ยูริ 100 วัน เล่มที่ 1 – บทที่2 Part 1

เล่มที่ 1 - บทที่2 Part 1

 

ณ วันเสาร์ และยังเหลืออีก 82 วันก่อนจะจบศึกตัดสิน

 

ในตอนนี้เป็นยามพลบค่ำหลังช่วงอาหารเย็นพอดี ฟุวะกับฉันได้นัดกันไว้ว่าจะมาเจอกันที่หน้าสถานี และเนื่องด้วยในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ฉันได้ถูกฟุวะปู้ยี่ปู้ยำจนยับเยินไปหมด ทำให้ฉันรู้สึกค่อนข้างที่จะโชคดีที่นัดครั้งนี้เริ่มในตอนกลางคืน แต่ถึงแม้ว่าฉันจะได้สุขสบายไปกับการได้พักผ่อนนอนเล่นไปทั้งวันก็ตาม พอมาลองคิดดูว่าฟุวะจะยอมให้ฉันได้พักจากคำสั่งสุดสยองหลายอย่างของเธอจริงๆเหรอก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

 

แต่ไม่ว่ายังไงฉันเองก็ไม่มีทางเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่ภายในหัวของเธอมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ดังนั้นเลิกคิดเรื่องอะไรแบบนั้นแล้วมาดูเรื่องชุดที่ฉันได้อุตสาหะเลือกสรรมาอย่างประณีตในวันนี้กันดีกว่า ถึงมันจะเหนื่อยเอาการเลยก็เถอะแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาถ้าให้ฉันพูดละก็ค่อนข้างที่จะพึงพอใจเลยละนะ ทำให้ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าไม่มีใครหน้าไหนที่จะสามารถเอาชนะฉันได้ขึ้นมาเลยล่ะ

 

ฉันได้เลือกที่จะสวมชุดวันพีชทูโทนตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา แน่นอนว่ากระเป๋าเองก็เป็นใบราคา 30,000 เยนใบนั้นอีกด้วย นอกจากนี้ฉันยังได้บรรจงคัดเลือกรองเท้าและเครื่องประดับอื่นๆมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเข้ากับฉันอีกด้วย

 

ขณะที่กำลังรอฟุวะอยู่หน้าสถานีนั้นเอง ฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาคนรอบข้างชำเลืองมองมาที่ฉัน ก็นี่น่ะเป็นผลงานชั้นเลิศที่สุดในปีนี้เลยนะ น่ารักใช่ไหมล่ะ! ด้วยสิ่งนี้แม้แต่ฟุวะก็ต้องมิอาจที่จะต้านทานเสน่ห์ของฉันได้แน่ พอจินตนาการถึงสีหน้าในตอนที่เธอได้เห็นฉันแล้ว ก็ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาเลยล่ะ

 

และในตอนนั้นเองฟุวะก็ได้มาถึงตรงตามเวลาพอดี

 

“ว่าไง มาริกะ”

 

เธอในตอนนี้ดูเปร่งประกายงดงามยิ่งเสียกว่าตอนที่โรงเรียนซะอีก เธอได้ใช้อายแชโดว์อย่างเรียบง่ายที่ช่วยเสริมให้เห็นถึงเค้าร่างดวงตาของเธอ ส่วนชุดของเธอนั้นเป็นเสื้อแขนกุดคู่กับกระโปรงรัดรูปที่เน้นให้เห็นถึงสัดส่วนของเธอ เธอยังคงสวมรองเท้าส้นสูง 7 เซนติเมตรซึ่งเข้ากันกับกระเป๋าหิ้วที่อยู่ในมือของเธอเป็นอย่างมาก จนทำให้ฉันเผลออดคิดไม่ได้ว่ารูปโฉมในคืนนี้ของเธอนั้นคล้ายคลึงกับภาพในหัวของฉันอย่าง ‘นายหญิงแห่งรัตติกาล’ เป็นอย่างมาก

 

เธอได้ผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ ซึ่งทำให้เธอดูสง่างามยิ่งเสียกว่าสิ่งอื่นใดที่ฉันเคยเห็นมาก่อน นี่คือสิ่งที่คนเขาเรียกกันว่าแฟชั่นชุดไปรเวตของผู้ใหญ่รึเปล่านะ

 

“เอ่อ…ฟุวะ”

 

อา รูปลักษณ์ของเธอในคืนนี้นั้นได้พรากเอากำลังใจของฉันไปซะหมด ทำให้ฉันดูเป็นเหมือนกับเด็กสาวมัธยมปลายผู้ซึ่งพยายามที่จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่และล้มเหลวขึ้นมา ต่างจากฟุวะที่ได้แสดงถึงภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่ออกมาได้อย่างดี

 

สายตาของฟุวะได้สำรวจไปทั่วตัวฉันตั้งแต่บนสุดของหัวจรดไปถึงปลายเท้า และด้วยเหตุบางอย่างทำให้เธอดูมีความสุขเป็นอย่างมาก

 

“เธอน่ารักสุดๆไปเลยล่ะ มาริกะ”

 

“อะ อืม ขอบใจนะ…”

 

ถ้าเธอชมฉันตรงไปตรงมาแบบนี้ ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอายขึ้นมาน่ะสิ โธ่!

 

หลังจากที่ยอมรับคำชมของเธอได้แล้ว ฉันก็กอดอกพร้อมกับพยักหน้าให้กับตัวเอง อื้ม อายะพูดถูกแล้วว่าฉันน่ะน่ารัก ถ้าเทียบกับเธอแล้วสเน่ห์แบบผู้ใหญ่ของฉันอาจจะถึงขั้นเข้าใกล้ศูนย์ แต่นั่นน่ะมันก็เป็นเพราะว่าบุคลิคพวกเราต่างกันต่างหากล่ะ อื้ม ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายชนะซักหน่อย

 

“ก-ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ เธอเองก็สวยเหมือนกันนะฟุวะ”

 

“อืม ขอบใจนะ”

 

ฟุวะขอบคุณฉันด้วยรอยยิ้มปกติเหมือนเคยของเธอ จะว่ามาลองคิดดูแล้วเหมือนเธอจะแต่งหน้ามากกว่าปกตินะเนี่ย คงจะเป็นเพราะว่าเป็นตอนกลางคืนสินะ จากการสังเกตของฉันแล้วเธอได้เลือกรองพื้นแบบเนื้อแมทท์ แต่งแก้มด้วยสีชมพูอมส้ม และสีแดงเย้ายวนซึ่งเข้ากันกับริมฝีปากของเธอได้เป็นอย่างดี แบบนี้นี่เอง ต้องจดเอาไว้ใช้สำหรับครั้งหน้าแล้วสิ

 

“มีอะไรเหรอ”

 

“ปะ เปล่า ไม่มีไรหรอก…”

 

ฉันได้เผลอไปจ้องเธอโดยไม่รู้ตัวเข้าซะแล้วสิ และพอตระหนักได้ถึงเรื่องนั้นฉันก็ได้รีบชักสายตากลับมาจากเธอในทันที ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลเพียงเพราะแค่อายะนะ ไว้เมื่อฉันกลับถึงบ้านแล้วค่อยไปสืบค้นเรื่องรองพื้นสีอ่อนอะไรพวกนี้ต่อยังได้

 

จากนั้นพวกเราก็ได้เดินไปด้วยกัน

 

ถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ด้วยเหตุอะไรบางอย่างทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ฉันดันไปนึกถึงหนังโป๊เรื่องแรกที่ฉันได้ดูพร้อมกับฟุวะ เรื่องที่เป็นสาวมหาลัยสุดน่ารักกับนักแสดงสาวสุดสวย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย ฉันเริ่มรู้สึกสงสัยในหัวสมองของฉันขึ้นมาซะแล้วสิ

 

“นี่ พวกเราจะไปไหนกันเหรอ”

 

“ถ้าบอกเธอก่อนมันก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ”

 

“จริงๆแล้วทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอก็น่าตกใจหมดนั่นแหละ…”

 

“บอกก็ได้ พวกเรากำลังมุ่งไปยังร้านที่ฉันกำลังทำงานพาร์ทไทม์อยู่น่ะ”

 

“เอ๋ เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่ด้วยเหรอ ที่ไหนอ่ะ แล้วเป็นที่แบบไหนงั้นเหรอ”

 

“เดี๋ยวเธอก็เห็นเองแหละ ตั้งหน้าตั้งตารอไว้ได้เลย”

 

“มันก็แค่งานพาร์ทไทม์ไม่ใช่รึไง ทำไมจะต้องมาเล่นตัวอะไรขนาดนี้ด้วย โธ่ ไม่เห็นเป็นไรเลยน่า”

 

พวกเราได้ยืนรอรถไฟบนชานชาลา เมื่อรถไฟได้หยุดลงพวกเราก็ได้เดินเข้าไปข้างใน หลังจากนั้น 20 นาทีจากถนนเคย์โอะพวกเราก็ได้มาถึงยังชินจุกุ และได้ออกไปเผชิญกับคนพลุกพล่านท่ามกลางยามราตรีในชินจุกุผ่านทางออกฝั่งทิศตะวันออก

 

ในเมื่อวันนี้เป็นคืนวันเสาร์ทำให้มีคนอยู่ที่นี่เต็มไปหมด และทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา

 

“การที่เธอเลือกมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ชินจุกุเนี่ย เธอเป็นประเภทที่ชอบทำงานหนักรึไงกันหะ”

 

“ดูเป็นงั้นเหรอ จริงๆแล้วเหตุผลหลักที่ฉันมาทำงานที่นี่ก็เป็นเพราะนี่เป็นร้านที่คนรู้จักฉันได้แนะนำมาน่ะสิ”

 

“โหห ดีจังเลยนะ ฉันเองถ้ามีคนที่สามารถเชื่อใจได้จริงๆและสามารถแนะนำสถานที่ทำงานดีๆได้บ้างก็คงดีละนะ สถานที่ทำงานพาร์ทไทม์ก่อนหน้านี้เองก็สุดแสนจะห่วยแตกเลย ไอผู้จัดการน่าขยะแขยงนั่นก็เอาแต่แตะเอวหรือไหล่ทุกครั้งที่เข้ามาทักทายฉันอยู่ได้ แถมยังชอบเอาแต่พูดถึงเรื่องผิวของฉันอย่างแหมผิวของเด็กสาวม.ปลายนี่สุดยอดไปเลยน้า~อะไรทำนองนี้อีก จะพูดว่าเป็นคนที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ฉันเองก็พยายามที่จะอดทนไปพักหนึ่งแต่ดันเป็นว่าความน่าขยะแขยงของหมอนั่นมันเหนือชั้นซะจนทำฉันสติขาดผึงเลยนี่สิเนี่ย”

 

ฉันพยายามที่จะเล่าเรื่องตลกให้เธอฟังโดยการเลียนเสียงเป็นผู้จัดการน่าขยะแขยงนั่น แต่กลับกลายเป็นว่าฟุวะได้มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว เอ๋ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

 

“นั่นจะแย่เกินไปแล้ว คงจะดีถ้าเธอแค่บดขยี้เจ้าคนพวกนั้นทิ้งไปซะน่ะ”

 

“เอ่อ มันก็เป็นแค่อดีตไปแล้วล่ะนะ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้…ที่ฟุวะได้ทำกับฉัน จะว่าไงดี จากทั้งชั่วชีวิตของฉันก็มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแหละที่ได้แตะตัวฉันไปทั่วถึงขนาดนั้นน่ะ”

 

“เธอพูดออกมาได้เร้าอารมณ์มากเลยนะนี่”

 

“โรคจิต”

 

ฉันได้ตอบกลับไปยังคำพูดของเธอด้วยความรังเกียจ ทว่าฟุวะก็ยังคงเดินต่อไปราวกับว่าไม่ได้มีอะไรที่กวนใจเธอแม้แต่น้อย ยัยผู้หญิงคนนี้นี่เอาแต่ทำฉันเป็นเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่ชอบกัดเจ้าของอย่างขี้เล่นอยู่ได้…

 

“ถ้าเธอกังวลเรื่องสถานที่ทำงานของเธออยู่ล่ะก็ อยากจะให้ฉันแนะนำเธอให้กับที่ทำงานของฉันไหมล่ะ”

 

“อืมม ถ้าบรรยากาศที่นั่นไม่ได้เลวร้ายอะไรก็คงจะได้ละมั้ง แต่สถานที่ทำงานของเธอคงไม่ใช่ที่อย่างร้านอาหารครอบครัวหรืออะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหมล่ะ ก็แบบสถานที่ที่ต้องให้เธอยิ้มตลอดเวลาเนี่ยดูยังไงก็ไม่เข้ากับเธอซักนิด”

 

“เดาได้ดีนี่ แต่เธอพูดบางส่วนผิดไปนะ ถ้าเป็นเรื่องอะไรอย่างแสดงรอยยิ้มให้กับลูกค้าล่ะก็แน่นอนว่าฉันก็ต้องทำได้อยู่แล้วสิ”

 

“โกหกน่า ไม่มีทางที่เธอจะยิ้มสวยๆบริการลูกค้าได้หรอก”

 

“ฉันทำได้หรอกน่า”

 

“งั้นไหนลองทำดูสิ ตอนนี้เลย!”

 

ฉันก็แค่อยากที่จะลองหยอกล้อเธอดูบ้าง แต่กลับเป็นว่าเธอดันเอาจริงขึ้นมาซะงั้น ฟุวะได้ขมวดคิ้วครู่หนึ่งแล้วเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นและจากนั้นแก้มของเธอเองก็แดงแจ๋ขึ้นมา อย่างที่คิดเลยว่าเธอทำไม่ได้หรอก อ๊ะ นานแล้วสินะครั้งล่าสุดที่ฉันได้เอาชนะเธอเนี่ย

 

“อืม เอาเป็นว่า สถานที่ทำงานของฉันจะต้องเป็นที่ที่เธอชอบอย่างแน่นอน”

 

“งั้นฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ”

 

พวกเราได้เดินทะลุผ่านหลายตรอกซอกซอยและในท้ายที่สุดเธอก็ได้หยุดลงที่หน้าร้านที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบาร์ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค ถึงจะเป็นบาร์แบบนี้แต่ผู้เยาว์เองก็สามารถที่จะทำงานที่นี่ได้ตราบที่ไม่ได้ไปแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สินะ ฉันเองก็เคยได้ไปศึกษาค้นคว้าเรื่องพวกนี้มาอยู่เหมือนกัน! ก็คือไม่เป็นไรที่ให้คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาทำงานในสถานที่แบบนี้ตราบใดที่กะของพวกเขาจบลงก่อนสี่ทุ่มละนะ

 

ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มายังร้านแบบนี้ เพิกเฉยกับฟุวะที่กำลังยืนอยู่ข้างฉันและวางมือไปลงบนลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปข้างใน เมื่อฉันได้ย่างกรายเท้าเข้าไปข้างไหนก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศภายในที่ทั้งรู้สึกดีและสบายใจ อย่างน้อยก็เป็นแบบนั้นจนถึงตอนที่ฉันได้ขยับสายตาไปหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่งและตกตะลึงขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะมีผู้หญิงสองคนที่กำลังจุมพิตกันอยู่ข้างในบาร์น่ะสิ

 

“ที่นี่คือเลสเบี้ยนบาร์ที่ฉันทำงานอยู่น่ะ”

 

“อย่างกับว่าฉันจะชอบอะไรแบบนี้แหละ!!”

 

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้เดินเข้าไปและเข้าไปนั่งตรงที่ส่วนหลังของบาร์ และเมื่อมองไปรอบตัวแล้วก็พบกับคนอื่นๆที่กำลังจู๋จี๋กันกับคู่ของตัวเองอยู่ ทั้งตรงนู้น ตรงนี้ อ๊ะ ตรงนั้นเองก็ด้วย พวกเธอได้หยอกล้อกันไปมาอย่างกุมมือ โอบกอด หรือแม้แต่จูบกันเหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในบาร์คนนั้นก็ยังมี…

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศมืดสลัวภายในร้านที่ทำให้เหล่าลูกค้าซื่อตรงกับความต้องการอยากและสนุกไปด้วยกับมัน นี่ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่กันละเนี่ย…รู้สึกว่าไม่เข้ากับที่นี่เลยแฮะ…

 

“นี่คนสวยตรงนั้นน่ะยังเป็นเด็กม.ปลายอยู่ใช่ไหมนั่น มาทำอะไรที่นี่เหรอ มาเฝ้าหาคนคุยหรือแค่มาสนุกกับบรรยากาศในนี้กันจ๊ะ”

 

คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีพนักงานคนหนึ่งมาชวนฉันคุยแบบนี้ ผมของเธอนั้นสั้นและเป็นคนที่ให้ความรู้สึกที่สดชื่น เธอมีรูปร่างที่เล็กและใบหน้าเองก็เล็กตามซึ่งทำให้ดูค่อนข้างสมดุล แต่ฉันรู้สึกว่าเหมือนจะเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนหรือว่าเธอจะเป็นอะไรอย่างนักแสดงกันนะ

 

“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือฉัน–”

 

“ฮะฮะฮะ แค่หยอกเล่นน่า ถ้าเกิดทำให้เธอผวาขึ้นมาละก็โทษทีนะ เธอเป็นเพื่อนของอายะจังใช่ไหมล่ะ ตอนนี้อายะกำลังเตรียมตัวอยู่หลังร้านละนะ ดังนั้นระหว่างรอเธอจะดื่มนี่รอไปก่อนก็ได้นะ”

 

เธอคนนั้นเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรออกมาและวางค็อกเทลแก้วหนึ่งตรงหน้าฉัน

 

ฉันมองสำรวจไปยังค็อกเทลแก้วตรงหน้า ซึ่งเป็นของเหลวที่สีโปร่งใสและมีเส้นคั่นสองเส้นโดยที่เส้นหนึ่งเป็นสีแดงและอีกเส้นเป็นสีเหลือง การผสมผสานกันของสามสีนี้ทำให้เครื่องดื่มนี้ดูมีความสวยขึ้นมา แต่ไม่ใช่ว่าทางร้านจะมีปัญหาหรอกเหรอถ้ามาเสิรฟ์ของอะไรแบบนี้ให้กับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนี่ย

 

“อ๋อ ไม่ต้องกังวลไป นี่น่ะไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรอกนะ ที่นี่เองก็มีลูกค้าอยู่มากมายหลายประเภทละนะ”

 

“อ๊ะ เป็นงั้นหรอกเหรอ”

 

“อื้ม รู้ไหมว่าฉันมั่นใจมากเพราะว่านี่น่ะเป็นเครื่องดื่มนี่ฉันทำขึ้นมากับมือเองเลยนะ นี่น่ะเป็นบริการพิเศษสำหรับลูกค้าน่ารักอย่างเธอเท่านั้นหรอกนะจ๊ะ♡ ”

 

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันพูดพลางขยิบตาหว่านเสน่ห์ใส่ฉัน และทำให้หัวใจของฉันบีบเต้นระรัวขึ้นมา อะไรกัน จะน่ารักเกินไปแล้ว อยากจะเป็นเพื่อนกับเธอจังเลย จะว่าไปแล้ว…

 

“เอ่อ โทษทีนะ คือเธอเองก็เป็นเลสเบี้ยนงั้นเหรอ…”

 

“ใช่แล้ว บาร์นี้น่ะก็ไม่ได้เป็นบาร์ที่ฉูดฉาดอะไรและก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากพอที่จะดึงดูดพวกนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย นั่นก็เลยทำให้เป็นเรื่องหายากที่จะมีผู้ชายหรือคนที่เป็นสเตรท(Straight)มาที่นี่น่ะสิ”

 

“…สเตรทเหรอ”

 

“อ๋อ สเตรทน่ะหมายถึงคนที่ชอบเพศตรงข้ามนั่นแหละ เธอเองก็เป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”

 

“อืมถ้าเธอพูดแบบนั้นฉันก็คงจะเป็นจริงๆนั่นแหละ พูดตามตรงนะฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจในความรักระหว่างเพศเดียวกันซักเท่าไหร่ด้วย…”

 

ฉันรู้ว่ามันอาจจะหยาบคายเกินไปถ้าพูดไปว่า ‘เป็นไปไม่ได้หรอก’ กับเธอเข้า แต่ฉันเองก็ได้ตอบกลับเธอไปอย่างจริงใจ จะว่าไปแล้วการที่เริ่มบทสนทนาคุยกับบาร์เทนเดอร์แล้วทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเลยนะนี่

 

ส่วนเธอคนนั้นเหมือนจะกำลังระลึกถึงความหลังในสมัยก่อน ดูจากรอยยิ้มของเธอแล้วคงจะเป็นเรื่องอะไรที่ชวนให้คิดถึงแน่

 

“เธอนี่ซื่อตรงจังเลยนะ เมื่อก่อนฉันเองก็คิดแบบเดียวกันนั่นแหละ ฉันน่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมถึงต้องมีคนบางคนที่ชอบเพศเดียวกันด้วย แต่ในวันหนึ่งก็ได้มีบางอย่างในตัวฉันที่ได้เปลี่ยนไป และนับจากวันนั้นฉันก็เป็นเลสเบี้ยนจนมาถึงวันนี้เลยละมั้ง แล้วเธอล่ะ อะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอชอบผู้ชายกันล่ะ”

 

เธอได้ยิงคำถามใส่ฉันอย่างกระทันหัน เนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำให้ฉันเผลอผงะไปเล็กน้อย

 

“อืมมมม…ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

 

“งั้นรักแรกของเธอเป็นผู้ชายรึเปล่าล่ะ”

 

“อ๊ะ ใช่แล้ว น่าจะเป็นตอนที่ฉันยังอยู่ในชั้นป.5ละนะ เขาเองก็เป็นผู้ชายที่ป็อปที่สุดในห้องด้วย เขาก็น่าจะเป็นรักแรกของฉันละมั้ง…อืมม นั่นคงจะเป็นตอนที่ฉันเริ่มชอบเพศตรงข้ามขึ้นมาละมั้ง การที่ผู้หญิงจะชอบผู้ชายมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง”

 

อ๊ะ เผลอหลุดพูดออกไปซะแล้ว ปากฉันนี่พล่อยซะจริง ฉันรีบเอามือทั้งสองข้างไปปิดปากแน่น แต่หญิงสาวคนนั้นกลับหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน

 

“ในตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เป็นเรื่องปกติที่เธอจะคอยกังวลว่าอะไรคือเรื่องที่ปกติหรือไม่ปกติ เธออาจจะต้องการที่จะถูกยอมรับจากผู้คนรอบข้างเธอ หรือแม้แต่มัวคิดแต่ว่าสังคมจะคิดยังไงกับตัวเธอ และนี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจเปิดบาร์นี้ขึ้นมา เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่สำหรับหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองนั้นไม่ปกติยังไงล่ะ”

 

หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นพูดจบ เสียงกังวาลของกระดิ่งก็ได้ดังไปทั่วในบาร์ จากนั้นก็มีสาวงามในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างในและโบกมือมาทางพวกเรา ทำให้บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงหน้าฉันยิ้มออกมาอย่างแจ่มใสเมื่อทั้งคู่สบตากัน

 

“ฉันว่าเดี๋ยวอายะจังก็น่าจะมาในเร็วๆนี้แล้วแหละ งั้นก็ขอให้สนุกกับที่นี่นะ”

 

บาร์เทนเดอร์สาวคนนั้นได้จากไปหลังจากพูดจบและเดินตรงไปยังสาวงามคนที่เพิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ มันทำให้ฉันนึกถึงเด็กสาววัยแรกแย้มที่กำลังเฝ้ารอหวานใจของเธออยู่

 

ฉันยังคงมองไปยังพวกเธอทั้งสองคนจนในหัวของฉันเกิดเสียงเป๊าะขึ้นมา

 

“เอ๊ะ พวกเธอสองคนนั้นรึจะเป็น…”

 

ฉันยังคงจดจำหนังโป๊แรกที่ฉันได้ดูกับฟุวะได้ ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กสาวมหาลัยกับผู้อำนวยการ เหมือนว่าสาวงามที่เพิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้เป็นผู้อำนวยการ และบาร์เทนเดอร์สาวคนนั้นจะเป็นเด็กสาวมหาลัย เจ้าหนังโป๊เรื่องนั้นมันเก่าขนาดไหนกันละเนี่ย!

 

บ้าจริง ฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมาซะแล้วสิ นี่มันไม่ใช่เหตุการณ์สามัญธรรมดาทั่วไปแล้ว ที่ได้เจอหน้าและพูดคุยกับนักแสดงหนังโป๊แบบนี้เนี่ย

 

Options

not work with dark mode
Reset