เล่ห์รักกลกาล 238 คนร้ายตัวจริงที่ต้องการสังหารจิ่วหุน

ตอนที่ 238 คนร้ายตัวจริงที่ต้องการสังหารจิ่วหุน

น้ำเสียงของเยี่ยเม่ยคมกริบ ท่าทางยืนยันหนักแน่น  

 

 

คำพูดมากมายของเป่ยเฉินอี้ คำขอแต่งงานกลายเป็นวาจาเหลวไหล  

 

 

ชิงเกอที่อยู่ด้านหลังได้ฟัง ก็กังวลว่าเตี้ยนเซี่ยของตนจะเกิดโทสะหรือไม่  

 

 

เป่ยเฉินอี้หาใช่คนยั่วโมโหได้ง่ายๆ เมื่อเขาฟังคำพูดของ เยี่ยเม่ยจบ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเบาๆ “ไม่อยากเป็นเงาหรือตัวแทนของคนอื่นอย่างนั้นหรือ”  

 

 

ความจริงคำตอบนี้หาได้อยู่นอกเหนือความคิดเขาไม่  

 

 

เขาหันกลับไปอีกครั้ง ทอดสายตามองทุ่งหญ้าเขียวขจีผืนนั้นคล้ายกับจะบอกลาสถานที่นี้เป็นครั้งสุดท้าย  

 

 

ไม่ช้า  

 

 

เป่ยเฉินอี้ก็หลับตาลง เก็บแววตาเย็นชา  

 

 

ไม่รอให้เยี่ยเม่ยเอ่ยปาก เสียงขรึมของเป่ยเฉินอี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “เชิญแม่นางเยี่ยเม่ย วันนี้ข้าบุ่มบ่ามเกินไป ส่วนภายหน้า…”  

 

 

เยี่ยเม่ยมองเขา ถามเสียงเย็นว่า “ภายหน้า จุดยืนที่เป่ยเฉินอี้เลือกก็คือเป็นศัตรูกับเยี่ยเม่ย ใช่หรือไม่”  

 

 

 “ไม่ผิด!” เป่ยเฉินอี้พยักหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังเอ่ยว่า “เดิมทีหนทางของเป่ยเฉินอี้หาได้เป็นศัตรูกับแม่นางเยี่ยเม่ย เมื่อแม่นางไม่ยินยอมยืนข้างเดียวกับข้า เช่นนั้นจุดยืนก็ย่อมสลับเปลี่ยนไป”  

 

 

เยี่ยเม่ยในยามนี้กลับมองเป่ยเฉินอี้อย่างชื่นชม “เยี่ยเม่ยชื่นชมความตรงไปตรงมาของอี้อ๋องยิ่งนัก!”  

 

 

พูดจบ นางก็หมุนกายชิงเดินกลับไปที่รถม้าก่อน  

 

 

ความจริงทั้งความเข้าใจทั้งการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาของเป่ยเฉินอี้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับนาง ย่อมชวนให้คนชื่นชอบมากกว่า พวกที่ต่อหน้าดูอะไรไม่ออก แต่แอบลงมืออยู่ลับหลัง  

 

 

รอจนเยี่ยเม่ยขึ้นนั่งบนรถม้าแล้ว  

 

 

เป่ยเฉินอี้ยังยืนอยู่ด้านนอก ค่อยๆ หลับตาลง คล้ายสัมผัสได้ถึงความอาลัยที่สถานที่แห่งนี้มอบให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ยามนี้เป็นฤดูหนาว สถานที่แห่งนี้กลับยังมีหญ้าเขียวขจี เมื่อถึงเวลานี้เยี่ยเม่ยค่อยเข้าใจได้ว่า ดูท่าสถานที่แห่งนี้คงมีคนตั้งใจดูแล ถึงกระทั่งใช้วิธีการพิเศษ ถึงสามารถรักษาสภาพของที่แห่งนี้ในฤดูหนาวเอาไว้ได้  

 

 

ส่วนคนที่ทำเช่นนี้ก็มีเพียงคนเดียว นั่นย่อมเป็นเป่ยเฉินอี้   

 

 

ในเวลานี้สายลมพัดผ่านหน้าต่างรถม้า ระหว่างที่เยี่ยเม่ยมองไปก็เห็นภาพแผ่นหลังของเป่ยเฉินอี้ด้านนอกหน้าต่าง  

 

 

