หนุ่มเศรษฐีลึกลับ 129 แค่นี้หงอยแล้วหรือ

ตอนที่ 129 แค่นี้หงอยแล้วหรือ

บทที่ 129 แค่นี้หงอยแล้วหรือ

ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังลั่นของไป๋ฉีลู่เสี้ยงหยางไม่สะทก ยังคงทานอาหารของตนต่อ

แค่แมลงวันตัวหนึ่ง ไม่ส่งผลกระทบกับมื้ออาหารเขาหลอก

แต่หากรบกวนเขามากนัก ก็แค่ตบมันให้ตายเท่านั้น

หากแต่ ทีท่าของเขา ในสายตาทุกคน กลับเป็นความเกรงกลัวไป๋ฉี จึงแสร้งนิ่งเฉยกับการท้ารบของเขา

ช่างกวนหวั่นหวั่นขมวดคิ้วเป็นปม เธอค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของลู่เสี้ยงหยาง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับไป๋ฉี กลับหงอยขึ้นมาซะได้

คนประเภทนี้ไร้น้ำยาเกินไปหรือเปล่า เจอคนที่เหนือกว่ากลับไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น การเดินทางครั้งนี้ หากเผชิญกับอุปสรรค ยังจะพึ่งพาเขาได้อยู่อีกหรือ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ช่างกวนหวั่นหวั่นค่อนข้างผิดหวังนัก

หลินยงเมื่อเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “คุณลู่มั่นใจในฝีมือตนมาโดยตลอดนี่นา ถ้าอย่างนั้นประลองฝีมือกับอาจารย์ไป๋หน่อยเป็นไง ให้พวกเราได้ชื่นชมความเหนือของคุณทั้งสองหน่อยสิ”

ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกมา ทุกคนต่างจับจ้องไปทางลู่เสี้ยงหยาง เพื่อรอดูสถานการณ์

ลู่เสี้ยงหยางไร้ปฏิกิริยาใด ยังคงทานอาหารตรงหน้าต่อไปอย่างไม่แยแส ก่อนลุกขึ้นยืน “ก็แค่หนอนตัวนึง ผมแค่ตบก็ตายแล้ว คนแบบนี้ไม่ถึงกับต้องให้ผมลงมือเองหลอก”

อะไรนะ?

คนระดับอาจารย์ไป๋ เป็นเพียงหนอนน้อยในสายตาเขา?

ให้ตาย!

โอหังนัก!

หลายคนแทบปรบมือให้กับความหน้าด้านของเขา ทั้งที่ตนกลัวพ่ายให้กับอาจารย์ไป๋แท้ๆ แต่กลับโอ้อวดใหญ่โต ไม่ถึงกับต้องให้เขาลงมือด้วยตนเอง

ช่างกวนหวั่นหวั่นนิ่งอึ้งไป ลู่เสี้ยงหยางไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวใหญ่โตก็ได้

เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ยอมรับว่าตนไม่สู้เขา ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ลู่เสี้ยงหยาง เขาเกรงกลัวแท้ๆ แต่กลับโอหังนัก

หลินยงร้องอุทานอย่างสมเพช “เหอะ ปั้นน้ำเป็นตัวใครก็ทำได้ ช่วยพิสูจน์ให้เห็นด้วย”

“นั่นสิ อย่ามัวแต่ยืนพูดสิ ปวดเอวแย่”

“ฮ่าฮ่า ตลกชะมัด”

เหล่าบอดี้การ์ดของช่างกวนหวั่นหวั่นต่างหัวเราะเยาะ

ไป๋ฉียกยิ้มมุมปาก จับจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางพร้อมกำหมัดแน่น “ผมกำลังท้ารบคุณ คุณกล้าไหม?”

ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า พร้อมเอ่ยอย่างตั้งใจ “ฉันพูดแล้ว แกมันแค่หนอนตัวนึง จะท้ารบกับฉัน แกไม่คู่ควร”

จบคำ เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ พร้อมเดินกลับไปยังห้องนอนของตน

ไป๋ฉีคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด หากไม่ใช่เพราะลู่เสี้ยงหยางเป็นบอดี้การ์ดของช่างกวนหวั่นหวั่น เขาไม่เป็นต้องท้ารบ ก็แค่ลงมือเล่นงานลู่เสี้ยงหยางให้ตายก็พอแล้ว

เจี่ยงตงเก๋อหัวเราะอย่างเย็นชา “ก็แค่ไอ้งั่ง ไร้ความสามารถ แต่กลับคุยโวใหญ่โต คุณช่างกวน ผมขอบอกตามตรง มีคนแบบนี้อยู่ด้วย มีแต่จะท่วงเวลา”

ช่างกวนหวั่นหวั่นนิ่งเงียบ ลู่เสี้ยงหยางท่วงเวลา ไม่ขนาดนั้นหลอก เพียงแต่เธอผิดหวังในตัวลู่เสี้ยงหยาง ไอ้นี่ไร้ความกล้าหาญเสียเลย หากตนเจออุปสรรคคงตั้งความหวังไว้กับเขาไม่ได้

น่าเสียดายที่ลู่เสี้ยงหยางเดินทางมากับเธอจากเมืองปินเหอถึงที่นี่ เขารู้ความลับของตนมากเกินไป จะไล่ให้เขาไปตอนนี้ไม่ได้ หากเช่นนี้ สู้เก็บเขาไว้กับตัว เพื่อป้องกันความลับรั่วไหลไม่ดีกว่าหรือ

หลินยงเอ่ยขึ้นอย่างเหยียดหยาม “เรามีบัญชีที่ต้องคิดกับไอ้ลู่เสี้ยงหยาง รอให้เราบรรลุภารกิจของคุณหนูก่อน เราจะเล่นงานมันให้เละ”

ในเวลานี้ ช่างกวนหวั่นหวั่นแสดงความไม่พอใจในตัวเขา หลินยงจึงกล้าเอ่ยประโยคนั้นออกมา

เจี่ยงตงเก๋อเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับคนของช่างกวนหวั่นหวั่น จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “รอคุณช่างกวนบรรลุเป้าหมาย อาจารย์ไป๋จะลงมือเอง ถึงตอนนั้นจะจัดการเขายังไง ก็แค่คำๆเดียว”

หลินยงและคนอื่นๆพยักหน้ารับ พร้อมสีหน้าที่โหดเหี้ยมที่ปิดบังเอาไว้ไม่อยู่

ไม่นานนัก ช่างกวนหวั่นหวั่นและคนอื่นๆรับประทานอาหารเสร็จ

เจี่ยงตงเก๋อคุยกับช่างกวนหวั่นหวั่นอีกไม่กี่ประโยคก่อนจากไป

วันที่สอง ตามเวลานัดหมาย เจี่ยงตงเก๋อและไป๋ฉีรวมตัวกับช่างกวนหวั่นหวั่น ก่อนออกเดินทาง พวกเขาเดินทางออกจากตัวเมืองเจียงหนิง ไปยังชนบทหนึ่ง พวกเขาหยุดรถพักผ่อนหนึ่งชั่วโมง แล้วจึงเดินทางต่อไปตามทางดินลูกรัง กระทั่งรถยนต์ไปต่อไม่ได้ ไร้หนทางอื่น พวกเขาทำได้เพียงลงจากรถ เดินทางด้วยเท้าเปล่า

เที่ยงวัน ลู่เสี้ยงหยางและทุกคนเดินทางมาถึงวัดชิงหลงเป็นที่เรียบร้อย

วัดชิงหลงตั้งอยู่สูงตระหง่านเหนือเมฆ เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดเขา เสมือนราชวังที่ปักตั้งตามกลุ่มวลเมฆ สุดลูกหูลูกตา ที่เห็นได้เพียงครึ่งท่อนล่าง

เสมือนยอดเขาของเหล่าทวยเทพ

เจี่ยงตงเก๋อแอบหวั่นในใจ ยอดเขาสูงใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอันตรายใดบ้าง

ลู่เสี้ยงหยางเกิดประหลาดใจหนักกว่าเก่า เท่านั้น วัดชิงหลงตั้งอยู่บนยอดเขาลึกลับเช่นนี้ ข้างในจะเก็บซ่อนความลับใดอยู่?

ช่างกวนหวั่นหวั่นที่ยืนอีกด้าน เธอเพ่งสายตาไปยังจุดสูงสุด ด้วยสีหน้ายากที่จะคาดเดา

หลินยงคาดการณ์ความคิดของช่างกวนหวั่นหวั่นไม่ออก จึงเอ่ยถามขึ้น “คุณหนู เราควรเดินทางต่อแล้ว”

ช่างกวนหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ “เราเดินทางกันต่อเถอะ”

“ครับ คุณหนู” บอดี้การ์ดสองคนเดินนำหน้า ส่วนหลินยงขนาบข้างช่างกวนหวั่นหวั่นอย่างใกล้ชิด

ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้รับการต้อนรับในทีม ก่อนหน้านี้ยังมีช่างกวนหวั่นหวั่นที่เชื่อมั่นในตัวเขา

หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ช่างกวนหวั่นหวั่นผิดหวังในตัวลู่เสี้ยงหยางหมดสิ้น

วันนี้เขาจึงเดินทางเพียงลำพังห่างๆ ไม่มีใครยอมพูดคุยกับเขา

ตลอดการเดินทาง หลินยงกางแผนที่ ดูเข็มทิศ เขาเป็นผู้นำในการเดินทางในครั้งนี้

ลู่เสี้ยงหยางพบว่าพวกเขาแม้ความสามารถธรรมดา แต่เรื่องทิศทางนั้นพวกเขากลับควบคุมได้ดี ไม่เสียแรงที่เป็นคนของช่างกวนหวั่นหวั่นติดตามเธอในภารกิจในครั้งนี้

วันนี้ลู่เสี้ยงหยางและคนอื่นๆเดินทางแต่เช้าตรู่ กระทั่งเที่ยงวัน ถึงได้หยุดพัก หลินยงพาคนอื่นๆตั้งแคมป์

เมื่อตั้งแคมป์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย หลินยงสั่งให้บอดี้การ์ดคนหนึ่งจุดไฟ เพื่อเตรียมย่างไก่

ช่างกวนหวั่นหวั่น เจี่ยงตงเก๋อ นั่งรออยู่ในแคมป์ พลางพูดคุยอย่างสนุกสนาน พลางนั่งรอทานไก่ที่กำลังย่างอยู่

ส่วนลู่เสี้ยงหยาง ไม่มีใครเรียกให้เขาเข้าไปในแคมป์ เขานั่งอยู่เพียงลำพังใต้ต้นไม้ใหญ่

เขาไร้ข้อกังขาใดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวเขาไม่คาดหวังอะไรจากคนพวกนี้อยู่แล้ว เขาหยิบขนมปังและน้ำดื่มจากกระเป๋าเป้ขึ้นรับประทาน

หากไม่ใช่คำสั่งของบิดาผู้บังเกิดเกล้า เขาต้องนำของของช่างกวนหวั่นหวั่นมาให้ได้ เขาไม่เดินทางมากับช่างกวนหวั่นหวั่น เพื่อเผชิญความยากลำบากนี่หลอก

สักครู่ ไก่ย่างสุกเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนต่างนั่งล้อมวงเพื่อรับประทานอย่างสุขสันต์

เจี่ยงตงเก๋อเหลือบมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางที่กัดชิ้นขนมปัง ก่อนหัวเราะออกมา “ไอ้นั่นกินได้ด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า ถ้าแกคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์ไป๋ตอนนี้ เราจะลองพิจารณา แบ่งอาหารให้แก”

หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

Score 10
Status: Completed
ช็อค!ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ได้รับได้รับความอัปยศอดสูการเหยียดหยาม หลังจากที่เปิดเผยฐานะตัวเองแล้ว แม่ภรรยาตั้งเงื่อนไข่ที่น่าอับอาย

Options

not work with dark mode
Reset