เล่ห์รักกลกาล 54

ตอนที่ 54

เมื่อลู่หวานหว่านเอ่ยออกมา ราชาต้ามั่วพลันหันหน้ามองนาง แววตาล้ำลึก ทำให้ลู่หวานหว่านรู้สึกไม่สงบ 

 

 

นางเอ่ยปากละล้าละลัง “ท่าน ท่านข่าน หรือสารฉบับนี้เกี่ยวพันกับอนุ” 

 

 

แม่ทัพหลูแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง เบือนหน้าหนีไม่มองลู่หวานหว่าน คล้ายกับว่ามองนางอีกครั้งพานจะยิ่งโมโห 

 

 

ปฏิกิริยาของแม่ทัพหลูเช่นนี้ ทำให้ลู่หวานหว่านยิ่งไม่อาจสงบใจลง 

 

 

หลังจากราชาต้ามั่วจ้องมองลู่หวานหว่านครู่หนึ่ง ค่อยถอนสายตากลับ มองแม่ทัพหลูอย่างครุ่นคิด “สารฉบับบนี้ข้ารับไว้แล้ว ท่านทูตพักก่อนเสียครึ่งวัน หลังจากข้าหารือกับขุนนางทั้งหลายแล้วค่อยสรุป” 

 

 

ในฐานะราชาของทหารศัตรู ท่าทีของราชาต้ามั่วเช่นนี้ เรียกได้ว่าเกรงใจมากแล้ว 

 

 

จากนั้นแม่ทัพหลูกลับหัวเราะเย็นชา “ครึ่งวันก็ครึ่งวัน ราชาต้ามั่วอย่าได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นลังเล ความจริงแล้วในใจท่านตกลงอยู่แต่แรกใช่หรือไม่ หึ” 

 

 

เขาพูดคล้ายเดือดดาลเกินเปรียบ สะบัดชายเสื้อเดินจากไป 

 

 

ท่าทางผยองไม่เกรงใจเช่นนี้ของเขาทำให้สายตาราชาต้ามั่วยิ่งล้ำลึกมากขึ้น หว่างคิ้วปรากฎความไม่พอใจอยู่หลายส่วน 

 

 

ทว่าการกระทำนี้ทำให้ขุนนางทั้งหลายยิ่งทวีความสงสัยว่าภายในของสารฉบับนั้น เขียนอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ทูตโมโหถึงขั้นนี้ ถึงกับไม่ต้องการชีวิตแสดงท่าทีไม่เคารพราชาต้ามั่ว 

 

 

หลังจากแม่ทัพหลูจากไป แม่ทัพคนหนึ่งมองราชาต้ามั่ว เอ่ยปาก “ท่านข่าน ถึงบอกว่าสองฝ่ายทำศึก ไม่อาจสังหารทูต แต่ว่าคนผู้นี้ทำเกินไปแล้ว เป็นแค่ทูตคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกลับใช้วาจาเช่นนี้กับท่าน” 

 

 

ราชาต้ามั่วกลับมีสีหน้าสุขุมโบกมือ เอ่ยปากว่า “ข้าเข้าใจได้ ว่าเขาไฉนจึงโมโหถึงขั้นนี้” 

 

 

 “เช่นนั้นสารฉบับนี้บอกว่าอะไรกันแน่” เซียวชินถามถึงประเด็นหลัก 

 

 

สายตาของราชาต้ามั่วมองเซียวชิน น้ำเสียงของเขาอัดแน่นไปด้วยความไว้วางใจ ถามความเห็นเซียวชิน “ในสารกล่าวว่า ต้องการชีวิตของลู่หวานหว่าน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยินยอมใช้เสบียงหนึ่งร้อยเกวียนแลก” 

 

 

 “อะไรนะ” ลู่หวานหว่านตกใจจนกระโดดขึ้นมา 

 

 

นางยืนขึ้น สีหน้าหวาดกลัวมองราชาต้ามั่ว “ท่านข่าน ท่านข่าน อย่าทำเช่นนี้ ข้า…” 

 

 

ราชาต้ามั่วมองนาง สายตานั้นเป็นแววตักเตือน เห็นได้ชัดว่าสั่งให้นางหุบปาก เหล่าแม่ทัพทั้งหลายในกระโจม ใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองลู่หวานหว่าน เดิมทีการศึกนี้จะมากจะน้อยก็เกี่ยวข้องกับนาง ถึงให้นางเข้ามาฟัง ทว่าพวกเขาบุรุษปรึกษาเรื่องทหาร ถึงเวลาให้นางที่เป็นสตรีไม่รู้ความสอดปากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  

 

 

เห็นสายตาทุกคนไม่เป็นมิตร ลู่หวานหว่านพลันหุบปากทันที นั่งลงเหมือนเดิม แต่ในใจเริ่มร้อนรนเกินบรรยายราวกับมดตัวน้อยบนกระทะร้อน 

 

 

