ราชิณีเลือด 13

ตอนที่ 13

อธิบายต้นตอน

ไม่มีี

 

ณ หมู่บ้านเอลฟ์ภายในป่าโรฮัน

เอฟล์สาวได้พามิร่ามายังที่พัก

“ท่านพักผ่อนอาบน้ำและพักผ่อนสักหน่อยเถิ่ดเดี๋ยวข้าจะไปนำอาหารและน้ำมาให้” เอลฟ์สาวกล่าว

มิร่าที่ยังไม่ค่อยไว้ใจนางคิดว่าอาจจะมีการนำยาพิษใส่ไว้ในอาหารนางจึงปฏิเสธอาหาร “ข้ายังไม่อยากทานอาหาร เจ้าไม่ต้องนำมาให้ข้าก็ได้ หลังอาบน้ำเสร็จข้าอยากจะพบทหารของเราในทันที” มิร่ากล่าว

เอลฟ์สาวพยักหน้าและเดินออกไป

ในขณะที่เอลฟ์สาวกำลังเดินออกไปมิร่าก็เอ่ยถามบางสิ่งกับนาง  “เดี๋ยว.. เจ้าชื่ออะไร?อย่างน้อยให้ข้าเรียกเจ้าด้วยชื่อ” มิร่ากล่าว

“ข้า ชื่อ เอล เอลลีร่อน เอลเดอร์วูด เรียกข้า เอลก็ได้” เอลฟ์สาวเอล ตอบ

“เอล..งั้นสินะ ข้าชื่อ มิร่า ยินดีที่ได้รู้จัก” มิร่าตอบและยิ้ม

หลังทั้งคู่ทำความรู้จักกันมิร่าก็เตรียมตัวไปอาบน้ำที่แม่น้ำ

… 

30 นาทีผ่านไป

มิร่าอาบน้ำเสร็จและกลับมายังที่พัก นางเตรียมตัวรอ เอลกลับมาพานางไปพบทหารของอัศวินเรเว่น

เอลเคาะประตูเรียกมิร่า “ขออนุญาติค่ะ มิร่าตอนนี้ท่านพร้อมรึยัง” เอลกล่าว

“รอข้าสักครู่เดี๋ยวข้าออกไป” มิร่ากล่าวมิร่าหยิบดาบและผ้าคลุม

มิร่าเปิดประตูออกมา พบกับเอล ในคราวนี้เอลไม่ได้ใส่ผ้าคลุมและผ้าปิดปากของนางไว้ เอลเองก็เป็นหญิงสาวที่งดงาม พอๆกับสกาเล็ตเลยทีเดียว

“งดงามมาก..แต่ยังสู้คุณหนูของข้าไม่ได้” มิร่ากล่าวสิ่งในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ท่าน..พูดว่าอะไรน่ะคะ?” เอลที่ได้ยินไม่ค่อยชัดกล่าวด้วยความสงสัย

“เอ่อข้าหมายถึง… ไม่มีอะไร… แค่เจ้าทำให้นึกถึงคุณหนูของข้าหน่ะ ” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“โอเคค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” เอลกล่าวและเดินนำไปต่อ

ในขณะที่เดินไปมิร่าก็มองดูรอบๆบรรยากาศ ต่างๆช่างเงียบสงบ

“ข้าเองก็รุ้ว่าเอลฟ์เนี้ยเป็นพวกหน้าตาดี แต่ความหน้าตานี่มันอะไรกัน มันจะไม่มากเกินไปงั้นหรอ!!” มิร่าคิดในใจ

“ว่าแต่เหตุใดที่แห่งนี้ถึงไม่มีหิมะ แถมสภาพอากาศเองก็อบอุ่นด้วย” มิร่ากล่าวถาม

“พวกเราใช้เวทมนตร์ค่ะ ข้าคงตอบท่านได้เพียงเท่านี้” เอลกล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว” มิร่ากล่าว

จากทั้งมิร่าก็ไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งเดินมาถึง บ้านที่เหล่าทหารพักผ่อนและรักษาตัวอยู่

ภาพตรงหน้าของมิร่า คือเหล่าทหารที่กำลังนั่งสังสรรค์และพักผ่อนกันอยู่ในกลุ่มนั้นรวมทหารกลุ่มหมาป่าขาวอยู่ด้วย

พวกเขาทุกคนได้รับการรักษาและปลอดภัยดี

“พวกเจ้าช่วยพวกเขาไว้เช่นนั้นหรือ?” มิร่ากล่าวถามเอล

“ใช่แล้วค่ะ พวกเราได้รับคำทำนายจากต้นไม้แห่งแสงให้เข้าร่วมและต่อสู้ร่วมกับพวกท่าน” เอลกล่าว

“ต้นไม้แห่งแสง? ” มิร่ากล่าว

“ต้นไม้แห่งแสงที่เป็นตัวแทนของท่านแอริสค่ะ” เอลกล่าว

“แอริสนี่มันเป็นชื่อที่คุุ้นเคยเสียจริง” มิร่ากล่าว

“ท่านแอริสคือเทพผู้ลงมาช่วยเหลือพวกเราและมอบศาสเวทย์ให้แก่พวกเราค่ะ เดิมทีพวกเราไร้ทางป้องกันและถูกรังแกและทำร้ายจากเผ่าพันธุ์อื่นๆที่อิจฉาชีวิตอันยาวนานของพวกเรา” เอลกล่าว

“ชีวิตอันยาวนาน..เอลเจ้าอายุเท่าไหร่กัน?” มิร่ากล่าว

“ปีนี้ก็.. 700พอดีค่ะ”

“จะ…เจ็ดร้อย! ” มิร่ากล่าวด้วยความตกใจ

“ข้าเข้าใจหากท่านจะตกใจเช่นนั้น แต่พวกข้าอายุยืนยาวกันอยู่แล้วนั้นถือเป็นเรื่องปกติค่ะ” เอลกล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว” มิร่ากุมขมับและกล่าว

“แล้วพวกเจ้าจะช่วยเรายังไง?” มิร่ากล่าวถาม

“พวกข้าจะเข้าร่วมสงครามด้วยค่ะ” เอลกล่าว

“ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ข้าจะต้องคุยกับหัวหน้าพวกเจ้าหรือไง? และข้าเองก็เป็นแค่รองหัวหน้าด้วย” มิร่ากล่าว

“ใช่แล้วค่ะก็ข้าเป็นผู้นำของทีนี่ และตัวท่านเองก็เป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในตอนนี้ค่ะ” เอลกล่าว

“เจ้าเป็นผู้นำงั้นหรอ..” มิร่ากล่าว

“ใช่แล้วค่ะ ข้าคือราชินีเอลฟ์ของป่าแห่งนี้” เอลกล่าว

“ระ..ราชินี!!” มิร่ากล่าว

“ค่ะ ข้าเป็นราชินี ข้าไม่เหมือนหรอคะ?” เอลกล่าว

“ท่านเล่นทำตัวส่ะไม่เหมือนราชินีสักนิดข้าก็เลยไม่ได้เอะใจ ข้าขอภัยในความไร้มารยาทของข้าด้วยเพคะ” มิร่ากล่าว

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว เรามาคุยกันถึงสัญญาในการร่วมมือในสงครามครั้งนี้กันเถอะค่ะ” เอลกล่าวและยิ้ม

“ค่ะ” มิร่ากล่าว

ทั้งคู่เดินขึ้นชั้น 2 ของที่พักและเข้ามานั่งคุยกันในห้องประชุม

“เข้าเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้ต้นไ้แห่งแสงเริ่มส่องแสงน้อยลง ข้าเกรงว่าอาจจะเกี่ยวกับคำทำนายสุดท้ายที่ต้นไม้แห่งแสง ได้กล่าวให้เราเข้าช่วยเหลือกลุ่มอัศวินเรเว่น นั้นอาจจะเป็นประสงค์ของท่านแอริส” เอลกล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยเจอแอริสอยู่” มิร่ากล่าว

“ท่านเคยเจอท่านแอริสหรอคะ!?” เอลกล่าวด้วยสีหน้าตกใจ

“ใช่ นางปลอมตัวมาเป็นมนุษย์แต่ข้าเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไม นางช่วยพวกเราไว้ เรื่องนั้นค่อยคุยกันดีกว่า เรามาประชุมกันต่อเพคะ” มิร่ากล่าว

“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เอลกล่าว

“แล้วพวกท่านจะช่วยเหลือพวกเราด้านใดบ้างเพคะ?” มิร่ากล่าวถาม

“ข้าจะส่ง สะเบียงอาหาร และกองกำลังไปส่วนหนึ่งก่อนค่ะ แล้วข้าจะรวบรวมกองทัพหลักและตามไปสมทบทีหลัง.. ข้าคาดว่าอาจจะใช้เวลาสักประมาณ 1 เดือนสำหรับการเตรียมความพร้อมค่ะ” เอลกล่าว

“สะเบียงอาหารนั้นจำเป็นมากๆ ข้าขอบคุณท่านมาก ตอนนี้สะเบียงพวกเราก็เริ่มที่จะหมดไปเรื่อยๆ แล้วกองกำลังของท่าน มีประมาณเท่าใดกันเพคะ?” มิร่ากล่าว

“ข้าจะส่งกลับไปพร้อมท่าน 200คน เป็นกองกำลังเอลฟ์เงา 50 ค่ะ” เอลกล่าว

“ข้าจะมอบการสั่งการให้กับท่านโดยตรง” เอลกล่าว

“เอลฟ์เงานี่ใช่พวกที่เล่นงานข้ารึเปล่าเพคะ?” มิร่ากล่าว

“ใช่ค่ะ จริงๆแล้วคนที่เล่นงานท่านคือข้าเอง..” เอลกล่าว

“นั้นข้ารู้อยู่แล้ว ท่านเองคงมีฝีมือมากเป็นถึงราชินีเอลฟ์แต่กลับไม่มีผู้คุ้มกันหรือองครักษ์สักคนเพคะ” มิร่ากล่าว

“.. จริงๆข้ามีคนคุ้มกันนะคะ พวกเขาซ่อนกายอยู่ในเงาข้าชอบเดินไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า” เอลกล่าว

“งั้นสินะ คงเป็นเอลฟ์เงาที่ท่านจะส่งมา ข้าขอบคุณท่านมากแล้วพวกท่านพร้อมออกเดินทางเมื่อไหร่กันเพคะ” มิร่ากล่าว

“1 วันค่ะในระหว่างนี้ท่านและทหารของท่านพักผ่อนตามสบายได้เลยค่ะ” เอลกล่าว

“ขอบคุณท่านสำหรับทุกอย่างมากเพคะ” มิร่ากล่าว

หลังเลิกประชุมมิร่าได้ไปพบกับเหล่าทหารและนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ 

“พรุ่งนี้ตอนรุ่งสางเราจะออกเดินทางพวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับ” มิร่ากล่าว

“หน่วยหมาป่าขาวหัวหน้าเจ้าคือใคร?” มิร่าถาม

“หัวหน้าพวกเราเขาเสียชีวิตแล้ว” อัศวินคนนึงกล่าว

“งั้นข้าจะเป็นผู้นำเองพวกเจ้าตอนนี้อยู่ในการบังคับบัญชาของข้า” มิร่ากล่าว

“ขอรับ จากนี้ไปพวกข้าจะขอติดตามท่านไป” เหล่าอัศวินกล่าว

“เอาล่ะข้าขอตัวก่อน” มิร่ากล่าวและเดินออกไป

เช้าวันถัดมา

กลุ่มทหารรวมถึวตัวเธอเตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับค่ายเพื่อไปเสริมทัพและรายงานหัวหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในขณะที่มิร่ากำลังขึ้นม้าของนางเพื่อเตรียมออกเดินทาง เอลก็เดินมาเพื่อบอกลามิร่า

“ท่านมิร่า ข้าจะรีบตามท่านไปให้โดยเร็วที่สุด!!” เอลกล่าว

“ขอบคุณท่านมากเพคะท่านเอล” มิร่ากล่าวและยิ้ม

หลังจากทั้งคู่กล่าวลากันเสร็จมิร่าก็ออกเดินทางพร้อมกับกองอัศวินหมาป่า 30 นาย และกองทัพเอล 200 นาย

ณ เมืองหลวงของราชอนาจักรเอรีบัสในคืนต่อมา

ในท่อระบายน้ำใต้ดินใกล้กับปราสาท มีกลุ่มคนท่าทางน่าสงสัยกำลังเดินทางไปที่ใดสักแห่งโดยใช้ทางลับ ผู้นำของกลุ่มนั้นก็คือ ลูคัสที่นำกองกำลังติดอาวุธลอบเข้าไปภายในปราสาทผ่านทางระบายน้ำ เพื่อเข้าไปทำภารกิจพิเศษ..

ณ  คุกใต้ดินของปราสาท

เสียงต่อสู้ดังขึ้น เสียงดาบปะทะกันดังอย่างต่อเนื่อง

ในห้องขังห้องหนึ่ง หญิงสาวที่ดูท่าทาเหนื่อยล้าลืมตาตื่นขึ้นจากเสียงการต่อสู้ “กะ..เกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวกล่าว

ในขณะที่หญิงสาวกำลังสลึมสลืออยู่นั้น มีบุคคลปริศนาเดินเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้ภาพตรงหน้าของหญิงสาวชัดเจนยิ่งขึ้น ชายปริศนาคนนั้นคือลูคัส 

“องค์หญิงเอลมิ ข้ามารับท่านแล้วขอรับ” ลูคัสกล่าว พร้อมกับมองดูรอบๆ

บนร่างกายอันผอมบาง และรอยแผลบนตัวของนาง ทำให้ลูคัสรู้ได้ทันทีว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น พวกมันคงให้นางอดอาหาร และ ทรมานนางเพื่อให้องค์ชายร้อนใจเป็นแน่ 

“ท่าน..คือใครกัน” เอลลี่กล่าวถาม 

“ข้าคือคนที่พี่ของท่านส่งมาเพื่อช่วยเหลือท่านขอรับ” ลูคัสกล่าว

“พี่ชายข้า..” เอลลี่กล่าว

ในขณะที่เอลมิเงียบไปนั้น นางได้หวนถึงเหตุการเมื่อสมัยก่อน

“ข้า..คิดถูกท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยพี่ข้า” เอลลี่กล่าวพร้อมยิ้ม

เสียงลูคัสใช้ดาบทำลายประตู 

“เอาล่ะองค์หญิง ข้าจะพาท่านออกไปเอง ” ลูคัสพูดและเดินไปอุ้มองค์หญิงขึ้น

“พวกเจ้า!! เครียร์ทางเราจะออกจากที่นี่กัน” ลูคัสตะโกนบอกทหารของตน

“ขอรับ!” หน่วยของลูคัสตอบ

ในเวลาต่อมา.. ณ ฐานบัญชาการลับภายในเมืองหลวงเอรีบัส

ลูคัสและหน่วยเดินทางกลับมาพร้อมองค์หญิง พวกเขาารีบพาตัวองค์หญิงเข้ารับการรักษากับเหล่านักบวช และนำอาหารและน้ำเตรียมไว้ให้นาง 

เหล่านักบวชเริ่มร่ายเวทเพื่อรักษาองค์หญิง อาการของนางสาหัสจนต้องใช้เวลานาน อยู่ถึงสองถึงสามชั่วโมง

หลังจากการรักษาอันยาวนาน ขององค์หญิงเอลลี่ นางก็ได้พักผ่อนและได้ทานอาหารอย่างเต็มอิ่มหลังจากการโดนทรมารและ อดอาหารอย่างยาวนาน นรกบนดินได้จบสิ้นลงเสียที..

ลูคัสจัดคนฝีมือดีไว้จำนวน 4 นายเผื่อเฝ้าดูองค์หญิงอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวลูคัสเองก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมแผนสำหรับการ รัฐประหาร

ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่ของปราสาท หัวหน้าของอัศวินที่มีนามว่า โยฮันผู้กระหาย กำลังนั่งอยู่กลางห้องโถงเบื้องหน้าของเขาคือราชิณีผู้อยู่เบื้อหลังทุกสิ่งและทุกเหตุการในครานี้

“โยฮันเจ้ารู้ข่าวหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่คุกได้ดิน” ราชินีกล่าว

“พะยะค่ะกระหม่อมทราบดี” โยฮันกล่าวและก้มหน้าลง

“ข้า อยากจะรู้เสียจริงว่าเจ้าไม่มีความสามารถพอแม้แต่จะ จัดการกลุ่มหนูที่เข้ามายังปราสาทของข้าและพาตัวนังชั้นต่ำ อย่างแอลลี่ไปได้อย่างงั้นหรือ? โยนฮัน!” ราชินีกล่าวพร้อมกับทุบไปบนบันลังที่นางนั่งอยู่

“กระหม่อม.กราบประทานอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมจะจัดกองกำลังค้นทุกซอกทุกมุมพะยะค่ะ” โยฮันกล่าม

“ดี..ดี ถ้าหากเจ้ายังจัดการไม่ได้ ข้าคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะโยฮัน” ราชินีกล่าว

รุ่งเช้า ณ เมืองหลวง

กลุ่มอัศวินแห่งตระกูลโยฮันพร้อมอาวุธครบมือ ออกตระเวนไปทั่วตามตรอกและซอกซอยต่างๆ เพื่อตามหาองค์หญิง

ทุกๆวันจะมีคนถูกพาตัวออกไปจากบ้านเพื่อค้นภายในบ้านของพวกเขา หาวันแล้ววันเล่า ประชาชนเดือนร้อนจากการถูกคุกคาม ทำร้าย และ ทรมาร

แต่พวกเขาหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งราชินีคิดได้ว่ายังเหลือบ้านของขุนนาง ที่ยังไม่ได้มีการตรวจค้น…แต่การตรวจค้นบ้านของขุนนางนั้นจะเป็นการหยามหน้า และสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางคนอื่นๆมากจนเกินไป

ราชินีจึงออกอุบายประกาศว่านางจะเข้าไปเยี่ยมบ้านของขุนนางทุกๆคนเพื่อเป็นสารสัมพัน..และเยี่ยมเยือน

วันถัดมา นางก็เริ่มทำตามแผนโชคชะตาเล่นตลกหรือเพียงเพราะความบังเอิญบ้านขุนนางที่ราชินีจะไปเยี่ยมเยือนเป็นที่แรก กับเป็นที่เดียวกับที่องค์หญิงกำลังแอบซ่อนและพักผ่อนอยู่…

 

 

จบตอน

 

 

 

 

 

 

 

 

Options

not work with dark mode
Reset