วาสนาบันดาลรัก 303 สิ่งที่เรียกว่า ‘ภรรยานอกเรือน’

ตอนที่ 303 สิ่งที่เรียกว่า ‘ภรรยานอกเรือน’

องครักษ์ลับรอจนดึกสงัด เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอันใดจึงอ้อมมายังด้านหน้าจวน อาศัยแสงดาราริบหรี่นั้นจึงมองเห็นป้ายสลักอักษรสีทองตัวใหญ่เขียนว่า ‘จวนมู่เอินโหว’ อยู่รำไร เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหมุนกายเพียงไม่กี่คราก็หายไปในความมืดยามราตรีนี้แล้ว

 

 

เมื่อได้ฟังคำรายงาน หลัวเทียนเฉิงซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้หลีก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่งจึงสั่งคนสนิทให้ใช้วิธีพิเศษที่เคยตกลงกันไว้นานแล้วกับองค์ชายหกติดต่อพระองค์ไปว่าคนทั้งสองจะนัดพบกันที่เรือนของชาวบ้านธรรมดาอันไม่เด่นสะดุดตาหลังหนึ่ง

 

 

เรือนหลังนั้นตั้งอยู่ในตรอกธรรมดาตรอกหนึ่ง หากนับกันจริงๆ มันก็อยู่ถัดมาจากเรือนที่นายท่านรองสกุลหลัวเคยจัดเตรียมให้ซูเหนียงพักมาอีกแค่สองซอยเท่านั้น

 

 

แม้นจะห่างกันเพียงสองซอย แต่บ้านเรือนอันธรรมดาเหล่านี้กลับน่าสนใจยิ่งเพราะส่วนมากมักเป็นเรือนของภรรยานอกเรือนของเหล่าขุนนาง คหบดีผู้มั่งคั่งทั้งสิ้น ส่วนชาวบ้านทั่วไปนั้นกลับมีน้อยยิ่งนัก ยามกลางวันเรือนทุกหลังก็ต่างปิดประตูลงกลอนกันหมด ทว่าเวลานี้กลับได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังลอยมา เมื่อบุรุษผู้หนึ่งลงจากหลังม้าก็มีคนเฝ้าประตูเดินไปต้อนรับและเชิญเข้าเรือนอย่างเงียบๆ

 

 

คนทั้งสองนั่งลง สตรีงดงามผู้หนึ่งก็ยกชาเข้ามาให้

 

 

ผมของนางดำขลับ ใบหน้าดุจดอกฝูหรง[1] มือที่ยกถาดชามานั้นขาวเนียนดุจหยก นิ้วมือเรียวยาว กระโปรงสีขาวนวลแต้มลายบุปผาแซมใบไม้ปลิดปลิวสีเขียว บริเวณเอวมิได้ห้อยหยกอย่างที่พบเห็นทั่วไปแต่เป็นกระพรวนทองสองอัน เสียงกระพรวนดังอยู่แว่วๆ คล้ายมีคล้ายไม่มียามที่นางเดินโยกย้ายไปมา แม้นางจากไปแล้วข้างหูก็เหมือนยังได้ยินเสียงนั้นอยู่

 

 

องค์ชายหกเก็บสายตาตนก้มหน้าดูอาภรณ์ที่ตนสวมใส่แล้วหันมองหลัวเทียนเฉิงคราหนึ่งจึงยิ้มออกมา “จิ่นหมิง เจ้าช่างคิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ”

 

 

ที่แท้คนทั้งสองก็แต่งกายเหมือนกันนั้นเอง

 

 

บุรุษสองคนรูปร่างใกล้เคียงกัน ทั้งยังรูปงาม อกผายไหล่ผึ่ง เอวสอบ ขายาว หากใส่หมวกแบบเดียวกันแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ด้านหลังเลย แม้แต่ด้านหน้าคนก็มิอาจแยกแยะออกได้

 

 

องค์ชายกับขุนนางคบค้ากันนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม ในเมื่อคนทั้งสองตกลงร่วมมือกันเป็นการส่วนตัวแล้ว การติดต่อกันด้วยจดหมายนั้นมิใคร่สะดวกนักจึงต้องนัดพบพูดคุยกันมากขึ้นเป็นธรรมดา แต่พบกันที่ใดต่างหากที่เป็นปัญหา

 

 

แม้นจะเป็นโรงน้ำชา หอสุราของตนก็ตาม แต่หากนัดพบกันบ่อยเกินไปก็ยากนักที่จะมิถูกพบเห็น

 

 

ดังนั้นหลัวเทียนเฉิงจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาโดยการซื้อเรือนหลังหนึ่งในตรอกอันมีชื่อเสียง ยามทั้งสองพบหน้ากันก็ให้ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน แน่นอนว่าสตรีเมื่อครู่ที่เพิ่งยกชาเข้ามาก็คือภรรยานอกเรือนที่มีไว้เพื่อตบตาผู้อื่น เช่นนี้ต่อให้ผู้ใดผู้หนึ่งถึงคนพบเห็นเข้าแล้วฐานะที่แท้จริงถูกเปิดเผยขึ้นมา การมีภรรยานอกเรือนก็เป็นเพียงแค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่านั้น เป็นวิธีที่ปลอดภัยยิ่ง

 

 

“จิ่นหมิง คงมิใช่เพราะเจ้าเคยเลี้ยงภรรยานอกเรือนไว้กระมังถึงได้เชี่ยวชาญรู้ทางเพียงนี้” องค์ชายหกยกถ้วยชาขึ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี

 

 

หลัวเทียนเฉิงยกมุมปากตนขึ้นแล้วเอ่ยออกมาคำหนึ่งว่า “องค์ชายหก เพราะแม้นหม่อมฉันมิเคยกินเนื้อสุกร แต่ก็ใช่ว่าจะมิเคยเห็นสุกรวิ่ง[2] อย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เจ้าเคยเห็นสุกรตัวใดวิ่งหรือ?” องค์ชายหกยื่นหน้าเข้าไปทำสายตาล้อเลียน

 

 

หลัวเทียนเฉิงเผยอเปลือกตาขึ้นแล้วเอ่ยว่า “บังเอิญยิ่ง ท่านอารองของหม่อมฉันก็เคยมีเรือนอาศัยของภรรยานอกเรือนอยู่ถัดจากที่นี่ไปอีกสองซอย”

 

 

องค์ชายหกหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

 

เดิมทีตำแหน่งของนายท่านรองสกุลหลัวนั้นมีแต่จะเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เพราะพาภรรยานอกเรือนไปไหว้ขอพรจึงทำให้บังเอิญพบกับฮูหยินตน เรื่องที่ฮูหยินรองวิวาทตบตีกันกลางถนนนั้นกลายเป็นเรื่องพูดคุยขบขันของคนทั่วเมืองหลวง นายท่านรองสกุลหลัวจึงมิได้เลื่อนตำแหน่งซ้ำยังโดนลดตำแหน่งอีกด้วย ทำให้สหายร่วมงานต่างลอบยิ้มเยาะอยู่เป็นนานทีเดียว

 

 

องค์ชายหกหยุดหัวเราะ แล้วเอ่ยว่า “ว่าไปแล้วข้าก็จำได้ว่าพ่อตาเจ้าก็ถูกปลดจากตำแหน่งเพราะแอบเลี้ยงหญิงคณิกาไว้เช่นกันมิใช่หรือ”

 

 

หลัวเทียนเฉิงชำเลืองมองด้วยสายตาแค้นเคือง

 

 

ช่างเหลือเกินจริงๆ เชียว!

 

 

เมื่อองค์ชายหกเห็นเช่นนั้นก็มิเอ่ยเย้าอันใดอี เขาจิบน้ำชาไปคำหนึ่งแล้วถามว่า “วันนี้เจ้านัดพบข้านั้นมีเรื่องอันใดหรือ”

 

 

หลัวเทียนเฉิงจึงกลับมามีสีหน้าจริงจังเช่นเดิม “เดิมนั้นเป็นเรื่องภายในของตระกูลพ่อตาหม่อมฉัน แต่ต่อมาสืบพบข้อมูลบางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับพระองค์ หม่อมฉันจึงคิดว่าควรต้องทูลให้พระองค์ทราบไว้สักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เรื่องภายในของตระกูลพ่อตาเจ้า? หรือจะเป็นเรื่องของคุณหนูผู้เป็นญาติห่างๆ นั่น”

 

 

กล่าวไปแล้วจวนเจี้ยนอานปั๋วนั้นก็ช่างเคราะห์ร้ายนัก สองปีมานี่มีแต่เรื่องที่ทำให้ผู้คนขบขันไปทั่วอยู่ไม่ขาดสาย

 

 

ครั้งนี้เวินยาฉีลอบนัดพบบุรุษในงานเทศกาลโคมไฟ ทั้งยังให้บุรุษผู้นั้นนำของแทนใจไปหาถึงจวน แต่สุดท้ายกลับฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ผู้คนต่างทราบกันไปทั่วแล้ว

 

 

สองสามวันมานี้มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่าคุณหนูที่ฆ่าตัวตายผู้นั้นเห็นว่าคุณหนูสามในจวนเจี้ยนอานปั๋วได้เป็นถึงอนุที่องค์ชายสามโปรดปรานจึงคิดเลียนตามนาง

 

 

เรื่องที่เจินจิ้งเข้าไปอยู่ในตำหนักองค์ชายสามอย่างคลุมเครือนั้นแม้นจะปิดบังเช่นไรก็มิอาจปิดบังคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันได้

 

 

แต่การซุบซิบเช่นนี้นั้นเกิดขึ้นแต่เพียงภายใน เพราะเกี่ยวพันไปถึงองค์ชาย ผู้ใดจะกล้าออกมาพูดจาอย่างเปิดเผยกันได้เล่า

 

 

ชื่อเสียงจวนเจี้ยนอานปั๋วได้รับความเสียหายไม่น้อย มิต้องพูดถึงเรื่องงานมงคลของเจินปิงที่เพิ่งจะอยู่ในขั้นตอนการเจรจาต้องถูกยกเลิกไปเลย เกรงว่าภายในสองปีนี้คงไม่มีตระกูลใดคิดจะแต่งกับคุณหนูจวนเจี้ยนอานปั๋วแน่แล้ว

 

 

องค์ชายหกรู้เรื่องข่าวซุบซิบเหล่านั้นดี แต่เขาก็มิได้ใส่ใจอันใด เพราะการที่เขาให้เจินจิ้งซึ่งตั้งครรภ์อยู่นั้นกลับไปพักที่จวนปั๋วก็มิใช่อยากจะสร้างมลทินให้ตนเองหรอกหรือ

 

 

ว่าที่ภรรยาของเขาเป็นหลานสาวแท้ๆ ของหวงโฮ่ว ส่วนอนุเป็นคุณหนูจวนเจี้ยนอานปั๋ว เรื่องนี้ไม่นับเป็นอันใดได้ ทว่าคุณหนูอีกผู้หนึ่งของจวนเจี้ยนอานปั๋วกลับเป็นภรรยาของคุณชายผู้สืบทอดจวนเจิ้นกั๋วกงที่กำลังมีอำนาจมากอยู่ในยามนี้ ทั้งยังเป็นบุตรบุญธรรมของหย่งอ๋องอีก

 

 

ไม่ว่าเจินจิ้งกับเจินเมี่ยวจะมีความสัมพันธ์กันเช่นไร แต่สายตาคนนอก ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลัวเทียนเฉิงนั้นย่อมใกล้ชิดกันกว่าองค์ชายองค์อื่นๆ เป็นแน่

 

 

ในยามที่องค์รัชทายาทสูญเสียความโปรดปราน องค์ชายรองกลายเป็นคนพิการ เขาซึ่งมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับคนทั้งสองย่อมมิใช่องค์ชายที่ไร้ที่พึ่งพิงอีกต่อไป

 

 

เขาทราบดีว่าเจินจิ้งไม่พอใจเจินเมี่ยวและจวนปั๋ว เขาเห็นสตรีมามาก บางคราแค่สีหน้าบางอย่างก็ทำให้รู้ความคิดที่แท้จริงของพวกนางแล้ว

 

 

ที่ส่งนางกลับก็เพราะทราบอุปนิสัยของนางดีว่านางจักต้องกระทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อพี่น้องเป็นแน่ ถึงยามนั้นเขาก็แค่ช่วยส่งเสริมอีกเล็กน้อยให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่าเจินจิ้งมิลงรอยกับพี่น้องตน เช่นนั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับคุณชายผู้สืบทอดจวนเจิ้นกั๋วกงก็คงไม่มีอยู่จริง

 

 

แน่นอนว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าฝีมือการต่อกรของเจินจิ้งดุดันจนก่อเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ได้ อืม…มันทำให้เขายิ่งรู้สึกต้องถนอมนางมากขึ้นไปอีก

 

 

หลัวเทียนเฉิงเห็นองค์ชายหกฟังด้วยใบหน้าอมยิ้มก็ถอนหายใจอยู่ในอกคราหนึ่ง

 

 

เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจความคิดขององค์ชายหกเขา หรือจะบอกว่ามีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เข้าใจองค์ชายหก!

 

 

ละทิ้งชื่อเสียง เกียรติยศได้ ความคิดปราดเปรื่องซับซ้อน มิน่าเล่าถึงสามารถยิ้มอยู่ได้จนวาระสุดท้าย

 

 

“มีคุณหนูผู้เป็นญาติในจวนฆ่าตัวตาย ว่าไปแล้วก็เป็นความผิดข้าเอง” องค์ชายหกถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

 

 

แม้นเขาจะเอ่ยเช่นนี้แต่กลับมิเคยเอ่ยถึงเรื่องการลงโทษเจินจิ้งแม้แต่น้อย

 

 

หลัวเทียนเฉิงย่อมเข้าใจความคิดขององค์ชายหกดี

 

 

หากองค์ชายหกมีใจให้เจินจิ้งจริง เหตุใดจึงยอมให้นางกลับไปพักที่จวนปั๋วเล่า

 

 

สตรีที่ไม่มีตำแหน่งภรรยาเอกแต่ได้รับความรักความเอ็นดูที่เกินไป เช่นนั้นเป็นสัญญาณการเร่งความตาย องค์ชายหกเป็นบุรุษเช่นกันมีหรือจะไม่เข้าใจหลักการนี้

 

 

หากเป็นเขา…

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้หลัวเทียนเฉิงก็ยิ้มออกมา เขาไหนเลยจะยอมให้เจี๋ยวเจี่ยวเป็นอนุได้เล่า เรื่องนี้คงไม่มีคำว่า ‘หาก…’ เป็นแน่

 

 

หลัวเทียนเฉิงเม้มริมฝีปากจิบชาไปคำหนึ่ง แล้ววางถ้วยชาลง “องค์ชาย หม่อมฉันสืบทราบมาเรื่องหนึ่งว่าคุณหนูผู้เป็นญาติในจวนปั๋วนั้นมิได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกฆ่าตายพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“หืม?” ครานี้ องค์ชายหกจึงเก็บท่าทีเกียจคร้านเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

 

 

แม้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่เขายินดียิ่ง แต่คนที่เดิมคิดว่าฆ่าตัวตายเปลี่ยนเป็นถูกฆ่าตาย ความแตกต่างนั้นราวฟ้ากับเหว จะให้เขามิใส่ใจได้อย่างไร

 

 

“จิ่นหมิงสืบทราบได้อย่างไร?” องค์ชายหกเอ่ยถามโดยไม่เผยสีหน้าใด

 

 

“เรื่องนี้ ความจริงเป็นพี่ชายของคุณหนูผู้เป็นญาติเป็นผู้พบพิรุธพ่ะย่ะค่ะ” หลัวเทียนเฉิงรู้ดีว่าหากผู้มีบรรดาศักดิ์สูงกว่าทราบว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีความสามารถอย่างที่ตนไม่อาจควบคุมได้จะต้องรู้สึกกังวลอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความเชื่อใจแต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคนปกติทุกคน

 

 

เขาจึงเล่าเรื่องที่เวินมั่วเหยียนไปตรวจดูศพของน้องสาวตนในยามวิกาลและเรื่องที่เขาให้คนไปคอยเฝ้าที่จวนจนตามคนผู้หนึ่งไปถึงจวนตระกูลผู้มีบรรดาศักดิ์ตระกูลหนึ่ง

 

 

“จวนตระกูลผู้มีบรรดาศักดิ์นั้นคือ…”

 

 

“จวนมู่เอินโหว” หลัวเทียนเฉิงเอ่ยออกมาสี่คำ

 

 

องค์ชายหกกำถ้วยชาในมือแน่น แล้วเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยว่า “จ้าวเฟยชุ่ย?”

 

 

เขายิ้ม “ที่แท้เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับคู่หมั้นของข้า”

 

 

สองปีก่อนบิดาของจ้าวเฟยชุ่ยสิ้นชีพในจวนแห่งหนึ่งของหย่งอ๋อง จวนมู่เอินโหวต้องไว้ทุกข์จึงมิอาจออกไปร่วมงานสังสรรค์ใดๆ ได้ทำผู้คนค่อยๆ เลิกสนใจไป แต่สำหรับองค์ชายหกย่อมมิอาจละเลยตระกูลพ่อตาตนได้

 

 

เขาได้ให้คนแทรกซึมเข้าไปอยู่ที่นั่นนานแล้ว และรู้ว่าหลังจากที่จ้าวเฟยชุ่ยรู้ว่าตนให้เจินจิ้งกลับไปพักบำรุงครรภ์ที่ตระกูลมารดา นางก็อาวาดทำลายข้าวของในห้องจนพังพินาถดุจอัสนีฟาดผ่า

 

 

สำหรับเรื่องนี้เขาเพียงยิ้มและปล่อยมันผ่านไป แต่คิดไม่ถึงว่าคนของจวนมู่เอินโหวจะอาจหาญถึงขั้นคิดใช้เรื่องนี้เพื่อทำให้เขาโกรธเคืองเจินจิ้ง

 

 

ควรต้องรู้ว่าเพราะวาจาชักจูงของเจินจิ้งที่ทำให้คุณหนูผู้เป็นญาติตกลงปลงใจกับบุรุษร้านโลงศพกับการที่นางตายนั้นเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง

 

 

ในสายตาคนทั้งหลายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึกเขาก็ไม่ควรที่จะรักใคร่อนุที่ก่อเรื่องจนคนต้องตาย

 

 

องค์ชายหกแค่นยิ้มเย็น คู่หมั้นผู้นี้ของเขาโง่งมกว่าที่คิดไว้เสียอีก!

 

 

การที่เขาคิดจะสร้างมลทินให้ตนเองนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่การกดข่มอนุผู้หนึ่งโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ของเขานั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน

 

 

ไม่…บางทีจวนมู่เอินโหวอาจจะได้รับยั่วยุจากผู้ใดก็เป็นได้

 

 

คนที่มีความคิดอันลึกล้ำก็มักจะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง องค์ชายหกก็ไม่ต่างกัน เขาไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน

 

 

หลัวเทียนเฉิงกระแอมไอเสียงเบาคราหนึ่ง

 

 

ด้วยฐานะของพวกเขาแล้วนั้นจึงไม่ควรพบหน้าเจรจากันนานเกินไป

 

 

เขานำเรื่องที่ตนสืบทราบมาแจ้งแก่องค์ชายหกก็เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตระกูลคู่หมั้นองค์ชายหก เขาจึงมิอาจสืบเรื่องต่อไปอีกได้

 

 

เรื่องที่เหลือก็มอบให้องค์ชายหกสานต่อย่อมเหมาะสมกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

องค์ชายหกมีสติคืนมาจึงเอ่ยว่า “ขอบใจจิ่นหมิงมาก เอาเป็นว่าข้ารับทราบเรื่องนี้แล้ว”

 

 

หลัวเทียนเฉิงลุกขึ้นแล้วยกมือประกบกันเป็นการคารวะ “เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาก่อน”

 

 

องค์ชายหกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่ใบหน้ากลับเคลือบด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ต้องไปเช่นกัน”

 

 

คนทั้งสองแต่งกายเหมือนกันเพราะต้องการให้คนคิดว่าเป็นคนเดียวกัน พวกเขาจึงมิอาจจากไปพร้อมกัน

 

 

“แค่กๆ ” กลัวเทียนเฉิงยกมือขึ้นรองไว้ใต้ริมฝีปาก กระแอมไอขึ้นเสียงหนึ่งแล้วยิ้มแห้งพลางเอ่ยว่า “ทิวทัศน์งดงาม อากาศแจ่มใส บุปผาแย้มบาน องค์ชายทรงพักผ่อนดื่มชาอยู่ที่นี่อีกสักถ้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

องค์ชายหกเลิกคิ้วขึ้นยิ้มพลางเอ่ยว่า “จิ่นหมิงพูดถูก ทิวทัศน์งดงาม อากาศแจ่มใส บุปผาแย้มบาน เจ้าเองก็สามารถพักผ่อนดื่มชาอยู่ที่นี่อีกสักถ้วยได้เช่นกัน”

 

 

“คงไม่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไปเยี่ยมดูที่จวนเจี้ยนอานปั๋วสักหน่อย”

 

 

“ไปด้วยกันเถิด” องค์ชายหกเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น

 

 

หลัวเทียนเฉิงมองเขานิ่ง

 

 

องค์ชายหกจึงค่อยๆ นั่งลง

 

 

หลัวเทียนเฉิงหมุนกายเตรียมจากไป แต่พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันกลับไปเอ่ยว่า “องค์ชาย หม่อมฉันมีเรื่องอยากขอร้องพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“พูดมาเถิด” องค์ชายหกเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

 

หลัวเทียนเฉิงกระแอมคอให้โล่งแล้วเอ่ยว่า “หากภายหน้ามีคนทราบเรื่อง ‘ภรรยานอกเรือน’ ที่เลี้ยงไว้ที่นี่ ขอให้องค์ชายหกเป็นผู้แบกรับเรื่องนี้ไว้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ดอกฝูหรง หรือดอกพุดตาน ดอกและใบใช้เป็นยาประคบอาการบวมช้ำได้ สำหรับประเทศจีนแล้วดอกฝูหรงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล ร่ำรวยและมั่งคั่ง

 

 

[2] มิเคยกินเนื้อสุกร แต่ใช่ว่าจะมิเคยเห็นสุกรวิ่ง เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่าถึงแม้เรื่องนั้นๆ ตนจะไม่เคยกระทำแต่ก็เห็นผู้อื่นกระทำมาก่อน

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset