Breakthrough with the Forbidden Master 3

ตอนที่ 3

ตอนที่3

{นักรบแห่งจักรวรรดิ}

มันไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเรียกในประเทศ แต่ยังหมายถึงคุณวุฒิด้วย

คุณวุฒิที่พวกหัวกะทิที่ถูกเลือกจะได้รับตอนที่พวกเขาเรียนจบจากโรงเรียน และมันจะช่วยให้พวกเขาได้ทำงานที่มีแต่พวกนักรบแห่งจักรวรรดิที่ทำได้

{ฮันเตอร์} สามารถข้ามไปมาได้ทั่วโลกอย่างอิสระ และบางครั้งก็รับทำเควสจากผู้คน อย่างพวกการจัดการพวกสัตว์ประหลาดหรือว่าไปบุกเบิกดินแดนใหม่

{อัศวินหลวง} เป็นงานที่รวมพวกทหารที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ที่ขึ้นตรงต่อจักรพรรดิ พวกเขาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจักรวรรดิ หรือบางทีก็รับงานที่เป็นภารกิจระดับชาติ

{จอมเวทย์หลวง} เป็นพวกคนที่อุทิศชีวิตให้กับการวิจัยและพัฒนาเวทมนต์

จริงๆก็มีอีกหลายๆอาชีพ แต่ถ้าใครไม่มีคุณสมบัติเป็น{นักรบแห่งจักรวรรดิ} พวกเขาก็ไม่สามารถทำงานพวกนี้ได้

พ่อของผม ถึงเขาจะได้เกรดห่วยแตกตอนเรียน แต่ก็ยังได้ยืนเคียงข้างพวกหัวกะทิและกลายเป็นอัศวินหลวง และตอนนี้เขาก็เป็นหัวหน้ากองอัศวินหลวง

เขามีพื้นเพมาจากสามัญชนที่เกิดจากขุนนางตกอับ เขาฝึกอย่างหนักจนแข็งแกร่งขึ้น ช่วยโลกไว้หลายครั้ง แม้แต่กู้โลกก็เคย

เขาจัดการราชาปีศาจที่เป็นพระเจ้าของพวกปีศาจ ที่พยายามจะครองโลก

เรื่องราวของพ่อของผมที่โรยด้วยกลีบกุหลาบจากสามัญชนสู่ผู้กล้า ถูกชื่นชมและเคารพไปทั่วโลก และตอนนี้เขาก็ถูกเรียกว่า {ผู้กล้า}

ยังไงก็ตาม สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของพ่อผม และก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมที่เป็นลูกเขา

เอาจริง ผมไม่ได้สืบทอดอะไรมาจากเขาเลยนอกจากเลือด

ถึงงั้นสงครามกับราชาปีศาจมันก็จบไปแล้ว และโลกก็สงบไปแล้ว พ่อผมที่เป็นผู้ช่วยจักรพรรดิเลยงานล้นมือสุดๆ ดังนั้นเลยไม่มีเวลาให้ลูกตัวเองเลย

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้รับการฝึกสอนอะไรเลย

แต่ถึงงั้น ผมกลับถูกคาดหวังให้มีผลงานที่พิสูจน์ว่าผมเป็นลูกของพ่อผม

และผลลัพธ์ก็คือผมทำได้ดีกว่าพ่อผมตอนอายุเท่าผม แต่มันก็ไร้ค่า

ผมไม่เข้าใจมันเลย…

“กลับมาแล้วครับ”

สุดท้ายแล้ว ผมก็โคตรอารมณ์เสียเลยและก็กลับมาบ้านตั้งแต่บ่ายอ่อนๆ

บริเวณหน้าบ้าน แค่เดินผ่านสวนขนาดใหญ่ไป ก็จะเจอเมดที่ทำสวนอยู่

เธอสังเกตเห็นผมและก็จ้องไม่กะพริบ แต่แปบเดียวเธอก็แสดงรอยยิ้มที่เฉียบคม เหมือนพระจันทร์เสี้ยวกลับมา 

“กลับมาแล้วหรอจ๊ะ นายน้อย แต่ตอนนี้น่าจะอยู่ในเวลาเรียนไม่ใช่หรอ  ดังนั้นช่วยหันหลังกลับและก็กลับไปเรียนเลยค่าาาา”

นี่ผมเป็นนายน้อยของเธอนะเฮ้ย นี่มันใช่วิธีพูดกับเจ้านายหรอ แต่นั่นก็เป็นปกติของเมดคนนี้อะนะ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ‘ซาดีซ’ ผมกลับมาก่อนเพราะปวดหัวหนะ”

“โอ้ว้าว คิดแบบสไลม์อีกแล้วนะคะ ฉันเดาว่าวันนี้คงจะมีการประลองและก็ข้อสอบข้อเขียนด้วยสินะ…นายน้อยแพ้เจ้าหญิงมาสิท่า”

“……”

“อย่างที่คิดเลยนะคะ น่าเบื่อจริงๆเลยน้า เอิร์ธตัวน้อย”

ซาดีซ เมดที่มีรอยยิ้มโคตรอันตราย แถมปากร้ายไม่หยุดไม่หย่อน

เหมือนว่าเธอจะเป็นเหยื่อจากสงคราม และก็อยู่ในบ้านเรามาก่อนผมจะเกิดอีก เราโตขึ้นมาเหมือนกับเป็นพี่น้อง และเธอก็เป็นเมดที่สุดยอดมากๆ

ผมสีเงินสวยงามถูกมัดไว้ด้านหลังของเธอ และชุดเมดที่ดูเหมาะสมและเรียบร้อย ที่สั้นถึงเข่า และด้วยเหตุผลบางอย่าง หน่มหน๊มและร่างกายสุดยั่วยวนของเธอมันโคตรกระตุ้นผมเลย

เธอก็อายุไม่มาก แค่19ปีเอง สำหรับผมเธอเป็นเหมือนพี่สาวใจร้ายมากกว่าเมด

และเธอก็เป็นรักแรกของผมด้วย ผมมั่นใจเลยว่าเธอคือคนที่ผมอยากแต่งงานด้วยในสักวัน

เธอไม่ใช่คู่หมั้นผม แต่ผมจะทำให้เธอเป็นภรรยาในอนาคตของผมให้ได้

ไม่เป็นไรหรอกน่า การสอบก็จบไปแล้วด้วย ที่เหลือก็แค่การประลองจบการศึกษา ดังนั้นไม่สำคัญแล้วหละว่าผมจะได้เกรดเท่าไร ยังไงคะแนนก็ไม่ลดไปแล้ว

“แน่นอนว่าในฐานะที่นายน้อยเป็นอันดับสอง นายคงเลือกเลือกได้ทุกอาชีพหลังเรียนหลังเรียนจบ ดังนั้นถ้าเอิร์ธตัวน้อยพูดว่าเขาจะเป็นอัศวินหลวง มันก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

“ใช่มั้ยหละ? มันคงไม่ใครว่าอะไรหรอก แล้วนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังหรอ? ก็พ่อผมเป็นผู้กล้านี่”

“โอ้ วันนี้มีใครแทงใจดำเป็นพิเศษหรอ เดาว่าคงไม่ใช่แค่แพ้เจ้าหญิง นายท่านได้เจอกับนายน้อยและก็คงพูดอะไรบางอย่างสินะ”

“………”

“มันมีสัญลักษณ์บอกหนะ นายอ่านง่ายมากเลยนะ อย่าเช่น อ่านจากผิวหนังไง”

เธอมองผมออกหรอ?! เธอรู้ได้ไง!? หรือว่าผิวหนัง… ผมไม่รู้ว่าเธอไปรู้มาได้ไง ไม่สิ มันกูเป็นเรื่องปกติหนิ เพราะเธอมาอาบน้ำให้ผมเป็นบางครั้งหนิ!

“บ้าเอ้ย ตลอดเลย ลูกของฮีโร่…ฮีโร่อย่างงี้ ฮีโร่อย่างงั้น เรื่องแรกเลยนะ ราชาปีศาจเดี้ยงไปแล้ว พวกปีศาจก็ไม่เหลือแล้ว แล้วในอายุแค่นี้ในยุคที่ไม่มีสงครามกับต่างประเทศ พวกนักรบก็เฉื่อยชา ถึงผมจะเป็นทั้งอันดับ1และลูกของผู้กล้า มันยังมีที่ให้ผมโชว์พราวอีกหรอ? ถ้าไม่ อันดับ2มันก็โอเคแล้ว”

มันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้กับซาดีซที่เป็นเมด แต่พอซาดีสเริ่มทำปากร้ายจิกกัดผม ผมมักจะโมโหและก็เหวี่ยงอารมณ์

แต่พอเป็นเวลาแบบนี้ ซาดีซมักจะทำหน้าจริงจัง…

“เอิร์ธน้อย”

“…”

“ฉันเข้าใจที่นายจะกดดันและก็รำคาญในความคาดหวังที่เห็นแก่ตัวและพวกเสียงรอบๆตัวนายนะ… แม้ว่านายจะระบายความเจ็บปวดกับฉันที่เป็นเมดไม่ได้ แต่พวกคนรอบตัวนายน้อย และนายท่าน… และ ฉันเช่นเดียวกัน…มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คาดหวังกับเด็กหนุ่มนะ”

“ซาดีซ”

“มันเป็นที่รู้กันว่าผู้กล้า ‘ฮิโระ’ เคยล้มเหลวตอนเป็นเด็กเหมือนกัน… นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้ การพัฒนาและความสำเร็จที่เอิร์ธตัวน้อยเคยทำไป เขาจะกลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดไหน? นั่นมันอยู่นอกเหนือความความคาดหวัง และทุกคนก็จินตนาการถึงอนาคตของนาย การมีตัวตนของนายน้อยหมายถึงอะไรหลายๆอย่าง… ฉันอยากให้นายเข้าใจมันนะ แม้ว่ามันจะดูเห็นแก่ตัวก็ตาม”

ซาดีซพูดกับผมด้วยคำพูดที่สุภาพและหนักแน่น และก็โค้งหัวลง

มันน่ารักมาก

เราจะแต่งกันเมื่อไรดีละเนี่ย?

“…แต่ว่า…ยังไงก็เถอะ นอกจากการว่าและให้กำลังใจ…ผมอยากได้รางวัลหนะนะ”

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากตอบไป ตอนนั้นหน้าผมเขินไปไกลละ

“รางวัลใช่ม้า? นายคงอยากได้กระเป๋าตังค์มากกว่าเงินนิดหน่อยแบบคนทั่วๆไป? เพราะนายก็ซื้ออะไรก็ได้หนิ?

“ไม่ ไม่ได้หมายความแบบนั้น”

“โอ้ แต่นายจะซื้อพวกหนังสือโป๊หรือ(แกง)กะหรี่ไม่ได้นะ และก็ไม่แม้แต่ หัว-ใจ-ของ-ผู้-หญิง (อันนี้ผมก็งงเหมือนกันว่าหมายถึงไร)

“Nu…” (อันนี้มันพิมพ์มาแค่นี้ ใครพอเดาคำออก บอกทีนะครับ”

“และโชคไม่ดีเลยนะคะ นั่นไม่ได้อยู่ในสัญญาจ้างชั้นค่า ดังนั้นฉันคงสอนเรื่องความรักกับเด็กผู้ชายตัวน้อยๆ ไม่ได้หรอกนะคะ ต่อให้นายจะขอก็ไม่ได้น้า~”

นานมากแล้ว ตอนผมเป็นเด็ก ผมเคยขอให้ซาดีซมาเป็นเจ้าสาวของผม และเธอก็ปฏิเสธ แต่ตั้งแต่นั้น เธอก็รู้ถึงความรู้สึกผมและความหื่นของผมด้วย และนี่เป็นวิธีทำให้ผมหุบปาก

เอาจริงๆนะ ผมเคยคิดว่าจะแต่งงานกับซาดีซได้ถ้าผมโตขึ้นอีกหน่อย แต่จนแล้วจนรอด มันไม่สำคัญว่าผมจะพยายามเท่าไร ภาพที่ผมจะได้แต่งานกับซาดีซก็ไม่เคยมีเลย และนอกจากปัญหาที่เกี่ยวกับพ่อของผม ผมก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอีก

ต่อมา ตอนที่เธอเห็นความผิดหวังที่โคตรแสดงชัดเจนของผม ซาดีซก็จะถอนหายใจและเสนออะไรให้ผมทำ

“เอ้อใช่ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นเครื่องกระตุ้นให้เอิร์ธตัวน้อยได้รึเปล่านะ แต่…วันนี้ ฉันจะทำความสะอาดแท่นผนึกไปครั้งแรกในรอบปี ดังนั้นจะไปด้วยกันมั้ย?”

“ผนึกหรอ? …ดาบของพ่ออะนะ…”

“อื้ม นั่นแหละ ดาบในตำนานที่จัดการราชาปีศาจ เพราะว่ามันทรงพลังเกินไป มันก็เลยเป็นดาบที่นายท่านปักไว้ที่แท่นและปิดผนึกมันไว้ ถ้านายไปดูมัน มันจะไม่จูงใจนายสักนิดเลยหรอ?”

“…เอ่อ มันทำให้ผมชอบ ตอนเป็นเด็ก แต่…ตอนนี้ ต่อให้ผมดูดาบ…บางทีถ้าเขาให้มันกับผม”

ผมไม่ได้สนใจข้อเสนอของซาดีซเลย

วันที่จะเปิดกุญแจห้องผนึกที่อยู่ในบ้านมีแค่ปีละครั้ง

ดาบของพ่อถูกผนึกอยู่ในนั้น มันคือดาบที่ถูกเล่าต่อกันเป็นตำนาน ดาบในตำนาน

“โอ้ ไม่ต้องคิดพิเรณอะไรเลย ถึงนายจะคิดว่านายจะแข็งแกร่งขึ้นจากการดึงดาบนั่น แต่ยังไงนายท่านเป็นคนเดียวที่ดึงดาบออกจากแท่นได้”

“ผะ-ผมรู้น่า!”

ผมเคยคิดว่าจะได้สืบทอดดาบนั่นในสักวัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผมที่โคตรหงุดหงิดกับชื่อเรียก “ลูกชายของผู้กล้า” ต่อให้มันจะยุ่งยากยังไง ขอแค่ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นได้ก็พอ

และก็เป็นแบบนั้น…จนกระทั่งผมได้พบกับ ‘เขา’

______________________________________________________________________

Options

not work with dark mode
Reset