เสบียงหนึ่งร้อยเกวียนแลกแม่ม่ายผู้หนึ่ง สำหรับต้ามั่วแล้วเป็นการค้าที่คุ้มค่าเหลือเกิน อย่างไรเสียต้ามั่วขาดแคลนเสบียง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเปิดศึกแย่งชิงทรัพยากรกับชาวภาคกลาง ตนจะถูกส่งออกไปหรือไม่ ทั้งหมดก็ต้องดูว่าฐานะของนางในใจของราชาต้ามั่วมีน้ำหนักเท่าไหร่ 

 

 

เซียวชินใคร่ครวญชั่วครู่ มองราชาต้ามั่ว “เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหาใช่คนน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ เขามีอารมณ์แปรปวน นิสัยเหมือนปีศาจร้าย ทว่าแต่ไรมาไม่เคยใช้กลศึกมากเล่ห์เพทุบาย เมื่อครู่ทูตส่งสารบอกแล้วว่านี่คือแผนการของสตรีนางนั้น ไม่ทราบว่าองค์ราชาทราบหรือไม่ว่าเป็นสตรีนางไหน คือสตรีที่อนุของเยียลี่ว์ซั่นที่เคยล่วงเกินนางใช่หรือไม่ หรือว่าเป็นสตรีนางที่บุกค่ายทหารต้ามั่วของเราอย่างเหิมเกริม”  

 

 

ลู่หวานหว่านรีบลุกขึ้น เอ่ยปากว่า “ข้าคาดว่าต้องเป็นนางสารเลวที่ไร้กฎระเบียบบุกลุกค่ายทหารสังหารหลานชายข้านั้นอย่างแน่นอน นางสังหารญาติข้า ย่อมคิดกำจัดข้าทิ้ง สตรีนางนี้ช่างโหดเ**้ยมนัก” 

 

 

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ไม่เพียงแต่ตัวเองอยากแยกร่างสตรีนางนั้นเป็นหมื่นชิ้น สตรีนางนั้นเองก็ไม่คิดให้นางมีชีวิตอย่างสุขสบาย  

 

 

ยิ่งคิดไม่ถึงว่าสิ้นเสียงนาง นอกกระโจมพลันมีมีดสั้นเล่มหนึ่งลอยเข้ามา มุ่งตรงเข้าที่ใบหน้าลู่หวานหว่าน ไอสังหารพุ่งเข้าสู่หว่างคิ้วนาง            

 

 

ลู่หวานหว่านเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว มองมีดสั้นเข้าใกล้ใบหน้าตนเอง เวลานั้นนางคิดว่าตนต้องตายแล้วแน่นอน แต่ถัดมาเซียวชินพลันขยับกาย เขาหยิบแส้ม้าบนโต๊ะ ตวัดใส่มีดสั้นเล่มนั้นโดยแรง แส้เบี่ยงทิศทางมีดสั้นปักลงพื้น  

 

 

สายตาคนทั้งหมดมองไปยังประตู 

 

 

วินาทีถัดมาประตูกระโจมถูกพัดเปิดออก เงาร่างสายหนึ่งปรากฏวูบ ชายหนุ่มใบหน้างดงามปรากฎสู่สายตาทุกคน สายตาเขาประดุจน้ำนิ่ง แววตาที่มองลู่หวานหว่านคล้ายกับมองคนตายก็ไม่ปาน ในมือยังมีมีดสั้นอีกเล่ม น้ำเสียงเบาบางราวกับลูกสัตว์ มองลู่หวานหว่านเอ่ยถามว่า “เจ้ากำลังด่าว่านางหรือ” 

 

 

 “นาง นางคือใคร หรือว่าเป็น…” ลู่หวานหว่านเพิ่งรอดพ้นออกมาจากขอบความตาย มองบุรุษหนุ่มด้วยความหวาดกลัว 

 

 

เหล่านายทัพทั้งหลายในกระโจมล้วนลุกขึ้น มองบุรุษหนุ่มอย่างระมัดระวัง 

 

 

สายตาของบุรุษหนุ่ม กวาดตามองคนที่ลุกขึ้นทั้งหมด เอ่ยสั้นๆ ว่า “อยากถูกสับหรือ ไม่อยากก็นั่งลง”   

 

 

ท่าทางโอหังของเขาเช่นนี้ ทำให้คนไม่น้อยตะลึงงันไป พลันคิดว่าพวกเขามีทหารหลายแสนคุ้มกัน บุรุษหนุ่มนี่เข้ามาได้อย่างไร อีกทั้งเข้ามายังกระโจมของราชาพวกเขา ความสามารถนี้… 

 

 

เมื่อคิดๆ ดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก นายทัพหลายคนล้วนรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนเปียกชื้นด้วยเหงื่อเย็นเยียบ 

 

 

เซียวชินหรี่ตาลง มองบุรุษหนุ่มนั้น ถามว่า “เจ้าคือจิ่วหุน?” 

 

 

ฝีมือการอำพรางตนเช่นนี้ ความเร็วระดับนี้ นอกจากจิ่วหุนแล้ว เขาไม่ต้องคิดถึงผู้อื่นเป็นที่สองอีก  

 

 

จิ่วหุนมองเขา มีดสั้นในมือยกขึ้น แผ่จิตสังหาร น้ำเสียงกลัดกลุ้ม เอ่ยสั้นๆ ว่า “ข้าไม่ได้หาเจ้า” 

 

 

หมายความว่าเซียวชินอย่าได้ยุ่งมากความ 

 

 

พูดจบแววตาเต็มไปด้วยไอสังหารของเขามองลู่หวานหว่าน 

 

 

เซียวชินเป็นคนฉลาด ครุ่นคิดเล็กน้อยก็ร้อยเรียงเรื่องเข้าด้วยกันจนหมด ดูท่าเรื่องทั้งหมดเพราะสตรีที่ได้รับอำนาจควบคุมทหารเป่ยเฉินนางนั้นแล้ว เขาคิดถึงการนัดหมายในสาร มองจิ่วหุนเอ่ยว่า “สตรีนางนั้น…” 

 

 

เขาพูดเช่นนี้ สายตาไม่สบอารมณ์ของจิ่วหุนรีบเบี่ยงมองเขาทันที 

 

 

เซียวชินหาได้ตั้งใจล่วงเกินนักฆ่าชื่อเสียงกระฉ่อนผู้นี้ รีบเปลี่ยนคำพูดเปลี่ยนคำเรียก “แม่นางผู้นั้นเพิ่งให้คนนำสารมาส่ง คิดแลกเปลี่ยนชีวิตลู่หวานหว่านกับเสบียง พวกเราคิดจะแลกเปลี่ยนด้วย บางทีนางคิดจะสังหารลู่หวานหว่านเอง เจ้าสังหารคนในตอนนี้ ไม่แน่ว่านางจะยินดี อย่างไรเสียหากมีความแค้นจริง คนล้วนคิดแก้ปมที่ตนผูกไว้เองจะสาแก่ใจ” 

 

 

เขาพูดออกมาเช่นนี้ จิ่วหุนชะงักเล็กน้อย เก็บไอสังหารในดวงตา คำพูดนี้มีเหตุผล 

 

 

เขามองเซียวชิน “ตอนนี้นางอยู่ไหน ข้าได้ยินว่านางไล่ตามมาถึงที่นี่” 

 

 

 “ยามนี้นางอยู่ที่ชายแดนเป่ยเฉิน เมื่อกลางวันนางมาที่นี่จริงๆ แต่หลังจากสังหารคนก็กลับไปแล้ว” เซียวชินยังนับว่าเกรงใจ 

 

 

จิ่วหุนฟังจบ กระแสลมสายหนึ่งพัดผ่าน คนก็ไปอยู่นอกกระโจมแล้ว 

 

 

น้ำเสียงเล็กราวสัตว์ตัวน้อยส่งเข้ามาในกระโจมอีกครั้ง เขาไม่หันหน้ามา แต่ใครต่างรับรู้ว่าคำพูดนี้เอ่ยกับลู่หวานหว่าน “หากเจ้ายังด่านางอีก ข้าจะแยกศพเจ้า ใครก็ยับยั้งไม่ได้ แม้แต่นางก็ตาม” 

 

 

สิ้นเสียงเขา เงาร่างวูบไหว คนไม่เห็นร่องรอยอีก 

 

 

ราชาต้ามั่วหน้าเขียว เอ่ยปากว่า “โอหัง โอหังไปแล้ว ใครก็ได้…” 

 

 

 “ท่านข่าน” เซียวชินประสานมือ ตัดบทของราชาต้ามั่ว “ท่านข่าน พวกเราไม่อาจล่วงเกินจิ่วหุน หากลงมือวันนี้สังหารเขาได้ย่อมเป็นการดี แต่หากเขาโชคดีหนีรอดไป เขาอาจกลับมาสังหารท่านได้ ท่านก็รู้ว่าหลายปีมานี้จิ่วหุนสังหารคนไม่เคยพลาดมาก่อน หัวหน้าเผ่า ราชนิกุล ขุนนางจำนวนไม่น้อยล้วนตายใต้ดาบของเขา ท่านข่านอย่าได้เอาชีวิตตนไปเสี่ยงอันตราย”  

 

 

เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา ราชาต้ามั่วครุ่นคิดถึงคดีที่จิ่วหุนฆ่าคนมาหลายปี พลันรู้สึกเหงื่อเย็นเยียบไหลจากแผ่นหลัง ซ้ำรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนวู่วามไปแล้ว 

 

 

ราชาต้ามั่วสงบลง มองเซียวชิน จากนั้นมองลู่หวานหว่าน “จากที่ขุนนางรักเอ่ยกับจิ่วหุนเมื่อครู่ เจ้าเห็นด้วยกับการนำลู่หวานหว่านแลกเสบียงหรือ”  

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset