แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 853 ไม้เด็ดสุดพิเศษ

ตอนที่ 853 ไม้เด็ดสุดพิเศษ

“หัวหน้าทีมครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

หลังจากเห็นหลิงม่อ สมาชิกทีมคนหนึ่งก้าวออกมา แล้วรายงาน

พฤติกรรมที่เมื่อกี้จู่ๆ หัวหน้าทีมคนนี้ก็หยุดเดินกะทันหัน ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเหล่านี้

พื้นที่ของสนามบินแห่งนี้กว้างเกินไปสำหรับทีมลาดตระเวนที่มีสมาชิกแค่สิบกว่าคน หัวหน้าทีมจึงมักปลีกตัวออกไปสำรวจดูโดยรอบด้วยตัวเองเป็นประจำ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และหลิงม่อเองก็คำนึงถึงเหตุผลนี้ จึงได้ลงมือทันทีโดยไม่ลังเล

ดูจากผลลัพธ์ เขาเลือกเดิมพันถูกแล้ว

แต่ถึงแม้คนพวกนี้จะสงสัย เขาก็เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว

“เมื่อกี้ฉันปวดฉิ้งฉ่อง…”

ไม้นี้ ถือว่าเป็นไม้เด็ดตลอดกาล…

ดังนั้นการแฝงตัวเข้ามาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับหลิงม่อ

หลังจากเดินวนตามทีมลาดตระเวนทีมนี้หนึ่งรอบ หลิงม่อก็เริ่มเข้าใจระบบป้องกันของที่นี่ในขั้นต้นแล้ว

เหนือใต้ออกตก มีหอสังเกตการณ์อยู่สี่แห่ง และแสงสปอร์ตไลท์สังเกตการณ์อยู่สี่ตัวที่คอยส่องแสงตัดกัน ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่สังเกตการณ์ไปจนถึงบริเวณตาข่ายเหล็กพอดี

ถึงแม้มีทีมลาดตระเวนทีมเดียว ทว่าในแต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่เวรยามยืนถืออาวุธครบมือคอยประจำการอยู่ ยิ่งบริเวณทางเข้ายิ่งคุ้มกันเข้มงวด

ตาข่ายเหล็กชั้นนั้นถึงแม้ไม่มีไฟช็อต แต่ด้านบนมีซี่เหล็กแหลมๆ อยู่มากมาย สำหรับคนทั่วไปยากที่จะปีนป่ายข้ามมาได้

แม้แต่ซอมบี้ก็ยากที่จะข้ามตาข่ายเหล็กชั้นนี้มาได้ เพราะด้านในตาข่ายเหล็กยังมีแนวป้องกันพิเศษอยู่อีกหนึ่งชั้น

หลิงม่อที่เดินตามหลังทีมลาดตระเวนหาโอกาสนั่งยองๆ ลงไปบนพื้น จากนั้นก็แหวกตาข่ายเหล็กเส้นเล็กๆ ชั้นนั้นเบาๆ

“น้ำมัน…แล้วยังมีเหล็กเส้นอีกมากมาย…เป็นกับดักที่ทำง่ายใช้คล่องจริงๆ”

หลิงม่อวัดด้วยสายตา พบว่าร่องเหวนี้กว้างประมาณห้าเมตร บวกกับนอกตาข่ายเหล็กอีกห้าเมตร ความกว้างโดยรวมน่าตกใจมาก ทว่าเจ้ามาสเตอร์บอลสามารถปีนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย และระยะทางแค่นี้ก็ไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเย่เลี่ยนอยู่แล้ว

ส่วนกลยุทธ์แฝงตัวในครั้งนี้ หลิงม่อให้พวกเหล่าเจิ้งเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

แม้แต่เสี่ยวป๋ายกับอวี๋ซือหราน ก็ต่างมีภารกิจที่หลิงม่อมอบหมายให้ไปทำอีกต่างหาก

เพียงแต่ถึงแม้แผนการจะรอบคอบรัดกุมขนาดไหน หากยังไม่รู้สถานการณ์ภายในของฐานทัพที่ 2แผนการทั้งหมดก็ไม่อาจนำไปใช้ได้จริง

ทั้งชายสวมแว่นกับชายหนุ่มต่างไม่มีความทรงจำเกี่ยวสถานการณ์ในปัจจุบันของฐานทัพที่ 2 มากนัก แต่มีบางเรื่องที่ทำให้หลิงม่อสนใจไม่น้อย

พวกเขาต่างมีความทรงจำที่ลึกซึ้ง เกี่ยวกับเจ้าเฟิ่งจื่อ หรือก็คือเจ้าบ้าอวี่เหวินซวนนั่น…

ให้เจ้าสองคนนี้จำฝังใจขนาดนี้ แต่ความทรงจำส่วนที่พูดคุยกันกลับเลือนรางมาก ความขัดแย้งอย่างนี้ แสดงว่าพวกเขาคงเคยถูกอวี่เหวินซวนเล่นงานมาก่อนสินะ เพราะอย่างนี้ ถึงได้เลือกที่จะลืมความอัปยศนั่น และจดจำไว้เพียงตัวผู้ร้ายไว้ขึ้นใจ…”

หลิงม่อลอบถอนใจ พลางวิเคราะห์ในใจ

เพียงแต่การวิเคราะห์นี้ของเขาความจริงก็เป็นแค่การคาดเดามั่วๆ แถมในระหว่างการคาดเดานี้ เขาก็ได้สะกิดรอยแผลแห่งความอัปยศของผู้โชคร้ายทั้งสองให้กลับมาแสบร้อนอีกครั้ง…

“ทว่าจากเบาะแสแล้ว การวิเคราะห์นี้ก็ถือว่าใกล้เคียงเรื่องจริงมากที่สุด ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าอวี่เหวินซวนยังสามารถปกป้องตัวเองได้ และอวี่เหวินซวนในความทรงจำของสองคนนี้ ก็แตกต่างไปจากอวี่เหวินซวนความทรงจำของเราอยู่บ้าง…”

เจ้าเฟิ่งจื่อดูเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปยังไง ยากจะตัดสินใจได้หากยังไม่ได้เจอกัน

แต่หลิงม่อกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้รางๆ แล้ว นั่นทำให้สายตาที่เขามองไปยังกลุ่มอาคารเหล่านั้น แปลกออกไป…

ณ ประตูใหญ่ของสนามบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนกำลังยืนหน้าเคร่งขรึมอยู่สองข้างประตูไม่ขยับไปไหน

ในมือของพวกเขามีปืนอยู่ สายตาไม่ได้มองออกไปข้างนอก แต่กลับจดจ้องเข้าไปในประตู

ชายหนุ่มกลุ่มเดินเพิ่งจะเดินเข้าใกล้ ก็ถูกหนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้ปืนชี้

“พวกเราจะไปที่ตึก 2” ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มบอกอย่างหงุดหงิด

“ไปค้นตัว”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นโบ้ยปืนไปอีกทาง และสั่งอย่างเย็นชา

ตรงนั้นมีแท่นยืนสำหรับยืนได้หนึ่งคนวางอยู่ ขณะที่พูด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นได้ลดปืนลง และเดินนำไปทางแท่นยืนนั้นก่อน

ทว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นต่างระแวดระวังขึ้นมา ปากปืนดำสนิทหลายกระบอกยกขึ้นเล็งไปทางพวกเขาดัง “พรึ่บๆๆ”

ชายหนุ่มคนนั้นแค่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูก แต่สุดท้ายก็จำต้องเดินไปยืนบนแท่นยืนอย่างอับจนหนทาง

“ค้นตัวหรอ…”

หลิงม่อเพิ่งจะก้าวขึ้นบันไดที่ทอดไปสู่ประตูใหญ่ ก็มองเห็นภาพที่เกิดผ่านกระจกบานหนึ่ง

หลังจากที่คนกลุ่มนี้ถูกค้นตัวจนเสร็จ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นจึงเปิดทางให้ แต่ปืนในมือยังคงยกขึ้นเล็งอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมลดปืนลง

ถูกปืนเล็งอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้น

พวกเขาเดินออกมา สวนทางกับหลิงม่อที่กำลังเดินเข้าไปพอดี

และถึงหลิงม่อจะมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่คิดจะทักทายกับคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่เห็นพวกเขาเดินออกมา หลิงม่อเพียงขยับมือและเท้าเพื่อเป็นการบริหารเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปทางประตูใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

การค้นตัวแค่นี้ ไม่มีทางพบเจอสิ่งผิดปกติจากตัวเขาแน่นอน…

แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ กลับมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน…

ในเสี้ยววินาทีที่เดินเฉียดไหล่ผ่านกัน จู่ๆ ชายหนุ่มคนนั้นกลับใช้ไหล่กระแทกมาทางหลิงม่อ

เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก เห็นชัดว่าผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน

ทว่าการตอบสนองของหลิงม่อก็เร็วไม่แพ้กัน ในเสี้ยววินาทีใกล้จะถูกชน เขารีบเบี่ยงตัวหลบทันที

ชายหนุ่มมองเขาอย่างตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ทำหน้าชิงชัง “เหอะ…”

“โดนลูกหลงเฉย…”

หลิงม่อเข้าใจขึ้นมาทันที ชายหนุ่มกลุ่มนี้เป็นคนของฐานทัพที่ 2 พวกเขาไม่กล้าขัดขืนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เลยคิดจะมาระบายอารมณ์กับเขาแทน…

“ถ้าอย่างนั้น หากอยากได้ข้อมูล ก็คงต้องไปล้วงเอาจากปากของพวกฟอลคอนพวกนั้นแล้ว…”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นเห็นชัดว่ารู้จักหัวหน้าคนนี้ พอเห็นหลิงม่อเดินมา พวกเขาไม่มีท่าทีซักถามหรือค้นตัวแต่อย่างใด

แต่หลังจากที่หลิงม่อเดินผ่านไปสองก้าว อยู่ๆ กลับหันมามองหนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วทำเป็นพูดขึ้นลอยๆ ว่า “คนพวกนั้นอวดดีเกินไปจริงๆ” เขาล้วงบุหรี่ออกมาหนึ่งซอง ยื่นให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น พร้อมส่งซิกให้เขาแบ่งคนอื่นด้วย “อีกเดี๋ยวถ้าพวกมันกลับมา วานเหล่าพี่น้องช่วยฉันแก้เผ็ดที?”

บุหรี่เป็นสิ่งที่ต้องเอาของที่ได้จากการต่อสู้ไปแลกมา มันถือเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับหัวหน้าทีมคนนี้ แต่หลิงม่อกลับใช้มันอย่างไม่รู้สึกหวงแหนซักนิด

ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนี้ต่างก็เห็นกันหมด ดังนั้นถึงแม้การกระทำของหลิงม่อจะดูกะทันหัน แต่กลับไม่ถือว่าเหนือความคาดหมาย

“ช่องโหว่อยู่ตรงหน้าแล้ว จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้” หลิงม่อลอบคิดในใจ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นคิดไม่ถึงว่าหลิงม่อจะใจกว้างอย่างนี้ เขารับบุหรี่ไปหลังจากชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกลั้วหัวเราะว่า “ได้เลย แต่จะทำให้เรื่องมันเอิกเกริกมากไปไม่ได้ ต้องอยู่ในขอบเขตถึงจะดี”

“เดี๋ยวๆ แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ารับบุหรี่ไปอีกหรอ!แล้วช่วยพูดอะไรให้มันรู้เรื่องมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง!” หลิงม่อลอบโวยวายในใจ แต่ภายนอกกลับยังคงปั้นหน้ายิ้ม “ถูกแล้วๆ…ความจริงฉันอิจฉาพวกนายมากนะ เฮ้อ เดินลาดตระเวนมันเหนื่อยจริงๆ…”

“อิจฉาบ้าอะไรล่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นกับตาว่านายลูบก้นผู้ชายด้วยกันตั้งหลายคน!”

แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดประโยคนี้ออกไป บวกกับศีรษะที่กลายพันธุ์ไปค่อนข้างกระด้างแข็ง ดังนั้นไม่ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ สีหน้าเขาก็ยังคงจริงจังเหมือนเดิม…

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับสินบน จึงพูดยิ้มๆ อย่างเอาใจ “ก็ไม่เลวหรอก อีกอย่างนายก็น่าจะได้เปลี่ยนเวรไม่ใช่หรอ? ฉันเดาว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงคิวนายแล้ว พวกฉันเป็นกลุ่มที่ 2 พอดี…”

ข้างๆ เขามีคนรับบุหรี่ไปหนึ่งมวนแล้วยัดเก็บในกระเป่าเสื้อ พลางพูดต่ออย่างหงุดหงิดว่า “มีอะไรน่าอิจฉากัน ไม่เห็นสีหน้าของพวกนั้นหรอ คนพวกนั้นช่างไม่รู้จักแยกแยะ เรื่องนี้เป็นคำสั่งของเบื้องบน เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ไม่พอใจ ก็ไปคุยกับลูกพี่ตัวเองสิวะ!”

“เจ้าเฟิ่งจื่อนั่นคงไม่สนใจเรื่องนี้หรอกมั้ง…” ชายอีกคนพึมพำ

“ยังไงฉันก็อยากเปลี่ยนเวรแล้วไปทำหน้าที่อื่นเร็วๆ…”

ทว่าเพิ่งจะพูดคุยไปได้ไม่นาน ก็มีคนพูดเสียงดุขึ้นเบาๆ “หยุดคุยได้แล้ว เลขาหยางมาโน่นแล้ว!”

เขาเพิ่งจะเปิดปาก คนอื่นๆ ต่างพากันหุบปากสนิททันที

มีเพียงหลิงม่อที่แววตาไม่พอใจ เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์ที่ใบหน้ากระด้างแข็ง สีหน้าเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…

“เลขาหยางเป็นใครวะ! เพิ่งจะพูดเข้าเรื่องสำคัญแท้ๆ แต่กลับทำให้บุหรี่ของฉันเสียเปล่าไปในพริบตา!”

โชคดี ที่ในการพูดคุยสั้นๆ นี้ เขาได้เบาะแสมาไม่น้อย

“อย่างน้อยก็มีสองเรื่องที่มั่นใจได้แน่นอน หนึ่งคือเจ้าเฟิ่งจื่อเลือกที่เงียบซึ่งนั้นแสดงว่าเขายอมรับการกระทำอย่างนี้ของฟอลคอนโดยทางอ้อม สองคือการปิดล้อมและตรวจตราอย่างนี้ น่าจะมีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง…”

หลิงม่อคิด พลางหันหน้าเดินต่อไป ในขณะนั้นเอง เขาพลันสบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่มองมาพอดี

ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ข้างชั้นวางหนังสือพิมพ์ ในมือถือถ้วยชาไว้หนึ่งถ้วย

หลิงม่อเพียงกวาดตามองผ่านไปยังห้องโถงใหญ่ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับจ้องมาที่เขาโดยตรง

เธอผมยาว สวมชุดทำงานสีเทาทั้งตัว และสวมรองเท้าส้นสูง ท่านั่งของเธอดูสง่างามมาก

ทว่าสายตาที่มองมาของเธอกลับทำให้หลิงม่อรู้สึกไม่สบายใจ และพอเขาเหลือบมองไปทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นอีกครั้ง เขาก็เข้าใจทันทีว่าเธอเป็นใคร

“มีบุคลิกของเลขาอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยจริงๆ…” หลิงม่อพึมพำ

หลังจากจ้องเขาอยู่ไม่นาน เธอก็ละสายตาออกไปเงียบๆ

ส่วนหลิงม่อเอง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ก็เดินทะลุเข้าไปในห้องโถงใหญ่ทันที

เขาไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของหัวหน้าทีมคนนี้ และไม่รู้ว่าปกติเขามีนิสัยอย่างไร เวลาอยู่ต่อหน้าคนธรรมดาเขายังพอใช้สารพัดวิธีปกปิดตัวตนไปได้ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนที่รู้จักกับเขาเป็นอย่างดี กลับมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกจับได้

ทว่า…

“รอเดี๋ยวก่อน” อยู่ๆ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านข้าง

“ซวยแล้ว” หลิงม่อลอบสบถในใจ เลขาหยางสามารถทำให้ “ยามเฝ้าประตู” พวกนั้นตื่นตระหนกได้ แสดงว่าต้องมีอำนาจในมือระดับหนึ่งแน่ๆ ผู้หญิงระดับนั้นทำไมต้องเป็นฝ่ายมาคุยกับหัวหน้าทีมเล็กๆ คนหนึ่งก่อนด้วย…

“หรือว่าผู้หญิงคนนี้มีปัญหาอะไรกับหัวหน้าทีมคนนี้? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทัศนคติความงามของหล่อนก็คงจะพิลึกมาก…”

หลิงม่อพึมพำในใจ ขณะเดียวกันก็เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าเร็วๆ

ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี เขาก็ไม่ควรพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หน้าเขากำลังกระตุกอยู่ด้วย!

สีหน้าจริงจังอย่างนั้น เห็นชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้กับผู้หญิงคนนี้!

“นายรอ…”

“โอ๊ย ปวดท้อง!” ระหว่างที่เดินจ้ำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลิงม่อกลับโยนไม้ตายออกมาทันที

เลขาหยางนั่งอยู่บนโซฟา สายตาที่มองหลิงม่อแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยอย่างชัดเจน “เห็นฉันแล้วแท้ๆ…”

เธอครุ่นคิด แล้วจู่ๆ ก็ยืนขึ้น และเดินตามหลิงม่อไปช้าๆ…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 600 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด!

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ


Options

not work with dark mode
Reset