แผ่นหลังสูงศักดิ์เกินเปรียบของเขา ท่ามกลางลมหนาวในยามเหมันต์ ชวนให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ คล้ายเกล็ดหิมะปลิดปลิว ตกใส่ขนตาเยี่ยเม่ยบดบังการมองเห็นนาง  

 

 

คลับคล้ายกับมีสิ่งของที่เปลี่ยนแปลงไปมากเคยทิ้งไว้อยู่ที่แห่งนี้ และสุดท้ายล่องลอยจากไปตามกระแสลมเสียแล้ว  

 

 

นางถอนสายตากลับมา ปิดตาลง นั่งพิงตัวรถม้า รอเป่ยเฉินอี้อย่างสงบ  

 

 

จิตใจเริ่มใคร่ครวญและพิจารณาความทรงจำที่ฟื้นคืนมาในสองวันนี้  

 

 

ส่วนความทรงจำเกี่วกับน้องชาย นอกจากภาพเหตุการณ์นั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก ดังนั้นน้องชายของนางเป็นหรือตายกันแน่ หากยังมีชีวิตอยู่ เวลานี้จะอยู่ที่ใด  

 

 

ไฉนเป่ยเฉินอี้ถึงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนาง แล้วทำไมนางถึงเกลียดคนผู้นี้…  

 

 

คำถามมากมายหมุนเคว้งอยู่ในสมองเยี่ยเม่ย   

 

 

นางต้องการเวลาเพื่อไปทำความเข้าใจปัญหาเหล่านี้ให้ชัดเจน  

 

 

ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่นางรออยู่บนรถม้า ลมหนาวพัดเข้ามาอีกครั้ง ไม่นานนักเป่ยเฉินอี้ก็ขึ้นรถม้าแล้ว เยี่ยเม่ยรับรู้ได้ถึงไอเย็นบนร่างของเขาที่ยืนค้างอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน แต่นางก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมองเขา  

 

 

รถม้าออกเดินทางแล้ว  

 

 

ล้อรถหมุนบดกับพื้นดินจนเกิดเสียง  

 

 

สิ่งที่อยู่ใจของคนทั้งสองก็คือความคิดของตัวเอง  

 

 

สายตาเป่ยเฉินอี้เดี๋ยวก็มองไปที่เยี่ยเม่ยบ้าง เดี๋ยวก็หลับตาลงพักผ่อน เยี่ยเม่ยกลับปิดตาไม่ลืมขึ้นมาเลย   

 

 

ไม่รู้ว่ารถม้าเดินทางไปนานเท่าไหร่แล้ว  

 

 

จู่ๆ เยี่ยเม่ยก็เอ่ยปากถามคำถามเป่ยเฉินอี้คำถามหนึ่ง “อี้อ๋อง ไม่ทราบว่าจะช่วยชี้แนะข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”  

 

 

 “พูดมา!” เป่ยเฉินอี้ไม่ได้เปิดตา สีหน้าดูสูงศักดิ์เรียบเฉย คล้ายเดาได้ว่าเยี่ยเม่ยจะถามคำถามว่าอะไร  

 

 

เยี่ยเม่ยเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเช่นเดียวกัน ถามขึ้นมาเหมือนคุยเล่นว่า “อี้อ๋องบอกว่าเรื่องของจิ่วหุนท่านไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริง เช่นนั้นดูท่าอี้อ๋องคงรู้ว่าผู้ร้ายตัวจริงคือใคร”  

 

 

 “ถูกแล้ว!”  

 

 

นี่เป็นคำถามที่ชัดเจนง่ายดายมาก  

 

 

เขาเคยรับปากว่า เขาช่วยผู้ร้ายตัวจริงวางแผนการ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาย่อมรู้ฐานะของผู้ร้ายตัวจริง  

 

 

เยี่ยเม่ยเอ่ยถาม “อย่างนั้น ไม่ทราบว่าอี้อ๋องจะบอกเยี่ยเม่ยได้หรือไม่ คนผู้นั้นคือใคร อย่างไรเสียสองสามวันที่ผ่านมา ระหว่างอี้อ๋องกับเยี่ยเม่ยก็ผูกความแค้นกันไม่น้อยแล้ว ต่อให้ภายหน้าเป็นศัตรูเชื่อว่าอี้อ๋องก็คงไม่ยินยอมให้ เยี่ยเม่ยจะคิดบัญชีกับท่านเสียเดี๋ยวนี้!“  

 

 

เมื่อเอ่ยคำนี้ ดวงตาของนางพลันเปิดขึ้น แววตาคมกริบมองใบหน้าเป่ยเฉินอี้ ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความเย็นเยือก ทั้งยังสัมผัสถึงความไม่เป็นมิตรของนาง  

 

 

เป่ยเฉินอี้กลับยิ้มออก เปิดตามองเยี่ยเม่ย เอ่ยเสียงขรึมว่า “ข้าบอกแม่นางเยี่ยเม่ยได้!”  

 

 

 “หืม” เยี่ยเม่ยกลับตะลึงไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปิดเผยปานนี้ “ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรือ”  

 

 

เป่ยเฉินอี้จ้องตานาง เอ่ย “ข้าเคยบอกแล้วว่า จะยอมให้เจ้าสามครั้ง ในเมื่อข้าพูดออกมาก็ต้องทำให้ได้ นี่ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะยอมให้เจ้าแล้ว!”  

 

 

เยี่ยเม่ยแค่นเสียงเย็น “เชื่อว่าท่านคงรู้ว่าข้าไม่มีทางซาบซึ้งบุญคุณท่าน!”  

 

 

 “แน่นอน นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าวางแผนการในใจก็รู้แล้วว่า ไม่มีทางได้รับความซาบซึ้งใจจากแม่นาง อีกอย่างการที่ข้ายอมให้แม่นาง ก็ไม่ใช่เพราะต้องการให้แม่นางตื้นตันใจ!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา สายตาที่มองเยี่ยเม่ยยิ่งทวีความลุ่มลึกสุดหยั่งถึง  

 

 

เยี่ยเม่ยหัวเราะ “ดังนั้น”  

 

 

 “ซือถูเฟิง!” เป่ยเฉินอี้เอ่ยชื่อออกมาอย่างรวดเร็ว กล่าวต่อว่า “หากชื่อนี้แม่นางไม่คุ้นเลย อย่างนั้นชื่อซือถูเฉียง แม่นางเยี่ยเม่ยน่าจะจำได้”  

 

 

เยี่ยเม่ยนิ่งเงียบไปหลายวินาที ตอบตามสัตย์ “คล้ายจะมีความทรงจำอยู่บ้าง แต่ชื่อนี้เป็นใครกันแน่ข้าจำไม่ได้แล้ว อย่างไรเสีย นอกจากผู้เข้มแข็งที่ควรค่าแก่การสนใจแล้ว คนอื่นๆ ข้าล้วน…อืม หลังจากพบได้สองวัน ข้าก็ลืมไปหมดแล้ว!”  

 

 

หากสมองของคนผู้นี้ต้องจดจำคนหรือเรื่องไม่สำคัญมากมายขนาดนั้น เช่นนั้นสิ่งที่ต้องจำใส่สมองจะมีมากน้อยเพียงใดกันเล่า  

 

 

คำตอบนี้ทำให้เป่ยเฉินอี้แปลกใจอยู่ไม่น้อย  

 

 

แต่เมื่อคิดถึงนิสัยเฉยชาของเยี่ยเม่ย เขาก็เข้าใจได้ “อย่างนั้น…ไม่นานก่อนหน้านี้ ท่านหญิงที่มีเรื่องกับแม่นางเยี่ยเม่ย แม่นางน่าจะจำได้บ้าง”  

 

 

 “ท่านหมายถึงคนที่ถูกข้าตีที่ชายแดนอย่างนั้นหรือ” คนผู้นี้เยี่ยเม่ยพอจำได้ เพียงแต่ลืมไปตั้งนานแล้ว สตรีนางนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร นางยังแทบจำไม่ได้ “หรือว่านางคือซือถูเฉียง”  

 

 

เหมือนว่าใช่!  

 

 

เป่ยเฉินอี้พยักหน้า “ถูกต้อง”  

 

 

พูดไปแล้วความจริงเขาอยากถอนใจ นางจำไม่ได้สักนิดว่าซือถูเฉียงคือใคร ราวกับว่าสิ่งที่เขาจำได้เป็นเรื่องบั่นทอนคุณค่าของตนเองลงไปก็ไม่ปาน จากนั้นเมื่อมองสายตาของนาง นางจำไม่ได้จริง หาใช่เรื่องล้อเล่น  

 

 

เขาพลันหัวเราะเบาๆ “แม่นางเยี่ยเม่ยจำซือถูเฉียงไม่ได้ แต่นางกลับเห็นท่านเป็นศัตรูตัวฉกาจ!”  

 

 

เยี่ยเม่ยยักไหล่ ท่าทางไม่เป็นไร “โลกนี้มักมีพวกไม่รู้จักที่ตาย ข้าชินแล้ว ดังนั้น…”  

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset