รวยชั่วข้ามคืน?! 205 ไปพิธีเปิดกับฉัน

ตอนที่ 205 ไปพิธีเปิดกับฉัน

บทที่ 205 ไปพิธีเปิดกับฉัน

"หลงหลิง ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ฉันมาแล้ว" หยูหมิงกระโจนลงน้ำลงไปทันที เขาฝึกเรียนว่ายน้ำตั้งแต่เด็กๆ อยู่ในน้ำนั้นเขายังมีความยืดหยุ่นมากกว่าอยู่บนบกซะอีก ไม่ยังงั้นเขาก็คงไม่ให้ฉาวหนิงสร้างละครฉากนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะหรอก หยูหมิงคว้ามือของหลงหลิงไว้ แล้วก็ว่ายจนมาถึงฝั่ง หลงหลิงเผลิกลืนน้ำลงไป ก็โค้งตัวลงแล้วก็สำลักออกมา

"เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?" หยูหมิงถามอย่างใส่ใจ

ตอนนี้หลงหลิงนอกจากตัวเปียกแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอื่นๆอะไรร้ายแรง เธอพยักหน้าให้หยูหมิง "ฉันสบายดี ขอบคุณนะ คุณชายหยู ถ้าเกิดว่าไม่ใช่คุณ ฉันก็คงจะ….."

"ห้ามพูดอะไรไร้สาระ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" หยูหมิงยิ้มพร้อมกับพูด

มองไปที่ใบหน้าที่ถูกล้างเครื่องสำอางออกของหลงหลิง บวกกับรูปร่างที่งดงามของเธอที่เห็นได้ชัดหลังจากตัวเปียก มือของหยูหมิงที่พยุงหลงหลิงอยู่นั้นช่างอยากจะอุ้มเธอไปที่อ่างอาบน้ำของโรงแรมจริงๆ อาบน้ำด้วยกันเหมือนกับคู่รัก เขาใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ถึงได้สามารถระงับความคิดที่ชั่วร้ายในใจของตัวเองได้

หยูหมิงมาส่งหลงหลิงที่หอพักหญิง หลังจากที่หลงหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็มาที่ริมทะเลสาบเทียมกับหยูหมิงอีกครั้ง

"ผมบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องมาแล้วก็ได้" หยูหมิงพูดอย่างเป็นห่วง หลงหลิงค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า "ไม่เป็นไรหรอก ก็ถือว่าฉันอาบน้ำเย็นแค่นั้นเอง อาหารเย็นหมดแล้ว พวกเรารีบกินกันเถอะ"

หยูหมิงกับหลงหลิงเปิดกล่องข้าวออก อาหารทะเลมันเย็นแล้วจริงๆด้วย

พอคิดว่าเมื่อกี้คุณชายหยูยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเธอ หลงหลิงก็รู้สึกว่าหยูหมิง ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นฮีโร่แล้วก็มีความรับผิดชอบจริงๆ เธอใช้ตะเกียบคีบอาหารทะเลเข้าปาก ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความซาบซึ้งใจจากอดีตที่ผ่านมานานได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเธอ ในหัวของหลงหลิงปรากฏภาพร่างของคนๆหนึ่งที่ค่อนข้างคลุมเครือ

เธอตกลงไปในน้ำ แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งลงมาโดยที่ไม่ได้ห่วงชีวิตของตัวเองเลย พยายามช่วยชีวิตเธออย่างสุดชีวิต ตะโกนเรียกเธอ แต่ว่าเธอมองเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ชัด

คงเป็นคุณชายหยู เมื่อกี้เขาก็ช่วยฉันแบบนั้นแหละ!" หลงหลิงคิดอยู่ภายในใจ โดยที่ไม่รู้ตัว ก็มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอสองทาง หยดลงไปในกล่องข้าว

"หลงหลิง เป็นอะไรไป?" หยูหมิงถามออกมาด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสุข

"คุณชายหยู คุณเป็นถึงคุณชายของตระกูลอันดับหนึ่งในหลินอานนี่ เมื่อกี้คุณถึงเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อช่วยฉันด้วย ฉันซึ้งใจมาก" หลงหลิงมองหยูหมิงทั้งน้ำตา

“เพราะว่าคุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย ผมก็ต้องปกป้องคุณเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ต่อให้…ต่อให้ต้องเสียชีวิตเพราะเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรน่าเสียดายนะ” หยูหมิงพูดออกมาอย่าง “สบายๆ” เขารู้ดีว่าเวลาแบบนี้ถ้าเกิดว่าเปิดเผยความรู้สึกมากเกินไป กลัวว่าตัวเองจะปล่อยไก่ ดูจากลักษณะท่าทางของหลงหลิง เธอน่าจะมีความรู้สึกดีกับเขามากขึ้นบ้างแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ทำตามขั้นตอน ไม่นานก็คงสามารถคว้าหลงหลิงมาได้

“อ้อ ขอบคุณนะ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ” หลงหลิงยิ้มพร้อมกับพูด ในใจคิดว่าคุณชายหยูสมกับเป็นคุณชายของครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เหมือนกับผู้ชายธรรมดาๆคนอื่นๆ น้องสาวเธอสามารถแต่งงานกับคนแบบนี้ คือความโชคดีของเธอ

หลงหลิงกับคุณชายหยูนั่งกินอาหารทะเลด้วยกันที่ริมทะเลสาบจนเสร็จ หลงหลิงแค่รู้สึกว่าอาหารทะเลมื้อนี้มันอร่อยมากเป็นพิเศษ ดีกว่าอาหารอันโอชะใดๆที่เธอเคยกิน

เธอไปส่งหยูหมิงที่นอกประตูมหาลัย หยูหมิงสแกนจักรยาน และเตรียมจะกลับ

“คุณชายหยู วันนี้ขอบคุณมากนะที่เลี้ยงอาหารทะเลฉัน ฉันพึ่งค้นพบว่าฉันชอบกินมากเป็นพิเศษเลย” หลงหลิงยิ้มแล้วก็พูดขึ้นมา หยูหมิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวต่อไปผมจะมามหาลัยพวกคุณบ่อยๆ แล้วก็เลี้ยงอาหารทะเลคุณ คุณอยากให้ผมมาไหม?” หลงหลิงหน้าแดง รู้สึกว่าจะพูดว่าอยากหรือไม่อยากก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก เธอค่อยๆเหม่อลอย ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไรดี

“ฮ่าๆๆๆ ผมล้อเล่นเฉยๆ ไม่ว่าคุณจะอยากหรือไม่อยาก แต่ผมก็จะมาอยู่ดี ขอแค่คุณไม่รังเกียจไอ้ขี้แพ้แบบผมก็พอแล้ว!” หยูหมิงพูดอย่างเปิดเผยพร้อมกับคลี่ยิ้ม

หลงหลิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าภายใต้แสงอาทิตย์นั้น ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของหยูหมิงนั้นมีความสบายๆเป็นอิสระ เธออดไม่ได้ที่จะใจเต้น แล้วก็พูดออกไปประโยคหนึ่งว่า “ฉันไม่รังเกียจคุณหรอก” หลังจากพูดจบ เธอก็รู้สึกประหลาดใจในตัวเอง รีบก้มหน้าลง เขินอายจนไม่รู้ว่าต้องทำท่าทางยังไงดี

“บ้ายบาย!ผมไปแล้วนะ” ก็ได้ยินเสียงของหยูหมิงไกลไปเรื่อยๆ หลงหลิงก็เงยหน้าขึ้นมา หยูหมิงได้ปั่นจักรยานออกไปอย่างสบายๆแล้ว หลงหลิงก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

หยูหมิงที่กำลังปั่นจักรยานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงสัญญาณในหูฟังว่า “คุณหลงหลิงหันหลังกลับไปแล้ว” หยูหมิงก็จอดรถ แล้วก็จอดจักรยานคันนั้นไว้ข้างถนน

และในทันใดนั้น ก็มีรถเบนซ์คันหนึ่งมาจอดข้างๆเขา ประตูรถเปิดออก หยูหมิงก็เดินขึ้นไป หม่าหยางกำลังนั่งยิ้มอยู่บนรถ

“ฉันหยูหมิงเคยปั่นจักรยานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมยังโดนคนด่าว่าไอ้ขี้แพ้อีก! คิดแล้วมันโมโห” หยูหมิงบ่นพึมพำ บนรถนั้นมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่ง เธอรีบเข้ามาช่วยถอดเสื้อผ้าไอ้ขี้แพ้ออกให้หยูหมิงทันที

“คุณชายหยู เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะครับ ผู้หญิงสามคนนั้นด่าเกินไปหน่อย” ตอนนี้เอง ฉาวหนิงเองก็วิ่งมาถึงข้างรถ แล้วก็พูดกับหยูหมิง

“ช่างเถอะ ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากจะจีบหลงหลิงล่ะก็ ถ้าเกิดว่าใครกล้าพูดกับฉันเหมือนสามคนนั้นล่ะก็ ฉันจะยึดบ้านพวกมันซะ” หยูหมิงพูดด้วยความโกรธ

หญิงสาวคนนั้นช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หยูหมิงเรียบร้อยแล้ว หยูหมิงนั่งอยู่บนเบาะ หม่าหยางยิ้มแล้วก็พูดกับเขาว่า “คุณชายหยู ดูจากสีหน้าของคุณหลงแล้ว เธอน่าจะเริ่มตกหลุมรักคุณแล้วนะ”

“อืม พวกนายบอกว่าหลงหลิงตีบยาก ตอนเริ่มแรกฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อตอนเช้ามา ฉันก็พบว่าที่จริงแล้วมันง่ายจะตาย” หยูหมิงพูดอย่างภาคภูมิใจ

หม่าหยางนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ แต่ในใจกลับพูดว่า “ถ้าเกิดว่าไม่มีไดอารี่เล่มนั้น นายก็คงเหมือนฉันนั่นแหละ แม้แต่ข้าวมื้อเดียวก็ยังไม่ทันได้กิน ก็โดนคุณหลงหลิงปฏิเสธมาแล้ว”

“ดูจากผลวันนี้แล้ว ไม่น่าจะผ่านไปเกินครึ่งเดือน คุณชายหยูต้องได้หลงหลิงมาแน่นอน” หม่าหยางยิ้มพร้อมกับพูด

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอฉันนึกถึงเรื่องพวกนั้นที่อยู่ในไดอารี่ ฉันก็ปวดหัวแล้ว ฉันล่ะไม่เข้าใจไอ้ ‘ฉินหลั่ง’ที่อยู่ในไดอารี่เล่มนั้นจริงๆเลย ว่ามันเป็นไอ้ขี้แพ้ขนาดไหนกันแน่ ถึงได้ทำเรื่องมหัศจรรย์อะไรได้ขนาดนั้น” หยูหมิงบ่น

“คุณแค่ต้องอดทนหน่อย ยังไงก็เพื่อให้ได้มาซึ่งสาวงามไม่ใช่เหรอ” หม่าหยางยิ้มพร้อมกับพูด

หยูหมิงถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง แล้วก็ครุ่นคิดพลางพูดว่า “ทั้งหมดก็เพื่อหลงหลิง ขอแค่ฉันได้คุณหลงหลิงมา จะทำอย่างไรก็ถือว่าคุ้มค่า”

ผ่านไปหลายวัน ฉินหลั่งอยากจะตามหาเถียนซิงเพื่อเอาไดอารี่คืน แต่ว่าไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนกัน เขาเองก็ไปหาหลงหลิงสองครั้ง แต่ว่าหลงหลิงเมินเขา ฉินหลั่งรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ได้แต่มองเธออย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาดีใจก็คือ เหมือนกับว่าฉาวหนิงจะไม่ค่อยมาหาหลงหลิงแล้ว

ฉินหลั่งก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ทุ่มเทพลังงานให้กับวิชาการ ทุกๆวันช่างผ่านไปอย่างอุดมสมบูรณ์มาก

เอเชียนเกมส์ในหลินอานมาถึงกำหนดแล้ว หลายวันมานี้ในเมืองหลินอาน คณะผู้แทนกีฬาจากประเทศต่างๆเดินทางมาถึงที่นี่ สถานีโทรทัศน์แพร่ภาพข่าวการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ในเมืองหลินอานก็ได้เริ่มมีการควบคุมต่างๆ โดยเฉพาะในวันเปิดพิธี การควบคุมเป็นไปอย่างเข้มงวด ไม่ใช่เพียงแค่บางจำนวนเท่านั้น แต่ว่าตำรวจจราจรทุกนายถูกส่งไปอำนวยความสะดวกบนท้องถนน

ตอนบ่ายวันนั้นฉินหลั่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด จู่ๆก็มีคนมาตบไหล่ของตัวเอง ฉินหลั่งเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าฝู้โยวยืนยิ้มกว้างและมองตัวเองอยู่ ฉินหลั่งติดเชื้อรอยยิ้มที่สดใสของเธอ ก็คลี่ยิ้มตามมา

“วันนี้เธอต้องไปงานพิธีเปิดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังมีเวลามาหาฉันได้อีกล่ะ?” ฉินหลั่งเอ่ยปากถาม

“ใช่ ตอนนี้ฉันต้องไปศูนย์กีฬาโอลิมปิกแล้ว นายพอจะมีเวลา ไปกับฉันไหม?” ฝู้โยวพูด

“เอ่อ…เธอไปทำงาน ฉันไปที่นั่นคนเดียวต้องเบื่อมากแน่ๆ ฉันว่าฉันไม่น่าไปดีกว่า……” ฉินหลั่งนึกถึงตอนที่ออกมาจากศูนย์กีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้กินข้าวอยู่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าฝู้โยวจะคิดอะไรกับเขา ช่วงนี้ก็เลยตั้งใจรักษาระยะห่างกับเธอหน่อย

“ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่มีความหมายมากในชีวิตของฉัน ก็เลยอยากให้คนสนิทไปเป็นเพื่อน ตอนนี้พ่อ แม่ก็อยู่ที่บ้านเก่ากันหมด ถ้าเกิดว่านายไม่ไปเป็นเพื่อนฉัน ฉันต้องรู้สึกโดดเดี่ยวมาก…”ระหว่างที่ฝู้โยวพูดอยู่นั้น สายตาของเธอก็ดูคับข้องใจอย่างมาก

ฉินหลั่งเห็นท่าทางผิดหวังของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ฉันไปกับเธอเอง ไปดูการแสดงพิธีเปิดก็ดีเหมือนกัน”

ฝู้โยวรู้สึกดีใจ เธอหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ฉันน่ะเป็นแค่อาสาสมัครเล็กๆ ไม่ได้มีตั๋วหรอก ไปที่สนามกีฬา ก็ทำได้แค่ยืนอยู่หน้าประตูเท่านั้น ถ้าเกิดว่านายอยากดูการแสดงล่ะก็ น่าจะมองไม่เห็นหรอกนะ ฉันให้โอกาสนายกลับใจอีกครั้ง ยังอยากจะไปกับฉันอยู่ไหม?”

ฉินหลั่งฟังเธอล้อเล่นกับเขาอย่างไม่ทันคิด ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ฝู้โยวเห็นท่าทางของฉินหลั่ง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ฉันว่าหน้าตานายก็ออกจะดูฉลาด แต่ทำไมปากถึงได้ดูโง่ขนาดนั้นล่ะ? แม้แต่พูดกับผู้หญิงยังทำไม่ได้หรอก ไม่แปลกใจว่าทำไมยังโสดจนถึงตอนนี้ สมควรตายจริงๆ!” หลังจากพูดจบ จู่ๆฝู้โยวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แก้มเธอก็มีสีแดงระเรื่อบางๆ “โอเค พวกเรารีบไปกันเถอะ ไปถึงที่นั่นแล้วยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะมากเลย”

หลังจากพูดจบ ฝู้โยวก็ดึงฉินหลั่งเดินออกมาจากห้องสมุด เรียกรถด้านหน้ามหาลัย แล้วก็ไปที่ศูนย์กีฬาโอลิมปิกทันที

บนรถแท็กศี่ ฝู้โยวกับฉินหลั่งก็คุยเกี่ยวกับงานเลี้ยงต้อนรับก่อนหน้านี้ เรื่องที่ฉินหลั่งบริจาคเงินกว่า 1.5 ล้านยูโรให้กับมหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้ ฝู้โยวก็เคยถามฉินหลั่งมาแล้ว แต่ว่าฉินหลั่งโกหกเธอว่า สาววัยกลางที่เจอในโรงแรมKempinski คนนั้นเห็นว่าเขาน่าสงสาร ก็เลยให้เงินเขามาเยอะขนาดนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยบริจาคเงินให้มหาลัยไป ฝู้โยวก็เชื่อเขา

“นายก็คิดได้เนอะ ถ้าเกิดว่าเอาเงินมาให้ฉัน 1.5ล้านยูโรล่ะก็ ฉันต้องเอาให้พ่อแม่ฉันแน่นอน หลังจากนั้นก็ซื้อห้องสักห้องหนึ่ง แล้วก็กินค่าเช่าไป ชีวิตแบบนั้นไม่รู้ว่ามันจะดีขนาดไหนกัน” พอลงจากรถ ฝู้โยวกับฉินหลั่งก็เดินไปที่ศูนย์กีฬาด้วย แล้วก็พูดคุยกันไปด้วย

ทั้งสองคนมาถึงจัตุรัสรอบสนามกีฬาอย่างรวดเร็ว ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 2-3ชั่วโมงกว่าจะถึงงานพิธีเปิด ที่จัตุรัสนั้นมีคนเยอะมาก ชูธงแต่ละประเทศ บางส่วนก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนบางส่วนก็ได้เดินเข้าสนามแล้ว

รถขายอาหารจอดอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจัตุรัส คนจำนวนมากก็ล้อมรอบอยู่หน้ารถอาหาร

ฉินหลั่งใจ เขาจำได้ว่านั้นคือรถอาหารของหลินจู ก็พูดกับฝู้โยวว่า “ฝู้โยวอยู่นั่น พวกเราไปดูกันเถอะ!”

ฉินหลั่งกับฝู้โยวเบียดเข้าไปในกลุ่มคน แล้วก็เห็นหลินจูที่กำลังทำแพนเค้กอยู่ในรถอาหาร ฉันเห็นเธอกำลังกลับด้านแพนเค้กบนกระทะด้วยพลั่ว ปากก็ร้องตะโกนว่า “แพนเค้กธัญพืชที่ทั้งหอมและกรอบ แพนเค้กสไตล์จีนแท้ๆเลยค่า……”

บนรถขายอาหารยังมีผู้ชายผอมๆอยู่อีกคนหนึ่ง เขาทำงานที่ฉินหลั่งเคยทำมาก่อน ซื้อขายเครื่องดื่มและขนม

“หลินจู!” ฉินหลั่งเรียกเธออย่างตื่นเต้นและดีใจ

พอได้ยินเสียงฉินหลั่ง หลินจูก็ตัวสั่นทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองฉินหลั่ง แล้วก็คลี่ยิ้มออกมาทันที “ไอ้ขี้แพ้ นายนั่นเอง!”

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ฉินหลั่งถามอย่างดีใจ

หลินจูยิ้มแล้วพูดว่า “วันนี้เป็นพิธีเปิดเอเชียนเกมส์ คนมาที่นี่ตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันก็ต้องมาแน่นอนอยู่แล้วสิ ตอนนี้ฉันขายได้ 2-3พันแล้วนะ!”

ฝู้โยวสีหน้ามืดมน กระซิบบอกกับฉินหลั่งว่า “พวกนายคุยกันไปนะ ฉันไปทำงานก่อน เดี๋ยวนายมาหาฉันที่ทางเข้าE–2นะ ถ้าเกิดว่าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องมาก็ได้” หลังจากพูดจบ ฝู้โยวก็ยิ้มจางๆ แล้วก็เดินออกไป

“อุ้ย เพื่อนเก่านายโกรธแล้ว ยังไม่ไปง้ออีกล่ะ!” หลินจูส่งแพนเค้กให้ลูกค้า แล้วก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วก็พูดกับเขา

“เธออย่าพูดอะไรมั่วๆน่ะ พวกเราก็แค่เพื่อนกัน…” ฉินหลั่งพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ระหว่างที่พูดนั้น ก็เดินเข้าไปในรถขายอาหาร แล้วก็ช่วยหลินจูขายของไปด้วย คุยกับเธอไปด้วย

ท่ามกลางผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆรถขายอาหารนั้น ต่างก็มีผู้คนจากหลากหลายประเทศ พวกเขาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ต่างประเทศ ตอนที่ซื้อของนั้น ส่วนใหญ่ก็ใช้ภาษาอังกฤษ บางส่วนก็ใช้ภาษาจีนที่ค่อนข้างจะย่ำแย่

“Sayamahusatupakejtisumint-rasa”ตอนนี้เอง ก็มีชายไว้เคราคนหนึ่งสวมหมวกสีขาวเดินไปหน้ารถขายอาหาร แล้วก็พูดกับฉินหลั่ง

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

Score 10
Status: Completed
ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset