อยากกินไหมล่ะ 820 ลุกขึ้นมากินยา

ตอนที่ 820 ลุกขึ้นมากินยา

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 820 ลุกขึ้นมากินยา

“ฉันต้องบอกให้หลินหลินรู้เสียแล้วสิว่าไห่น้อยอดอาหารเสียจนเวียนหัว เธอจะได้แสดงความเป็นห่วงเขาออกมาบ้าง” นี่ก็คือความคิดแรกที่เจิ้งเจียเว่ยเมื่อได้ยินสิ่งที่อู๋ไห่กล่าวออกมา

ถึงอย่างไรเจิ้งเจียเว่ยก็เป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันและเรื่องงานของอู๋ไห่มาโดยตลอด เขาก็เลยนึกว่าอู๋ไห่จะเป็นห่วงตนเองขึ้นมา ไม่คาดว่าจะได้รับคำตอบแบบนั้นเสียได้

เจิ้งเจียเว่ยบอกตัวเองว่าการเล่าให้หลินหลินฟังย่อมไม่ใช่เพื่อแก้แค้นอู๋ไห่อย่างแน่นอน แต่เขาทำเพื่อสัมพันธภาพระหว่างอู๋ไห่กับหลินหลินต่างหากเล่า ในฐานที่เป็นพี่น้องกัน หาได้เป็นผลดีต่ออู๋ไห่ที่หวาดกลัวหลินหลินมากออกขนาดนั้นเลย

เมื่อโน้มน้าวใจตัวเองได้แล้ว เจิ้งเจียเว่ยก็ออกไปด้วยความรู้สึกพออกพอใจ

“เปิดประตู เปิดประตูหน่อย ฉันรู้ว่านายอยู่ข้างในนะ”

“เปิดประตูมากินยาของนายซะ สี่ชั่วโมงแล้วนะ”

“พี่อู๋ เถ้าแก่หยวนยังหลับอยู่เลยค่ะ ทำไมพี่ถึงมาเคาะประตูเสียเล่า?” โจวเจียยืนอยู่ข้างอู๋ไห่ด้วยความรู้สึกยุ่งยากใจยิ่ง เธออยากยับยั้งอู๋ไห่เอาไว้แต่กลับไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ได้เวลาปลุกเขาขึ้นมากินยาแล้ว” อู๋ไห่กล่าวด้วยสีหน้าเจริงเอาจัง

“แต่มันยังไม่เที่ยงเลยนะคะ” โจวเจียตอบ

“ให้เขากินยาแก้ไข้หวัดทุกสี่ชั่วโมงจะดีกว่านะ” อู๋ไห่บอก

“อย่างนี้นี่เอง? สี่ชั่วโมงสินะคะ?” โจวเจียถามอย่างเหม่อลอย

“ใช่แล้วล่ะ เจ้าเข็มทิศมักจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายตอนหกโมงเช้าอยู่เสมอ เธอบอกว่าวันนี้มาเร็วแล้วตอนนั้นเขาก็กินยาไปแล้วนี่นา ตอนนั้นก็น่าจะราวๆหกโมงครึ่งแหละนะ ตอนนี้สิบโมงครึ่งแล้วได้เวลากินยาของเขาแล้วล่ะ” อู๋ไห่อธิบายขณะที่ตรวจสอบเวลาบนโทรศัพท์ของตนเอง

“ใช่ สี่ชั่วโมงจริงๆด้วย” โจวเจียกล่าวขึ้นหลังจากตรวจสอบจากประวัติการโทรของเธอ เมื่อตอนที่หยวนโจวโทรหาเธอก็ราวๆหกโมงครึ่งนี่แหละ

ปัง! ปัง! ปัง! อู๋ไห่เริ่มเคาะประตูอีกครั้ง แต่กลับไม่มีการตอบสนองกลับมาแต่อย่างใด

“พี่อู๋ ยังไงกินยาวันละสามครั้งก็เป็นเรื่องดีนะคะ” โจวเจียกล่าว

“ไม่มีทางเสียหรอก ให้เขากินยาบ่อยๆต่างหากถึงจะหายเร็วขึ้น” อู๋ไห่ยังเคาะต่อไปแถมยังไม่สนใจคำแนะนำของโจวเจียอีกต่างหาก

อู๋ไห่ออกแรงตอนที่เคาะมากขึ้นจนรู้สึกได้ว่าประตูกำลังเขย่า

“พี่อู๋ ทำแบบนี้พี่จะเจ็บมือเอาได้นะคะ แถมยังอาจจะส่งผลต่อการเขียนภาพของพี่ด้วย” โจวเจียเปลี่ยนมาเกลี้ยกล่อมดู

“ก็ถูกของเธอนะ” อู๋ไห่หยุดเคาะในที่สุด

“ใช่ ใช่ ใช่ นั่นแหละถูกต้องแล้วค่ะ แค่โทรหาเถ้าแก่หยวนอีกทีตอนเที่ยงก็ใช้ได้แล้วล่ะค่ะ” โจวเจียกล่าวด้วยความโล่งอกโล่งใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะโทรไปเดี๋ยวนี่แหละ” อู๋ไห่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มโทรออก

สายถูกรับหลังจากดังขึ้นเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น

“อู๋ไห่งั้นรึ?” เสียงแหบแห้งของหยวนโจวดังขึ้น

“ฉันเอง ได้เวลาลุกขึ้นมากินยาแล้วนะ” อู๋ไห่สั่งขึ้นมาง่ายๆ

“อะไรนะ?” หยวนโจวพึมพำอย่างเหม่อลอย

“สี่ชั่วโมงแล้ว ได้เวลากินยาแล้ว” อู๋ไห่พูดซ้ำ

“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว ลาก่อนนะ” หยวนโจวอยากกลับไปนอนต่อจึงตอบตกลงไปเพราะเขาไม่อยากคุยโทรศัพท์อีก

“ฉันจะส่งอาหารกลางวันไปให้นายภายในสองชั่วโมง แล้วสี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ฉันจะโทรไปเตือนให้นายกินยานะ” อู๋ไห่กล่าวแล้ววางสายไป

“อืม” หยวนโจวครางขณะที่ตอบก่อนที่จะวางสายไป จากนั้นเขาก็ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วนอนต่อ

“เป็นไปได้ยังไงที่โทรศัพท์ของเถ้าแก่หยวนยังเปิดอยู่เลย?” โจวเจียรู้สึกสงสัย ปกติโทรศัพท์ของเถ้าแก่หยวนจะตั้งโหมดสั่นเอาไว้ เขาจะลบโหมดสั้นออกก็ต่อเมื่อกำลังพักผ่อนอยู่เท่านั้น

“ในกรณีฉุกเฉินอย่างไรเล่า” อู๋ไห่กล่าวก่อนที่จะกลับไปที่สตูดิโอของตัวเอง

โจวเจียที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังพยักหน้าด้วยความเป็นห่วงขณะที่เฝ้าประตูต่อไป

วันนี้เป็นวันที่หยวนโจวไม่สบาย ส่วนอู๋ไห่ วันนี้เป็นวันที่ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกมนุษย์ ส่วนจี้อี้ วันนี้เป็นวันพิเศษวันหนึ่งเลยล่ะ การที่เขานั่งลงหน้าโทรทัศน์เป็นเรื่องที่เขาแทบจะไม่เคยทำเลยเสียด้วยซ้ำไป เขาเปิดโทรทัศน์ไปที่ช่องหมายเลขหกด้วยความสนใจเต็มเปี่ยม

ช่องหมายเลขหกเป็นช่องจะฉายเฉพาะภาพยนตร์เท่านั้น ตอนนี้กำลังฉายเรื่อง Eat Drink Man Woman อยู่เลย นี่เป็นภาคสามที่ถ่ายทำโดยผู้กำกับหลี่ผู้มีชื่อเสียง

ภาพยนตร์ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ความสนใจของจี้อี้กลับหาได้อยู่ที่ภาพยนตร์ เขากำลังรอโฆษณาที่จะฉายหลังภาพยนตร์ต่างหากล่ะ

ใช่แล้วล่ะ วิดีโอโปรโมตอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีที่แสดงให้เห็นเชฟทั้งห้าคนเสร็จสมบูรณ์แล้ว

วิดีโอโปรโมตจะเริ่มออกอากาศวันนี้ ส่วนช่องที่ออกอากาศนั้น จี้อี้ต้องทุ่มเทอย่างหนักทีเดียว วิดีโอโปรโมตจะฉายทางซีซีทีวีและเว็บไซต์วิดีโอทั้งหลายทางอินเตอร์เน็ต

อันที่จริงแล้วจี้อี้หาได้ทำอะไรในชุมชนออนไลน์มากนัก บุตรสาวของเขาต่างหากที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนั้น แต่เรื่องการเจรจาต่อรองกับซีซีทีวี เขาได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วยตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็ขอร้องภรรยาของตนมาตั้งนานกว่าจะได้รับโอกาสนี้

นอกจากนี้ภรรยาของจี้อี้ก็เป็นรุ่นพี่ของเขากับหลิวจาง ทั้งยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของซีซีทีวีในปัจจุบันอีกต่างหาก

คนที่ทำแบบเดียวกันก็คือต้าไห่และสมาชิกในทีมของเขา ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ภาพยนตร์ แต่พวกเขาก็ยังให้ความสนใจกับวิดีโอโปรโมตเป็นอันมากเนื่องจากพวกเขาเป็นฝ่ายถ่ายทำขึ้นมาเอง

อันที่จริงแล้วตาเฒ่าจี้อี้ค่อนข้างหัวโบราณทีเดียว เขาต้องใส่ความพยายามเป็นอย่างมากเมื่อได้รับวิดีโอโปรโมตของซีซีทีวีมาแล้วเอฟเฟกต์ไม่ดีพอที่จะใส่ลงอินเตอร์เน็ตได้ ทุกวันนี้โฆษณามักจะฉายคั่นรายการโทรทัศน์ ไม่มีใครสนใจวิดีโอโปรโมตกันนักหรอก

คนส่วนใหญ่จะดูวิดีโอโปรโมตเฉพาะในอินเตอร์เน็ตเท่านั้นแหละ

ถึงอย่างไรในบางเว็บไซต์ สิ่งแรกที่จะเห็นบนโฮมเพจก็คือแบนเนอร์โปรโมตขนาดใหญ่นั่นเอง

[การรวมตัวกันของสุดยอดเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีทั้งห้า! เรื่องสำคัญเชียวนะ!]

และเมื่อคลิกลงไปครั้งหนึ่งก็จะเห็นตัวเลือกในการลงคะแนนของเชฟทั้งห้าคน บัญชีหนึ่งจะอนุญาตให้โหวตได้หนึ่งครั้งและถ้าหากดูวิดีโอโปรโมตทั้งหมดแล้วก็จะได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเพิ่มได้อีก

แน่นอนว่าการแชร์ลงบนวีแชท โมเมนต์หรือเว่ยป๋อย่อมได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเพิ่มได้อีกครั้งเช่นกัน

นี่คือกลยุทธ์การโฆษณาที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ บัญชีหนึ่งสามารถลงคะแนนได้สูงสุดถึงสามครั้งเชียวล่ะ

แน่นอนว่าเพื่อให้จูงใจผู้คนได้มากจึงเสนอให้มีการจับรางวัล ด้วยการแชร์วิดีโอและติดแท็กบัญชีอย่างเป็นทางการของสมาพันธ์เชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีแห่งประเทศจีน พวกเขาก็จะมีสิทธิ์ได้จับรางวัล

รางวัลก็คือทริปเดินทางเพื่อเพลิดเพลินไปกับอาหารที่แสดงเอาไว้ในวิดีโอ

อาจกล่าวได้ว่าจอมตะกละช่างมีพลังอำนาจที่ไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยพลังอำนาจของจอมตะกละ โพสต์นี้ถูกผลักดันจนขึ้นไปสู่โพสต์ติดเทรนด์ความนิยม 50 อันดับแรกแล้ว

ช่างเป็นพลังอำนาจอันน่ากลัวเหลือเกิน

ด้วยความพยายามในการโปรโมตเว็บไซต์อย่างหนัก ผลลัพธ์ทางการตลาดจึงออกมาดีมากทีเดียว บนเว็บไซต์ วิดีโอได้รับยอดเข้าชมกว่าสามล้านครั้งเข้าไปแล้ว

ทั้งๆที่วิดีโอนี้เพิ่งจะปล่อยออกมาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น แต่ก็ยังไม่มีละครโทรทัศน์ยอดนิยมในปัจจุบันเรื่องใดที่จะทำยอดความนิยมได้มากกว่านี้เลย

วิดีโอมีคุณภาพระดับเอชดีแสดงให้เห็นถึงฝีมือการทำบะหมี่ไหมฟ้าและการนวดแป้งอันละเอียดละออ

ฝีมือด้านต่างๆที่แสดงในวิดีโอสร้างความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็มีเพียงแค่เชฟเท่านั้นแหละที่จะสามารถทำได้

ทำไมเชฟถึงเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่ายอดฝีมืองั้นเหรอ? ก็เพราะยอดฝีมือสามารถทำสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้น่ะสิ เมื่อสิ่งนั้นรวมเข้ากับฝีมือในการถ่ายทำของต้าไห่และขั้นตอนการพากย์เสียงแล้วก็จะทำให้ได้วิดีโอที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา

ยกตัวอย่างเช่น บางฉากในวิดีโอที่มีการนวดแป้งแทนที่จะให้ความรู้สึกของแป้งที่พบได้ทั่วไป แต่คล้ายกับว่าเป็นกำลังนวดแป้งแห่งความเป็นอมตะอยู่ตรงนั้นเลย

ผู้คนมากมายแสดงความคิดเห็นไปพลางน้ำลายสอไปพลาง:

“ฉันรู้สึกว่าบะหมี่ไหมฟ้าที่เคยกินมากลายเป็นบะหมี่ของปลอมไปเลยล่ะ”

“ฉันรู้ว่าเชฟอู๋หันมานวดแป้งให้กลายเป็นแบบงานศิลป์ เขาเป็นอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในมณฑลส่านซีแถมยังเป็นเถ้าแก่ร้านขนมปังอีกต่างหากแน่ะ ฉันเคยไปร้านนั้นมาก่อนนะ น่าเสียดายที่คนที่ทำอยู่ที่นั้นกลับเป็นลูกศิษย์ของเขาซะงั้นไป เขาไม่มีลักษณะท่าทางอันสง่าผ่าเผยอย่างเชฟอู๋ที่อยู่ในวิดีโอเลยสักนิดเดียว”

“นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเชฟอันดับหนึ่งเลยไงล่ะ”

“มาแสดงวิดีโอเอาตอนเที่ยงนี่โหดร้ายชะมัดเลย ตอนนี้ฉันหิวมากเลยอ่ะ”

การโต้แย้งของหลายๆความคิดเห็นต่างบ่นเรื่องวิดีโอทำให้พวกเขาหิวช่วงพักเที่ยง หลายๆคนก็พากันแสดงความคิดเห็นว่าเป็นเพราะวิดีโอนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาต้องไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเป็นก่ายเป็นกอง

แน่นอนว่ายังมีอีกหลายโพสต์ที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลย อย่างเช่นมีบางคนถามเรื่องดนตรีประกอบฉากที่ใช้ในวิดีโอบ้างล่ะ

แม้กระนั้นก็ยังมีความคิดเห็นส่วนใหญ่ที่กำลังชื่นชมอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี อย่างไรเสียสิ่งดีๆก็ย่อมต้องได้รับการยอมรับอยู่แล้วล่ะ

“อาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีในประเทศก็สามารถละเอียดประณีตได้เช่นกัน”

“ไลค์! ไลค์! ไลค์! ฉันรู้สึกหิวชะมัดเลย!”

“นี่คือวิดีโอโปรโมตอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฉันเคยดูมาเชียวล่ะ”

จนถึงตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ความคิดเห็นทั้งหลายต่างเป็นไปในด้านที่ดี แต่กลับไม่มีใครเห็นความคิดเห็นของหยวนโจวเลย

และหลังจากพวกเขาได้เห็นความคิดเห็นของเขาแล้ว ทิศทางของความคิดเห็นทั้งหลายก็เปลี่ยนไปในทันที

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset