มรรคาสู่สวรรค์ 177 รับสามกระบี่

ตอนที่ 177 รับสามกระบี่

ภายใน​วัด​กั่วเฉิง​มีตำหนัก​มากมาย​ มีทั้ง​ใหญ่​ทั้ง​เล็ก​ มีทั้ง​สูงทั้ง​เตี้ย​ บ้าง​ก็​อยู่​ติด​ภูเขา​ บ้าง​ก็​อยู่​ติด​ทะเลสาบ​

ตำหนัก​เฉิงฮว๋า​อยู่​ทางตะวันตก​ของ​อาราม​ด้านหลัง​ ค่อนข้าง​ห่างไกล​และ​เงียบสงบ​ ทิวทัศน์​ของ​ที่นี่​ค่อนข้าง​ธรรมดา​ น้อย​คน​ที่จะ​มาที่นี่​ แต่กลับ​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​หาก​นั่ง​อยู่​บน​มุมชาย​หลัง​ด้าน​ทาง​ด้าน​ซ้าย​ของ​ตำ​นัก​เฉิงฮว๋า​ แล้ว​ทอดตา​มองผ่าน​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆ สอง​ลูก​ที่อยู่​ตรงหน้า​ไป​ก็​จะสามารถ​มอง​เห็นภาพ​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ได้​พอดี​

ในเวลานี้​บน​ชาย​หลังคา​ของ​ตำหนัก​เฉิงฮว๋า​มีแมว​ขาว​นั่ง​อยู่ตัว​หนึ่ง​ บน​ขน​ยาว​ๆ ของ​มัน​เปรอะ​เปื้อ​ด้วย​เศษฝุ่น​ ดู​ค่อนข้าง​กระเซอะกระเซิง​ แต่​ใน​สายตา​ของ​มัน​กลับ​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ดื่มด่ำ​

เมื่อ​พูดถึง​การ​ดู​เรื่อง​สนุก​แล้ว​ ที่นี่​่ย่อม​เป็น​ตำแหน่ง​ที่​ดี​ที่สุด​

เมื่อ​เห็น​ศิษย์​สำนัก​จงโจว​ที่อยู่​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ผู้​นั้น​ แมว​ขาว​ก็​ยื่น​อุ้งเท้า​ข้าง​ขวา​ออกมา​ จากนั้น​เลีย​กรงเล็บ​อัน​แหลมคม​ ใน​ดวงตา​เผย​ให้​เห็น​ความ​กระหายเลือด​

เจ้าฉีหลิน​ถึงขนาด​กล้า​แปลงร่าง​มาเดิน​อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​เลย​อย่างนั้น​หรือ​ ช่างรนหาที่​ตาย​จริงๆ​!

สำนัก​จงโจว​มีสัตว์​เทพ​อยู่​สอง​ตัว​ ชิงซาน​มีผู้พิทักษ์​อยู่​สี่ตัว​ เมื่อนานมาแล้ว​ ทั้งสองฝ่าย​ได้​เคย​ต่อสู้​กัน​หลายครั้ง​เพื่อ​จะแย่ง​ชิงตำแหน่ง​ใน​โลก​แห่ง​การ​บำเพ็ญพรต​

หาก​พูดถึง​เรื่อง​ความแค้น​ ผู้​ที่​แมว​ขาว​อยาก​จะฆ่ามาก​ที่สุด​ย่อม​ต้อง​เป็น​ชางหลง​ แต่​มัน​ก็​มิได้​รู้สึก​ดี​อะไร​กับ​ฉีหลิน​นัก​

เมื่อ​สามพัน​ปีก่อน​มัน​เคย​ร่วมมือ​กับ​เยา​จีเพื่อ​สู้กับ​ฉีหลิน​ ผล​ปรากฏ​ว่า​พ่ายแพ้​ยับเยิน​

ดูเหมือน​วันนี้​จะได้​แก้แค้น​แล้ว​

เมื่อ​เห็น​ฉีหลิน​หมุนตัว​กลับมา​ใน​สวน​จิ้งหยวน​ มัน​ก็​ส่งเสียงร้อง​ไป​อีกครั้ง​

เสียงร้อง​เมี๊ยว​เสียง​นี้​ฟังดู​ค่อนข้าง​เกียจคร้าน​ แต่​ความจริง​กับ​แฝงเอาไว้​ด้วย​จิต​สังหาร​อัน​รุนแรง​

—-หาก​เจ้ากล้า​ทำ​อะไร​จิ๋งจิ่ว​จริงๆ​ อย่างนั้น​ข้า​ก็​จะฆ่าเจ้า!

ม่านตา​ของ​มัน​หด​เล็ก​ลง​เหมือน​เม็ด​ถั่ว​ เผย​ให้​เห็น​อารมณ์​ที่​อันตราย​

เจ้ากวาง​อัปลักษณ์​ตัว​นี้​จะเสี่ยงชีวิต​อย่างนั้น​หรือ​?

มัน​ลุกขึ้น​ยืน​ เหยียบ​รูปปั้น​หิน​เล็ก​ๆ ที่อยู่​ตรง​มุมชาย​หลังคา​ ส่งเสียงร้อง​อย่าง​ดุร้าย​ไป​ทาง​สวน​จิ้งหยวน​

……

……

ภายใน​สวน​จิ้งหยวน​

ฉีห​ลิง​หมุนตัว​กลับมา​ มองดู​ดวงตา​ของ​จิ๋งจิ่ว​พลาง​กล่าว​อย่าง​เฉยชา​ว่า​ “ก็​แค่​แมว​ตัว​หนึ่ง​ มีอะไร​น่ากลัว​?”

เสียง​ของ​จิ๋งจิ่ว​ยังคง​เรียบ​เฉย​ คล้าย​กับ​กำลัง​บรรยาย​เรื่องจริง​ที่​เรียบง่าย​ “ใน​เมื่อ​เจ้าแปลงกาย​มา เช่นนั้น​ก็​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​มัน​”

มุมปาก​ของ​ฉีห​ลิง​ยกขึ้น​มาเล็กน้อย​ ก่อน​กล่าว​อย่าง​เย้ยหยัน​ว่า​ “ใน​อดีต​มัน​ร่วมมือ​กับ​เยา​จี ก็​ยัง​มิใช่คู่ต่อสู้​ของ​ข้า​อยู่ดี​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าว​ “หาก​เจ้าไม่สะกด​สภาวะ​เอาไว้​แล้ว​เปิดเผย​ร่าง​จริง​ออกมา​ เช่นนั้น​ก็​จะเกิด​สายฟ้า​กระหน่ำ​ฟาด​ลงมา​ เมื่อ​ถึงตอนนั้น​เจ้าจะยิ่ง​ตาย​อย่าง​น่าอนาถ​”

พลัง​ของ​ฉีหลิน​แข็งแกร่ง​เป็น​ที่สุด​ อายุขัย​ก็​ใกล้​จะไล่ตาม​หยวน​กุย​ทัน​ ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​ทัดเทียม​ซือ​โก่​ว​ ใน​บรรดา​ผู้​บำเพ็ญพรต​ของ​มนุษย์​ นอกจาก​ยอด​คน​ขั้น​ทะลวง​สวรรค์​เหล่านั้น​แล้วก็​ไม่มีใคร​ที่จะ​สู้มัน​ได้​ เรียก​ได้​ว่า​มัน​คือ​สิ่งมีชีวิต​ที่อยู่​ใน​ระดับ​สูงสุด​ของ​แผ่นดิน​เฉาเทียน​ ยกเว้น​แต่เพียง​ราชินี​หิมะ​ที่อยู่​ใน​แคว้น​เสวี่ย​ผู้​นั้น​

สิ่งที่​สามารถ​ทำอันตราย​มัน​ได้​จริงๆ​ ความจริง​แล้ว​คือ​ทัณฑ์​สวรรค์​

กฎ​ของ​สำนัก​จงโจว​ห้ามไม่ให้​มัน​ออกมา​จาก​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​ ความจริง​แล้ว​ในอีกแง่หนึ่ง​ก็​หมายความว่า​หาก​มัน​จะออกมา​ ก็​จำเป็นต้อง​ใช้ข่าย​พลัง​อวิ๋นเมิ่ง​ปกปิด​พลัง​ของ​มัน​เอาไว้​

หาก​มัน​คิด​จะเอาชนะ​ไป๋​กุ่ย​ ก็​จำเป็นต้อง​แสดง​ร่าง​เดิม​ออกมา​ เมื่อ​ถึงตอนนั้น​ก็​จะต้อง​เจอ​กับ​อันตราย​ที่​ร้ายแรง​เห​มืน​อย่าง​ที่​จิ๋งจิ่ว​บอก​

“หาก​บีบ​ข้า​จน​หมดหนทาง​ ข้า​ก็​จะยอม​เสี่ยง​เผย​กาย​ออกมา​ฆ่าพวก​เข้า​ จากนั้น​ยอม​เสีย​สภาวะ​ที่​บำเพ็ญ​เพียร​มาพันปี​ ใช้ของ​วิเศษ​คุ้ม​กาย​ก็​สามารถ​กลับ​ไป​ยัง​จงโจว​ได้​”

เสียง​ของ​ฉีห​ลิง​เรียบ​เฉย​ ทำให้​คน​เชื่อได้​ง่าย​ว่า​นี่​เป็น​ความจริง​

“เจ้ารู้​ว่า​ข้า​มิได้​เป็น​คน​ฆ่าชางหลง​ เพื่อที่จะ​ฆ่าข้า​แล้ว​ถึงขนาด​ยอม​เสีย​อายุขัย​ไป​พันปี​ นี่​มัน​คุ้มค่า​แล้ว​หรือ​?”

สีหน้า​ของ​จิ๋งจิ่ว​ยังคง​เรียบ​เฉย​ ใน​น้ำเสียง​ไม่มีอารมณ์​ใดๆ​

เห​ล่าสัตว์​เทพ​ก็​เหมือน​ผู้​บำเพ็ญพรต​ของ​มนุษย์​ เป้าหมาย​ที่​พวก​มัน​มีชีวิต​อยู่​ก็​เพื่อ​บำเพ็ญ​เพียร​ให้​ตนเอง​มีอายุ​ยืนยาว​ การ​ที่​ต้อง​เสีย​สภาวะ​ที่​สั่งสมมาอย่าง​ยากลำบาก​ไป​ใน​วัน​เดียว​ เช่นนั้น​เวลา​พันปี​ที่ผ่านมา​ก็​เท่ากับ​สูญเปล่า​

ที่​จิ๋งจิ่ว​บอ​กว่า​เขา​จะเสีย​อายุขัย​ไป​พันปี​ก็​คือ​ความหมาย​นี้​

“แต่​มัน​ตาย​เพราะ​เจ้า”

ใต้​ดวงตา​ของ​ฉีห​ลิง​มีความรู้สึก​เจ็บปวด​ปรากฏ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ จิต​สังหาร​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​

จิ๋งจิ่ว​มองดู​ดวงตา​ของ​มัน​ พลาง​กล่าว​อย่าง​เรียบ​เฉย​ “มัน​ตาย​เพราะ​ความละโมบ​ของ​ตัวเอง​”

ที่​เขา​พูด​เป็น​ความจริง​ เขา​มิได้​เป็น​คน​ฆ่าชางหลง​

ใน​คุก​สะกด​มาร​ ตัว​เขา​ที่​เพิ่งจะ​เรียนรู้​วิชา​กระบี่​เซียน​แห่ง​ยมโลก​มานั้น​เป็น​แค่​เพียง​ยุง​ตัว​หนึ่ง​สำหรับ​ชางหลง​ เขา​สามารถ​ทำให้​ขาง​หลง​รู้สึก​ไม่สบาย​หรือ​เจ็บปวด​ได้​ แต่​ไม่สามารถ​ที่จะ​ทำให้​มัน​บาดเจ็บ​จริงๆ​ ได้​ ต่อให้​จักรพรรดิ​แห่ง​หมิง​อยาก​จะฆ่าชางหลง​ก็​ต้อง​ใช้วิธี​รวม​ดวงจิต​เข้ากับ​ชางหลง​ จากนั้น​ก็​ตาย​ไป​ด้วยกัน​

สัตว์​เทพ​อย่าง​ฉีหลิน​และ​ชางหลง​ ร่าง​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​พวก​มัน​เรียก​ได้​ว่า​แทบจะ​อยู่ยงคงกระพัน​

หาก​มิเป็น​เพราะ​ชางหลง​ละโมบ​มากเกินไป​ คิด​อยาก​จะกิน​จิ๋งจิ่ว​กับ​จักรพรรดิ​ห่ง​หมิง​ มัน​ก็​ไม่มีทาง​ที่จะ​ถูก​ฆ่าได้​

“ยิ่งไปกว่านั้น​เรื่อง​ชั่วร้าย​ที่​ชางหลง​ทำ​ใน​คุก​สะกด​มาร​เหล่านั้น​ เจ้าไม่รู้เรื่อง​อย่างนั้น​หรือ​? จะให้​ข้า​พูด​ออกมา​ตอนนี้​หรือเปล่า​?” จิ๋งจิ่ว​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

ฉีห​ลิง​กล่าว​เสียง​ขึงขัง​ “หุบปาก​ซะ ไม่ว่า​เจ้าจะพูด​แก้ต่าง​อย่างไร​ วันนี้​เจ้าก็​ต้อง​ตาย​!”

เมื่อ​กล่าว​กระ​โยค​นี้​จบ​ แรงกดดัน​ที่​เก่าแก่​โบราณ​สาย​นั้น​ก็​ปกคลุม​สวน​จิ้งหยวน​อีกครั้ง​ และ​จิต​สังหาร​ที่​แฝงอยู่​ใน​แรงกดดัน​ครั้งนี้​ก็​ยิ่ง​รุนแรง​ขึ้น​กว่า​เดิม​

ไป๋​เชีย​นจ​วิน​ ซีอี้​อวิ๋น​แล้วก็​สมณะต้า​ฉางไม่สามารถ​ยืน​อยู่​ได้​ ต่าง​นั่งขัดสมาธิ​ลง​ไป​บน​พื้น​ ใช้ปราณ​ก่อ​กำ​นิด​และ​วิชา​ฌาน​รักษา​ทะเล​แห่ง​การรับรู้​ของ​ตน​พร้อมกับ​หลับตา​ลง​

ลู่​กั๋วกง​ล้ม​ลง​ไป​นั่ง​กับ​พื้น​

จัว​หรู​ซุ่ย​ต้อง​มอง​พื้น​ เสื้อผ้า​เปียกชุ่ม​ไป​ด้วย​เหงื่อ​อีกครั้ง​ เขา​กล่าว​ตะคอก​ว่า​ “อาจารย์​อา​เล็ก​เป็น​ของล้ำค่า​ของ​ชิงซาน​ ล้ำค่า​กว่า​ข้า​มาก​นัก​ หาก​ท่าน​ฆ่าเขา​ หรือ​ท่าน​ไม่กลัว​ว่า​จะเกิด​เรื่องใหญ่​!”

สำหรับ​ศิษย์​หนุ่ม​อย่าง​เขา​แล้ว​ สิ่งมีชีวิต​อย่าง​ฉีหลิน​นี้​ถือว่า​น่ากลัว​เป็นอย่างมาก​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เขา​ได้​เจอ​หยวน​กุย​บ่อยๆ​ จึงค่อนข้าง​ชิน​ ไหน​เลย​จะกล้า​พูด​ออกมา​ได้​

ชิงซาน​ฆ่าคน​บ่อยๆ​ น้อย​ครั้ง​ที่จะ​ข่มขู่​คน​ นานๆ ครั้ง​ถึงจะมีสัก​ครั้งหนึ่ง​ นั่น​แสดงว่า​พวกเขา​จริงจัง​อย่าง​มาก​

ไกล​ออก​ไป​มีเสียง​แมว​ดัง​ลอย​มาอีกครั้ง​ ดุร้าย​เป็น​อย่างยิ่ง​

ฉีห​ลิง​เงยหน้า​มองดู​ท้องฟ้า​ ใน​ดวงตา​เผย​ให้​เห็น​แววตา​เหนื่อยล้า​

บน​แผ่นดิน​เฉาเทียน​เมื่อ​หลาย​หมื่น​ปีก่อน​ยัง​ไม่มีสำนัก​จงโจว​ แล้วก็​ไม่มีสำนัก​ชิงซาน​ ใน​ตอนนั้น​เขา​กับ​ชางหลง​ท่องเที่ยว​ไป​ทั่ว​ อยาก​ฆ่าใคร​ก็​ฆ่า อยาก​กิน​ใคร​ก็​กิน​

เหตุการณ์​อย่าง​ใน​วันนี้​ ต่อให้​ไป๋​กุ่ย​คอย​จับตาดู​เขา​อยู่​ไกลๆ​ เขา​ก็​ยัง​จะกิน​จิ๋งจิ่ว​เข้าไป​ ไหน​เลย​จะสนใจ​เรื่อง​ที่​สำนัก​ชิงซาน​และ​สำนัก​จงโจว​จะเปิดศึก​ใส่กัน​

ผู้คน​เดือดร้อน​? คน​ที่​ตาย​ล้วนแต่​เป็น​มนุษย์​ เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ด้วย​

เขา​ดึง​สายตา​กลับมา​ มองดู​จิ๋งจิ่ว​พลาง​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “ดูเหมือน​วันนี้​ยาก​จะฆ่าเจ้าได้​แล้ว​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าว​ “ถูกต้อง​”

ฉีห​ลิง​กล่าวว่า​ “ข้า​ไม่มีทาง​จากไป​ทั้ง​แบบนี้​ ไม่ว่า​ยังไง​เจ้าก็​ต้อง​ชดใช้​สำหรับ​เรื่อง​นี้​ อย่าง​น้อย​เจ้าก็​มิอาจ​เก็บ​ยันต์​เซียน​เอาไว้​ได้​อีก​”

ตอนนี้​ดูเหมือน​สำนัก​จงโจว​จะสืบ​พบ​อะไร​บางอย่าง​แล้ว​ ต่อให้​ไม่มีหลักฐาน​ แต่​พวกเขา​ก็​มั่นใจ​แล้ว​ว่า​จิ๋งจิ่ว​เป็น​คน​ก่อเรื่อง​ใน​คุก​สะกด​มาร​

ใน​สถานการณ์​แบบนี้​ หาก​ยัง​ให้​จิ๋งจิ่ว​ถือ​ยันต์​เซียน​วัฒนะ​ต่อไป​ ไม่ว่า​มอง​อย่างไร​ก็​ล้วนแต่​มิใช่เรื่อง​ที่​สำนัก​จงโจว​จะยอม​รับได้​

เขา​เป็นตัวแทน​สำนัก​จงโจว​มาเสนอ​คำขอ​นี้​ ถึงแม้จะไม่สมเหตุสมผล​ แต่กลับ​สมควร​เป็น​อย่างยิ่ง​

ลู่​กั๋วกง​และ​คนอื่นๆ​ ลืมตา​มอง​ไป​ทาง​จิ๋งจิ่ว​ อยากรู้​ว่า​เขา​จะตอบ​ตกลง​คำขอ​ของ​อีก​ฝ่าย​หรือไม่​

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “เจ้าพูด​มาตั้ง​มากมาย​ ความจริง​แล้ว​นี่​ต่างหาก​ที่​เป็น​จุดประสงค์​ที่​เจ้ามาใน​วันนี้​”

หาก​ฉีหลิน​อยาก​จะฆ่าเขา​จริงๆ​ มีหรือ​ที่จะ​เผย​ตัว​ใน​วัด​กั่วเฉิง?​

เป้าหมาย​ของ​สำนัก​จงโจว​ก็​คือ​ยืม​เรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​ใน​คุก​สะกด​มาร​มาหยุด​การหลอม​ยันต์​เซียน​ใน​ขั้นสุดท้าย​ของ​เขา​

ฉีห​ลิง​กล่าวว่า​ “ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​ของ​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ วิธี​ที่​เจ้าได้​ยันต์​เซียน​มามัน​ไม่ถูก​ต้องตาม​กฎ​ พวก​ข้า​ไม่พูด​อะไร​ มิได้​หมายความว่า​จะนิ่งเฉย​ไป​ตลอด​”

สิ่งที่​จิ๋งจิ่ว​อยากรู้​ก็​คือ​เรื่องราว​ผ่าน​มาหก​ปี​แล้ว​ จิต​เซียน​ที่อยู่​ใน​ยันต์​เซียน​ถูก​เขา​หลอม​ไป​เป็น​จำนวนมาก​แล้ว​ เหตุใด​วันนี้​สำนัก​จงโจว​ถึงเพิ่งจะ​ปรากฏตัว​

จนกระทั่ง​ใน​ตอนนี้​ เขา​ถึงได้​เข้าใจ​เหตุผล​ทั้งหมด​ที่​อีก​ฝ่าย​ปรากฏตัว​

อีกไม่นาน​ยันต์​เซียน​วัฒนะ​ก็​จะถูก​หลอม​จน​เสร็จ​สมบูรณ์​ อาจจะ​เป็น​คืนนี้​ นี่​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​สำคัญ​ที่สุด​

หาก​ขั้น​ตอนนี้​ถูก​รบกวน​หรือ​หยุด​ลง​ เขา​มีโอกาส​ที่จะ​ถูก​จิต​เซียน​ของ​ยันต์​เซียน​กลืน​กิน​ แล้วก็​มีโอกาส​ตาย​ได้​

เรื่อง​ที่​ฉีหลิน​จะทำ​คือ​อ้างว่า​จะสังหาร​จิ๋งจิ่ว​เพื่อ​แก้แค้น​ให้​แก่​ชางหลง​ แต่​ความจริง​แล้ว​คือ​อยาก​จะรบกวน​สมาธิของ​เขา​ ทว่า​เป้าหมาย​สุดท้าย​ก็​ยัง​เป็นการ​ฆ่าเขา​อยู่ดี​

การ​ถูก​จิต​เซียน​ควบคุม​นั้น​มิได้​ต่าง​อะไร​กับ​ตาย​เลย​ เผลอ​ๆ อาจจะ​แย่​กว่า​ด้วยซ้ำ​

ดูเหมือน​จะอ้อม​ไป​อ้อม​มา แต่​หาก​คืนนี้​เขา​ตาย​ไป​ระหว่าง​ที่​หลอม​ยันต์​เซียน​ เรื่องราว​ทั้งหมด​นี้​ก็​จะไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ฉีหลิน​

ไม่มีใคร​อยาก​จะเปิดศึก​กับ​ชิงซาน​ซึ่งๆ หน้า​ ต่อให้​เป็น​สำนัก​จงโจว​ที่​ได้​ชื่อว่า​เป็น​ผู้นำ​ฝ่าย​ธรรมะ​ก็ตาม​

ฉีหลิน​ต้องการ​หยุด​การหลอม​ยันต์​เซียน​ของ​เขา​ ย่อม​ต้อง​เตรียม​แผนการ​เอาไว้​แล้ว​

จิ๋งจิ่ว​ไม่อยาก​จะเสียเวลา​อ้อมค้อม​ จึงถามตรงๆ​ ว่า​ “แบบ​ไหน​ถึงจะเรียก​ว่า​ถูก​?”

ฉีห​ลิง​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เฉยชา​ “ขอ​เพียง​เจ้าสามารถ​พิสูจน์​ได้​ว่า​มีความสามารถ​ที่​เหนือ​ว่า​ศิษย์​ใน​รุ่น​เดียวกัน​ ข้า​ก็​จะยอมรับ​ว่า​เจ้ามีคุณสมบัติ​ที่​ได้​จะยันต์​เซียน​ไป​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าว​อย่าง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “พิสูจน์​อย่างไร​?”

ฉีห​ลิง​กล่าวว่า​ “ข้า​จะสะกด​สภาวะ​เอาไว้​ที่​ระ​ดับจิต​ก่อ​รูป​ เจ้าใช้กระบี่​รับ​การ​โจมตีจาก​ข้า​สามกระบวนท่า​ ขอ​เพียง​เจ้าไม่ตาย​ ข้า​ก็​จะถือว่า​เจ้าชนะ​”

เสียง​เย็นชา​ของ​จัว​หรู​ซุ่ย​ดัง​ขึ้น​มา “ช่างน่า​ไม่อาย​จริงๆ​ เลย​”

ซีอี้​อวิ๋น​ลืม​ตาโต​ กล่าว​อย่าง​โมโห​เล็กน้อย​ว่า​ “หาก​ไม่มีหลักฐาน​ก็​คือ​การ​ใส่ความ​ การต่อสู้​นี้​มัน​ไม่ยุติธรรม​ ข้า​ขอ​คัดค้าน​!”

สภาวะ​ขั้น​จิต​ก่อ​รูป​อยู่​เหนือกว่า​สภาวะ​ขั้น​คเนจร​ระดับ​กลาง​เพียงแค่​ขั้น​เดียว​ ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​รับ​การ​โจมตี​เพียง​สามกระบวนท่า​ ดูเหมือน​ยุติธรรม​เป็นอย่างมาก​ แต่​ฉีหลิน​มีร่าง​ศักดิ์สิทธิ์​แต่กำเนิด​ อยู่ยงคงกระพัน​ ยิ่งไปกว่านั้น​ยังมี​พละกำลัง​มหาศาล​ ผู้​บำเพ็ญพรต​ของ​มนุษย์​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​มัน​เลย​ การต่อสู้​ครั้งนี้​เรียก​ได้​ว่า​ไม่มีความยุติธรรม​แม้แต่น้อย​

ทุกคน​คิด​ว่า​จิ๋งจิ่ว​ไม่มีทาง​ที่จะ​ยอม​รับคำ​ท้า​นี้​ ซึ่งความจริง​ก็​เป็น​เช่นนั้น​ เขา​มอง​ฉีห​ลิง​พลาง​กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “ข้า​ไม่โง่”

ฉีห​ลิง​กล่าว​เสียง​เย็นยะเยือก​ “ข้า​เชื่อ​ว่า​เจ้าคง​ไม่อยาก​จะบีบ​ข้า​จน​ถึงขั้น​นั้น​ และ​นี่​ก็​เป็น​เงื่อนไข​สุดท้าย​ของ​ข้า​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ข้า​ต้องการ​ของ​ตอบแทน​”

แววตา​ของ​ฉีห​ลิง​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ คิดในใจ​ว่า​นักพรต​คาดเดา​ว่า​คน​ผู้​นี้​คือ​จิ่งหยาง​กลับมา​เกิด​ใหม่​ ดู​แล้ว​ไม่ค่อย​คล้าย​เลย​…..

จิ๋งจิ่ว​ไม่รู้​ว่า​เขา​กำลัง​คิด​อะไร​ จึงกล่าวว่า​ “สำนัก​จงโจว​ต้อง​เอา​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​มาให้​ข้า​ยืม​ครั้งหนึ่ง​ ข้า​อยาก​จะเข้า​ไปดู​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​อีกครั้ง​”

หลัง​งาน​ชุมนุม​แสวง​มรรคา​จบ​ลง​ นักพรต​ไป๋​ก็​ไม่ได้​เรียก​ชิงเอ๋อร์​ออกมา​สอบถาม​ แต่​เรื่องราว​ต่างๆ​ ที่​เกิดขึ้น​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​ ไหน​เลย​จะรอดพ้น​สายตา​ของ​นาง​ไป​ได้​

ทุกอย่าง​ที่​เกิดขึ้น​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​ล้วนแต่​ถูก​บันทึก​เอาไว้​อย่าง​ชัดเจน​

ฉีหลิน​นึก​ว่า​ตัวเอง​คาดเดา​ความคิด​ของ​จิ๋งจิ่ว​ได้​ จึงเผย​รอยยิ้ม​ดุร้าย​พลาง​กล่าวว่า​ “ได้​”

ต่อให้​เขา​ออม​มือ​ก็​ยัง​สามารถ​ทำให้​จิ๋งจิ่ว​บาดเจ็บสาหัส​ได้​ เมื่อ​ถูก​ยันต์​เซียน​กลืน​กิน​ จิ๋งจิ่ว​ก็​จะกลายเป็น​คนตาย​หรือไม่​ก็​คนตาย​ที่​มีชีวิต​ เมื่อ​ถึงตอนนั้น​ต่อให้​เอา​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ที่​ถูก​น้ำแข็ง​ผนึก​เอาไว้​ให้​เจ้ายืม​แล้​วจะ​เป็น​อะไร​ไป​? หรือ​เจ้ายัง​จะดู​ได้​?

จิ๋งจิ่ว​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​ ยืน​เบี่ยง​ตัว​ เอา​มือซ้าย​ที่​กำ​ยันต์​เซียน​ไป​ไว้​ด้านหลัง​ มือขวา​ชัก​กระบี่​เหล็ก​ออก​มาจาก​ด้านหลัง​หัวไหล่​ ชี้ตรง​ไป​ทาง​ฉีห​ลิง​

เมื่อ​เห็นภาพ​นี้​ ทุกคน​ต่าง​ตกตะลึง​จน​พูดไม่ออก​

เขา​รับคำ​ท้า​จริงๆ​ อย่างนั้น​หรือ​!

รับ​การ​โจมตีจาก​ฉีหลิน​ซึ่งๆ หน้า​สามครั้ง​ เขา​จะต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​!

สมณะตู่​ไห่​คิด​จะห้าม​ แต่กลับ​ถูก​ฉีห​ลิง​ห้าม​เอาไว้​

เขา​มอง​จิ๋งจิ่ว​พลาง​กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ “เด็กน้อย​อย่าง​เจ้านี่​น่าสนใจ​จริงๆ​ แต่​ข้า​ไม่อ่อนข้อ​ให้​หรอก​นะ​”

จัว​หรู​ซุ่ย​ตกตะลึง​จน​เหม่อลอย​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​เจอ​ศัตรู​ที่​แข็งแกร่ง​แล้ว​ยัง​กล้า​ชัก​กระบี่​ ถึงแม้นี่​จะเป็นนิสัย​ของ​สำนัก​ชิงซาน​ แต่​นี่​มิใช่นิสัย​ของ​ท่าน​นะ​อาจารย์​อา​เล็ก​!

เมื่อ​เห็น​ในเวลานี้​จิ๋งจิ่ว​ยืน​ถือ​กระบี่​อย่าง​สบาย​ๆ จากนั้น​คิดถึง​ภาพ​อีก​ประเดี๋ยว​จิ๋งจิ่ว​นอน​จมอยู๋​ใน​กอง​เลือด​ เขา​พลัน​เลือด​ลม​พลุ่งพล่าน​ขึ้น​มา ตะโกน​เสียงดัง​ว่า​

“เจ้าไม่ต้อง​อ่อนข้อ​หรอก​! อาจารย์​อา​ต่อให้​ใช้แค่​มือ​เดียว​!”

มรรคาสู่สวรรค์

มรรคาสู่สวรรค์

Score 10
Status: Completed

ข้าคือกระบี่

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่ยอมเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่อยากเดิน

พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าว? ไม่เดิน!!!

——————-

ผู้เป็นนายคือบุรุษหนุ่มลึกลับผู้มาพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและใบหูที่กางดูน่ารัก

ผู้เป็นบ่าวคือเด็กชายใสซื่อผู้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าแต่กำเนิด

หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเดินทางมายังสำนักชิงซานซึ่งเป็นสำนักบำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร

ทว่าในระหว่างที่อยู่ในสำนัก ผู้เป็นนายกลับเอาแต่นอน ในสายตาคนอื่นเขาคือคนที่เกียจคร้านอย่างไม่มีใครเทียบได้

ส่วนผู้เป็นบ่าวกลับขยันฝึกฝนจนบรรลุสภาวะขั้นต้นในเวลาอันสั้น

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ

สาเหตุที่ผู้เป็นบ่าวสามารถบรรลุสภาวะได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเคล็ดการหายใจที่ผู้เป็นนายเคยสั่งสอนให้…

บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้คือใครกันแน่ ไฉนจึงเอาแต่นอนเกียจคร้านทั้งวันเช่นนี้?!

Options

not work with dark mode
Reset