มรรคาสู่สวรรค์ 182 สายตาของหรูซุ่ย กระบี่ชิงซาน

ตอนที่ 182 สายตาของหรูซุ่ย กระบี่ชิงซาน

สมณะแก่​ที่​ทำให้​กิเลน​ฉีหลิน​บาดเจ็บ​จน​หลบหนี​ไป​ได้​ย่อม​ต้อง​เป็น​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ที่​ฟังธรรม​อยู่​ใน​วัด​กั่วเฉิง​มาเป็นเวลา​หลาย​ปี​

เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​จัว​หรู​ซุ่ย​ ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​มิได้​รู้สึก​โกรธ​ เขา​เพียงแต่​ทอดถอนใจ​

ไม่ว่า​ใน​อดีต​เจ้าจะหน้าตา​หล่อเหลา​เพียงใด​ เมื่อ​ต้อง​อยู่​ใต้ดิน​ไม่ได้​เห็น​เดือน​เห็น​ตะวัน​เป็นเวลา​สี่ร้อย​ปี​ สุดท้าย​ก็​จะต้อง​อัปลักษณ์​เหมือน​อย่าง​เขา​

ไม่ว่า​ใน​อดีต​เจ้าจะยิ่งใหญ่​เกรียงไกร​จน​เกือบจะ​รวม​วิถี​มาร​ให้​เป็นหนึ่ง​อย่างไร​ แต่​เมื่อ​ถูก​ชิงซาน​คอย​จับตามอง​ สุดท้าย​เจ้าก็​จะกลายเป็น​หมา​ตัว​หนึ่ง​

ยักษ์​แห่ง​วิถี​มาร​ใน​อดีต​ที่​ไม่มีผู้​บำเพ็ญพรต​แห่ง​วิถี​มาร​คน​ไหน​กล้า​ไม่เชื่อฟัง​ผู้​นั้น​หนีหาย​ไป​จาก​โลก​นี้​เป็นเวลา​นานแสนนาน​ หลัง​ผ่าน​ไป​สี่ร้อย​ปี​เขา​กลับมา​ปรากฏตัว​บน​โลก​มนุษย์​อีกครั้ง​ ทว่า​กลับ​ไม่มีใคร​จำเขา​ได้​

แต่​สุดท้าย​เขา​ก็​ยัง​เป็น​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​

หลาย​ปี​มานี้​เขา​อยู่​ข้าง​กาย​อิน​ซาน​ ทำตัว​เป็น​เหมือน​สุนัข​ที่​เชื่อฟัง​ แต่​นั้น​มิใช่เรื่องจริง​

ใน​ตอนที่​เขา​ปรากฏตัว​ขึ้น​มาบน​โลก​อีกครั้ง​ ผู้คน​อาจจะ​จำเขา​ไม่ได้​ แต่ยังไง​ฟ้าดิน​ก็​ต้อง​จำเขา​ได้​

ลม​พัด​กระโชก​รุนแรง​ขึ้น​มาใน​สวน​

ข่าย​พลัง​เพลิง​แห่ง​พระ​อริยะ​เคลื่อนตัว​ลงมา​ด้านล่าง​ พยายาม​จะสะกด​เขา​เอาไว้​ แต่กลับ​ทำได้​เพียง​พัด​เส้น​ผม​ที่​เบาบาง​ของ​เขา​ให้​พลิ้วไหว​ มิอาจ​ทำ​อะไร​เขา​ได้​แม้เพียง​นิดเดียว​

เขา​ยืน​อยู่​บน​ท้องฟ้า​เหนือ​สวน​จิ้งหยวน​ เป็น​เหมือนกับ​เทพ​มาร​ที่​แท้จริง​

……

……

事实上,静园里至少有一个人认识玄阴老祖。

ความจริง​แล้ว​ อย่าง​น้อย​ก็​มีอยู่​คน​หนึ่ง​ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​ที่​จำปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ได้​

“玄阴子?”

“เสวียน​อิน​จึ?”

井九有些意外,他本以为今日出现的应该是那个背着龟壳生活的家伙。

จิ๋งจิ่ว​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ​ เดิม​เขา​คิด​ว่า​คน​ที่จะ​ปรากฏตัว​ขึ้น​มาใน​วันนี้​น่าจะเป็น​ผู้​ใช้ชีวิต​โดย​แบก​กระดอง​เต่า​เอาไว้​ผู้​นั้น​

ใน​ส่วน​ที่​ลึก​ที่สุด​ของ​ความทรงจำ​อัน​แสน​ยาวนาน​ เขา​จำได้​ว่า​ความสัมพันธ์​คน​ผู้​นั้น​และ​ศิษย์​พี่​มีปัญหา​อยู่​เล็กน้อย​

เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​จิ๋งจิ่ว​ สีหน้า​ของ​สมณะตู้​ไห่​และ​สมณะต้า​ฉางเปลี่ยนไป​ทันที​ ซีอี้​อวิ๋น​กับ​ไป๋​เชีย​นจ​วิน​เอง​ก็​งุนงง​อยู่​ครู่​ ก่อน​จะรู้ตัว​ขึ้น​มา สีหน้า​ขาวซีด​

จัว​หรู​ซุ่ย​จ้อง​มองดู​สมณะแก่​ผู้​นั้น​ คิด​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​เป็น​คน​ผู้​นี้​อย่างนั้น​หรือ​ ถ้าเช่นนั้น​ตนเอง​ก็​มิได้​มอง​ผิด​!

เจ้าล่า​เยวี่ย​มายืน​ขวาง​อยู่​หน้า​จิ๋งจิ่ว​ กระบี่​มิคำนึง​ลอย​นิ่ง​ๆ อยู่​ด้าน​ข้าง​

จิ๋งจิ่ว​ยื่นมือ​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ปาน​สายฟ้า​ คว้า​จับ​สาย​รัด​เอว​ของ​นาง​เอาไว้​ ปราณ​กระบี่​พวยพุ่ง​อย่าง​รวดเร็ว​ กลายเป็น​พละกำลัง​อย่าง​ที่​ยาก​จะจินตนาการ​ได้​ เขา​โยน​นาง​ออก​ไป​ด้านนอก​ข่าย​พลัง​

ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ ข่าย​พลัง​เพลิง​แห่ง​พระ​อริยะ​ใน​วันนี้​จึงดู​แปลก​ไป​ มัน​ยังคง​สกัดกั้น​ศัตรู​จาก​ภายนอก​ได้​อย่าง​แน่นหนา​ แต่กลับ​ปล่อย​ให้​คน​ที่อยู่​ใน​ข่าย​พลัง​ออก​ไป​ได้​โดย​ไม่ขัดขวาง​

เจ้าล่า​เยวี่ย​กลอย​ตกไป​ใน​ป่า​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ตำหนัก​แห่ง​หนึ่ง​

เมื่อ​ได้ยิน​ความเคลื่อนไหว​ภายใน​ป่า​และ​มอง​เห็นภาพ​ที่อยู่​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ ดวงตา​ที่​ชั่วร้าย​ของ​แมว​ขาว​ก็​หด​เล็ก​ลง​อีกครั้ง​ คิด​อยาก​จะแอบหนี​ไป​

จิ่งจิ่วตก​อยู่​อันตราย​จริงๆ​

แต่​มือ​ข้าง​นั้น​ก็​วาง​ลงมา​บน​ลำคอ​ของ​มัน​อีกครั้ง​ ยิ่งไปกว่านั้น​ครั้งนี้​ฝ่ามือ​ของ​เขา​เห​มือ​นก​จะออกแรง​เล็กน้อย​

“ข้า​บอก​เจ้าแล้ว​ไง วันนี้​แค่​ดู​เรื่อง​สนุก​ก็​พอ​”

อิน​ซาน​มอง​ไป​ทาง​สวน​จิ้งหยวน​ กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

……

……

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​พุ่ง​ลงมา​ยัง​สวน​จิ้งหยวน​ ข่าย​พลัง​เพลิง​แห่ง​พระ​อริยะ​พุ่ง​ตาม​ลงมา​

ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​เกิด​ลม​คลุ้มคลั่ง​ สมณะต้า​ฉางและ​สมณะตู้​ไห่​สีหน้า​คร่ำเคร่ง​ ยืน​อยู่​ด้านหน้า​จิ๋งจิ่ว​

ลู่​กั๋วกง​ ซีอี้​อวิ๋น​และ​ไป๋​เชีย​นจ​วิน​นั้น​ไม่สามารถ​ยืน​อย่าง​มั่นคง​ได้​ จึงบิน​ฉาก​หลบ​ออก​ไป​ จัว​หรู​ซุ่ย​กอด​เจดีย์​หิน​ที่อยู่​ตรงกลาง​สวน​จิ้งหยวน​เอาไว้​แน่น​ คล้าย​กับ​สัตว์​ตัว​น้อย​ๆ ที่​กอด​ต้นไม้​เอาไว้​ท่ามกลาง​น้ำ​ที่​กำลัง​ไหลหลาก​ ถึงตาย​อย่างไร​ก็​ไม่ยอม​ปล่อยมือ​ ไม่ว่า​เศษฝุ่น​จะเข้าตา​อย่างไร​ เขา​ก็​พยายาม​ลืมตา​ให้​กว้าง​ มองดู​ร่าง​ที่​กำลัง​พุ่ง​ลงมา​ด้วย​ความเร็ว​สูงร่าง​นั้น​

มือขวา​ของ​สมณะต้า​ฉางแหวก​อากาศ​ออก​ไป​ รับมือ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​

ข่าย​พลัง​เพลิง​แห่ง​พระ​อริยะ​เกิด​การ​ตอบสนอง​ เร่งความเร็ว​ตาม​ลงมา​ ประกบ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​จาก​ด้านบน​และ​ด้านล่าง​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ สะบัด​แขน​เสื้อ​แผ่วเบา​ ไม่รู้​ว่า​เขา​ใช้วิชา​อะไร​ พลัง​ธรรมะ​ที่อยู่​ใน​ข่าย​พลัง​เพลิง​แห่ง​พระ​อริยะ​ถึงได้​ถูก​เขา​ช่วงชิง​เอา​ไป​!

มือ​ที่​ซูบผอม​ข้าง​หนึ่ง​โผล่​ออก​มาจาก​แขน​เสื้อ​ แฝงเอาไว้​ด้วย​พลัง​ฌาน​ที่​เต็มไปด้วย​แรงกดดัน​และ​ความกว้างใหญ่​ไพศาล​ ฟาด​ลง​มายัง​พื้น​สวน​จิ้งหยวน​ด้านล่าง​

สมณะต้า​ฉางส่งเสียง​อึก​เบา​ๆ กระอึก​เลือด​ถอย​ออก​ไป​ ก่อน​จะล้ม​ลง​ไป​กับ​พื้น​ ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​คนสนิท​ของ​ฮ่องเต้​พระองค์​ก่อน​ เขา​บำเพ็ญ​เพียร​อยู่​ที่วัด​กั่วเฉิง​มาเป็นเวลา​สามร้อย​ปี​ เรียก​ได้​ว่า​ความรู้​ทางธรรม​ลึกซึ้ง​ ใคร​จะไป​คิด​บ้าง​ว่า​เขา​รับ​หนึ่ง​ฝ่ามือ​ของ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ไม่ได้​ ที่​น่ากลัว​ยิ่งกว่านั้น​ก็​คือ​ความเข้าใจ​ใน​วิชา​ฌาน​ของ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​เหมือน​จะเหนือกว่า​เขา​เสีย​ด้วยซ้ำ​!

สมณะตู้​ไห่​สีหน้า​เคร่งเครียด​ ในเวลานี้​เขา​ถึงได้​รู้​ว่า​เหตุใด​วันนี้​ข่าย​พลัง​จึงดู​แปลก​ไป​

มือ​ที่​ซูบผอม​ข้าง​นั้น​ปกคลุม​ทั้ง​สวน​จิ้งหยวน​เอาไว้​

แรงกดดัน​ที่​มาจาก​ยอด​คน​ขั้น​ทะลวง​สวรรค์​นั้น​ไม่สามารถ​ต้านทาน​ได้​ แล้วก็​ไม่สามารถ​หลบ​ได้​

จิ๋งจิ่ว​ใบหน้า​ขาวซีด​ แต่​แววตา​ยังคง​ใสกระจ่าง​

สมณะตู้​ไห่​เข้ามา​ยืน​ขวาง​อยู่​ด้านหน้า​เขา​อย่าง​ไม่ลังเล​ หาก​ปล่อย​ให้​ศิษย์​อัจฉริยะ​ที่​สำนัก​ชิงซาน​ฟูมฟัก​เลี้ยงดู​ขึ้น​มาต้อง​มาตาย​อยู่​ใน​วัด​กั่วเฉิง​ วันหน้า​จะอธิบาย​กับ​นักพรต​หลิ่ว​ฉือ​อย่างไร​ แล้ว​เขา​จะไป​อธิบาย​กับ​ฉาน​จึอย่างไร​?

