Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 139

ตอนที่ 139

••••••••••••••••••••

บทที่ 139: แพะรับบาปผู้น่าสงสาร

ท้ายที่สุดราวกับว่าอสรพิษได้ยินคำวิงวอนของเจ้าอ้วน เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เจ้าอ้วนถอยออกไป มันเริ่มขยับเขยื้อนร่างกายมหึมาของมันเข้าไปใกล้ยู่เฟิง มันใช้ลำตัวของมันโอบอุ้มเอาร่างกายของยู่เฟิงขึ้นมาพร้อมกับใช้ลิ้นตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

ช่างโชคร้ายที่ยู่เฟิงตื่นขึ้นมาในตอนนี้ เมื่อดวงตาลืมขึ้นและจ้องมองสภาพแวดล้อมรอบด้าน ภาพที่เห็นคืออสรพิษยักษ์กำลังรัดร่างกายไว้พร้อมกับใช้ลิ้นของมันสัมผัสกับใบหน้าตลอดเวลา

ถ้าหากสภาพร่างกายของเขาเป็นปกติ แน่นอนว่าอสูรกายระดับสองนี้เขาสามารถจัดการมันได้เพียงแค่ผายลมเบา ๆ เท่านั้น แต่ในตอนนี้แขนขาของเขาทั้งหมดแตกหัก ไร้ซึ่งปราณจิตวิญญาณและสมบัติ แล้วจะมีหนทางใดที่เขาจะจัดการกับอสรพิษยักษ์ตนนี้ได้?

ในขณะนั้น อสรพิษรู้ตัวแล้วว่าเหยื่อของมันตื่นขึ้น มันกลัวว่าเขาจะหนีไป เมื่อคิดเช่นนั้นมันจึงเปิดปากออกและเขมือบยู่เฟิงลงไปทันที

ในขณะนั้น ยู่เฟิงก็แทบจะตายอยู่แล้ว กระดูกของเขาทั้งหมดถูกบดขยี้โดยอสรพิษยักษ์ ความเจ็บปวดทั้งหมดถาโถมเข้ามาที่ร่างกายของเขา อีกทั้งการที่ถูกอสรพิษกลืนกินเช่นนี้ทำให้ความกลัวพวยพุ่งอย่างไร้สิ้นสุด

แม้แต่มนุษย์ที่ถูกสร้างจากเหล็กกล้าก็ไม่สามารถต้านทานสถานการณ์เช่นนี้ได้ ยู่เฟิงทำได้เพียงปล่อยให้ความเจ็บปวดกลืนกินไปจนกว่าจะเป็นอิสระเพราะความตาย ในตอนแรกเจ้าอ้วนคิดว่าจะได้ยินเสียงร่ำไห้ของยู่เฟิง แต่อีกฝ่ายเพียงร้องเสียงเบาเท่านั้น ผ่านไปชั่วขณะเด็กน้อยผู้น่าสงสารถูกกลืนโดยอสรพิษอย่างสมบูรณ์

เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกโล่งอกพร้อมถอนหายใจออกมาเมื่อทุกอย่างได้จบลงเสียที แม้ว่าเขาจะสงสารต่อโชคชะตาที่ยู่เฟิงต้องพบเจอ แต่เขากลับไม่เสียใจที่จัดการเรื่องราวเช่นนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะบิดาของเขาที่ลงคำสาปไว้ เจ้าอ้วนไม่คิดจะให้เขาตายตกไปพร้อมกับความเจ็บปวดเช่นนี้แน่นอน แต่ดูเหมือนว่าความตายสภาพเช่นนี้จะทำให้เจ้าอ้วนเดือดร้อนน้อยที่สุดแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจ้าอ้วนเพียงแค่มองไปยังอสรพิษที่จัดการอาหารของมันเสร็จสิ้นแล้ว เขาส่ายศีรษะเบา ๆ สองครั้งจากนั้นจึงถอยออกไปจากสถานที่แห่งนั้น

แต่ในขณะนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกถึงปราณจิตวิญญาณของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เนื่องจากวิชาปฐมกาลแห่งความโกลาหล สัมผัสวิญญาณของเจ้าอ้วนนั้นมากกว่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนธรรมดาทั่วไป เขาจึงสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติได้มากกว่าคนปกติ แม้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถค้นหาเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่เวลาเพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะคิดแผนเพื่อตั้งรับ

ในตอนแรกเขารู้สึกตกใจทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังมา! จิตใต้สำนึกของเขากำลังหวาดกลัวว่าจะมีผู้ใดมาช่วยเหลือยู่เฟิง และเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากถ้าหากเป็นเช่นนั้น

ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงปกปิดตัวตนทันทีด้วยเวทมนตร์ม่านหมอก เพื่อเฝ้ารอสังเกตุการณ์อยู่ห่าง ๆ

หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ มีภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา หลังจากที่ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าเป็นผู้ใด เจ้าอ้วนรู้สึกกังวลใจทันที เขารู้จักกับบุคคลผู้นี้ อีกฝ่ายคือคนบ้าผู้เห็นแก่ตัวในสำนักเสวียนเทียน คนโง่ที่เรียกตนเองว่าดาบเทวะไร้ผู้ต้าน ในขณะนั้นสีหน้าท่าทางของเขาปกติดี แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะทรมานเขามานานหลายวัน แต่เขาก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด มันเป็นเพียงความเหนื่อยล้าที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาเท่านั้น ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่อสูรกายพร้อมจะปรากฏตัวขึ้นทุกเมื่อเช่นนี้ วิธีเดียวที่จะเดินต่อไปข้างหน้าคือการนองเลือด แม้จะผ่านการต่อสู้มานานหลายวัน แต่เขายังคงสภาพเช่นนี้ได้ เห็นได้ว่าการถูกเรียกเป็นหนึ่งในสี่ของอัจฉริยะแห่งสำนักเสวียนเทียนนั้นไม่ได้มากมายเกินไปนัก

แต่เจ้าอ้วนไม่ได้ห่วงว่าเขาจะช่วยเหลือยู่เฟิง พวกเขาทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน แต่เขาเกรงว่ายู่เฟิงจะแพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับสมบัติของเขาให้เจ้าบ้านั่นรับรู้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนอาจจะต้องสังหารดาบเทวะไร้ผู้ต้านเพื่อปกปิดความจริงทั้งหมด ถึงแม้ว่าเจ้าสารเลวนี้จะไม่ค่อยลงรอยกับเจ้าอ้วน แต่พวกเขาทั้งหมดถือได้ว่าเป็นพวกพ้องร่วมสำนักเดียวกัน แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่คิดสังหารผู้ใดอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสวรรค์ ถ้าหากชายผู้นี้กระทำสิ่งใดที่ไม่รบกวนเขา เขาก็จะไม่สนใจ แต่ถ้าหากเขาได้รับข้อมูลจากยู่เฟิง ก็คงจะต้องโทษความโชคร้ายของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในขณะนั้น มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หลังจากที่ได้กินอาหารอย่างง่ายดาย อสรพิษนั้นหลงคิดว่ามนุษย์นั้นง่ายดายยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อมีมนุษย์อีกคนบุกเข้ามาในดินแดนของมัน มันจึงบ้วนพิษของมันเข้าใส่ดาบเทวะไร้ผู้ต้านทันที

อสรพิษตนนี้เพียงมีเจตนาคิดขับไล่ผู้รุกล้ำเท่านั้น หากเป็นผู้อื่นคงไม่คิดยุ่งกับอสรพิษตนนี้และคิดแค่ผ่านเลยไป หุบเขาแห่งนี้มีอสูรกายมากมายนัก หากต้องสังหารทุกตนที่พบเจอแล้ว ไม่นานคนผู้นั้นคงไร้ซึ่งพละกำลังจนตายตก แต่คล้ายดาบเทวะไร้ผู้ต้านจะดื่มยาผิดขนาน เมื่อเห็นอสรพิษคิดโจมตีเข้าใส่ ความโกรธพลันพวยพุ่งพร้อมกล่าวออกอย่างเดียดฉันท์ “เดรัจฉานน้อย เจ้าไม่เห็นหรือความตายอยู่ตรงหน้า นายน้อยผู้นี้จะทำให้เจ้าตาสว่าง!”

หลังกล่าวจบคำ เขาโบกมือทันทีพร้อมปรากฏปราณจิตวิญญาณเป็นรูปดาบนับสิบพุ่งออกมา ส่งผลให้อสรพิษถูกแยกออกเป็นสิบชิ้นทันที

ด้วยการมองอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนรู้ได้ทันทีว่าดาบเทวะไร้ผู้ต้านนั้นใช้ดาบเล่มเดิม แม้ว่าดาบของเขาจะถูกทำลายโดยตู๋เชียนเฉิง แต่ดูเหมือนว่ามันจะถูกซ่อมแซมโดยผู้อาวุโสของสำนัก

ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ดาบเทวะไร้ผู้ต้านสามารถสังหารอสรพิษได้ในดาบเดียว ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไป ปราณจิตวิญญาณสีดำพลันพุ่งออกจากร่างอสรพิษอย่างบ้าคลั่งเข้าใส่ผู้สังหาร

ดาบเทวะไร้ผู้ต้านสังเกตเห็นมันอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาสังหารอสรพิษ เขารีบปล่อยดาบออกไปอีกครั้งเพื่อปกป้องตนเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขาหดหู่ที่สุดคือไม่สามารถทำลายปราณสีดำพวกนั้นได้เลย พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่าเรื่องราวตรงหน้านี้หาดีไม่ ดาบเทวะไร้ผู้ต้านแตกตื่นยิ่ง เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นเขานั่งลงพร้อมเข้าสู่สมาธิทันที และยังเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ภายในร่างกายอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวต่อความตาย!

“คำสาปแช่งแห่งการแก้แค้น? บัดซบ ทำไมอสูรกายชั้นต่ำจึงมีของแบบนี้?” ดาบเทวะไร้ผู้ต้านตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ “เป็นไปไม่ได้! อสูรกายพวกนี้ไม่ควรมีคำสาปเช่นนี้ มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด!”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น ดาบเทวะไร้ผู้ต้านเริ่มกระโดดและเตะชิ้นส่วนของอสูรกายอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจกลิ่นเหม็นที่คละคลุ้งไปทั่ว ฉับพลันนั้นมีศีรษะของคนไหลออกมาจากซากศพ

เมื่อพบเห็น เขารีบรุดหน้าไปดูอย่างรวดเร็ว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! นี่มันไม่ใช่ยู่เฟิงจากสำนักพันปีศาจงั้นหรือ? แล้วมันมาทำบ้าอะไรในท้องของอสูรกายตนนี้?”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขามองไปยังศีรษะพลางพิจารณา ปรากฏเป็นรอยตัดอย่างเรียบเนียน เมื่อมองชิ้นส่วนของงูพิษที่ถูกตัดขาดออกจากกัน เห็นได้ชัดว่าเขาสังหารยู่เฟิงกับอสรพิษตนนี้พร้อมกัน!

ดาบเทวะไร้ผู้ต้านไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว จากคำสาปแช่งที่เขารู้มา เห็นได้ชัดว่ายู่เฟิงยังไม่ตายเมื่ออยู่ในท้องของอสรพิษ ถ้าไม่อย่างนั้นคำสาปจะไม่เกิดกับเขา ถ้าหากเขาไม่สังหารอสรพิษตนนี้…

หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ดาบเทวะไร้ผู้ต้านโกรธจัด เขาไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวเช่นนี้ได้ “สารเลว ถึงกับเข้าไปอยู่ในกระเพาะของอสรพิษเพื่อสิ่งใดกัน ทำให้ข้าต้องกลายเป็นคนโง่งมที่สังหารเจ้าเพียงเพราะจะสังหารอสรพิษ! ชั่วช้ายิ่งนัก หลังจากนี้จะให้ข้าทำยังไง!?”

เมื่อนึกถึงคำสาปของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ร่างกายพลันสั่นอย่างไม่อาจยืนต่อไหว! คำสาประดับนี้เขาทราบดีว่าสามารถลบล้างได้โดยผู้นำของสำนักพันปีศาจเท่านั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะทราบว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พวกเขาย่อมไม่มีทางถอนคำสาปให้อย่างแน่แท้ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างบาดหมางกันมานานหลายพันปี จะเป็นไปได้เช่นไรที่จะให้ผู้นำสำนักพันปีศาจช่วยเหลือเด็กน้อยเพียงคนเดียว?

กล่าวก็คือชีวิตของดาบเทวะไร้ผู้ต้านที่มีอยู่ตอนนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งหมดสิ้นสุดลงทันทีเมื่อเขาได้รับคำสาปเหล่านี้ เขาจะถูกทรมานอย่างช้า ๆ จนตาย จนตอนนี้เขาถึงกับเริ่มร้องไห้ตะโกนด่าทอ “มือที่สารเลว! ทำไมถึงคิดแส่หาเรื่อง! เหตุใดข้าจึงไม่ปล่อยวางแล้วจากไป? วันที่บัดซบ! เหตุใดข้าต้องพลั้งมือไปสังหารมันด้วย! อ๊ากกกกก!”

ในขณะนั้น ภายในห้องลับของสำนักพันปีศาจ บุรุษผู้สวมชุดสีแดง รูปลักษณ์ของเขาที่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำสำนักพันปีศาจกำลังเข้าญาณอยู่

ทันใดนั้น ภายในจิตใจของจ้าวสำนักสั่นไหวอย่างน่ากลัว ราวกับว่าได้เกิดเรื่องราวที่เลวร้ายขึ้นแล้ว เขารีบหยิบเหรียญโลหะประจำตัวของบุตรชายออกมาพร้อมกับตรวจสอบมันทันที จากนั้นด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อยเหรียญโลหะแตกละเอียดเป็นผุยผงทันที

เมื่อจ้าวสำนักได้เห็นเช่นนั้น น้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างทันที เหรียญโลหะประจำตัวนั้นเป็นของบุตรชายเพียงคนเดียว ในเวลาที่บุตรของเขาตายตกไป มันจะแตกหักทันที กล่าวก็คือมันเป็นเครื่องมือส่งสารเพียงชิ้นเดียวระหว่างเขากับบุตรชายนั่นเอง

การเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงดูเด็กสักหนึ่งคน! ยู่เฟิงเป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถเลี้ยงดูจนมีความสามารถที่โดดเด่น มีพรสวรรค์ ฉลาด และเต็มไปด้วยโชคลาภอีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าอีกด้วย

เดิมทีจ้าวสำนักต้องการให้เขากลายเป็นผู้สืบทอด แต่ตอนนี้บุตรเพียงคนเดียวของเขาตายตกไปสิ้นแล้ว เวลาหลายทศวรรษที่เขาทำงานอย่างหนักได้กลายเป็นไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์! แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร?

แต่ทว่าจ้าวสำนักพันปีศาจเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งความเมตตา เขารีบออกจากสภาวะเศร้าโศกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวปนเศร้า “ไม่ว่าผู้ที่สังหารบุตรของข้ามันจะเป็นใคร ข้าจะทำให้มันพบเจอชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” หลังจากที่กล่าวจบ เขาเปิดใช้งานคำสาปแช่งแห่งการแก้แค้นทันที

ในขณะนั้น หลังจากที่ดาบเทวะไร้ผู้ต้านร้องไห้มาชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะเช็ดคราบน้ำตาแม้แต่น้อย เขาคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด จากนั้นเขาล้มลงบนพื้นทันที เขากลายเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์ เจ้าอ้วนที่มองจากระยะไกลรู้ได้ทันทีว่าคำสาปได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าอ้วนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลังจากที่ดาบเทวะไร้ผู้ต้านถูกคำสาปเล่นงาน ปราณสีดำกำลังจู่โจมร่างกายเขาอย่างรุนแรง มันควบคุมกล้ามเนื้อทั้งหมด ในตอนนี้เขาไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงนอนอยู่บนพื้นราวกับซากศพเท่านั้น แต่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวราวกับไม่อาจอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทรมานอย่างรุนแรง

ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ร่างกายของดาบเทวะไร้ผู้ต้านเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงร้องอีกต่อไป จากนั้นเกิดเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายดังขึ้น เด็กน้อยผู้น่าสงสารก็พลันเงียบไปโดยสมบูรณ์

เจ้าอ้วนตกใจคิดว่าอีกฝ่ายตายตก เขาจึงเพ่งมองอีกครั้งอย่างรอบคอบและพบว่าอีกฝ่ายเพียงหมดสติไปเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เจ้าอ้วนประหลาดใจมากที่สุดคือ นอกจากสภาพความเหนื่อยล้าของดาบเทวะไร้ผู้ต้าน มันไม่มีอาการบาดเจ็บสาหัสใดบนร่างกายเลย ในขณะที่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา ร่างกายยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ

สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้วางคำสาปกำลังเมตตาต่อเขา แน่นอนว่ามันตรงกันข้าม จ้าวสำนักพันปีศาจไม่ยอมให้เขาตายตกไปโดยง่ายดายแน่นอน เขาจะทรมานไปอย่างช้า ๆ จนถึงขั้นวิกลจริตไปเอง

เมื่อได้เห็นว่าเขาทรมานเพียงใด เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนต้องพ่นคำบ่นออกมา ‘ขอบคุณฉุ่ยจิ้งและตัวข้าเองที่ระมัดระวังไม่สังหารมัน ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น!’

เมื่อคิดได้ นอกเหนือจากความชื่นชมยินดี เจ้าอ้วนเริ่มคิดถึงวิธีที่จะจัดการกับดาบเทวะไร้ผู้ต้าน ควรจะสังหารให้ตายตกไปเพื่อหลบหนีความเจ็บปวดหรือจะเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายดีนะ?

แต่ในขณะนั้น เจ้าอ้วนสังเกตเห็นกระเป๋ามิติที่คาดเอวของดาบเทวะไร้ผู้ต้าน ดวงตาของเขาสุกสว่างขึ้นมาทันที เขาหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็วเมื่อหยิบกล่องหยกสีทองออกมาสองชิ้น เห็นได้ชัดว่าดาบเทวะไร้ผู้ต้านนั้นเต็มไปด้วยโชคลาภซึ่งครอบครองผลไม้วิญญาณถึงสองผล!

เจ้าอ้วนหาได้ใช่สุภาพบุรุษไม่ เขาสามารถปรับตัวเพื่อผลประโยชน์ได้เสมอ ในขณะที่เขามองเห็นว่ากำลังจะได้รับผลประโยชน์ ดวงตาของเขาเจิดจ้าพร้อมกับวิ่งหนีไปพร้อมกระเป๋ามิติทันที ในตอนนี้ดาบเทวะไร้ผู้ต้านหมดสติอยู่ อีกฝ่ายย่อมไม่อาจทราบได้ว่าผู้ใดบังอาจขโมยกระเป๋า

สำหรับคำสาปแช่งบนร่างกายของอีกฝ่าย เจ้าอ้วนตัดสินใจว่าจะไม่สนใจมันและปล่อยให้พบเจอกับความพินาศด้วยตนเอง เขาเกรงกลัวคำสาปแช่งอย่างมาก กลัวว่าถ้าหากเขาสังหารดาบเทวะไร้ผู้ต้านแล้วมันจะถูกส่งต่อมาที่เขา จากลักษณะที่โหดร้ายของจ้าวสำนักพันปีศาจ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงเลือกที่จะหลบหนีเพื่อให้ภัยห่างจากตนเองมากที่สุด เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันใดกับดาบเทวะไร้ผู้ต้าน อีกทั้งยังมีความขัดแย้งกันพอสมควร แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่คิดจะแลกชีวิตตนเองกับบุคคลเช่นนี้ เขาจึงเลิกสนใจเรื่องนี้ไปโดยสมบูรณ์

หลังจากที่เจ้าอ้วนออกไปแล้ว ดาบเทวะไร้ผู้ต้านค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เขาไม่ได้อยู่ในอาการเจ็บปวดนานนัก แต่ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้นั้นฝังแน่นเข้าไปภายในร่างกายของเขา จึงทำให้ร่างกายทุกส่วนอ่อนนุ่มลงอย่างไม่อาจช่วยได้ ตอนนี้เขามีปัญหากับการเคลื่อนไหว เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้เขายังเป็นผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพละกำลัง แต่ในตอนนี้สภาพของเขาช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ขณะที่ดาบเทวะไร้ผู้ต้านกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เขาไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากรู้สึกหดหู่ เขากล่าวออกมาเสียงเบาด้วยความเสียใจ “ข้าทำเวรทำกรรมอะไรมา เหตุใดต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้!”

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset