สุดยอดรัชทายาท 28 รอดชีวิต

ตอนที่ 28 รอดชีวิต

ตอนที่ 28 รอดชีวิต

หลังเล้งหยูเฟิงกล่าวจบ ทั้งเขาและฮวนม่อเฉอได้มองไปยังองค์รัชทายาทเพื่อต้องการค้นหาว่าอีกฝ่ายจะทําอะไรแต่จากเหตุผลทั้งมวลพวกเขารู้ด้วยว่าสถานการณ์ปัจจุบันย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ภายในช่วงลมหายใจเดียวเสียงเยือกเย็นของชา งอู๋ซินดังขึ้นพร้อมกับร่องรอยของความโหดเหี้ยมที่ยากต่อการตรวจพบ

 

“ไปแจ้งไปเส้าหลินเพื่อให้ความสนใจกับอาหารคืนนี้ถ้าใครโดนวางยาจงออกคําสั่งว่าเขาไม่ต้องกลับไปที่เมืองหลวงอีกต่อไป”ชางอู๋ซินกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ โดยการไม่กลับเมืองหลวงหมายความว่าถ้าเขาไม่สามารถทําสิ่งเล็กๆ นี้ได้สําเร็จ เขาจะถูกละทิ้งโดยตรง

 

“คืนนี้” ชางอู๋ซินพิมพ์ด้วยเสียงต่ํา “คงมีเรื่องสนุก…”

เล้งหยูเฟิงมองไปยังองค์รัชทายาทที่กําลังครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ เกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างโดยฝ่ายนั้นก้มศีรษะลงเขาแต่งกายด้วยผ้าสีขาวขอบดําผมสีดําของเขายาวราวกับน้ําตกด้วยริมฝีปากสีชมพูอ่อนและนัยน์ตาที่ลึกซึ้งที่ดูสง่างามมากเป็นพิเศษ ขณะมีกลิ่นอายของความเย็นชาที่น่าหลงใหลซึ่งเป็นความสง่างามที่ไม่มีใครเทียบ

 

ขณะที่เขามองดูนั้น เล้งหยูเฟิงก็ค่อนข้างหมกมุ่นเช่นกันเขายังจินตนาการอยู่ว่า หากองค์ชายรัชทายาทไม่มีท่าที่เยือกเย็นแบบนั้นเขาควรจะมีท่าทีที่สง่างามมิใช่น้อย

 

“หืม?” ทันใดนั้นชางอู่ซินได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่เล้งหยูเฟิงขณะที่นางเดินเข้าหาเขาโดยหยุดห่างจากเขาไม่ไกลนัก “แม่ทัพเล้งไม่ไปพักผ่อนรึ?”

เล้งหยูเฟิงตกใจจนต้องถอยไปหลายก้าวทันที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับทหารศัตรูนับพันหรือต้องเผชิญกับความเป็นความตายเล้งหยูเฟิงก็ไม่เคยถอยหนี

 

ทว่าตอนนี้เพียงเพราะองค์รัชทายาทเข้ามาใกล้ เล้งหยูเฟิงกลับรู้สึกหวาดกลัวและถอยห่างออกไปหลายก้าวเขาเกรงว่าองค์รัชทายาทจะรู้ถึงความคิดที่คลุมเครือทําให้ทนไม่ได้ และเขายังกลัวว่าตนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ส่วนเหตุผลที่เขาควบคุมไม่ได้ แม้แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกัน

 

จากนั้นโดยไม่พูดอะไรเลย เล้งหยูเฟิงรีบเดินออกจากห้องเมื่อมองไปยังเล้งหยูเฟิงซึ่งมีท่าที่หวาดกลัว ชางอู๋ซินพลันรู้สึกหมดหนทางเป็นเพราะนางน่ากลัวเกินไปหรือถึงทําให้แม่ทัพผู้กล้าหาญหวาดกลัวเช่นนี้

วันนี้ทหารกินอาหารเย็นจนอิ่มหนําสําราญ อย่างไรก็ตามในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขามีคืออาหารแห้งสําหรับ บรรเทาความหิวโหยของพวกเขาดังนั้นเมื่อมีข้าวและอาหารจานร้อนแล้วทุกคนย่อมดีใจมากจากนั้นเมื่อทานอาหารเสร็จทุกคนจึงแยกย้ายไปพักผ่อน

 

ห้องต่าง ๆ ในโรงเตี้ยมถูกตรวจสอบโดยเล้งหยูเฟิง ทั้งยังมีกา รวางตําแหน่งทหารยามไว้รอบเกวียนบรรทุกข้าวสาร ทว่าขณะที่ เฝ้ายาม พวกเขาได้ผล็อยหลับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และครู่ต่อมา หลายคนออกมาจากห้องครัวโดยคนเหล่านั้นคือเจ้าของโรงเตี้ยม และบรรดาเสี่ยวเอ่อ

 

“ฮ่ม! หลงคิดว่ารัชทายาทองค์นี้มีความสามารถพิเศษแท้จริงแล้วเขาเป็นเพียงคนที่หลอกง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ!” เจ้าของโรงเตี้ยมหญิงพูดพลางมองดูทหารที่ล้มลงนายท่านของพวกเขายังบอกทั้งหมดให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่อาจประเมินความสามารถขององค์รัชทายาทได้แต่สําหรับนาง องค์รัชทายาทดูเหมือน เด็กที่ยังไม่เคยเห็นโลกกว้างด้วยซ้ํา

 

“บอกให้ทุกคนเอาเมล็ดพืชออกไปก่อน!” เจ้าของโรงเตี้ยมสั่ง

 

ถ้ามีธัญพืชมากมายอยู่ในมือนายท่านของนาง ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินจํานวนเท่าใดที่สําคัญกว่านั้น หากองค์รัชทายาทสูญเสียธัญพืชทั้งหมดในครั้งนี้บางที่ตําแหน่งของเขาในฐานะองค์รัชทายาทอาจถูกแย่งชิงไป

 

เมื่อเจ้าของโรงเตี้ยมพูดจบ นางจึงนําชายสองสามคนที่ปลอมตัวเป็นเสี่ยวเอ่อเดินไปที่ห้องขององค์รัชทายาทต่อมานางเตะประตูให้เปิดออกแต่พบว่าคผู้ที่อยู่ในห้องไม่ใช่องค์ชายแต่เป็นชายหนุ่มรูปหล่อสองคนที่นางพบในระหว่างวันและบุรุษสองคนนี้กําลังยืนอยู่ที่ทางเข้ามองนางอย่างดูแคลน

เจ้าของโรงเตี้ยมรู้ในทันทีว่าสถานการณ์ทั้งหมดผิดพลาดและตนเองถูกเปิดเผยว่าเป็นศัตรูนางจึงรีบหันศีรษะไปที่ลานบ้าน และแน่นอนว่าทหารที่เคยหลับใหลอยู่ก่อนหน้านี้ล้วนลุกขึ้นยืน โดยที่แต่ละคนมีพละกําลังมหาศาลและเต็มไปด้วยเจตนาสังหารซึ่งดูเหมือนไม่มีใครโดนวางยานอนหลับ

 

“ซวยแล้ว เจ้าพวกบ้าเอ๊ย!” เจ้าของโรงเตี้ยมสาปแช่งภายใต้ลมหายใจของนางจากนั้นมองไปยังเตียงขนาดใหญ่ที่ถูกกั้นด้วยฉาก “ตายห่า! ปรากฏว่าองค์รัชทายาทรู้ทุกอย่างแล้วองค์รัชทายาทเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ดีจริง ๆ! แม้ท่านจะรู้แล้วจะทําอะไรได้? ถึงอย่างไรวันนี้ท่านก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน!”

“โอ้ว” น้ําเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังจอ แต่มีความไพเราะและน่าฟังยิ่งจากนั้นได้ยินเสียงของใครบางคนที่ลุกขึ้น ส่งผลให้สายตาของทุกคนเพ่งตรงไปที่หน้าจอนั้น

 

ชั่วอึดใจรัชทายาทชางอู๋ซินได้ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคนแม้ร่างกายอันสง่างามของพระองค์ปรากฏตัวในห้องที่เรียบง่ายแต่ยังคงเป็นดั่งเทพผู้รู้แจ้งที่เฝ้าดูเจ้าของโรงเตี้ยมกับสมุนของนางราวกับกําลังดูถูกมนุษย์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า

“ชั่วช้า? คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะกล้าทํากับรัชทายาทเพียงนี้!” ชางอู๋ซินมาที่โต๊ะและนั่งลง ในขณะที่เล้งหยูเฟิงกับฮวนมอเฉอยืนอยู่ข้างนางเพื่อเฝ้าระวัง โดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่าองค์รัชทายาททรงฝึกวรยุทธ์ขณะพวกเขากลัวว่าจะมีใครมาทําร้ายพระองค์

 

ครู่ต่อมาชายชุดดําสองสามร้อยคนพลันหลั่งไหลออกมารอบๆ โรงเตี้ยมทั้งหมด เมื่อเห็นคนหลายร้อยคน คิ้วเรียวของเจ้าของโรงเตี้ยมหญิงจึงสามารถคลายออกขึ้นบ้างและรีบสั่งทันทีว่า “สังหารองค์รัชทายาท! ทําลายธัญพืช!”

 

น่าเสียดายที่โอกาสแห่งความสําเร็จสําหรับการยึดธัญพืชในคืนนี้ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้แม้กระนั้นการคุกคามของพวกเขาย่อมต้องถูกทําลายทําให้เป็นไปไม่ได้ที่องค์รัชทายาทจะถอนตัว

“ช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ โรงเตี้ยมขนาดเล็กเช่นนี้สามารถซ่อนคนจํานวนมากได้อย่างไรกัน?!”

 

เมื่อเห็นคนสองสามร้อยคนที่โผล่ออกมา ดูเหมือนชางอู๋ซินไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เพราะถ้าทหารหลายพันนายเหล่านั้นไม่สา มารถแม้แต่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้นางคงจะปวดใจมาก

“ฆ่ามันซะ!” ชางอู๋ซินกระแทกถ้วยชาขนาดเล็กในมือลงบนโต๊ะ จู่ ๆ น้ําเสียงของนางได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและดุร้ายคําสั่งที่นางกล่าวยังมีอํานาจอันน่ากลัวอย่างท่วมท้นไปเส้าหดินจึงร้องขึ้นเสียงดังและนําทหารสองสามร้อยนายเข้าปะทะกับ ชายชุดดําขณะทหารที่เหลือปกป้องเมล็ดธัญพืช

จังหวะนั้นเจ้าของโรงเตี้ยมพุ่งเข้าโจมตีองค์รัชทายาทแม้ชางอู่ซินจะเป็นผู้มีวรยุทธ์ด้วยทักษะขั้นสูง ทว่าก่อนที่คนเหล่านั้นจะ เข้าใกล้เป้าหมายเล้งหยูเฟิงกับฮวนมอเฉอได้ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา ช่วงเวลาดังกล่าวชางอู๋ซินเฉยเมยราวกับนางไม่ได้เห็นฉากการต่อสู้รอบตัวแต่ดูเหมือนจะคลื่นไส้ด้วยกลิ่นเลือดขณะยังคง มรสชาอย่างสง่างาม

เล้งหยูเฟิงและฮวนม่อเฉอมีกําลังพลมากกว่า อีกทั้งพวกเขายังมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่สูงกว่า ดังนั้นคนพวกนี้ย่อมไม่ควรค่าแก่การพูดถึงในสายตาตั้งแต่แรก

ขณะต่อสู้พวกเขายังคงให้ความสนใจกับสถานการณ์ของชางอู่ซินเมื่อเห็นว่าชางอู่ซินมองฉากนองเลือดนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามันทําให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก

 

ใครจะไปรู้ว่า เหตุใดการได้เห็นองค์รัชทายาทเช่นนั้นจะทําให้หัวใจของพวกเขาเจ็บปวด…

 

ครู่ต่อมาชายชุดดําได้แหวกทางแยกออกไป ทําให้มีเพียงเจ้าของโรงเตี้ยมหญิงเท่านั้นที่ยืนอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะชางอู๋ซินสั่งว่าต้องการให้ไว้ชีวิตนางก่อน เล้งหยูเฟิงคงฆ่านางไปแล้วขณะนี้ทหารสองคนกําลังจับเจ้าของโรงเตี้ยมสกัดจุดเพื่อป้องกันไม่ให้นางฆ่าตัว

ตาย

 

ผู้หญิงคนนั้นมองออกไปด้านนอกด้วยท่าที่ค่อนข้างกังวลโดยการแสดงออกถึงความหวังที่จะได้รับชัยชนะในขั้นต้นของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะนางตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติมันอาจจะเป็น…?

เจ้าของโรงเตี้ยมมองไปยังองค์รัชทายาทที่ประทับอย่างสงบนางส่งเสียงเตือนด้วยการถามว่า “ท่าน…. ท่านรู้ทุกอย่างเลยหรือ? ท่านรู้ได้อย่างไร?”

 

ทหารในลานบ้านล้วนมองดูเจ้าของโรงเตี้ยมด้วยความสับสนขณะสงสัยว่านางกําลังพูดถึงอะไร แต่เล้งหยูเฟิงและฮวนต่อเฉอค่อย ๆ นึกบางอย่างขึ้นมาได้ทั้งสองจึงหันไปหาชางอู๋ซิน

นางไม่ได้ปล่อยให้พวกเขารอ่และเริ่มพูดโดยตรง “ใช่ มันเป็นการกระทําของข้าจริง ๆ น่าเสียดายที่ผู้ช่วยที่นายท่านของเจ้าส่งมา จากเมืองหลวงข้าสงสัยว่าพวกเขาคงตายโดยไม่มีศพทั้งหมดหรือพูดง่าย ๆ คือพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย หม?”

ตั้งแต่ชางอู่ซินออกเดินทางจากเมืองหลวงนางรู้ดีว่าจะต้องมีองค์ชายผู้หนึ่งที่ต้องการกําจัดนางในระหว่างการเดินทางอย่างกระสับกระส่าย แต่ถึงกระนั้นองค์ชายที่ว่ายังคงไม่สามารถจัดระเบียบกําลังคนจํานวนมากที่เดินทางมาตามท้องถนนได้อย่างรวดเร็ว

 

ผลที่ได้คือแน่นอนว่าเขาจะส่งลูกน้องไล่ตามมากขึ้นเดิมที่นางตั้งใจจะให้อู่เหว่ยเป็นผู้นํากองกําลังฝึกหัดใหม่ของพวกเขากําจัดพวกมัน แต่แล้วเมื่อได้พบกับฮันซวนห่าวอย่างถูกเวลาชางอู๋ซินที่รู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถของศาลาฮันชิง ดังนั้นนางจึงส่งต่อหน้าที่นี้ให้กับฮันซวนห่าวทันที ซึ่งเขาไม่ทําให้นางผิดหวังจริง ๆ

“ท่าน ท่านฆ่าพวกเขาทั้งหมดจริง ๆ รี?!” เจ้าของโรงเตี้ยมพูดอย่างไม่เชื่อ

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายร้อยคนกําลังซุ่มตัวอยู่โดยรอบโรงเตี้ยมทั้งท่านนายท่านยังได้ส่งคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหลายร้อยคนจากเมืองหลวงมาช่วยเหลือพวกเขาแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะกําจัดผู้คนทั้งหมดก่อนที่พวกเขาจะออกจากเมืองหลวง

 

Options

not work with dark mode
Reset