เล่ห์รักกลกาล 211 เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านจะสูญเสียข้าไป

ตอนที่ 211 เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านจะสูญเสียข้าไป

ท่าทางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทำให้คนตกตะลึง 

 

 

อวี้เหว่ยรู้สึกอนาถใจจนแทบไม่กล้ามอง เขาหันหน้ากลับไปมององค์ชายสี่อย่างเวทนา ช่างน่าสงสารนัก ต้นแบบของคนกลัวภรรยาที่แท้จริง แค่คำพูดเดียวของแม่นางเยี่ยเม่ยก็ยอมตกลงทำเรื่องที่ไม่อยากทำ

 

 

เมื่อบรรลุเป้าหมาย

 

 

เป่ยเฉินอี้ก็ลุกขึ้นทันที เขาใช้สายตาประเมินคนทั้งสอง หัวเราะเสียงทุ้ม เอ่ยว่า “ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เป่ยเฉินอี้ก็ไม่รั้งอยู่ต่อ เชื่อว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี เป่ยเฉินอี้ขอตัวก่อน”

 

 

เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็เดินจากไป

 

 

เยี่ยเม่ยมองตามแผ่นหลังของเขา เอ่ยเสียงเย็น “เป่ยเฉินอี้ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”

 

 

แรงจูงใจของบุรุษผู้นี้คืออะไรก็ไม่รู้ชัด จากสถานการณ์เมื่อวานคล้ายกับเป็นศัตรูกับนาง วันนี้โผล่มาช่วยวางแผนการ เขารู้กระทั่งวิธีการที่นางคิดออกมาได้ เพียงแต่นางไม่อาจใช้…

 

 

ถูกแล้ว

 

 

ความจริงนางก็คิดแผนการออก ขอเพียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกมารับผิด แต่ทำให้เขาแบกรับชื่อเสียงชั่วร้าย ทำให้จุดยืนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งอันตรายมากขึ้น

 

 

ดังนั้น นางไม่อยากใช้วิธีนี้

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเป่ยเฉินอี้จะมาหาแต่เช้าตรู่ ทั้งยังจงใจรอจนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมาอีก จากนั้นเอ่ยคำพูดเพื่อชักนำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยอมรับความคิดนี้…หากทุกอย่างสำเร็จ อย่างนั้นตัวตนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในใจของผู้คนก็ยิ่งไม่มีดีอะไรอีก

 

 

ดังนั้นคนที่เป่ยเฉินอี้ต้องการเล่นงานคือเยี่ยเม่ยหรือว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกันแน่

 

 

เมื่อไม่รู้แรงจูงใจกับเป้าหมายของเป่ยเฉินอี้ อย่างนั้นก็ยากที่จะคาดเดาก้าวต่อไปของเขา ก็ย่อมหาทางโต้ตอบได้ยาก

 

 

เป่ยเฉินอี้ชะงักฝีเท้า คลี่ยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มที่ปากหาได้มีอยู่ในดวงตา เขาโต้ตอบกลับมาโดยไม่หันหน้ากลับว่า “แรงจูงใจอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ต้องให้แม่นางเยี่ยเม่ยเดาเองแล้ว หากคาดเดาไม่ถูก เจ้าสามารถมาถามข้าด้วยตัวเอง แต่ว่าไม่มีคำตอบที่ไร้ราคาในโลก แม่นางเยี่ยเม่ยต้องมีเงื่อนไขมาแลกเปลี่ยน”

 

 

  สิ้นเสียง เป่ยเฉินอี้สาวเท้าจากไป

 

 

สายตาเยี่ยเม่ยทอประกาย หากเป่ยเฉินอี้ยอมบอกแรงจูงใจกับนาง ก็เท่ากับให้โอกาสนางในการวางแผน หากไปถามเขาตรงๆ ข้อแลกเปลี่ยนคงไม่ใช่เรื่องเล็ก…

 

 

ในขณะที่เยี่ยเม่ยกำลังจะได้สติ

 

 

เป่ยเฉินอี้ที่ออกจากห้องไปแล้ว พลันชะงักฝีเท้า เสียงเข้มถามว่า “อ้อ จริงสิ ขอเตือนแม่นางเยี่ยเม่ยสักคำ แม่นางไม่ลองถามหลานชายของข้าดูเสียหน่อยว่า เมื่อวานตอนที่เขาโคจรกำลังภายในให้จิ่วหุน เขาคาดเดาเรื่องการลอบสังหารจิ่วหุนเมื่อคืนได้หรือเปล่า”  

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสายตาวาวโรจน์ ไอสังหารฉายออกมา เอ่ยเสียงนุ่มว่า “เสด็จอา การยุแยงไม่มีประโยชน์สำหรับท่าน หากเยี่ยนโมโหแล้ว ท่านจะแบกรับผลลัพธ์ไม่ไหว”

 

 

 “ฮี่ๆ…” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มอ่อน “ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ไฉนต้องโมโหด้วย”

 

 

ครั้นเอ่ยจบเป่ยเฉินอี้ก็เดินจากไป

 

 

ถึงเยี่ยเม่ยอยากจับเป่ยเฉินอี้มาฆ่าทิ้งเสีย แต่ว่ายามนี้คนทั้งหมดเกลียดชังจิ่วหุน หากทำร้ายเป่ยเฉินอี้ต่อหน้าทุกคน ยิ่งมีแต่จะปลุกความไม่พอใจและความโกรธแค้น ปัญหายิ่งแก้ได้ยากขึ้น ดังนั้นนางจึงต้องฝืนทนไว้

 

 

ดังนั้นสายตาเย็นชาของเยี่ยเม่ยย้ายไปตกอยู่ที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนในไม่ช้า

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เดิมทีตั้งใจจะสั่งสอนเป่ยเฉินอี้  เห็นสายตาเยี่ยเม่ยในยามนี้ เขามุมปากกระตุก ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

 

จากนั้นเยี่ยเม่ยเอ่ยถามว่า “คำที่เป่ยเฉินอี้เอ่ยเมื่อครู่ ข้าเองก็แปลกใจเช่นกัน เมื่อวานท่านคาดเดาได้อยู่แล้วใช่หรือไม่”

 

 

 “คาดเดาไม่ได้” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปฏิเสธทันควัน น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ เอ่ยว่า “เยี่ยนที่ไร้เดียงสาและมีเมตตา ไม่มีทางเป็นอย่างเสด็จอาที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย คาดคำนวณอะไรได้มากมาย ฮูหยินอย่าได้เชื่อฟังคำยุแยง”  

 

 

ใบหน้าหล่อร้ายแสดงความจริงจังออกมา

 

 

เยี่ยเม่ยเลิกคิ้วสูง ถามว่า “จริงหรือ”

 

 

นางเอ่ยเพียงสองคำ แต่จงใจลากหางเสียงยาว ทำให้คนฟังรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดก็พรูลมหายใจ ยอมรับเสียงอ่อนว่า “ก็ได้ ความจริงข้าคาดเดาได้ แต่อย่างไรเยี่ยนก็ไม่เคยตกอยู่ในสภาพอ่อนแอถึงขั้นนี้มาก่อน ย่อมหวาดระแวงคิดถึงความเป็นไปได้ แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจ หากเมื่อวานเยี่ยนไม่เดินลมปราณให้จิ่วหุน เขาจะเป็นหรือตายก็ยากคาดได้ ดังนั้นต่อให้คาดการณ์ได้ว่าหลังจากโคจรพลังแล้ว จะมีคนฉวยโอกาสลอบสังหารจิ่วหุนในยามที่เยี่ยนอ่อนแอ เยี่ยนก็ไม่มีทางเลือกอื่น”

 

 

 

 

ครั้นเอ่ยมาถึงบัดนี้ ไม่ว่าคาดการณ์ได้หรือไม่ สุดท้ายเขาก็ช่วยจิ่วหุนจนสูญเสียพลังขั้นหนึ่งไป นี่คือเรื่องที่ไม่อาจทำอะไรได้

 

 

แต่ว่า…

 

 

เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถามเสียงนิ่งว่า “อย่างนั้นทำไมท่านไม่เตือนข้า”

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนหายใจ ใบหน้าหล่อร้ายแสดงความจนปัญญา “แต่เยี่ยนก็หาได้ฝืนบังคับให้เจ้าอยู่ที่เรือนของเยี่ยนมิใช่หรือ หากเยี่ยนไม่เหลือหนทางรอดให้เขาเลย เมื่อคืนคงทุ่มเทความคิด แกล้งอ่อนแอให้เจ้าดูแลรั้งเจ้าไว้ข้างกายแล้ว ส่วนเจ้าที่ต้องการตอบแทนเยี่ยนที่ช่วยจิ่วหุนเมื่อวานย่อมไม่ปฏิเสธความต้องการของเยี่ยนแน่ แต่เยี่ยนก็ปล่อยเจ้ากลับไป เจ้าถึงมีโอกาสช่วยเหลือเขา เห็นได้ชัดแล้วว่า ถึงแม้เยี่ยนอยากให้เขาตาย แต่หาได้ทิ้งหนทางรอดไว้เลยไม่”

 

 

ในความคิดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นี่ก็คือการถอยให้อย่างใหญ่หลวงของเขาแล้ว

 

 

เหลือทางรอดให้ศัตรูหัวใจเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน หากมิใช่เพราะกลัวนางโกรธและเสียใจ เขาถึงได้ยอมถอยให้ถึงขั้นนี้ แต่นี่ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

 

 

ครั้นพูดถึงตรงนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยว่า “ฮูหยินต้องเข้าใจ ไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ เยี่ยนก็คิดถึงฮูหยินก่อน แต่…นอกเสียจากเรื่องศัตรูหัวใจ”

 

 

เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก ว่ากันตามจริงแล้ว หากนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสลับจุดยืนกัน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีน้องสาวบุญธรรมที่เขาดูแลสารพัดผู้หนึ่ง อีกทั้งน้องสาวบุญธรรมผู้นี้มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับนางนัก…

 

 

นางยอมรับว่าตัวเองก็มิได้มีนิสัยดีถึงขั้นรักบ้านถึงเผื่อแผ่ไปถึงนก[1] ดีกับน้องสาวบุญธรรมเขาอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เขาต้องมีความกังวลแม้แต่นิด เห็นความปลอดภัยของน้องสาวเขามาเป็นอันดับแรก

 

 

…..

 

 

ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้นางไม่เห็นด้วย แต่ก็เข้าใจได้

 

 

เพียงแต่เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา “ข้าหวังจริงๆ ว่าท่านจะไม่เห็นจิ่วหุนเป็นศัตรูหัวใจปลอมๆ สุดท้ายเอาแต่ยืนดูอยู่ด้านข้างโดยไม่สนใจ เป่ยเฉินเสียเยี่ยน หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ท่านจะสูญเสียข้าไป”

 

 

ถ้อยคำนี้เอ่ยออกมาได้รุนแรงไม่น้อย

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองสีหน้าเย็นชาเอาจริงเอาจังของหญิงสาว ไม่คล้ายล้อเล่นเลยสักน้อย พลันเข้าใจความหมายของนาง เขาแค่นเสียงเย็น สะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวไป “ในเมื่อเจ้าใส่ใจเขาเช่นนี้ เยี่ยน…”

 

 

คนทั้งหลายหลงคิดว่า เขาจะโมโหแล้ว

 

 

คิดไม่ถึงว่าภายใต้สายตาเย็นชาของนางจับสังเกตอยู่ที่แผ่นหลังของเขา

 

 

เขาพลันถอนหายใจยาว “เยี่ยนก็คงเป็นเหมือนกับหญิงหม้ายเท่านั้น ต้องฝืนตัวเองให้ยอมรับ อดทน และเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างนี้เกิดจากความไร้สามารถของเป่ยเฉินอี้ โอกาสดีขนาดนี้ ยังลอบสังหารไม่สำเร็จ”

 

 

เยี่ยเม่ยหัวใจกระตุก ถามว่า “หากเขาทำสำเร็จแล้ว…”

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยตามตรง “เพราะว่าสังหารคนไม่สำเร็จ ดังนั้นปัญหาถึงไม่ใหญ่มาก ส่งผลให้เยี่ยนต้องยอมรับว่าคาดการณ์ได้แต่แรก หากทำสำเร็จแล้ว วันนี้ฮูหยินเอามีดจ่อคอเยี่ยน ต่อให้ตายเยี่ยนก็ต้องปฏิเสธ”

 

 

ทุกคน “…”

 

 

ดีมาก จริงใจดี

 

 

เพราะว่าลอบสังหารไม่สำเร็จ ยอมรับว่าตนเองคาดเดาได้แต่แรก ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ว่ากันตามตรงแล้วหากลอบสังหารสำเร็จ เยี่ยเม่ยไม่มีทางยอมง่ายแน่ ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ

 

 

ใช้ได้ ใช้ได้ ไร้ยางอายนัก

 

 

 

 

 

 

[1] หมายถึงรักคนคนหนึ่ง ก็รักชอบคนหรือสิ่งของที่เขารักไปด้วย

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset