องครักษ์เสื้อแพร 799

ตอนที่ 799
ให้เกียรติท่านโหวอยู่หลายส่วน

เห็นหวังทงเดินเข้าประตูหน้าไปอย่างไม่สนใจอันใด ยังมีคนโดนแส้ฟาดใส่ มีคนตกใจส่งเสียงร้องดัง หน้าตาจวนอู่ชิงโหวถูกฉีกไม่น้อย

แต่ผู้คุ้มกันหน้าประตูจวนอู่ชิงโหวกลับไม่ได้ตกใจอันใด หากจ้องมองหวังทงด้วยความโมโห พื้นที่ประทับของฮ่องเต้เช่นเมืองหลวงนี้ เจ้ากล้าวางอำนาจบาตรใหญ่หน้าประตูจวนอู่ชิงโหว คิดจะก่อการร้าย หรือว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วกัน

เห็นหวังทงลงจากม้า บอกว่า ‘ขอมาคารวะท่านโหว’ ทุกคนก็เบาใจ ที่แท้องครักษ์เสื้อแพรไม่ได้มาจับคน อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนอย่างไรก็เพิ่งจะส่งมอบกำลังทหารคืนไป มีข่าวแพร่แปลกประหลาดมาจากในวัง ทุกคนล้วนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทว่าคนผู้นี้มาขอคารวะ และยังเรียกให้เกียรติว่าท่านโหว เช่นนี้ก็ไม่น่ามีอันใด

ทุกคนต่างได้สติตามมา องครักษ์เสื้อแพรวัยหนุ่มแจ้งชื่อว่า ‘หวังทง’ หวังทงเป็นผู้ใด คนจวนอู่ชิงโหวล้วนท่องรายชื่อวีรบุรุษเมืองหลวงกันจนจำได้แม่น หวังทงเป็นบุคคลระดับใด พวกเขาย่อมต้องรู้จัก

มิน่ากล้ามาส่งเสียงดังหน้าจวนอู่ชิงโหว มิน่าแจ้งชื่อก็ไม่บอกตำแหน่งได้ และจริง ๆ ก็คือ ชื่อหวังทงไม่จำเป็นต้องแจ้งอันใดให้มากความอีก

พ่อบ้านหน้าประตูก็พอรู้เรื่องในจวนอยู่บ้าง รู้ว่าระยะนี้จวนตนกำลังทำอันใดกันอยู่ พอเห็นหวังทงหน้าตาบึ้งตึงมาถึงหน้าประตู ในใจก็ย่อมตื่นตระหนก รีบพยักหน้าก้มกายกล่าวว่า

“ที่แท้ใต้เท้าหวัง  เชิญใต้เท้าหวังรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงาน”

พ่อบ้านกำลังจะเดินไปก็ถูกหวังทงเรียกไว้ หวังทงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“บอกท่านโหวพวกเจ้าว่า ไม่พบข้า ข้าก็จะเข้าไปจับเอง พบข้าแล้ว บางทีอาจพอไว้หน้ากันได้บ้าง ไปได้!”

หน้าประตูจวนอู่ชิงโหวพบเห็นขุนนางใหญ่มาจนชิน ผู้ใดบ้างไม่เกรงใจ แม้แต่บุคคลในคณะเสนาบดีใหญ่ยังต้องยิ้มแย้มมาขอพบ วันนี้เทพเช่นหวังทงมาเยือนด้วยท่าทีเช่นนี้ ทำให้พวกเขาได้แต่ตื่นตกใจ

เจ้าเป็นขุนนางคนสนิทที่สุดของฮ่องเต้ก็จริง ระยะนี้สร้างความชอบใหญ่มามากก็จริง แต่จวนอู่ชิงโหวเป็นใคร ไหนเลยจะให้เจ้ามาวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ นี่เป็นถึงน้าแท้ๆ ขอฮ่องเต้เชียวนะ

ไม่รู้ว่าวาจาใดของหวังทงที่ได้ผล ไม่นานนัก พ่อบ้านใหญ่จวนชิงโหวก็รีบวิ่งมา พ่อบ้านผู้นี้เป็นพ่อบ้านมาตั้งแต่สมัยอู่ชิงโหวหลี่เหว่ย  ท่าทางวางตัวไม่เหมือนผู้อื่น เป็นบุคคลอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงผู้หนึ่ง ขุนนางใหญ่ในวังกับในราชสำนักล้วนเกรงใจ

พ่อบ้านผู้นี้ย่อมแซ่หลี่ เดินออกมาเห็นหวังทงก็สีหน้าเคร่งเครียด ผู้คุ้มกันหน้าประตูพวกนี้ถูกพวกหวังทงจับตามองจนขนหัวลุก วางอำนาจบาตรใหญ่กันมานานหลายปี พอมาถูกข่มบ้างก็ย่อมอึดอัด เห็นพ่อบ้านเช่นนี้ ก็แอบรอดูความเสียท่าของหวังทง

เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง พ่อบ้านอารมณ์คุกรุ่น ขุนนางระดับสามสี่ก็ยังถูกตำหนิมาแล้ว พวกขุนนางบุ๋นพวกนั้นเป็นพวกเรียบร้อยสูงส่ง ปกติก็วางท่าทีไม่ธรรมดา ยังต้องยอมฟังแต่โดยดี เอาแต่ขออภัยไม่หยุด

หวังทงจะว่าไประดับขุนนางก็แค่สาม ยังเป็นขุนนางบู๊อีก  จะเท่าไรกัน พ่อบ้านเฒ่าผู้นั้นเหยียดตามองหวังทง พวกคนข้างๆ คิดว่าเขาจะต้องถูกตำหนิ หากพ่อบ้านกลับคำนับ ประสานมือคำนับกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง  ท่านโหวเรียนเชิญ เชิญตามข้าน้อยเข้าไป!”

เคยพบเห็นพ่อบ้านเฒ่าผู้นี้ประสานมือคำนับให้ขุนนางระดับนี้ที่ไหนกัน  นี่มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้วหรือนี่? สายตาทุกคนในจวนอู่ชิงโหวราวกับจะหลุดทะลักออกมา

*************

ถูกนำทางเข้าไปในจวนอู่ชิงโหว ประตูจวนแต่ละชั้นลึกราวทะเล  ตลอดทางล้วนเป็นการตกแต่งที่อลังการ ไม่พูดถึงดอกไม้นานาพรรณ หรือสิ่งก่อสร้างวิจิตรงดงาม ตลอดทางที่เดินไปก้าวหยุดลง มองซ้ายขวา ก็ราวกับภาพวาด สิ่งก่อสร้างเช่นนี้ ตอนสร้างแรกสุดไม่รู้ต้องใช้เงินทองไปสักเท่าไร ใช้เวลาไปสักเท่าไร

หากเป็นปกติ เดินไปถึงที่ใดสักที่ในจวน พ่อบ้านก็จะหยุดให้แขกได้ชมจากนั้นก็อธิบายสองสามคำ แขกที่มาก็จะชื่นชมตะลึงลานไป นี่จึงเป็นหลักการต้อนรับแขกผู้มาเยือน

ทว่าพ่อบ้านผู้นี้นำทางกลับไม่กล่าวอันใดสักคำ ตลอดทางคนงานสาวใช้ในจวนเห็นแต่กลุ่มคนที่ก้าวเดินอย่างเร่งรีบ พากันหลบให้ มีคนหลบช้าไปสองก้าว ก็ถูกพ่อบ้านตำหนิใส่ทันที

ต่อหน้าแขกถึงกับดุด่าเช่นนี้ ระบายอารมณ์ใส่ผู้น้อยหรือว่าแขกกันแน่ ทุกคนได้แต่คิด หากไร้คำตอบ

หวังทงเองก็ไม่สนใจ ได้แต่เดินตามไป อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนก็ไม่ได้รอพบอยู่ที่หน้าประตูตามที่คิด หากนั่งอยู่ในห้องรับแขก สีหน้าแข็งกระด้างเย็นชาอย่างยิ่ง

“นายท่าน นำหวังทงมาถึงแล้ว!”

พ่อบ้านผู้นี้ แม้แต่คำว่า ใต้เท้า ก็ไม่มี เปิดประตูออก อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนก็ไม่ได้ลุกขึ้น ยังคงนั่งกับที่พยักหน้าก็เหมือนไม่มี  นั่งกล่าวว่า

“หวังทง ข้ามีงานมาก เจ้ามาถึงที่นี่ด้วยเรื่องใด?“

ตั้งแต่เดินเข้าจวนมาถึงตอนนี้ ตามหลักมารยาทในจวนอู่ชิงโหวแล้ว เรียกได้ว่าลบหลู่แล้ว คิดถึงว่าตระกูลใหญ่เช่นนี้เข้าออกขอพบอันใดล้วนมีธรรมเนียม  การจงใจแสดงการไร้มารยาทเช่นนี้ยิ่งทำให้เสียหน้า

สีหน้าหวังทงเย็นชา อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยให้นั่ง เขาก็ยืนกล่าวกับพ่อบ้านว่า

“ข้ากับท่านโหวคุยกัน เจ้าออกไป!”

พ่อบ้านอึ้งไป หวังทงหรี่ตามอง กล่าวน้ำเสียงเย็นว่า

“ไสหัวออกไป!”

เมืองหลวงนี้มีผู้ใดกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ในจวนอู่ชิงโหว อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนกับพ่อบ้านหน้าแดงก่ำ หลี่เหวินเฉวียนกำลังคิดจะตวาดด่าก็ได้ยินหวังทงกล่าวว่า

“ท่านโหวคิดว่าข้าไปออกรบชายแดนเหนือ ฝ่าบาทไร้ที่พี่ง ดังนั้นจึงไปขอให้ไทเฮาไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท …….”

เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าพ่อบ้านก็ซีดเผือดลง ไม่สนใจอันใด รีบเดินออกไปทันที เขาเป็นเพียงบ่าว บางวาจาไม่อาจรับฟังได้ ไมเช่นนี้ย่อมไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้

“ท่านโหวคิดจะส่งคนของตนไปดูแลเทียนจินทางนั้น จะได้เรียกหาเงินทองมากมายใช่หรือไม่?”

คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนี้ อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนแค่นเสียงฮึ หากไม่กล่าวอันใด หวังทงจ้องมองพลางกล่าวต่อว่า

“ปรากฏว่าข่าวชัยชนะใหญ่มาถึง ท่านโหวไม่ได้ดังหวัง แต่ในใจก็ยังคิดแค้นข้า ส่งคนไปสร้างข่าวลือ ให้คนข้างนอกสร้างเรื่อง ถึงกับให้ขุนนางบัณฑิตคนสนิทไปป่าวประกาศ ใช่หรือไม่?”

หลี่เหวินเฉวียนสีหน้าอึดอัด พยายามยืดตัวนั่งให้ตรง น้ำเสียงหวังทงเย็นยะเยือกขึ้นอีก เสียงดังกล่าวว่า

“ข้านำกำลังขึ้นเหนือ ก็เพื่อความสงบสุขของชายแดนแผ่นดินหมิง เพื่อแผ่นดินของฝ่าบาทให้ได้ยิ่งสงบสุข ฝ่าบาทจะได้ทรงมีเวลาไปจัดการเรื่องอื่น ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่า อำนาจวาสนาท่านโหวตอนนี้ขึ้นกับผู้ใด หรือว่าไม่ใช่ฝ่าบาท? ท่านทำกับข้าเช่นนี้ ล้มข้าลงได้ ก็จะทำให้กำลังฝ่าบาทอ่อนแอลง มีประโยชน์อันใดกับท่านโหวกัน?”

“หวังทง เจ้า…….”

อู่ชิงโหวหลี่เหวินเฉวียนโมโหจนผุดลุกขึ้นยืนทันที ชี้มือไปที่หวังทง แขนสั่นระริก แม้หลี่เหวินเฉวียนจะโมโหแต่ก็มิได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เหมือนลังเลหวั่นเกรงอันใดสักอย่าง หวังทงจ้องมองเขากล่าวว่า

“ท่านโหวมีกิจการอยู่เทียนจินไม่น้อย กำไรก็ไม่น้อย เจ้าคิดจริงหรือว่าส่งคนไปดูแลแล้วจะทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น หากทำได้จริง ตอนข้าไม่ไปเทียนจิน พวกท่านทำอะไรกันอยู่!!”

“หวัง……หวังทง…….ข้าเป็นเสด็จน้าฮ่องเต้  เจ้ากล่าวเช่นนี้ ไม่กลัว….ไม่กลัว….ลบหลู่เบื้องสูงหรือ?”

วาจาเหมือนไม่มั่นใจ หวังทงแค่นยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า

“ขอท่านโหวจดจำให้ดีว่าทรงเป็นเสด็จน้าฝ่าบาท อย่าได้ทำเรื่องที่สร้างความบาดหมางเครือญาติเด็ดขาด ท่านโหว คนจวนท่านที่ปล่อยข่าวลือ ก่อนฟ้ามืดส่งตัวไปสำนักองครักษ์เสื้อแพร หากกลัวว่าพวกเขากล่าวเหลวไหล ท่านก็จัดการปิดปากก่อนส่งตัวไป หากไม่ส่งตัวไป พรุ่งนี้เช้า องครักษ์เสื้อแพรจะมาจับกุมถึงที่ เช่นนี้ก็ดูไม่ดีแล้ว ขออำลา!!”

หวังทงกล่าวจบ ก็ประสานมือหันหลังเดินออกไปทันที อู่ชิงโหวยังคงยืนงงอยู่ พอหวังทงออกไปด้านนอกแล้ว ก็เอื้อมมือไปคว้าถ้วยชาจากบนโต๊ะขว้างลงพื้นอย่างแรง ตะโกนดังว่า

“ใครอยู่ข้างนอก ข้าจะถวายฎีกา ข้าจะฟ้องหวังทง!!!”

*************

“ฝ่าบาทข่าวไปถึงทางคณะเสนาบดีใหญ่แล้ว เดาว่าไม่นาน พวกเขาก็คงจะมาขอเข้าเฝ้า ขอให้ทรงพิจารณาตัดสิน!”

“รั้งไว้ บอกว่าเรากำลังยุ่งอยู่!”

ได้ยินจางเฉิงรายงาน ฮ่องเต้ว่านลี่ในห้องทรงอักษรก็ตรัสอย่างรำคาญพระทัยขึ้น จางเฉิงรับพระบัญชาหันไปสั่งการ ย่อมมีขันทีออกไปจัดการ

ฮ่องเต้ว่านลี่พลิกเอกสารไปมา ตรัสสุรเสียงเย็นว่า

“คนพวกนี้ที่แท้แล้วคิดอันใดกัน ทัพเรารบเพื่อเราอยู่นอกแผ่นดินเกิด ตอนไม่รู้ข่าว พวกเขาวันๆ ก็เอาแต่บอกว่าแพ้แล้ว พอรู้ว่าชนะแล้ว พวกเขายังป่าวไปทั่วว่าแพ้ ป่าวไปทั่วว่าอันใดนะ ไม่รักษาวินัยทหาร คิดการไม่ซื่อ หวังทงจงรักภักดีเช่นนี้ หากเป็นคนจิตใจไม่หนักแน่นพอ เกรงว่าคงถูกพวกเขาปั่นข่าวลือจนต้องลงมือทำไปแล้ว หรือว่าพวกเขาไม่อยากให้กองทัพเรามีชัยกัน หรือว่าพวกเขาไม่อยากให้ชายแดนสงบสุข ใต้หล้าสงบสุขกัน”

ตรัสจบ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็โยนเอกสารลงบนโต๊ะ หงุดหงิดพระทัยตรัสว่า

“หวังทงกลับเมืองหลวงมาก่อน ก็แสดงให้เห็นความจงรักภักดีของเขา เทียบกับเขาแล้ว เราที่ร้อนใจไปก่อน ….ก็ช่าง…. พวกบัณฑิตข้างนอกส่งเสียงวิจารณ์หนาหู เบื้องหลังหรือว่าไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน  ตรวจสอบเข้า ก็ไม่ใช่พวกคนของขุนนางใหญ่พวกนั้นหรอกหรือ เราจะรอดูว่า คณะเสนาบดีใหญ่จะออกหน้าช่วยหรือไม่!! ใส่ร้ายขุนนางผู้มีความชอบ หากปล่อยไป ผู้ใดจะตั้งใจต่อสู้เพื่อเราเล่า!!”

“ฝ่าบาท หวังทงจงรักภักดีไม่ต้องพูดถึง ทหารเมืองจี้โจว ทหารเทียนจินต้องการการปลอบขวัญที่สุด ได้ยินข่าวจากสำนักบูรพาว่า ข่าวลือเมืองหลวงสะพัดไป กองทัพเริ่มมีส่งเสียงเคลื่อนไหว ดังนั้นวันนี้หวังทงจึงได้นำกำลังไปจับต้นตอข่าวลือ รีบจัดการหาคำตอบให้เร็วที่สุด”

“จับ จับไปลงโทษให้เด็ดขาด!!”

แรกสุดฮ่องเต้ว่านลี่มีความสงสัยและระแวง หากหวังทงกลับเข้าเมืองมาก่อน การกระทำที่ผิดคาดทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่รู้สึกผิด ทำให้ทรงร้อนตัวผิดปกติ

“ฝ่าบาท จวนอู่ชิงโหวเมื่อครู่ม้าเร็วมาถวายฎีกา บอกว่าหวังทงไปเยือน วาจาไร้ความยำเกรง ใส่ร้ายคนจวนอู่ชิงโหวว่ากุข่าวลือ…….”

จางเฉิงรับฎีกามา รีบเข้าไปรายงาน ฮ่องเต้ว่านลี่ตบโต๊ะดัง ตรัสด้วยความกริ้วหนักว่า

“ถ่ายทอดโองการเราด้วยวาจาไปยังอู่ชิงโหว ท่านน้า คิดว่าเราเป็นไอ้โง่หรือ!!!!?”

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset