Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 157

ตอนที่ 157

บทที่ 157: โอกาสในการอยู่รอด

ถ้าหากเป็นเหล่าศิษย์ของสำนักอื่น นักบวชฮัวอวิ๋นและผู้ฝึกตนหยวนหยินคนอื่นคงจะไม่สนใจหากพวกเขาจะตายตกไป แต่ทว่าศิษย์เหล่านี้คืออัจฉริยะชั้นนำภายในสำนัก ฉุ่ยจิ้ง หงหยิง และหานปิงเอ๋อซึ่งครอบครองสมบัติวิญญาณ ด้วยสถานะของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินพวกเขาไม่อาจละเลยการคุ้มครองศิษย์เหล่านี้ได้

เหล่าผู้ฝึกตนปีศาจรู้จุดอ่อนนี้ดี ดังนั้นการโจมตีของพวกเขาจึงมุ่งเน้นไปที่ศิษย์เหล่านี้ ส่งผลให้ผู้ฝึกตนชอบธรรมไม่อาจอยู่เฉยได้ ถ้าไม่ใช่สถานการณ์เช่นนี้ ความพ่ายแพ้ของพวกเขาแน่นอนว่าย่อมวัดกันที่เวลาเท่านั้น!

เหล่าศิษย์ระดับเซียนเทียนที่อยู่ใต้การคุ้มครองนี้ต่างตระหนักได้ดีว่าสถานการณ์กำลังอยู่ขั้นที่เลวร้าย เหล่าอาวุโสของพวกเขาไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย ถ้าหากว่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินพ่ายแพ้ พวกเขาทั้งหมดยังสามารถหลบหนีได้ แต่ทว่าเด็กเหล่านี้จะถูกทอดทิ้ง อย่างมากที่สุดคือเหล่าศิษย์ที่ครอบครองสมบัติวิญญาณจะได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าอาวุโส แต่นอกเหนือจากนั้นต้องถูกปล่อยทิ้งให้ตายอยู่ที่นี่

เมื่อเริ่มคิดถึงสถานการณ์ เหล่าศิษย์ระดับเซียนเทียนเริ่มมีอาการวิตกกังวล แม้แต่คิ้วของเจ้าอ้วนก็ผูกกันแน่นอย่างสมบูรณ์ สำหรับหงหยิงนี่คือครั้งแรกที่นางได้พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ นางกุมมือของเจ้าอ้วนไว้แน่นจนปลายนิ้วเริ่มซีดขาว ถ้าหากว่านางไม่ได้จับกุมมือของเจ้าอ้วนแต่เป็นมือของผู้อื่นแทน แน่นอนว่ากระดูกของคนผู้นั้นย่อมแตกสลายไปแล้ว

ท่ามกลางเหล่าศิษย์พวกนี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ หนึ่งคือหานปิงเอ๋อที่ครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ การฝึกฝนของนางทำให้จิตใจของนางมั่นคงและเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายต่อชีวิตตนเองเช่นนี้ แต่ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและสงบนิ่ง

สำหรับอีกคนคือฉุ่ยจิ้ง ในมือขวาของนางมีกระดองเต่าดำกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเหรียญชะตาฟ้าดิน ราวกับนางกำลังทำนายบางสิ่งบางอย่าง จนไม่ได้มองว่าโลกภายนอกกำลังเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง

ดูเหมือนว่าฉุ่ยจิ้งกำลังใช้ความพยายามอย่างมากในเวลานี้ สมบัติวิญญาณของนางไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้น นางเรียกใช้งานวิชาเทวะจันทราวารีเต็มรูปแบบ หลังจากการคำนวณที่ซับซ้อน ใบหน้าของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่นางไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด

สุดท้ายหลังจากผ่านการคำนวณมานับไม่ถ้วน ในที่สุดฉุ่ยจิ้งก็พบคำตอบที่นางกำลังมองหา นางเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มมั่นใจและเริ่มเช็ดเหงื่อบนใบหน้า นางจึงเห็นว่าเจ้าอ้วนกำลังมองมาที่นางอย่างห่วงใย

เมื่อมองเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของนาง เจ้าอ้วนคิดว่านางค้นพบหนทางที่ดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบถาม “ศิษย์น้อง เจ้าค้นพบสิ่งใดงั้นหรือ? พวกเราพอจะมีหนทางหรือไม่?”

“ไม่มี!” ฉุ่ยจิ้งยิ้มพร้อมตอบกลับ “พวกเราทั้งหมดไม่มีทางออก กฎที่ถูกตั้งขึ้นจากเหล่าอาวุโสไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นออกจากพื้นที่ถ้าหากไม่ได้รับการยืนยันตน”

“แล้วเช่นนั้นเจ้ายิ้มอะไร?” เจ้าอ้วนถามออกมาอย่างงุนงง

“ข้าหัวเราะเพราะว่าข้าพบวิธีแก้ปัญหาของพวกเรา!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวด้วยความมั่นใจ

ในขณะที่ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนโดยรอบได้ยินและเริ่มหันมาหานาง “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งเจ้ากล่าวว่าพบวิธีแก้ปัญหาแล้วงั้นหรือ?”

“มันง่ายมาก!” ฉุ่ยจิ้งมองไปที่ทุกคนพร้อมกล่าวออกมาว่า “ตราบใดที่เราสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ เราทั้งหมดจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ซึ่งภาระทั้งหมดจะตกอยู่กับผู้ฝึกตนปีศาจ!”

“เหอะ!” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาแทบจะร้องไห้ออกมา

“ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งเจ้าหยุดล้อเล่นก่อนได้หรือไม่? พวกเราทั้งหมดเป็นเพียงศิษย์ระดับเซียนเทียน ที่ทำได้มากที่สุดเพียงแค่เอาชนะผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ แต่จะให้พวกเราจัดการกับผู้ฝึกตนระดับจินตันงั้นหรือ? พวกเราไม่ใช่คู่มือที่คู่ควรด้วยซ้ำ!”

“ใช่แล้ว แม้ว่าพวกเจ้าจะมีสมบัติวิญญาณและโจมตีพร้อมกัน แต่เราไม่อาจต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้!”

“พวกเขาสามารถใช้เพียงลมหายใจเดียวเพื่อทำลายพวกเราทั้งหมด!”

“ไร้สาระ!” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด “ศิษย์พี่อาวุโสโปรดฟังก่อน พวกเราจะไม่ท้าทายกับผู้ฝึกตนระดับจินตันด้วยตนเอง แต่เราจะประสานงานกับอาวุโสของเราให้ทำการซุ่มโจมตีที่ร้ายแรงแทน!”

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกล่าวว่า “ข้าคิดว่าข้าเข้าใจแล้ว เราไม่สามารถเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ แต่อาวุโสเหล่านั้นสามารถจัดการได้ ในขณะที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันกำลังหยุดนิ่งเมื่อถูกขัดจังหวะ พวกเขาจะหลุดจากสภาวะป้องกันและสามารถสังหารได้!”

บุคคลที่อยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นคนโง่งม เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เจ้าอ้วนกล่าวออกมา ทั้งหมดเข้าใจตรงกันทันที หากอยู่ในสถานการณ์ปกติเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนไม่อาจต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ แต่ในขณะที่ผู้ฝึกตนจินตันกำลังทุ่มเทพลังของเขาทั้งหมดกับบุคคลอื่นอยู่ เหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนสามารถลอบแทงข้างหลังพวกเขาได้

“วิธีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันมีสมบัติวิเศษมากมายสำหรับการป้องกัน แม้ว่าพวกเราจะดึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีออกมาเพื่อต่อสู้ แน่นอนว่าเหล่าผู้ฝึกตนระดับจินตันจะมีสมบัติเพื่อป้องกันมันอย่างรวดเร็ว ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งคิดว่าเราสามารถสังหารเขาได้จริงงั้นหรือ?” บุคคลหนึ่งถามออกมา

“เดิมทีเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนไม่อาจสังหารได้ แม้ว่าจะมีสมบัติวิเศษ!” ฉุ่ยจิ้งมองไปที่หงหยิงและหานปิงเอ๋อพร้อมกล่าวต่อ “แต่ถ้าสำหรับสมบัติวิญญาณ มันไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเกินไปกับการสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันหรือทำให้เกราะป้องกันของพวกเขาแตกหัก!”

“แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันนั้นผ่านการต่อสู้มากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าพวกเขาจะมีช่องโหว่แต่พวกเขาจะสามารถปิดกั้นมันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เรายังไม่รู้ด้วยว่าช่องโหว่ของพวกเขาคือสิ่งใด” อีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างมีเหตุผล “เช่นนี้ก็แสดงว่าไม่มีโอกาสที่จะซุ่มโจมตีพวกเขางั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ เจ้าคิดผิดแล้ว!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสงบ “ข้าจะค้นหาช่องโหว่นั้นเอง!”

“อะไรนะ?” ในขณะที่ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันที ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรของนาง เดิมทีพวกเขารู้เพียงฉุ่ยจิ้งสามารถทำนายอนาคตได้ นั่นจึงทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก

ทุกคนรู้ดีถึงข้อจำกัดของเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรอย่างดี หนึ่งคือความแข็งแกร่งของนางด้วยระดับเพียงเซียนเทียนเป็นเรื่องยากถ้าหากต้องทำนายการเคลื่อนไหวของผู้ฝึกตนระดับจินตัน แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลามากกว่าเดิมสักหน่อย ถ้าหากนางล่าช้าไปนิดเดียวอาจจะพลาดช่องโหว่นั้นไปก็ได้ ซึ่งมันจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้

ต่อมาคือจำนวนของบุคคล ถ้าหากทำนายเพียงบุคคลเดียวประสิทธิภาพของมันจะดีมาก แต่สำหรับจำนวนที่มากเช่นนี้จะเพิ่มความลำบากให้กับนางอย่างเปล่าประโยชน์ ฉุ่ยจิ้งจะสามารถเอาชนะได้ในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่การต่อสู้กับฝูงชนเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไป

ด้วยเหตุผลทั้งสองประการนี้ ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่นางกล่าวออกมา สถานการณ์ตอนนี้ประกอบไปด้วยผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสิบคนและผู้ฝึกตนระดับจินตันมากกว่าสามสิบคน พวกเขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าฉุ่ยจิ้งเท่านั้น เพียงแค่จำนวนของพวกเขาก็เกินขีดความสามารถของนางแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้วนางจะทำนายช่องโหว่เหล่านั้นได้อย่างไร? นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้!

เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังสงสัยในตัวนาง นางจึงก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “หากต้องอธิบายทั้งหมดมันจะยากเกินไป งั้นข้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ข้าไม่อาจมองเห็นทุกช่องโหว่ของผู้ฝึกตนระดับจินตัน ต้องอาศัยว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันเปิดช่องโหว่เหล่านั้นเป็นเวลานาน จากนั้นข้าจะจัดการทำนายหาวิธีการที่เหมาะสม กล่าวก็คือถ้าหากพวกเราทำงานเป็นทีมมากพอ เราจะสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันได้และมันจะลื่นไหลดุจสายน้ำ!”

เมื่อได้ยินฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น ทุกคนเข้าใจทันทีจากนั้นมีหนึ่งคนในกลุ่มกล่าวออกมาว่า “ถ้าหากเรายืนอยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงการยืนรอคอยความตายเท่านั้น ทำไมเราไม่ออกไปต่อสู้สักครั้ง ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งบอกมาเถิดว่าพวกเราควรทำสิ่งใด เราจะเชื่อฟังเจ้า!”

“ใช่แล้ว พวกเราจะฟังเจ้า!” ผู้ฝึกตนคนอื่นกล่าวออกมาอย่างเห็นด้วย พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นทีมที่ร่วมมือร่วมใจกันทันที

ฉุ่ยจิ้งยิ้มกว้างเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นางยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “แท้จริงแล้วแผนการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก ต้องการเพียงบุคคลที่ครอบครองสมบัติวิญญาณเท่านั้น เท่าที่ยืนอยู่ตรงนี้มีเพียงหงหยิง ศิษย์น้องหานปิงเอ๋อ และข้าเท่านั้น แต่ข้าจะใช้กระดองเต่าดำเพื่อพยากร ดังนั้นข้าจึงต้องการแค่หงหยิงและหานปิงเอ๋อเท่านั้น”

“ไม่มีปัญหา!” หงหยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ข้ายังสามารถโจมตีได้อีกหนึ่งครั้ง!” หานปิงเอ๋อตอบกลับอย่างสงบ

แต่เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมขมวดคิ้วแน่น “แต่หลังจากที่เจ้าโจมตี เจ้าจะตาย! ถูกไหม?”

“ว่าอะไร?” เหล่าฝูงชนที่เพิ่งรู้ว่าหานปิงเอ๋ออยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสต่างตกใจทันที ทั้งหมดมองหน้าหน้าด้วยความกังวลใจ

หานปิงเอ๋อที่ตกเป็นเป้าสายตากล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “เป็นเช่นนั้น ข้าจะตายถ้าหากไม่ต่อสู้ ทำไมข้าจึงไม่ต่อสู้เพื่อให้เหล่าพี่น้องของข้ารอดล่ะ?”

“ศิษย์พี่!” เหล่าศิษย์จากหอเฉวียนจี้ตะโกนออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นว่าหานปิงเอ๋อกำลังเสียสละตนเอง

ในขณะนั้นฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์น้องไม่ต้องกังวล ข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว มันจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิตของศิษย์น้องหานปิงเอ๋อแน่นอน!”

“โอ้? เจ้ามีความคิดดี ๆ งั้นหรือ?” เหล่าศิษย์จากหอเฉวียนจี้ถามอย่างกังวล

หานปิงเอ๋อมองไปที่ฉุ่ยจิ้งทันที เนื่องจากว่านางยังเด็กอยู่และยังอยากจะมีโอกาสที่จะมีชีวิตต่อไป

“มันง่ายมาก!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างสงบ “เราต้องการใช้พลังของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ในการทำลายเกราะป้องกันของผู้ฝึกตนระดับจินตันเท่านั้น หลังจากนั้นมีเพียงใครสักคนที่สามารถควบคุมดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์แทนนางได้ก็เพียงพอ!”

ในขณะที่ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น ทุกคนเข้าใจทันที พวกเขารู้ทันทีด้วยการอนุญาตจากเจ้าของสมบัติวิญญาณสามารถเปลี่ยนเจ้านายได้ชั่วคราว แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะตื่นเต้นมากที่จะได้รับเลือกให้ควบคุมสมบัติวิญญาณขั้นเก้าชิ้นนี้ ทุกคนต่างคาดหวังให้ตนเองถูกเลือก!

อย่างไรก็ตาม หานปิงเอ๋อกล่าวออกมา “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง เพียงคำพูดนั้นมันง่ายเกินไป ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์เป็นสมบัติวิญญาณและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่อาจควบคุมมันได้เต็มที่ ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดสัมผัสมันได้”

“ไม่จำเป็น!” โดยไม่ต้องรอให้ฉุ่ยจิ้งตอบกลับ เด็กหนุ่มสวมชุดสีขาวก้าวออกมาพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ข้าเป็นผู้ฝึกตนวิชาเยือกแข็งจันทราซึ่งมันเป็นปราณเย็นเช่นเดียวกับวิชาเทวะวิญญาณเหมันต์ ข้าเชื่อว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์จะต้องตอบรับข้าแน่นอน !”

บุคคลผู้นี้นามว่า ยูฮาน เขาปรารถนาที่จะครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์มาเป็นเวลานาน ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะใช้มันแล้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องเสนอตัว เขาคิดว่าวิธีนี้จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับหานปิงเอ๋อเพื่อที่จะครอบครองทั้งความงามนั้นและอาวุธของนาง

หานปิงเอ๋อไม่สนใจเขาและยังคงอยู่ในความเงียบ ยูฮานไม่สนใจสิ่งที่นางแสดงออกมาพร้อมหันไปหาฉุ่ยจิ้งพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ข้าคิดว่าเจ้าควรจะกล่าวสิ่งใดบ้างในตอนนี้!”

“ศิษย์พี่ ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่าน แต่ทว่าสิ่งที่ศิษย์น้องหานปิงเอ๋อกล่าวก็มิผิดแต่อย่างใด ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์นั้นแตกต่างจากสมบัติวิญญาณอื่นและไม่ยอมรับใครโดยง่าย! แม้ว่าท่านจะฝึกฝนวิชาเยือกแข็งจันทรา ท่านก็อาจจะถูกปฏิเสธ!” ฉุ่ยจิ้งหันไปหาหานปิงเอ๋อพร้อมกล่าวชักชวน “ข้าคิดว่าควรจะให้ศิษย์น้องหานปิงเอ๋อเป็นคนเลือก!”

“อะไรกัน?” ยูฮานได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาขาวซีดพร้อมถามว่า “ศิษย์น้องถ้าหากว่าข้าไม่สามารถทำได้ แล้วผู้ใดกันล่ะ? อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้ากำลังเล่นขายของกันอยู่?”

“แน่นอนว่าข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงทุกคน ในความจริง ในที่แห่งนี้มีศิษย์พี่อาวุโสสามารถใช้งานดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ได้!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้นพร้อมมองไปที่เจ้าอ้วน

จากนั้นสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เจ้าอ้วนทันที เขาตกใจพร้อมโบกมือและกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งอย่าล้อเล่นแบบนี้ ข้าไม่เคยฝึกฝนวิชาเทวะวิญญาณเหมันต์ แล้วข้าจะควบคุมดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ได้อย่างไร?”

“ข้าไม่ได้กล่าวผิด!” ฉุ่ยจิ้งอธิบาย “เคล็ดวิชาการฝึกตนของศิษย์พี่นั้นแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมาในชั่วชีวิตนี้ ดูเหมือนว่ามันจะครอบคลุมไปด้วยองค์ประกอบทั้งห้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้นทั้งหมด ความวุ่นวายของมันพร้อมทั้งอัคคีต้นกำเนิด มันเต็มไปด้วยกฎแห่งการกำเนิดโลกใบนี้ ถ้าหากมีผู้ใดที่ต้องควบคุมดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ก็คงจะต้องเป็นท่าน!”

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง เจ้าแน่ใจหรือว่าความคิดนี้ถูกต้อง?”

“เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรไม่เคยผิดพลาด!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสงบพร้อมหันไปหาหานปิงเอ๋อพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้อง เจ้าสามารถปล่อยดาบเทวะจิตวิญญาณออกมาได้หรือไม่? ถ้าหากศิษย์พี่ของข้าสามารถใช้มันได้อย่างปลอดภัย มันจะเป็นการยืนยันว่าข้าไม่ได้กล่าวเท็จ”

“ย่อมได้ แต่ปัญหาก็คือถ้าหากเจ้ากล่าวผิด เขาจะถูกโจมตีโดยดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ทันที!” หานปิงเอ๋อตอบกลับ “การโจมตีโดยธรรมชาติของสมบัติวิญญาณนั้นร้ายแรงมาก โดยเฉพาะดาบเล่มนี้ มันจะปล่อยลำแสงเทวะออกมา แม้ว่าผิวหนังและกระดูกของเขาแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานมันได้! เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการให้ข้าปลดปล่อยมันให้เขา?”

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset