สอนรักอดีตภรรยา 40 ผู้ชายซื่อบื้อ!

ตอนที่ 40 ผู้ชายซื่อบื้อ!

ฟู่ยวี่กับยวี่จิ้นเหวินหันมองไปทางหนานซ่งอย่างไม่ได้นัดหมายพร้อมกัน เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเธอ ใจจึงเกร็งทันที

เธอโมโหใช่ไหม?

หนานซ่งรู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่หลายปีที่ผ่านมาเธอเก็บซ่อนอารมณ์จนชินแล้ว ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า ตอนนี้น้อยคนมากที่จะทำให้เธอโมโหได้ อารมณ์เสียเพราะผู้ชายปัญญาอ่อนพวกนี้ ไม่จำเป็น

เพราะการประมูลสร้อยคอมรกตเขียวจากโคลอมเบียทำให้งานครึกครื้นมาก จึงทำให้ตอนที่นำชามเคลือบขนาดเล็กขึ้นมาประมูล หลายๆคนก็เริ่มไม่สนใจแล้ว

แน่นอน ต้องเป็นคนนอกวงการอยู่แล้ว

คนในวงการ อย่างหนานซ่งที่เป็นนักสะสม รอชามเคลือบตั้งนานแล้ว ยิ่งเป็นของดี ก็ต้องนิ่งเข้าไว้

พิธีกรประกาศราคาประมูล “หนึ่งล้าน”

หนานซ่งไม่ได้ยกป้าย ส่งสายตาให้กู้เหิงยกป้ายแทน “หนึ่งล้านหนึ่งแสน”

คนในงานยังอึ้งอยู่กับ”ยี่สิบล้านหนึ่งหมื่น”ของกู้เหิงเมื่อกี้อยู่ ไม่รู้ว่าคนคนนี้แกล้งรวย หรือว่าเขารวยจริงๆ

กำลังทรัพย์ของพวกเขาต้องสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพอเห็นกู้เหิงยกป้าย คนที่สนใจอยากประมูลก็ค่อยๆวางป้ายลงอย่างเจียมตัว

หนานซ่งต้องการผลลัพธ์แบบนี้แหละ หนึ่งล้านหนึ่งแสนนับไปสองครั้งแล้ว ตอนที่กำลังจะเคาะนับสาม กลับมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

“หนึ่งล้านสองแสน”

เธอหันหน้าไป แล้วใช้หางตามองกวาด จึงเห็นยวี่จิ้นเหวินที่ใบหน้านิ่งเฉยยกป้าย

หนานซ่งจึงขมวดคิ้วแน่น

วันนี้หมอนี่ยกป้ายจนติดใจเหรอ?

เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขาชอบออกหน้าขนาดนี้เลย

กู้เหิงยกป้ายอีกครั้ง “หนึ่งล้านสามแสน”

ยวี่จิ้นเหวินก็ยกป้ายอีกครั้ง “หนึ่งล้านสี่แสน”

กู้เหิงเหลือบมองมาทางหนานซ่ง หนานซ่งก็กะพริบตาให้เขา กู้เหิงจึงยกป้ายอีกครั้ง “หนึ่งล้านห้าแสน”

ยวี่จิ้นเหวินจะยกอีกครั้ง แต่ฟู่ยวี่ห้ามเขาไว้ “ไอ้นี่ แกดูไม่ออกเหรอว่านั่นเป็นคนของหนานซ่ง?”

“ดูออก” ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยถาม “แล้วยังไง?”

ฟู่ยวี่ประหลาดใจมาก “ในเมื่อดูออกแล้ว แกยังจะแข่งกับเขาทำไม?”

ยวี่จิ้นเหวินพูดอย่างเรียบนิ่ง “ฉันไม่ได้แข่ง ชามเล็กสี่ใบนั้น ฉันชอบ”

ฟู่ยวี่ : “……”

เมื่อก่อนเขายังไม่รู้ว่าผู้ชายซื่อบื้อหน้าตาเป็นยังไง แต่ตอนนี้รู้แล้ว

“หนึ่งล้านห้าแสนนับหนึ่ง หนึ่งล้านห้าแสนนับสอง……โอเคครับ คุณผู้ชายคนนี้ประมูลในราคาหนึ่งล้านหกแสน”

ไป๋ลู่ยวี๋หันมองมาทางยวี่จิ้นเหวิน พร้อมพูดกับหนานซ่งว่า

“เขารู้” หนานซ่งกัดฟันแน่น

เธออยากจะกลืนคำพูดเมื่อกี้ อะไรไม่โมโหง่ายๆ ตอนนี้เธอ โมโหมาก!

หนานซ่งไม่สนใจกู้เหิงอีก จึงยกป้ายในมือตัวเองขึ้น “สองล้าน!”

จะสู้ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็สู้ให้ถึงที่สุดแล้วกัน

ยวี่จิ้นเหวินก็ทำตามที่เธอหวัง แล้วยกป้ายอีกครั้ง “สองล้านหนึ่งแสน”

ฟู่ยวี่ถึงขั้นต้องกุมขมับ แล้วพูดกับยวี่จิ้นเหวินว่า  คงอกแตกตายก่อน”

ยวี่จิ้นเหวินไม่หวั่นไหว เขาไม่รู้สึกว่าที่หนานซ่งหย่ากับเขาเกี่ยวข้องอะไรกับชามเคลือบเล็กสี่ใบนี้ แล้วตอนนั้นเขาเป็นคนพูดหย่าเอง ไม่ใช่หนานซ่ง

งานประมูลกลายเป็นงานแข่งขันของหนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวิน ทั้งสองสู้ราคากันถึงที่สุด แล้วเอาแต่ยกป้ายสลับกัน แล้วทุกครั้งก็ไม่ทุ่มทีเดียว บวกทีละหนึ่งแสน เพื่อลองใจความอดทนของอีกฝ่าย

ทุกคนที่อยู่ในงาน มองทั้งสองคนสู้ราคากันไปมาเหมือนเด็กนักเรียนทะเลาะกัน แล้วได้ยินพิธีกรเอาแต่พูดราคาไม่หยุด จนพวกเขาเริ่มง่วงแล้ว

นี่จะสูงราคากันจนถึงร้อยล้านเลยเหรอ?

พิธีกรพูดจนคอแห้ง แล้วประกาศราคาไปถึง”ห้าล้าน” หนานซ่งค่อยหยุดลง

ไป๋ลู่ยวี๋เอ่ย “ทำไม ไม่ไหวแล้วเหรอ? เดี๋ยวฉันช่วยเธอเอง”

เขาพูดปลอบใจหนานซ่ง “ไม่เป็นไร ไม่ว่าชามนี้ราคาจะเรียกไปถึงเท่าไหร่ พี่จะซื้อให้เธอเอง ในที่ของตระกูลไป๋ พี่ชายคนนี้จะยอมให้คนอื่นรังแกเธอได้ยังไง?”

ไป๋ชีกำลังจะยกป้ายขึ้น หนานซ่งจึงห้ามเขาไว้ เธอส่ายหน้า “คุ้มแค่ราคานี้ จะเรียกสูงขึ้นไปอีกก็ไม่น่าสนใจแล้ว”

สุดท้ายชามเคลือบขนาดเล็กสี่ใบนี้ ยวี่จิ้นเหวินก็ประมูลไปได้ด้วยราคา”ห้าล้าน”

งานประมูลดำเนินมาถึงตรงนี้ ยอดบริจาคก็พุ่งไปสามสิบล้านแล้ว เกินความคาดหมายมาก คนที่ต้องดีใจมากที่สุดก็ต้องเป็นนิตยสารจุดศูนย์ พรุ่งนี้ต้องขึ้นเทรนในโซเชียลแน่นอน

“ไปเถอะ”

หนานซ่งพาผู้ช่วยออกไปจากงาน ไป๋ลู่ยวี๋โดนไป๋ยีถิงรั้งไว้มาจัดการเรื่องเงินประมูล ไม่ได้ไปพร้อมหนานซ่ง

กู้เหิงมาสาย รถจึงจอดอยู่ข้างนอก จึงให้หนานซ่งยืนรอข้างทางก่อน แล้วเขาก็จะไปขับรถมา

ลมกลางคืนค่อนข้างเย็น หนานซ่งกอดแขน อยู่ๆก็รู้สึกหนักที่ไหล่ จึงหันกลับไป เลยเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของฟู่ยวี่ “หนาวเหรอครับ? ผมเป็นสุภาพบุรุษ ยืมให้คุณใส่ก่อนก็ได้”

หนานซ่งยกมือขึ้นกำลังจะถอดเสื้อออก แต่เสื้อบนตัวกลับถูกดึงออกไปก่อน

ยวี่จิ้นเหวินโยนเสื้อคลุมที่ดึงลงมาไปให้ฟู่ยวี่ จากนั้นก็ถอดเสื้อสูทตัวเองมาคลุมให้หนานซ่ง พร้อมเอ่ยว่า “เขาดื่มเหล้า เสื้อเหม็นมาก ใส่ของฉันดีกว่า”

“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น เสื้อของคุณก็ไม่ได้หอมขนาดนั้นหรอก”

หนานซ่งยักไหล่ แล้วคืนเสื้อคลุมให้เขา

พอหันไปจึงเห็นชามสี่ใบที่เหอจ้าวถืออยู่ แววตาของหนานซ่งก็เข้มขรึม ริมฝีปากสีแดงก็เม้มปาก

ยวี่จิ้นเหวินก็พูดตรงๆ “ขอโทษด้วย ชามเล็กสี่ใบนี้ ฉันชอบมาก”

หนานซ่งยิ้มจอมปลอม “ยินดีด้วยค่ะ”

“คุณชอบเหรอ?” ฟู่ยวี่ทนไม่ไหว จึงรีบพูดเสริม “ถ้าคุณหนูหนานชอบมากจริงๆ ไอ้ยวี่ก็ยกให้คุณได้ ใช่ไหม?”

ยวี่จิ้นเหวินมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ฉันเคยพูดแบบนั้นเมื่อไหร่”

ฟู่ยวี่ : “……”

เพื่อนที่ซื่อบื้อขนาดนี้ เขาก็หมดคำพูดเหมือนกัน

หนานซ่งยิ้มอ่อน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่แย่งของรักคนอื่นหรอกค่ะ อะไรที่ฉันชอบเดี๋ยวฉันจะหามาเอง ในเมื่อยอมแพ้แล้ว งั้นก็ถือว่าไม่มีโชค ไม่รู้สึกเสียดายอะไรหรอกค่ะ”

กู้เหิงขับรถมา แล้วลงมาเปิดประตูให้หนานซ่ง หนานซ่งจึงเอ่ยเสียงเบา “ไว้เจอกันใหม่ค่ะ คุณชายทั้งสอง”

จากนั้นก็หยุดไปครู่หนึ่ง เธอหันมองไปทางยวี่จิ้นเหวิน “อ่อ เมื่อกี้พูดผิด ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเจอกับคุณชายยวี่ เมืองหนานไม่ต้อนรับคุณ”

หนานซ่งขึ้นรถ แล้วรถก็แล่นออกไป

ยวี่จิ้นเหวินนึกย้อนคำพูดประโยคสุดท้ายของหนานซ่ง แล้วขมวดคิ้วแน่น “เธอโกรธใช่ไหม?”

“เชี้ย แกเพิ่งดูออกเหรอ?”

ฟู่ยวี่หมดคำพูดกับเขาจริงๆ แล้วถอนหายใจยาว “อย่างแก โสดไปตลอดชีวิตฉันก็ไม่รู้สึกสงสารหรอก สมควรโดนแล้ว แกทำแบบนี้ต่อไปนะ พยายามอีกหน่อย หนานซ่งจะตัดใจจากแกแน่นอน สู้ๆ!”

Options

not work with dark mode
Reset