เขา​เป็น​หัวหน้า​อาราม​หลี่ว์​ถังของวัด​กั่วเฉิง​ สภาวะ​สูงส่งลึกล้ำ​เหนือกว่า​สมณะต้า​ฉาง เขา​เชื่อ​ว่า​ตัวเอง​จะสามารถ​สกัด​อีก​ฝ่าย​เอาไว้​ได้​ครู่หนึ่ง​ เพื่อให้​จิ๋งจิ่ว​หนี​ไป​

เมื่อ​เห็น​ฝ่ามือ​ใหญ่​ยักษ์​ข้าง​นั้น​ฟาด​ลง​มาจาก​บน​ท้องฟ้า​ บน​ใบหน้า​เขา​ก็​เต็มไปด้วย​สีหน้า​แน่วแน่​ เตรียมพร้อม​ที่จะ​สละ​ร่าง​

ทันใดนั้น​พลัน​มีคน​ผู้​หนึ่ง​มายืน​อยู่​ตรงหน้า​เขา​

สมณะตู้​ไห่​ตกใจ​ เจ้าล่า​เยวี่ย​ได้​ถูก​จิ๋งจิ่ว​โยน​ออก​ไป​แล้ว​ ลู่​กั๋วกง​ ไป๋​เชีย​นจ​วิน​ ซีอี้​อวิ๋น​ต่าง​ก็​ถูก​กระแทก​จน​ลอย​ออก​ไป​ด้านนอก​สวน​จิ้งหยวน​ สมณะต้า​ฉางบาดเจ็บสาหัส​อยู่​บน​พื้น​ จัว​หรู​ซุ่ย​กอด​เจดีย์​หิน​เอาไว้​แน่น​ ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​ยัง​เหลือ​ใคร​? คน​ผู้​นี้​โผล่​ออก​มาจาก​ไหน​?

เมื่อ​เห็น​ชุด​ขุนนาง​สีเขียว​ที่​คน​ผู้​นั้น​สวมใส่​ สมณะตู้​ไห่​พลัน​นึก​ขึ้น​มาได้​ว่า​วันนี้​คน​ที่​ตาม​ลู่​กั๋วกง​เข้ามา​ใน​สวน​จิ้งหยวน​เพื่อ​สักการะ​เจดีย์​ยังมี​ขุนนาง​วัยกลางคน​อยู่​อีก​คน​หนึ่ง​

ขุนนาง​ผู้​นั้น​ดู​ธรรมดา​ ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​มิได้​กล่าว​อะไร​เลย​

เขา​นึก​ว่า​คน​ผู้​นี้​สลบ​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะยังอยู่​จนถึง​ตอนนี้​ อีก​ทั้ง​ยัง​มายืน​อยู่​ตรงหน้า​ตนเอง​ด้วย​

สามารถ​เดิน​ไปมา​ภายใต้​แรงกดดัน​ของ​ยอด​คน​ขั้น​ทะลวง​สวรรค์​ได้​ย่อม​ต้อง​มิใช่คนธรรมดา​ ดู​แล้ว​น่าจะเป็น​ราชองครักษ์​คน​ไหน​สัก​คน​ภายใน​ราชสำนัก​ เพียงแต่ว่า​…

ต่อให้​เจ้าจะเป็น​จิน​หมิง​เฉิง แล้​วจะ​รับมือ​มาร​ผู้​นี้​ได้​อย่างไร​?

สมณะตู้​ไห่​คิด​อยาก​จะดึง​ขุนนาง​ผู้​นั้น​กลับมา​ แต่กลับ​ไม่ทันการ​เสียแล้ว​

ขุนนาง​ผู้​นั้น​ฟาด​ฝ่ามือ​ขึ้นไป​บน​ฟ้า

ฝ่ามือ​ของ​เขา​ค่อนข้าง​ใหญ่​ ดู​ค่อนข้าง​นุ่มนวล​ มิคล้าย​ว่า​เป็น​มือ​ที่​เคยชิน​กับ​การ​จับ​กระบี่​ แล้วก็​น่าจะ​ไม่เคย​ทำงานหนัก​มาก่อน​ เพียงแต่​ขอบ​ของ​นิ้วมือ​มีรอย​ด้าน​ ดู​แล้ว​น่าจะ​จับ​พู่กัน​ค่อนข้าง​บ่อย​ ดู​ค่อนข้าง​บอบบาง​เมื่อ​เทียบ​กับ​มือ​อัน​ซูบผอม​ของ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​

แต่​หลังจากนั้น​ทุกอย่าง​ก็​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​

ร่างกาย​ของ​ขุนนาง​ผู้​นั้น​พลัน​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​มา คล้าย​กับ​ชาวนา​ที่​ยืน​อยู่​ริม​นา​แล้ว​ก้มลง​มองดู​ฟางข้าว​ แล้วก็​คล้าย​ขุนนาง​ระดับสูง​ของ​กรม​ชิงเทียน​ที่​ยืน​อยู่​บน​รถ​บิน​แล้ว​ก้มลง​มองดู​แผ่นดิน​

พลัง​ที่​ยิ่งใหญ่​สาย​หนึ่ง​ไหล​ออก​มาจาก​ใน​ร่างกาย​ของ​ขุนนาง​ผู้​นั้น​ ก่อน​จะหลอม​รวม​เข้าด้วยกัน​จน​คล้าย​จะจับต้อง​ได้​จริง​

ความยิ่งใหญ่​ทรงอำนาจ​นี้​มิใช่ความยิ่งใหญ่​ของ​ขุนนาง​ หาก​แต่​เป็น​…ความยิ่งใหญ่​ของ​จักรพรรดิ​!

เปลวเพลิง​สีแดงเข้ม​ที่​ไร้​รูปร่าง​สาย​หนึ่ง​ได้​พวยพุ่ง​ออก​มาจาก​ขอบ​ของ​ฝ่ามือ​ของ​ขุนนาง​ผู้​นั้น​ จากนั้น​แปร​เปลี่ยนเป็น​ปีก​สอง​ข้างขึ้น​มาอย่าง​รวดเร็ว​ โบยบิน​ขึ้นไป​ใน​ท้องฟ้า​ กระแทก​เข้าใส่​ฝ่ามือ​ของ​ปรมาจารย์​แห่ง​สำนัก​เสวียน​อิน​อย่าง​แรง​!

ใน​ฝ่ามือ​ของ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​มีเพลิง​ดอกบัว​สีดำ​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ เมื่อ​ปะทะ​กับ​ปีก​เพลิง​สอง​ข้าง​นั้น​ก็​เกิด​เสียง​เผาไหม้​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ดัง​ขึ้น​มา

ปีก​เพลิง​สอง​ข้าง​และ​เพลิง​ดอกบัว​จำนวน​นับไม่ถ้วน​หาย​ไป​ใน​อากาศ​พร้อมกัน​

สุดท้าย​ฝ่ามือ​ทั้งสอง​ข้าง​ก็​ปะทะ​กัน​จริงๆ​

ต่อให้​ควบคุม​พละกำลัง​ได้​อย่าง​สมบูรณ์​แค่​ไหน​ ก็​ไม่มีทาง​ที่จะ​หยุดยั้ง​ไม่ให้​พลัง​เล็ด​รอด​ออก​ไป​ข้างนอก​ได้​ เพราะว่า​มัน​ได้​ก้าว​ข้าม​คำ​ว่า​พละกำลัง​ เข้าสู่​ขอบเขต​ของ​อิทธิฤทธิ์​ไป​แล้ว​

เสียง​ตู้​มดังสนั่น​! ชาย​หลังคา​และ​ตัวเรือน​ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​ที่​พัง​เสียหาย​ถูก​บดขยี้​จน​ราบเป็นหน้ากลอง​ แต่กลับ​ไม่มีฝุ่น​ควัน​ฟุ้งขึ้น​มา ทัศนวิสัย​ชัดเจน​เป็นอย่างมาก​

คลื่น​อากาศ​ที่​น่ากลัว​ม้วนตัว​ไป​รอบด้าน​ บดขยี้​สิ่งก่อสร้าง​ทั้งหมด​ที่อยู่​ระหว่างทาง​ ระเหย​น้ำ​ใน​สระ​และ​เผาไหม้​ใบ​บัว​ที่​เหี่ยวแห้ง​ทั้งหมด​

คลื่น​อากาศ​กระจาย​ตัว​ออก​ไป​หลาย​ร้อย​จ้างกว่า​จะถูก​ข่าย​พลัง​หยุด​เอาไว้​ จากนั้น​มัน​ม้วน​วก​กลับมา​ บดขยี้​เศษซาก​อีกครั้ง​

พลัง​จาก​การปะทะ​ของ​ทั้งสอง​ฝ่ามือ​น่าหวาดกลัว​ถึงเพียงนี้​ ขุนนาง​ผู้​นั้น​เป็น​ใคร​กัน​แน่​?

“ฮ่องเต้​!”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​มองดู​ขุนนาง​ผู้​นั้น​ บน​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​อารมณ์​ตกตะลึง​

ถูกต้อง​ ขุนนาง​ที่​ติดตาม​ลู่​กั๋วกง​มาสักการะ​สถูป​ผู้​นี้​ก็​คือ​ฮ่องเต้​องค์​ปัจจุบัน​!

ไม่มีใคร​คิด​ถึงว่า​ฮ่องเต้​ที่​เดิม​ควรจะ​ดูแล​บ้านเมือง​อยู่​ใน​เมือง​เจาเก​อก​ลับ​แอบ​เดินทาง​มายัง​วัด​กั่วเฉิง​อย่าง​เงียบๆ​

เขา​คิดถึง​เสด็จ​พ่อ​ จึงอยาก​จะมานั่ง​อยู่​ตรงหน้า​สถูป​ใน​วัด​กั่วเฉิง​เสียหน่อย​ แต่​ก็​กลัว​ว่า​คนภายนอก​จะล่วงรู้​ ก็​เลย​ปิดบัง​ตัวตน​อย่างนั้น​อย่างนั้น​หรือ​?

แน่นอน​ว่า​มัน​มิได้​ง่ายดาย​เช่นนั้น​อย่าง​แน่นอน​!

หรือว่า​แผนการ​ของ​นักพรต​จะถูก​คนอื่น​รู้​เข้า​?

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ใช้หาง​ตา​เหลือบมอง​จิ๋งจิ่ว​ เกิด​ความรู้สึก​อันตราย​ขึ้น​มา

ก็​เหมือนกับ​ความรู้สึก​ของ​ฉีหลิน​ก่อนหน้านี้​

เขา​ไม่ค่อย​เข้าใจ​ สภาวะ​ของ​ฮ่องเต้​องค์​ปัจจุบัน​ย่อม​ต้อง​ลึกล้ำ​ แต่​ตัวเอง​มีอะไร​ให้​ต้อง​หวาดกลัว​ เหตุใด​ความไม่สบายใจ​ภายในใจ​กลับ​ยิ่ง​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​?

เขา​ตัดสินใจ​ว่า​จะไม่รั้ง​อยู่​ที่นี่​อีก​ ถึงแม้จะถูก​นักพรต​ต่อว่า​ เขา​ก็​ต้อง​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​

ฮ่องเต้​ดึง​ฝ่ามือ​กลับมา​ มิได้​มีทีท่า​ว่า​จะบีบ​ให้​เขา​อยู่​ที่นี่​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​หมุนตัว​บิน​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​ ทันใดนั้น​พลัน​รู้สึก​ว่า​มีบางอย่าง​ไม่ถูกต้อง​ เขา​เหลียว​หน้า​กลับ​ไป​มองดู​พื้นดิน​

ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​กลายเป็น​เศษซาก​ มีเพียง​เจดีย์​ที่​บรรจุ​กระดูก​ของ​ฮ่องเต้​องค์​ก่อนที่​ยังอยู่​ใน​สภาพ​ดี​ เนื่องจาก​วัสดุ​ที่​ใช้ก่อสร้าง​มีความ​พิเศษ​แล้ว​มีอักขระ​คอย​ปกป้อง​

จัว​หรู​ซุ่ย​กอด​เจดีย์​องค์​นั้น​ไว้​แน่น​ เงยหน้า​มองดู​ท้องฟ้า​

เมื่อ​ยิ่ง​ลอย​ห่าง​จาก​พื้นดิน​ ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ไม่สามารถ​มองเห็น​แววตา​เขา​ได้​ชัด​ แต่​สายตา​ของ​ทั้งคู่​ยังคง​ประสานกัน​อยู่​

เขา​มิได้​สนใจ​ศิษย์​ชิงซาน​ผู้​นี้​ ถึงแม้จะเล่าลือ​กัน​ว่า​คน​ผู้​นี้​มีพรสวรรค์​ไม่ธรรมดา​ เพราะ​สำหรับ​เขา​แล้ว​มัน​ไม่มีความหมาย​ใดๆ​ จนกระทั่ง​ในเวลานี้​เขา​ถึงได้​พบเห็น​ปัญหา​ ความไม่สบายใจ​อย่าง​รุนแรง​เอ่อล้น​ขึ้น​มา รวบรวม​พลัง​มาร​สะกด​ความรู้สึก​นั้น​เอาไว้​พลาง​รีบ​จากไป​

จัว​หรู​ซุ่ย​กอด​เจดีย์​เอาไว้​ มองดู​จุด​สีดำ​เล็ก​ๆ ที่อยู่​บน​ท้องฟ้า​ ใน​ดวงตา​เต็มไปด้วย​เส้นเลือด​เล็ก​ๆ

นับตั้งแต่​ที่​มองดู​ปรมาจารย์​แห่ง​สำนัก​เสวียน​อิน​ เขา​ก็​มิได้​ละสายตา​ออกจาก​อีก​ฝ่าย​เลย​

เมื่อ​เจอ​กับ​แรงกดดัน​อย่าง​เต็มที่​จาก​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ เขา​ก็​ทน​ไม่ได้​อีกต่อไป​ได้​ เขา​ส่งเสียง​อึก​ออกมา​ก่อน​จะเป็นลม​สลบ​ไป​ มือขวา​คลาย​ออก​ เผย​ให้​เห็น​ยันต์​กระบี่​ที่​ถูก​บีบ​จน​แตก​

ภายใน​ท้องฟ้า​พลัน​มีเจตน์​กระบี่​พุ่ง​มาแต่ไกล​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ทั้ง​โกรธแค้น​ปน​ตกใจ​ เขา​สบถ​ออกมา​ว่า​ “ชิงซาน​บัดซบ​!”

เจตน์​กระบี่​สาย​หนึ่ง​แหวก​อากาศ​เข้ามา​ พลัง​กล้าแกร่ง​อย่าง​ที่​ยาก​จะจินตนาการ​ได้​ อีก​ทั้ง​ยัง​มีความรู้สึก​ที่​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่านั้น​บางอย่าง​ที่​กระทั่ง​เขา​ก็​ไม่สามารถ​หลบ​ได้​ พลัง​แข็งแกร่ง​สาย​นั้น​แทง​ทะลุ​หน้าอก​ของ​เขา​!

……

……

ดวงอาทิตย์​ใน​ฤดูหนาว​ส่องสว่าง​ยอดเขา​เทียน​กวง​

หยวน​กุย​หลับตา​ นอนหลับ​อย่าง​เงียบๆ​ ป้าย​หิน​ที่อยู่​บน​กระดอง​นิ่งเงียบ​ เงาของ​กระบี่​แบก​สวรรค์​ที่​ปัก​อยู่​ใน​แผ่น​หิน​ทอด​ยาว​ออก​ไป​เรื่อยๆ​

นักพรต​หลิ่ว​ฉือ​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ริม​ผา​ ดวงตา​ปิด​สนิท​ เจตน์​กระบี่​ลอย​อยู่​รอบกาย​ สะสมพลัง​กระบี่​มาเป็นเวลา​สามวัน​ อยู่​ใน​ช่วงเวลา​ที่​พลัง​มหาศาล​ที่สุด​

ตอนที่​จัว​หรู​ซุ่ย​จะไป​จาก​ชิงซาน​ เขา​เคย​สั่งกำชับ​อีก​ฝ่าย​เอาไว้​อย่าง​จริงจัง​

“ไป​วัด​กั่วเฉิง​ครั้งนี้​ ตอนที่​ควร​ดู​เจ้าก็​ต้อง​ดู​ อย่า​ดู​ผิด​ แล้วก็​อย่า​ดู​พลาด​”

เมื่อ​รับรู้​ได้​ถึงข่าว​ที่​ส่งมาแต่ไกล​ หลิ่ว​ฉือ​ลืมตา​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​ในที่สุด​เจ้าศิษย์​บื้อ​ก็​ไม่ได้​ทำ​พลาด​

จากนั้น​ ใน​ม่านตา​อัน​สงบ​เยือกเย็น​ของ​เขา​ก็​มีความ​โกรธเกรี้ยว​วิ่ง​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ กล่าวว่า​ “เสวียน​อิน​จึอย่างนั้น​รึ​…ไป​!”

สิ้น​เสียง​ของ​เขา​ ยอดเขา​เทียน​กวง​ก็​มีลมกระโชก​ขึ้น​มา

หยวน​กุย​ค่อยๆ​ ลืมตา​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

เงาที่อยู่​บน​ป้าย​หิน​พลัน​หาย​ไป​

ขณะเดียวกัน​สิ่งที่​หาย​ไป​ใน​พริบตา​ยังมี​เมฆหมอก​ที่​ปกคลุม​อยู่​บน​ยอดเขา​อวิ๋น​สิงอยู่​ตลอด​ทั้งปี​

ผา​หิน​สีดำ​ที่​สูงชัน​และ​เต็มไปด้วย​เจตน์​กระบี่​ที่​รุนแรง​เหล่านั้น​ปรากฏ​ขึ้น​ท่ามกลาง​สายตา​ผู้คน​ภายใต้​แสงอาทิตย์​

เหล่า​ผู้อาวุโส​และ​เหล่า​ศิษย์​ที่อยู่​ใน​ยอดเขา​ต่าง​ตกตะลึง​จน​พูดไม่ออก​ ไม่รู้​ว่า​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​

ใบไม้​บน​ยอดเขา​เสินม่อ​แดงฉาน​เหมือน​ดั่ง​เปลวไฟ​ กู้​ชิงและ​หยวน​ฉวี่​เดิน​ออก​มาจาก​ถ้ำมายัง​ริม​ผา​ ทอดตา​มอง​ไป​ทาง​ยอดเขา​อวิ๋น​สิง

ทั้งสอง​คน​รับรู้​ได้​ถึงเจตน์​กระบี่​อัน​รุนแรง​ คิด​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​นี่​คือ​หน้าตา​ที่​แท้จริง​ของ​ยอดเขา​กระบี่​สินะ​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​?” หยวน​ฉวี่​ถามอย่าง​ไม่สบายใจ​

“มองไม่เห็น​”

กู้​ชิงส่าย​ศีรษะ​ ทันใดนั้น​พลัน​เกิด​ความรู้สึก​เป็นห่วง​อาจารย์​

ยอดเขา​กระบี่​พลัน​ปรากฏตัว​ น่าจะ​เกิด​เรื่องใหญ่​อะไร​บางอย่าง​บน​แผ่นดิน​เฉาเทียน​

ตาม​หลัก​แล้ว​ ด้วย​สถานะ​และ​สภาวะ​ของ​จิ๋งจิ่ว​ใน​ตอนนี้​ เรื่องใหญ่​ที่ว่า​น่าจะ​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​เขา​ แต่​กู้​ชิงกลับ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​

บน​ยอดเขา​เทียน​กวง​

หลิ่ว​ฉือ​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ริม​หน้าผา​ มอง​ไป​ทาง​วัด​กั่วเฉิง​ นิ่งเงียบ​อยู่​เป็นเวลา​นาน​

“กระทั่ง​มาร​ชั่ว​อย่าง​เสวียน​อิน​จึท่าน​ก็​ยัง​กล้า​ใช้หรือ​ อาจารย์​ ชิงซาน​เป็น​อะไร​สำหรับ​ท่าน​กัน​แน่​?”

มรรคาสู่สวรรค์

มรรคาสู่สวรรค์

Score 10
Status: Completed

ข้าคือกระบี่

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่ยอมเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่อยากเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าว? ไม่เดิน!!!

——————-

ผู้เป็นนายคือบุรุษหนุ่มลึกลับผู้มาพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและใบหูที่กางดูน่ารัก

ผู้เป็นบ่าวคือเด็กชายใสซื่อผู้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าแต่กำเนิด

หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเดินทางมายังสำนักชิงซานซึ่งเป็นสำนักบำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร

ทว่าในระหว่างที่อยู่ในสำนัก ผู้เป็นนายกลับเอาแต่นอน ในสายตาคนอื่นเขาคือคนที่เกียจคร้านอย่างไม่มีใครเทียบได้

ส่วนผู้เป็นบ่าวกลับขยันฝึกฝนจนบรรลุสภาวะขั้นต้นในเวลาอันสั้น

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ

สาเหตุที่ผู้เป็นบ่าวสามารถบรรลุสภาวะได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเคล็ดการหายใจที่ผู้เป็นนายเคยสั่งสอนให้…

บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้คือใครกันแน่ ไฉนจึงเอาแต่นอนเกียจคร้านทั้งวันเช่นนี้?!

Options

not work with dark mode
Reset