เล่ห์รักกลกาล 47

ตอนที่ 47

เมตตา? ยุติธรรม? 

 

 

หากเขาเมตตาและยุติธรรมจริง ยังจะปกป้องสตรีที่ฆ่าคนผู้นี้อีกหรือ ถึงกระทั่งนำทหารไปช่วยนางกลับมา? 

 

 

นายอำเภอตัวสั่น ตอบว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อย ข้าน้อย…” 

 

 

เขาพูดไปก็กัดฟันแน่น ในที่สุดก็อดกลั้นความโศกเศร้าที่สูญเสียบุตรชายไปไม่ไหว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย คือสตรีผู้นี้ นางฆ่าคนโดยไร้เหตุผล วางเพลิงในคฤหาสน์ฆ่าคนจำนวนไม่น้อย ซ้ำยังไล่ตามสังหารบุตรชายข้าน้อยไปถึงต้ามั่ว ถึงกระทั่งบุกที่ว่าการอำเภอของข้าน้อย ลงมือทำร้ายข้าน้อยกับฮูหยิน ขอให้ใต้เท้าให้ความเป็นธรรมด้วย” 

 

 

ในเมื่อเขามาแล้ว ก็ไม่หวังจะมีชีวิตกลับไป ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องทวงความเป็นธรรมให้บุตรชายให้ได้ 

 

 

เยี่ยเม่ยขมวดคิ้ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา นางฆ่าคนโดยไร้เหตุผล? หึ… 

 

 

เวลานี้ด้านนอกประตูมีนายทหารวิ่งเข้ามาอย่าร้อนรน  

 

 

หลังจากทหารผ่านประตูเข้ามา รีบเอ่ยปากรายงาน “เตี้ยนเซี่ย องค์ชายใหญ่เสด็จแล้ว” 

 

 

เขาเอ่ยออกไป คนทั้งหมดสงบนิ่งลง คนจำนวนไม่น้อยในที่นี้กลับสูดลมหายใจลึก ระหว่างองค์รัชทายาทกับองค์ชายสี่สามารถเรียกได้ว่าไม่ถูกกันประดุจน้ำลึกไฟร้อนแรง องค์ชายใหญ่มาในเวลานี้… 

 

 

ทหารเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียงใบหน้าเย็นชาก็เดินเข้าห้องโถง ด้านหลังเขายังมีเซี่ยโหวเฉินติดตามมา   

 

 

หลังจากเป่ยเฉินเสียงเข้าประตูก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นอย่างแรก จากนั้นมองเห็นเยี่ยเม่ยด้านข้างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างรวดเร็ว เขามุ่นคิ้ว ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อเห็นเยี่ยเม่ยนั่งข้างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขารู้สึกไม่ยินดีเป็นอย่างมาก     

 

 

สายตาของเขาย่อมอยู่ในสายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน  

 

 

เยี่ยเม่ยเองก็มองเขา เลิกคิ้วสูง ไม่เอ่ยวาจา โลกแคบพบคู่อริอีกแล้ว 

 

 

ไม่ช้าสายตาสูงส่งเย่อหยิ่งของเป่ยเฉินเสียงมองไปที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน น้ำเสียงสดใส “เห็นพี่ชายมาแล้ว เจ้ายังไม่คิดมาต้อนรับบ้างหรือ”    

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง กลับยิ้มออก 

 

 

เขายกขาขึ้น วางพาดลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า นั่นคือท่าทีสง่างามสูงส่งไม่ใส่ใจ เอ่ยตอบเสียงเนิบ “เสด็จพี่ใหญ่ วันนี้เยี่ยนอารมณ์ดี ท่านยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมยังมีชีวิตรอด หากพูดมากความ อาจจะตายได้”  

 

 

เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจากด้านข้าง บุรุษผู้นี้กำเริบเสิบสานนัก แต่…เมื่อคิดถึงความสามารถของเขาแล้ว เขาก็มีคุณสมบัติกำเริบเสิบสานจริงๆ 

 

 

เป่ยเฉินเสียงหน้าเขียว 

 

 

เซี่ยโหวเฉินมองใบหน้าด้านข้างของเป่ยเฉินเสียง ก้าวออกมาเอ่ยว่า “องค์ชายสี่ ข้าอ๋องน้อยคิดว่า…”   

 

 

เขาพูดยังไม่ทันจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งมองเขาด้วยท่าทางสง่างาม เอ่ยคล้ายไม่ใส่ใจว่า “เซี่ยโหวเฉิน ท่านอ๋องน้อยเซี่ยโหว ปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งเป่ยเฉิน วาทศิลป์เป็นเลิศสามารถเอ่ยให้คนตายกลับมามีชีวิตอยู่ได้ ตัวข้าได้ยินว่า ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากโน้มน้าว ศัตรูจะยอมทรยศต่อฝ่ายตนเองเพราะวาจาของเจ้าได้ในทันที” 

 

 

เซี่ยโหวเฉินมุมปากกระตุก เวลานี้ไม่รู้ว่าคำพูดนี้นับเป็นคำชมหรือดูแคลน ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี  

 

 

ถัดมาน้ำเสียงเบาสบายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าเจ้าอาจไม่รู้ ยามปกติเยี่ยนรับมือกับเหล่านักปราชญ์โดยไม่ให้โอกาสพวกเขาเปิดปาก ไม่ให้โอกาสพวกเขาหลอกลวงจิตใจเมตตาของเยี่ยน ทางที่ดีเจ้ากับเสด็จพี่ใหญ่ยืนอยู่ด้านข้าง ฟังคำสั่งของเยี่ยนเถอะ คนเชื่อฟังส่วนมากจะมีชีวิตยาวนานหน่อย”  

 

 

เซี่ยโหวเฉินยืนนิ่งมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนครู่หนึ่ง เขาเป็นปราชญ์ช์อันดับหนึ่งอย่างไรก็เป็นคนรู้สถานการณ์ ไม่พูดพร่ำมากความก็หลบไปด้านข้างทันที 

 

 

เดิมทีเป่ยเฉินเสียงกลั้นความโมโหอยู่แล้ว คิดฝืนใช้ไม้แข็ง จากนั้นเห็นเซี่ยโหวเฉินยืนหลบด้านข้าง ได้แต่ทนความอัปยศยืนหลบด้านข้าง แต่ยังไม่ลืมถลึงตาใส่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน  

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นสถานการณ์ หันข้างมองเยี่ยเม่ย ถามด้วยเสียงน่าฟัง “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เสด็จพี่ถลึงตาใส่ข้า เรียกว่าอะไร” 

 

 

เป่ยเฉินเสียงใจเต้นตุบตับ 

 

 

เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน รอฟังคำพูดต่อไป 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยต่อ “ก็คือยามที่ผู้อ่อนแอจำเป็นต้องยินยอมสยบ ที่เขาแสดงออกมาคือสายตาอดกลั้นความอัปยศอดสูเพื่อการใหญ่ เป็นการแสดงออกว่าตนไม่ยินยอมพร้อมใจ คนประเภทนี้ตามปกติไม่เพียงแต่ไร้ความสามารถ แม้แต่ความกล้าหาญยอมตายเพื่อปณิธานยังไม่มี” 

 

 

อวี้เหว่ยส่งสายตามองเตี้ยนเซี่ยของตน ทำไมเขารู้สึกว่า เตี้ยนเซี่ยจงใจเอ่ยถึงบุรุษรูปงามคนอื่นในแง่ร้ายต่อหน้าแม่นางเยี่ยเม่ยกัน?  

 

 

เป่ยเฉินเสียงโมโหจนแทบอยากออกมาถกเถียงกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทว่าเซี่ยโหวเฉินตาไวยื่นมือคว้าข้อมือเขาไว้ ส่งสัญญาณไม่ให้เขาทำอะไรโดยพลการ  

 

 

เป่ยเฉินเสียงก้มหน้ามองมือเซี่ยโหวเฉิน สูดลมหายใจลึกหลายครั้ง สะกดความโมโหของตน ไม่ขยับเขยื้อน  

 

 

เยี่ยเม่ยฟังคำพูดเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…  

 

 

จะว่าอย่างไรดี นางรู้สึกว่าบุรุษที่มักเอ่ยหลักการเหล่านี้ ฟังแล้วเหมือนมีเหตุมีผลมาก แต่ว่า…ยากชวนให้คนรู้สึกว่ามีส่วนไหนไม่ถูกต้อง 

 

 

เจ้าเมืองหลินชมดูอย่างแตกตื่นลนลาน ไม่กล้าพูดจา รีบส่งสายตาหาข้ารับใช้เป็นสัญญาณให้ไปยกเก้าอี้มา 

 

 

เขาเพิ่งจะนั่งลง ดูท่าคงต้องยกที่นั่งให้องค์ชายใหญ่กับท่านอ๋องน้อยแล้ว ยามนี้เขารู้สึกว่าเป็นเจ้าเมืองในช่วงนี้ไม่ง่ายเลย แม้แต่เก้าอี้นั่งสักตัวยังรักษาไว้ไม่ได้ 

 

 

พูดจากันถึงขั้นนี้ เป่ยเฉินเสียงยังไม่ลุกขึ้นมาทะเลาะด้วย ทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่หัวข้อหลัก 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนายอำเภอ ถามเนิบๆ ว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยฆ่าคน เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ มีพยานหลักฐานหรือเปล่า”  

 

 

นายอำเภอรีบเอ่ยปาก “เตี้ยนเซี่ย มี มีพยาน สตรีนางนี้บีบให้คนของข้าพาไปลงมือ คนเหล่านั้นเป็นพยานได้ นางลงมืออย่างเ**้ยมโหดในจวนของข้า มือปราบในที่ว่าการสามารถเป็นพยานได้ หลักฐาน…หลักฐานยามนี้ข้าน้อยยังไม่มีชั่วคราว เพราะเพลิงเผาคฤหาสน์ไปหมด บุตรโทนของข้าน้อยตายที่ต้ามั่ว ไม่อาจพิสูจน์ศพได้” 

 

 

สิ้นคำพูดเขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนสายตากลับ มองไปที่เยี่ยเม่ย สายตาไม่เห็นด้วยอย่างมาก กล่าวว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ไม่ถูกแล้ว เจ้ามีเมตตาปล่อยพยานเหล่านั้นไป สุดท้ายกลายเป็นเครื่องมือให้ศัตรูนำมาทำร้ายเจ้า ครั้งหน้ากระทำเรื่องเหล่านี้ ต้องเข่นฆ่าให้หมดจด ชีวิตหนึ่งก็ไม่อาจปล่อยไปได้ หลักฐานชิ้นเดียวก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้ เข้าใจหรือไม่ อย่างไรเสียคนจำนวนมากก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่รู้สำนึกบุญคุณ พวกเขาตอบแทนบุญคุณของเจ้าด้วยความแค้นโดยง่ายดาย” 

 

 

คนทั้งหมด “…?” 

 

 

ที่บอกว่าเมตตาและความยุติธรรมเล่า 

 

 

เอ่ยวาจาเหล่านี้ต่อหน้าทุกคน ดีจริงๆ หรือ 

 

 

สายตาเยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความสนใจ พูดตามตรง วินาทีนี้นางรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก 

 

 

องค์ชายสี่เอ่ยวาจาเหล่านี้จบ หันข้างมองอวี้เหว่ย สั่งการเนิบๆ ว่า “อวี้เหว่ย ไปจัดการปิดปากคนพวกนั้นซะ ตัวข้าไม่อยากให้โลกนี้หลงเหลือพยานสักคนเดียว โยนความผิดฆ่าคนให้กับแม่นางเยี่ยเม่ยผู้มีเมตตา”  

 

 

อวี้เหว่ย “ขอรับ” 

 

 

อวี้เหว่ยพูดจบ หมุนตัวจากไป 

 

 

ยามนี้นายอำเภอโมโหจนทนไม่ไหว มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างไม่เชื่อสายตา เอ่ยด้วยโทสะ “องค์ชายสี่ ท่านทำเช่นนี้มิเกินไปหน่อยหรือ ท่าน…ท่านทำเช่นนี้ ยังมีกฎหมายอยู่หรือไม่ ท่าน…”   

 

 

เขาเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตวัดสายตามอง น้ำเสียงอ่อนโยน “ยามนี้นายอำเภอรู้จักกฎหมายแล้วหรือ ยามที่นายอำเภอปกป้องคุณชายทำเรื่องชั่วช้า รู้จักกฎหมายบ้างหรือไม่ พูดให้ชัดคือใต้หล้านี้ไม่มีกฎหมายที่ว่า มีเพียงคนเข้มแข็งรังแกคนอ่อนแอ ส่วนคนที่สามารถสยบทุกอย่างลงได้ คือคนที่แข็งแกร่งกว่า” 

 

 

พูดไปเขาก็โบกมือ “ไปเถอะ หลังจากทำลายพยานหมดแล้ว เราค่อยจัดการเรื่องนายอำเภอจงใจใส่ความแม่นางเยี่ยเม่ยสังหารคนและปกปิดความผิดของบุตรชายกัน” 

 

 

จากนั้นเขาใช้สายตาประจบมองเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้ารู้สึกว่าเยี่ยนเป็นคนมีเหตุผล มีความยุติธรรมเป็นพิเศษหรือไม่” 

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset