู้ร่วมกับหานปิงเอ๋อแห่งหอเฉวียนจี้ สังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันสองคนและสร้างความบาดเจ็บสาหัสให้กับผู้ฝึกตนหยวนหยิน เรื่องเหล่านี้โด่งดังมากข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะรู้เช่นกัน”

“ว่าอะไร?” แม่มดเปลือยกายตอบกลับอย่างเข้าใจ “แน่นอนว่าข้าได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ข้าจำชื่อเขาไม่ได้ ไม่เคยคาดหวังว่าจะเป็นเขาด้วยซ้ำ แปลกมาก คนแบบนี้มักอยู่ในชนชั้นสูงของสำนักและมีหินจิตวิญญาณจำนวนมากสำหรับการฝึกฝน ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความตายมาที่ทะเลตะวันออกแห่งนี้!”

“ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น” ตาเฒ่าพิษกล่าวออกมาพร้อมยักไหล่ “แต่มู่ซื่อหรงนั้นแข็งแกร่งผิดปกติ! ข้าสามารถยอมรับได้หากเหล่าอัจฉริยะสามารถล้มคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอัจฉริยะมากเพียงใด ก็จะต้องต่อสู้อย่างดุเดือดก่อนที่จะได้รับชัยชนะ เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายได้อย่างง่ายดาย มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”

“ข้าก็คิดเช่นกันว่าเรื่องนี้มันแปลก!” แม่มดเปลือยกายไม่อาจทำอะไรได้นอกจากก่นด่าออกมา “หญิงเฒ่าผู้นี้มีชีวิตมานานนับร้อยปี ได้พบเห็นมาแล้วทุกสิ่งแม้แต่ในทะเลตะวันออก  เคยพบเจอกับอัจฉริยะนักดาบมามากมาย แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะมากเท่าใด มันจะต้องใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนและเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่มู่ซื่อหรงกระทำในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่นักดาบระดับปฐมภูมิควรจะทำได้ แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนระดับจินตันหรือหยวนหยินยังอาจอยู่ใต้อำนาจของนาง ความสามารถของนางนั้นอย่างกับผู้ฝึกตนอายุหนึ่งพันปี ความน่ากลัวของมันส่งผลมาถึงกระดูกสันหลังของข้า จนถึงตอนนี้ความกลัวยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจข้าอยู่เลย ถ้าหากไม่ใช่เหล่าฉือที่ออกหน้าแทนข้า แน่นอนว่าคนที่ต้องตายต้องเป็นข้า!”

เมื่อได้ยินที่แม่มดเปลือยกายกล่าวเช่นนั้น เขาไม่กล้าที่จะตอบกลับ เขาไม่กล้าพูดว่าแม่มดเปลือยกายนั้นทำตัวน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าขยะ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งเงียบราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด

หลังจากที่แม่มดเปลือยกายได้ระบายความโกรธของตนเองออกมา นางถามต่อ “ตาเฒ่าพิษ เจ้าคิดว่าสองคนนี้มีเจตนาร้ายหรือไม่? เราควรจะจับกุมพวกเขาและกำจัดเขาทิ้งเสียดีไหม?”

“ไม่! ไม่ได้!” ตาเฒ่าพิษรีบกล่าว “พวกเขาทั้งคู่แข็งแกร่งมากและหลายอย่างยังเป็นความลับอยู่ เพียงแค่มู่ซื่อหรงคนเดียวก็เพียงพอที่จะสร้างความปวดหัว แต่ซ่งจงกลับทำให้นางเชื่องได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจ้าบ้าไขมันนั่นจะกล่าวว่าเขาเก่งในเรื่องการดื่มชา แต่เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นกลางและยังสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ในขณะที่เขาอยู่ในระดับเซียนเทียน แน่นอนว่าเขาคงไม่ใช่ขยะจริงหรือไม่? ข้าคิดว่าเขานั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่ามู่ซื่อหรง! เราไม่ควรประมาท!”

“แต่… อย่าบอกนะว่าจะปล่อยให้เขาข้ามหัวข้าไปมาเช่นนี้?” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่จำเป็น!” ตาเฒ่าพิษเผยรอยยิ้มปีศาจพร้อมกล่าวออกมา “เราควรวางแผนล่วงหน้าสำหรับเรื่องนี้ สำนักเสวียนเทียนนั้นแข็งแกร่งอย่างมากภายในทะเลตะวันออกและทั้งสองคนนั้นมาจากสำนักเสวียนเทียน ถ้าหากพวกเขาตาย ฮัวจิงซือและผู้ฝึกตนจินตันคนอื่นจะถามหาเหตุผลกับเรา!”

“เป็นเช่นนั้น!” เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินดังนั้น นางกลับสู่ความสงบทันที นางรู้ว่าไม่มีความยุติธรรมภายในทะเลตะวันออก ถ้าหากซ่งจงและมู่ซื่อหรงพบกับอุบัติเหตุในขณะทำภารกิจกับทีม ความผิดทั้งหมดจะเป็นของพวกเขาทันทีไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นแม้ว่าจะอยากตายหนีเรื่องนี้ไป ก็คงเป็นได้เพียงแค่ฝัน

“แต่ลูกพี่หญิงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ทุกสิ่งที่เกิดย่อมมีทั้งดีและไม่ดี ตอนนี้ทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับเราแล้วทำให้ทีมของเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เหตุใดไม่ลองเลือกภารกิจที่ยากกว่าเดิมสักเล็กน้อยล่ะ? ไม่ว่าอย่างไรรางวัลของทีมเราก็จะได้เพิ่มมากขึ้นด้วย!” ตาเฒ่าพิษหัวเราะออกมา “สำหรับเรื่องอื่น เราควรจะพิจารณาอย่างช้า ๆ แต่คงมั่นใจได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะเป็นพันธมิตรของเจ้าเสมอ!”

“อืม แน่นอนว่าเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด!” แม่มดเปลือยกายจับไหล่ของตาเฒ่าพร้อมกับลุกขึ้น “ตามนั้น ลืมมันไปซะ ในตอนนี้ข้าจะอดทนกับพวกเขาก่อน ในตอนนี้ความคิดเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ภารกิจของเราสำเร็จหรือส่งผลดีใด!” เมื่อนางพูดจบ นางบินออกไปโดยไม่กล่าวลา

หลังจากที่แม่มดเปลือยกายได้จากไปแล้ว ตาเฒ่าพิษได้ลูบเคราของตนเองพร้อมยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน “ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าลูกพี่หญิงจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ได้นาน เจ้าไขมันนั่นมาพร้อมกับเจตนาร้าย เขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งแต่กลับได้รับการสนับสนุนจากสำนักเสวียนเทียน ข้าเกรงว่าทีมนี้จะต้องถูกเขายึดไปในไม่ช้า แม้ว่าลูกพี่หญิงจะแข็งแกร่งแต่นางยังฉลาดไม่พอ สมองของนางนั้นถูกไฟแห่งความปรารถนากลืนกินจนหมดสิ้น ในเวลาเช่นนี้นางยังไม่คิดจะส่งมอบตำแหน่งแต่กลับจะใช้งานพวกเขาอีกงั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกจริงๆ เรื่องนี้คงไม่สามารถทำได้ ข้าจะไม่ยอมถูกลูกพี่หญิงลากไปด้วยแน่ เจ้าไขมันนั่นเป็นคนฉลาดมาก ถ้าหากเขารู้ว่าข้าสมรู้ร่วมคิดกับลูกพี่หญิง เขาจะต้องเกลียดข้าและส่งข้าไปตายโดยที่ไม่ทันรู้ตัว เฮ้อ สำหรับชีวิตของข้าเอง ในครั้งนี้คงต้องทรยศต่อลูกพี่หญิงแล้ว!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ตาเฒ่าพิษลุกขึ้นพร้อมกับเดินขึ้นภูเขาไปอย่างลับ ๆ หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขากลายเป็นแขกของซ่งจงและเพลิดเพลินกับอาหารที่ซ่งจงมอบให้ ตาเฒ่าพิษกล่าวถึงแม่มดเปลือยกายที่กล่าวถึงซ่งจงโดยละเอียด ในขณะเดียวกันเขาได้แสดงความจงรักภักดีต่อเจ้าอ้วนโดยกล่าวว่าเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา

ซ่งจงนั้นรู้ดีว่าไม่อาจเชื่อถือตาเฒ่าพิษได้ แต่เขาเป็นบุคคลที่มีอำนาจ วันนี้เขาสามารถหักหลังแม่มดเปลือยกายได้อย่างน่ากลัว ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องทรยศต่อเขาได้อย่างแน่นอน การกระทำเช่นนี้ของเขาทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกเกลียดชังเขาอย่างมาก

แต่เป็นเพราะซ่งจงเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกและไม่คุ้นเคยกับทีมมากนัก ตอนนี้มีคนทรยศที่ต้องการสนับสนุนเขา มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเพื่อให้เขาเข้าใจทีมมากขึ้น ด้วยการช่วยเหลือของตาเฒ่าพิษ ซ่งจงสามารถรับรู้ข้อมูลของเพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย รวมถึงประวัติการทำภารกิจที่แสนอันตรายของพวกเขา ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อวันที่เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำทีม

เหตุผลที่ซ่งจงสุภาพต่อตาเฒ่าพิษนั้นเป็นเพราะเขาต้องการข้อมูล อีกทั้งต้องการคนที่ล้วงข้อมูลจากแม่มดเปลือยกายได้เพื่อคาดหวังว่านางจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ

ตาเฒ่าพิษใช้เวลาสองชั่วโมงในสถานที่ของซ่งจง เมื่อเขาออกมาจากภูเขา เขาได้รับมอบหมายให้ล้วงความลับจากแม่มดเปลือยกาย

หลังจากที่ตาเฒ่าพิษออกไปแล้ว ซ่งจงได้แต่หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “แม่มดเปลือยกายน่ะหรือ แน่นอนว่านางคงไม่ซื่อสัตย์!”

“ข้าควรไปสังหารนางดีหรือไม่?” มู่เอ๋อที่ควบคุมมู่ซื่อหรงอยู่ถามออกมา “แน่นอนว่าข้าจะทรมานนางจนตาย!”

“ไม่ต้อง ไม่จำเป็น!” ซ่งจงส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “นี่เพิ่งวันแรกและการสังหารเพียงหนึ่งคนนั้นพอแล้ว ถ้าหากข้าสังหารมากกว่านี้ ทุกคนจะเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นและมันจะไม่ส่งผลดีกับทีมเราในอนาคต!”

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset