ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1061 บิดาของพี่เป่า

ตอนที่ 1061 บิดาของพี่เป่า

ตอนที่ 1061 บิดาของพี่เป่า

ว่ากันว่าใต้เท้าเยี่ยนชิงผู้นี้ เปรียบเสมือนมีดคู่กายของพระโอรส

ใบหน้าหล่อเหลาและจิตใจของเขานั้นช่างเย็นชา และเต็มไปด้วยจิตใจที่เด็ดขาดยามฆ่าฟัน

แม้ว่าเขาจะผ่านการนองเลือดและปลิดชีพผู้คนมาแล้วนับพัน ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังโหดเหี้ยมและเย็นชามิเปลี่ยนแปลง

แต่เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้เขาได้รู้จักกับคำว่า “กลัว” เป็นครั้งแรก

ตรงหน้าเขามีฉู่หลิวเยว่ที่กำลังยืนยิ้มให้กัน แต่เยี่ยนชิงกลับเย็นวาบไปทั่วกระดูกสันหลัง

เขารู้สึกเหมือนพูดอันใดผิดไป

และเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พูดผิดนิดๆ ด้วย แต่ผิดมหันต์เลยต่างหาก

เขาเอ่ยปากอย่างร้อนรน

“มะ ไม่ใช่นะขอรับ องค์ชายมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษากับคนผู้นั้น มิใช่เรื่องอื่น…”

“อ่อ”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ

“เช่นนั้นคงสำคัญมากจริงๆ…แต่ความจริงแล้วถ้าเขาไม่มาก็ไม่เป็นไร อีกไม่นานพิธีคัดเลือกพระชายาจักเริ่มแล้ว เขาต้องยุ่งมากแน่ๆ”

เยี่ยนชิงรู้ตัวว่าต่อให้เขาพยายามโน้มน้าวนางเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์

เขาหลับตาด้วยความสิ้นหวัง

“คุณหนูหลิวเยว่ ข้าน้อยขอเถิด โปรดขึ้นไปวังด้านบนกับข้าน้อยเถอะนะขอรับ! หากองค์ชายไม่เจอท่านคงได้ร้อนใจ…”

“ข้าเป็นคนนอก ที่ข้าสามารถมาที่นี่ได้ในวันนี้ ก็เพราะความสัมพันธ์อันดีงามของข้ากับตระกูลหลินแห่งผาแดนสวรรค์ แน่นอนว่าข้าต้องติดสอยห้อยตามพวกเขา จะให้ข้าปลีกตัวออกกะทันหันได้เยี่ยงไร?”

ฉู่หลิวเยว่ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด

นี่เขาคิดจะมาก็มา คิดจะให้นางไปก็ไป?

มีอันใดแบบนี้บนโลกด้วยหรือ?

“แล้วไฉนจักทำเหมือนจะไม่ได้พบอีก? อีกสองชั่วยามงานฉลองก็จะเริ่มแล้ว ประเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วมิใช่หรือ?”

“แต่…มันไม่เหมาะที่ท่านจะอยู่ที่นี่…”

เยี่ยนชิงยังต้องการเกลี้ยกล่อมนางอีกครั้ง แต่พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นรอยยิ้มเย็นชาของฉู่หลิวเยว่แล้ว ก็จำต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงไป และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ถะ…ถ้าเช่นนั้นก็ตามที่ท่านต้องการขอรับ หากเกิดเรื่องอันใดก็เรียกข้าน้อยได้ทันที”

ฉู่หลิวเยว่สะบัดมือ

“พอแล้ว ตามที่ข้าพูดไปนั่นแหละ เกิดอันใดขึ้นข้าจัดการเองได้ ไปเสีย!”

แม้จะถูกฉู่หลิวเยว่ผลักไสไล่ส่งขนาดไหน แต่เยี่ยนชิงก็พานางไปส่งที่ห้องโถงก่อนหน้านี้ด้วยความเคารพ

เมื่อคนทั้งสองเดินมาถึงประตูห้อง ทุกคนในห้องที่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็พากันหันไปมองทันที

“เช่นนั้น…ข้าน้อย…ข้าขอตัว”

ครั้นเยี่ยนชิงพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็พยักหน้ากลับไป ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น

ทว่าก้าวไปได้เพียงหนึ่งก้าว เขาก็หันหลังไปมองหูหยางและพูดว่า

“ดูแลคุณหนูตู๋กูให้ดี รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย”

หูหยางตอบกลับทันควัน

“ทราบแล้วขอรับ! ใต้เท้าเยี่ยนชิงโปรดวางใจ!”

เยี่ยนชิงก็พยักหน้ารับเบาๆ

ทว่าเนื่องจากภารกิจเชิญฉู่หลิวเยว่ขึ้นไปวังด้านบนล้มเหลว เขาจึงต้องลากสังขารกลับไปอย่างหนักอกหนักใจ

ในทางกลับกัน สีหน้าของฉู่หลิวเยว่กลับนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง นางเดินตรงไปยังเก้าอี้ด้านข้าง แล้วทิ้งตัวลงนั่งประหนึ่งไม่มีอันใดเกิดขึ้น

ความแตกต่างดังกล่าว ยิ่งทำให้เหล่าคนที่มองอยู่สงสัยใคร่รู้มากกว่าเดิม

“คุณหนูตู๋กู ท่านพอใจกับห้องโถงแห่งนี้หรือไม่?”

หูหยางถามอย่างระมัดระวัง

อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็ปฏิบัติต่อหลินเทียนเฟิงและคณะด้วยความเกรงใจอยู่แล้ว ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่หลิวเยว่ในยามนี้ เขายิ่งต้องเคารพนางมากกว่าเดิม

ตอนที่ใต้เท้าเยี่ยนชิงเดินออกไป อีกฝ่ายได้กำชับให้เขาดูแลคนเหล่านี้อย่างดี แต่ใครจะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงตู๋กูเยว่?

ถ้าบอกว่าพวกเขามิได้มีความสัมพันธ์กันล่ะก็ ให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!

ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ใช้ได้เลยทีเดียว”

ในสายตาของหูหยางและเยี่ยนชิง ตำหนักแห่งนี้อาจจะมิได้สวยงามน่าอยู่ แต่ความจริงมันหรูหราและสูงส่งกว่าพระราชวังส่วนใหญ่ที่นางเคยเห็นมาก่อนเสียอีก

และถึงมันจะไม่ใช่ตำหนักหรูหราชนิดที่ว่าเอาไปคุยโวโอ้อวดได้ แต่มันกลับมีกลิ่นอายอันสูงส่งและลมปราณอันแรงกล้า ประหนึ่งลมปราณของชนชั้นสูงที่สืบทอดต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น

ไม่แปลกใจเลยที่หรงซิวจะรวยนัก…

แต่ในเมื่อมีทรัพย์สินของตระกูลมากมายเพียงนี้ แล้วเหตุใดยังต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นอีก?

หูหยางยิ่งประทับใจในตัวฉู่หลิวเยว่

เมื่อก่อนนางไม่รู้จักตัวตนของใต้เท้าเยี่ยนชิง ทว่าตอนนี้นางรู้แล้ว แต่นางก็ไม่ใช้ความสัมพันธ์นี้เป็นตัวกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง และนางยังปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ ไม่ต่างจากตอนที่ยังไม่รู้ความจริง ซึ่งหาได้ยากมากๆ

เขาเผยยิ้มอย่างจริงใจมากขึ้น

“เช่นนั้นก็ดี ดีมาก! ตัวข้าพักอยู่ห้องถัดไป หากต้องการอันใด พวกท่านสามารถแจ้งข้าได้ตามต้องการ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นชนหมัดแล้วโค้งตัวลงเป็นการเคารพฉู่หลิวเยว่และพวกของหลินเทียนเฟิง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางไล่สายตามองพวกเขาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“เหตุใดทุกคนถึงมองข้าเช่นนั้น?”

มองเหตุใดหรือ…

เจ้าถามว่ามองเหตุใดหรือ!

“คุณหนูตู๋กู คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากับใต้เท้าเยี่ยนชิงจักมีชะตาต้องกันเช่นนี้!”

แม่นางทั้งสามผู้มีจิตใจบริสุทธิ์และความคิดเรียบง่าย โพล่งถามออกไปโดยมิได้คิดการใดให้ลึกซึ้ง

“พวกเจ้ารู้จักกันได้อย่างใดหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่จิบชาและพูดช้าๆ ว่า

“ก็แค่บังเอิญนะ บางอย่างข้าก็เล่าให้ฟังไม่ได้”

หรือว่านางรู้จักเขาเพราะเจ้านายของเขา?

เมื่อได้ยินคำตอบที่กำกวมเช่นนี้ สามสาวต่างก็มองหน้ากันอย่างสิ้นหวัง

ตอบแบบนี้ก็เหมือนไม่ตอบเลย!

“พอแล้ว อีกเดี๋ยวงานฉลองวันพระราชสมภพของพระโอรสก็จะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเถอะ”

หลินเทียนเฟิงเอ่ยแทรกขึ้นมา

หลังจากที่เขากล่าวเตือน แม่นางทั้งสามก็พลันได้สติ

ใช่แล้ว!

จุดประสงค์หลักที่พวกนางมาที่นี่ ก็เพื่อร่วมพิธีคัดเลือกพระชายา!

อีกไม่นานแม่นางผู้สูงศักดิ์ทั้งหมดที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากชนเผ่าต่างๆ ก็จะได้เวลาเฉิดฉายแล้ว!

และเมื่อถึงตอนนั้น ก็จักได้เวลาประชันความงามของพวกนางแล้ว

ถึงจะรู้ดีว่าพวกนางไม่มีทางถูกเลือก แต่ก็ต้องเตรียมการไว้ให้ดี จะได้ไม่ทำให้ผาแดนสวรรค์อับอาย

แม่นางทั้งสามขอตัวลา และจากไปพร้อมกัน

หลินโม่หันไปกล่าวกับผู้อาวุโสสองคนที่เหลือ

“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”

โหรวหรูไห่ขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะมองยังตู๋กูเยว่

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา ฉู่หลิวเยว่ก็เบนสายตาไปมอง

ทั้งสองคนจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง

ก่อนจะเป็นโหรวหรูไห่ที่ผละสายตาออกไปก่อน เขาสบถเสียงแข็งแล้วสะบัดแขนเสื้อ พลันย่ำเท้าออกไปทันที

หลินโม่กระแอมเบาๆ ด้วยความกระอักกระอ่วน และพยายามเกลี้ยกล่อมฉู่หลิวเยว่

“คุณหนูตู๋กูใจเย็นๆ นะ หรูไห่แค่อารมณ์เสียนิดหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเจ้า เจ้าอย่าใส่ใจเลย”

แม้ก่อนหน้านี้เขาจะแอบตั้งอคติกับนาง แต่พอรู้แล้วว่าตู๋กูเยว่รู้จักกับใต้เท้าเยี่ยนชิงแล้ว เขาก็ควรจะเลิกตั้งแง่เสียที

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วนิดๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโสหลินโม่ที่เป็นห่วง ข้าทราบแล้ว”

และไม่นาน ภายในห้องก็เหลือเพียงหลินเทียนเฟิงและลูกชายของเขา รวมทั้งฉู่หลิวเยว่และพี่เป่า

หลินเทียนเฟิงมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน ราวกับลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่

“ถ้าประมุขหลินต้องการถามอันใด ก็ถามมาได้เลย”

ฉู่หลิวเยว่พูดออกไปตรงๆ

หลินเทียนเฟิงชะงัก

“คุณหนูตู๋กู ข้ามิได้ตั้งใจจะกดดันเจ้า แต่แค่คิดว่าเรื่องนี้มันดูแปลกๆ คือว่า…เจ้ากับใต้เท้าเยี่ยนชิงผู้นั้น…”

เขาถามพลางเหลือบมองพี่เป่าที่มักยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ราวไม่มีตัวตน ใบหน้าของชายสูงวัยเต็มไปด้วยความลังเล

“ประมุขหลินสงสัยอันใดก็เอ่ยมาเถิด ข้าเต็มใจรับฟัง พี่เป่าก็เช่นกัน”

หลินเทียนเฟิงกัดฟันแน่น

“ความจริงข้าอยากจะถามว่า…ใต้เท้าเยี่ยนชิงคือผู้ที่คุณหนูตู๋กูกล่าวถึงก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่? และก็เป็น… ของพี่เป่า…”

ผั๊วะ!

พี่เป่าฟาดมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะข้างๆ จนแตกออกเป็นสองส่วน!

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Score 10
Status: Completed
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

Options

not work with dark mode
Reset