หมอร้ายคลั่งรัก 13

ตอนที่ 13

ผมก็ไม่รู้นะว่าเรื่องเป็นมายังไงรู้แค่ว่าถ้าไม่สำคัญจริงๆ มันจะไม่เป็นแบบนี้ มันรักมันหวงชีวิตสงบของมันจะตายวันๆ อยู่แต่โรงพยาบาล หายใจเข้า หายใจออกนี่มีแต่คนไข้ โรงพยาบาลของตัวเองมีก็ไม่ไปดูแลบอกแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

แต่ถึงมันไม่สั่งผมก็ต้องจัดการอยู่ดี พนักงานมีการกลั่นแกล้งกันถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลกันขนาดนี้ปล่อยไว้ได้ไงล่ะครับ เออคุยตั้งนานลืมแนะนำตัว

ผมวาคิว หรือไอ้เฮียที่ไอ้น้องบังเกิดเกล้าผมชอบเรียกนั่นแหละ เวลาขึ้นไอ้เฮียทีไรผมนี่สะดุ้งทุกทีไม่ได้กลัวมันนะ แค่กลัวมันออกเสียงเพี้ยนเท่านั้นเองแหละ

“คุณออกไปรอข้างนอก” ผมบอกพนักงานชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อยู่เพราะเป็นคนเข้ามาช่วยเด็กฝึกงานคนนั้น เป็นคนอุ้มพาเธอมาส่งโรงพยาบาล

“ผมต้องการเหตุผล” ผมถามเสียงดุ เธอทั้งสองคนสะดุ้งหน้าซีด ผมขึ้นชื่อว่าเป็นประธานบริษัทที่โหดมาก เวลาดีก็ดีใจหายเวลาใครผิดผมเอาถึงตายอย่าได้ผุดได้เกิดกันเลย

“เอ่อพวกเราแค่เดินคุยกันมาไม่ทันมองก็เลยชนน้องเขาแค่นี้เองค่ะ”

“ความจริง” ใช่ในคลิปแรกที่ผมส่งให้เหตุการณ์มันเป็นแบบนั้นจริงแต่ผมเดาว่าน้องชายผมมันคงไมได้ให้ดูคลิปที่ 2 จากกล้องอีกตัวหนึ่งที่เห็นชัดเจนว่าหนึ่งในสองคนนี้เป็นคนผลักเธอลงมาแล้วอีกคนก็ตั้งใจเดินเข้ามาชนกระแทกจนนักศึกษาฝึกงานคนนั้นตกลงไปจากบันไดขั้นบนสุดลงมาขั้นล่างสุด แล้วบังเอิญว่ามีพนักงานชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาพอดีเลยช่วยพาส่งโรงพยาบาล

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดในที่ทำงานในบริษัทที่ผมดูแลอยู่เราเป็นบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์อันดับหนึ่งของเอเชียแต่พนักงานมีการกระทำที่ต่ำแบบนี้ผมยอมไม่ได้

ปัง

ผมออกมารับโทรศัพท์นอกห้องเพื่อหาคำตอบบางอย่างจากใครบางคน

ผมรู้อาการคร่าวๆ ของนักศึกษาฝึกงานจากพยาบาลว่าแขนหักน้องชายผมกำลังผ่าตัดอยู่

“ไม่ชอบนักศึกษาฝึกงานเพราะแฟนคุณไม่ใช่สิผู้ชายที่คุณชอบทำท่าจะชอบเธอ ให้ความสนใจเธอมากกว่าพวกคุณ พวกคุณทำกันอย่างนี้ได้ยังไงวะเขาพึ่งมาทำงานได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นเองคุณเอาอะไรมาตัดสินชีวิตเค้าห๊ะ!! ถ้าไม่ใช่แค่แขนหักถ้าเขาเสียชีวิตคุณจะเอาชีวิตที่ไหนไปใช้คืนพ่อ แม่เค้า มีสมองแต่คิดกันไม่ได้” ผมแม่งโคตรหงุดหงิดเลยแม่งเหตุผลปัญญาอ่อนชิบผาย ผู้หญิงแม่งชอบคิดอะไรกันตื้นๆ แบบนี้เดี๋ยวสั่งเมียมาตบเรียงตัวซะเลยนี่

“ไม่ใช่นะคะ ไม่จริงมันคืออุบัติเหตุจริงๆ นะคะท่านประธาน” รีบแก้ตัวกันใหญ่ แต่ผมเชื่อในหลักฐานที่ผมมีมากกว่าคำแก้ตัว

“ผมจะบอกคุณให้นะหมอคนนั้นน้องชายแท้ๆ ของผม เขามีอำนาจในบริษัทเท่ากับผม”

ปึก

“เขียนซะ” ผมวางใบลาออกบนโต๊ะตรงหน้าทั้งคู่

ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่นานแต่ก็ยอมเขียนต่อหน้าผมนี่แหละ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แอ๊ดดดด

แหมกว่าจะมาได้นะไอผู้กอง แต่ก็มาได้เวลาพอดีผมจัดการเรื่องของผมเสร็จแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายแล้วกัน

หลังจากผ่าตัดเสร็จผมก็จัดการพาอิงชามายังห้องVIP ที่ทั้งโรงพยาบาลมีเพียงแค่ห้องเดียว คนที่จะเข้ามาในห้องนี้ได้ต้องได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้และญาติเท่านั้น

ซึ่งตอนนี้ก็คือผมที่เป็นทั้งหมอเจ้าของไข้และญาติ และผมก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกจากผมและพยาบาลที่ผมไว้ใจได้แค่ 2 คนเท่านั้น เพราะอะไรน่ะหรอเพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย และผมต้องการให้อิงชาพักผ่อนให้มากๆ

“เรียบร้อย..?” ผมถามปลายสายทันทีที่รับสายผม

(อืม) หลังจากได้ฟังคำตอบผมก็กดวางสายทันทีคำตอบแค่นี้แหละที่ผมต้องการ

“คุณหมอนาคินคะ” ผมหันตามเสียงเรียกของพยาบาล ตอนนี้ผมเลิกงานแล้วพึ่งตรวจคนไข้รายสุดท้ายเสร็จ

“มีคนฝากไว้ให้คุณหมอค่ะ” กระเป๋าของอิงชาผมจำได้ ผมรับมาโดยไม่พูดอะไรตั้งใจจะไปหาอะไรกินสักหน่อยก่อนจะขึ้นไปเฝ้าคนป่วย

ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง

เสียงดังไม่หยุดขัดจังหวะการกินมื้อค่ำแสนสงบของผม อะไรจะดังไม่หยุดขนาดนี้วะ ผมเปิดดูในกระเป๋าอิงชาเห็นหน้าจอสว่างวูบวาบ ไลน์ก็เข้ามาไม่หยุดเลย เออคุยอะไรกันนักหนาวะ ผมหยิบออกมากะจะเปิดแล้วตอบๆ ให้จบๆ ไป ดังอยู่นั่นแหละรำคาญ

Options

not work with dark mode
Reset