เล่ห์รักกลกาล 358 เจ้าตื่นเต้นมาก

ตอนที่ 358 เจ้าตื่นเต้นมาก

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นเสียงเย็นชา ทว่าไม่ได้ตำหนิอวี้เหว่ย

 

 

เขากลอกตามองเสี่ยวกวน สั่งการว่า “ไปสืบมาว่ามีเรื่องภายในอะไรแอบแฝงกันแน่ ขอเพียงมีร่องรอยเบาะแสห้ามปล่อยผ่านไปเด็ดขาด”

 

 

“ขอรับ!”

 

 

เสี่ยวกวนออกไปทันที

 

 

……

 

 

บนหอสังเกตการณ์เยี่ยเม่ยยืนหน้านิ่งรอดูผลการศึก

 

 

 

 

ศึกนี้นางเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ จึงไม่จำเป็นต้องออกโรงเลย นางเชื่อว่าเซียวเยว่ชิงและหลูเซียงฮั่วจะไม่ทำให้ผิดหวัง

 

 

เยี่ยเม่ยยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์เป็นเวลานาน ความจริงในใจนางกังวลเรื่องอื่นมากกว่า

 

 

หวังว่าจงรั่วปิงจะเอาของที่นางต้องการกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นนางกังวลจริง ๆ ว่า หลังจากกำจัดราชาต้ามั่วสำเร็จ เป่ยเฉินอี้ใช้ลูกไม้อะไรพลิกสถานการณ์ หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างก็ล้มลงในท่าเดียว

 

 

ไม่ใช่นางไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ว่านางเข้าใจดีว่า เป่ยเฉินอี้เป็นคู่ต่อสู้แบบไหน

 

 

เยี่ยเม่ยได้แต่รอเงียบๆ ด้วยความรู้สึกพะว้าพะวงกังวลใจ

 

 

ทุกๆ ระยะหนึ่งจะมีคนเข้ามารายงาน

 

 

“เรียนแม่นางเยี่ยเม่ย แม่ทัพเซียวล้อมราชาต้ามั่วไว้แล้ว”

 

 

“เรียนแม่นางเยี่ยเม่ย ราชาต้ามั่วพ่ายแพ้ถอยทัพ ส่วนจิวมั่วเหอก็บาดเจ็บ”

 

 

เยี่ยเม่ยยกยิ้มมุกปาก จิวมั่วเหอผู้จะแสดงละครก็ไม่คำนึงถึงความสมเหตุสมผล ในโลกนี้มีคนที่ทำร้ายจิวมั่วเหอบาดเจ็บได้กี่คนกัน

 

 

อีกทั้งคนไม่กี่คนนั้นก็ไม่ได้ลงสนามรบด้วย เขาจะบาดเจ็บได้อย่างไร

 

 

แต่เมื่อเขาบาดเจ็บแล้ว ถึงอธิบายเรื่องที่ราชาต้ามั่วเคราะห์ร้ายจบชีวิตบนสนามรบได้ดีที่สุด ส่วนเขาก็พยายามปกป้องอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่สุดท้ายไม่อาจปกป้องได้เท่านั้นเอง

 

 

ไม่เช่นนั้นหากราชาต้ามั่วตายแล้ว จิวมั่วเหอกลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วน สุดท้ายจิวมั่วเหอก็จะกลายเป็นคนที่ถูกเปิดโปงเอาผิด

 

 

“เรียนแม่นางเยี่ยเม่ย! ระหว่างที่ราชาต้ามั่วถอยทัพ พบทหารของเราดักซุ่มอยู่ ถูกธนูยิงตายแล้ว!”

 

 

กว่าข่าวสุดท้ายจะมารายงาน ฟ้าก็มืดลงแล้ว

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้า “อืม ข้ารู้แล้ว”

 

 

เมื่อนางตอบเสร็จ ในใจพลันเป็นกังวลขึ้นมา ราชาต้ามั่วตายแล้ว เชื่อว่าในไม่ช้าจิวมั่วเหอจะได้รับสิ่งที่ตนต้องการ ทั้งยังเตรียมยื่นข้อเสนอมาหารือกับพวกเขาเพื่อยอมจำนน

 

 

แต่ว่า…

 

 

นั่นก็หมายความว่าการศึกนี้ดำเนินมาถึงก้าวสุดท้ายแล้ว

 

 

เช่นนั้นเป่ยเฉินอี้ยังมีวิธีการใดมาพลิกสถานการณ์อีกเล่า

 

 

เยี่ยเม่ยไม่มีวันลืมท่าทางยามนั้นของเป่ยเฉินอี้ ราวกับเขากอบกุมชัยชนะเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้นางไม่อยากกังวลก็คงยาก

 

 

เป่ยเฉินอี้คิดลงมือกับนาง หรือลงมือกับจิวมั่วเหอกัน

 

 

เขามุ่งเป้าหมายไปที่ใครกันแน่

 

 

จริงสิ

 

 

เป้าหมายของเป่ยเฉินอี้น่าจะเป็นนาง เพราะว่าวันนั้นเขาเคยบอกเองว่ายังไม่ได้เป็นศัตรูกับจิวมั่วเหอ คู่ต่อสู้ของเขามีแต่นางเท่านั้น

 

 

เมื่อคิดได้ เยี่ยเม่ยก็หนักใจ

 

 

มือที่วางอยู่บนระเบียงหอสังเกตการณ์กำแน่น แววตาเย็นยะเยียบเผยความตื่นเต้นออกมาหลายส่วน นางไม่กลัวตาย แต่นางไม่อาจตายและไม่อาจพ่ายแพ้

 

 

ดังนั้น

 

 

ในเมื่อนางเดาไม่ออกว่า เป่ยเฉินอี้จะใช้ลูกไม้ไหน วิธีการหนึ่งเดียวที่คิดออกมาก็คือกลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ!

 

 

ขอเพียงจงรั่วปิงเอาของสิ่งนั้นกลับมาทันเวลา นางก็มีโอกาสชนะในสถานการณ์นี้แล้ว!

 

 

แต่ว่าจงรั่วปิงยังไม่กลับมา

 

 

ดังนั้นนางอดกังวลใจไม่ได้

 

 

กูเยว่อู๋เหินยืนนิ่งๆ อยู่ข้างเยี่ยเม่ยตลอด ย่อมเห็นว่าเมื่อข่าวการตายของราชาต้ามั่วส่งมาแล้ว เยี่ยเม่ยที่ควรยินดี ใบหน้านางไม่มีสีหน้าดีใจเลยสักนิด ทั้งยังกลัดกลุ้มขึ้นไปอีก

 

 

น้ำเสียงเรียบของเขาดังขึ้นว่า “เจ้าตื่นเต้นมากหรือ”

 

 

เยี่ยเม่ยไม่แปลกใจเลยสักนิดที่กูเยว่อู๋เหินดูออก คนอย่างเขาไม่ใช่คนธรรมดา ฉลาดเป็นกรด

 

 

นางเองก็ไม่ปิดบัง

 

 

เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองกูเยว่อู๋เหิน ถามเสียงนิ่งว่า “หากคู่มือของท่านคือเป่ยเฉินอี้ ทั้งท่านก็ไม่รู้ว่าเขาจะลงมือชิงเอาชัยชนะที่อยู่ในมือของท่านไปเมื่อไร ท่านจะไม่ตื่นเต้นหรือ”

 

 

กูเยว่อู๋เหินเงียบไปสักครู่

 

 

กลับเอ่ยตามตรงว่า “หากคู่มือคือเป่ยเฉินอี้ ข้าก็ตื่นเต้นเช่นกัน”

 

 

บุรุษผู้นี้จิตใจล้ำลึกยากหยั่งถึง ต่อให้เป็นกูเยว่อู๋เหินก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะอาชนะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นชาวยุทธ์ ไม่ประลองเล่ห์เพทุบายอะไรกันมากนัก กอปรกับอุปนิสัยเฉื่อยชา คร้านจะต่อสู้กับใคร

 

 

ดังนั้นหากเปรียบกันเรื่องรสนิยม ความรู้ ความร่ำรวย เป่ยเฉินอี้ไม่อาจเทียบเคียงเขาได้

 

 

แต่หากเปรียบเรื่องวางแผนการ เขาย่อมไม่หลงตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาไม่รู้จักประมาณความสามารถของตน

 

 

สีหน้าเป็นกังวลของของเยี่ยเม่ยคลายลงไม่น้อย จ้องมองกูเยว่อู๋เหินหัวเราะเอ่ยว่า “ดีมาก ในเมื่อท่านยังเอ่ยเช่นนี้ อย่างนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าเป่ยเฉินอี้แข็งแกร่งจริงๆ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ต่อให้พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือเขา ข้าก็ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกใช่ไหม”

 

 

เมื่อฟังเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ทว่าดวงตาทอประกายอำมหิตและเด็ดเดี่ยว ยามนี้กูเยว่อู๋เหินก็เข้าใจแล้วว่า ความคิดแท้จริงในใจนางหาได้ปล่อยวางเช่นเดียวกันคำพูด

 

 

เป็นอย่างที่เขาคาด

 

 

เยี่ยเม่ยเอ่ยด้วยเสียงนิ่งว่า “ต่อให้เป็นเช่นนี้! ข้าก็ไม่ยอมแพ้เขา ข้าไม่อาจแพ้ได้!”

 

 

คนทั่วหล้าต่างรู้ว่า หากตัวเองพ่ายแพ้ให้กับเป่ยเฉินอี้ในด้านการวางแผน นั่นคือเรื่องปกติของมนุษย์ เพราะความแข็งแกร่งของเป่ยเฉินอี้หาใช่ใครจะเปรียบได้

 

 

แต่ว่า…

 

 

นางไม่ยอมให้ชีวิตของตนเองเป็นไปตามความคิดของคนพรรค์นี้ ไม่เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดของนางก็เสียเปล่า นางต้องทำตามเป้าหมายและหน้าที่ให้สำเร็จเสร็จสิ้น ไม่มีทางหยุดลงเช่นนี้

 

 

นางไม่อาจรับเรื่องนี้ได้

 

 

กูเยว่อู๋เหินเห็นท่าทางของเยี่ยเม่ย ถึงไม่รู้ว่านางยืนหยัดไปเพื่ออะไร แต่จากสายตานาง เขาก็เดาออกว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับชาติกำเนิดของนาง คนผู้หนึ่งแสดงสีหน้าเช่นนี้ บางทีในโลกนี้นอกจากความแค้นฝังกระดูกที่เกี่ยวพันถึงหนี้เลือดของวงศ์ตระกูลแล้ว

 

 

ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

 

 

กูเยว่อู๋เหินเคยประสบความรู้สึกเหล่านี้มาก่อน

 

 

หลังจากเขานิ่งเงียบครู่หนึ่ง น้ำเสียงนิ่งสงบก็ค่อยๆ กล่าวว่า “บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็เอ่ยปากมา”

 

 

“อืม!” เยี่ยเม่ยไม่เกรงใจ

 

 

แต่นางรู้ว่ากูเยว่อู๋เหินช่วยอะไรนางไม่ได้ ถึงเขาจะรู้เรื่องชายแดน แต่ว่าไม่มีทางเข้าใจมากพอ ทั้งยังไม่มีทางเข้าใจสถานการณ์อันสลับซับซ้อนนี้ คนที่ยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด ก็ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะมองแผนการของ เป่ยเฉินอี้ออก

 

 

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยประโยคนี้ออกมา ยินยอมให้ความช่วยเหลือ สำหรับเยี่ยเม่ยถือเป็นเจตนาดีและบุญคุณ นางย่อมซาบซึ้งในใจ

 

 

เห็นท่าทีของนาง กูเยว่อู๋เหินพลันเอ่ยอีกว่า “ความจริงเรื่องของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและมู่หรงเหยาฉือก็มีผลกับเจ้าใช่ไหม”

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset