พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 433 ไม่กลัว

บทที่ 433 ไม่กลัว

ใน​ขณะ​ทาง​ที่​ตะวันออกเฉียงเหนือ​เริ่ม​สอบสวน​อยู่​นั้น​ ณ หอ​อาลักษณ์​หลวง​แห่ง​เมืองหลวง​ก็​มีคน​ถูก​พา​ตัว​เข้ามา​อย่าง​ไม่ขาดสาย​

“…เป็น​อย่างไรบ้าง​ พูด​หรือยัง​”

“…มีชีวิตชีวา​มาก​ เมื่อวาน​ยัง​แต่ง​กลอน​มาบท​หนึ่ง​แห​น่ะ​…”

“…ไม่นึก​เลย​ว่า​คน​ผู้​นี้​จะแข็งแกร่ง​ถึงเพียงนี้​ ข้า​ยัง​คิด​ว่า​ฝืนทน​ได้​มาก​ที่สุด​สามวัน​ก็​ร้องห่มร้องไห้​เขียนจดหมาย​ลาตาย​แล้ว​เสีย​อีก​”

ฝูงชน​มากมาย​ที่อยู่​ภายใน​หอ​อาลักษณ์​หลวง​ต่าง​พา​กัน​หัวเราะ​พูดคุย​ ขณะที่​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ก็​เห็น​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​สีหน้า​เรียบ​เฉย​สาวเท้า​ก้าว​เข้า​มาจาก​ด้านนอก​ ทุกคน​พลัน​หยุด​พูดคุย​กัน​ แล้ว​ลนลาน​ยืน​ตัวตรง​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ สายตา​มองตาม​คน​กลุ่ม​นั้น​เข้าไป​ใน​ห้องโถง​

“จับ​ใคร​มาอีกแล้ว​น่ะ​” พวกเขา​กระซิบ​วิพากษ์วิจารณ์​กัน​ ยัง​พูด​กัน​ได้​ไม่กี่​คำ​ก็​เห็น​คน​กลุ่ม​นั้น​ออกมา​แล้ว​

“บอก​ให้​พวกเขา​เข้ามา​” หนึ่ง​ใน​ผู้ตรวจการ​บอก​ขุนนาง​ชั้นผู้น้อย​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

ขุนนาง​ชั้นผู้น้อย​รับคำ​แล้ว​สาวเท้า​ออก​ไป​ สายตา​ของ​ทุกคน​มองตาม​เขา​ไป​ด้วย​ความสนใจ​ใคร่รู้​และ​ตื่นเต้น​

นอก​เขต​วังหลวง​ บน​ถนน​ศาลา​ว่าการ​ทั้งหลาย​มีรถม้า​วิ่ง​กัน​ขวักไขว่​ ประตู​ใหญ่​ของ​ที่นี่​ไร้​ซึ่งความหรูหรา​ใดๆ​ ตรงกันข้าม​กลับ​ชำรุดทรุดโทรม​ไม่น้อย​ แฝงไว้​ด้วย​ความ​เคร่งขรึม​และ​เรียบง่าย​ โดยปกติ​แล้ว​ประตู​ใหญ่​จะเหมือนกัน​หมด​ตลอดทั้ง​สาย​ ยกเว้น​บาน​ที่​พวกเขา​หยุด​ยืน​อยู่​นี้​ จะเปิด​ออก​ทาง​ทิศเหนือ​ แตกต่าง​กับ​บาน​อื่นๆ​ ที่​หันไป​ทางทิศใต้​

ฟ่าน​เจียง​หลิน​กระโดด​ลง​จาก​ม้า มอง​ไป​ยัง​รถม้า​ด้านหลัง​ ปั้น​ฉิน​ลงรถ​มาประคอง​เฉิงเจียว​เหนียง​ให้​ลง​ตามมา​

“น้องสาว​ เจ้าอย่า​ไป​ดีกว่า​” ฟ่าน​เจียง​หลิน​เอ่ย​ “ให้​พูด​อย่างไร​เจ้าบอก​ข้า​มา ข้า​ทำได้​หมด​”

เฉิงเจียว​เหนียง​ยก​มือขึ้น​เลิก​หมวก​ยาว​คลุม​หน้า​ขึ้น​ เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​บางเบา​บน​ใบหน้า​

“เรื่อง​ออกรบ​ทำ​การศึก​เป็นเรื่อง​ที่​พี่ใหญ่​กระทำ​เอง​ ท่าน​ก็​เป็น​คนพูด​เถิด​ การ​รับ​ร่าง​และ​ฝังเหล่า​พี่​ๆ ให้​ไปสู่สุขคติ​นั้น​เป็นเรื่อง​ที่​ข้า​ต้อง​รับผิดชอบ​ เรื่อง​ที่​ข้า​กระทำ​ ย่อม​เป็น​ข้า​ที่​ต้อง​พูด​” นาง​เอ่ย​ “พวกเรา​พูด​เรื่อง​ที่​เรา​ได้​ทำ​ไป​ และ​เรา​ก็​ไม่กลัว​ว่า​พวกเขา​จะรู้​ ไม่มีอัน​ใด​ให้​ต้อง​กังวล​หรอก​เจ้าค่ะ​”

ฟ่าน​เจียง​หลิน​พยักหน้า​

“ก็ได้​ เช่นนั้น​น้องสาว​ตาม​ข้า​มา” เขา​เอ่ย​

ทั้งสอง​กำลังจะ​เยื้องย่าง​เข้าไป​ ทันใดนั้น​ด้าน​ข้าง​ก็​มีคน​กลุ่ม​หนึ่ง​สาวเท้า​ฉับ​เดิน​เข้ามา​ชน​พวกเขา​เสีย​ดื้อ​ๆ

ฟ่าน​เจียง​หลิน​ตาไว​มือไว​ดึง​เฉิงเจียว​เหนียง​เอาไว้​ พลาง​ยื่นมือ​ออก​ไป​ด้วย​ความโมโห​ แต่​เฉิงเจียว​เหนียง​ยก​มือขึ้น​รั้ง​แขน​เขา​เอาไว้​

“ทำ​อัน​ใด​น่ะ​ ไม่รู้​หรือ​อย่างไร​ว่า​ที่นี่​คือ​ที่ไหน​ เหตุใด​จึงมายืน​เกะกะ​อยู่​ได้​” คน​กลุ่ม​นั้น​ตะคอก​เสียงแหลม​ขึ้น​มา

พวก​นี้​คือ​ขันที​ใน​วังหลวง​

ฟ่าน​เจียง​หลิน​กับ​เฉิงเจียว​เหนียง​ถอยหลัง​ พลาง​มอง​พวกเขา​เดินผ่าน​ไป​

“ไม่เป็นอัน​ใด​ใช่หรือไม่​” ฟ่าน​เจียง​หลิน​เอ่ย​ถาม

เฉิงเจียว​เหนียง​ส่งเสียง​ตอบ​เพียง​คำ​หนึ่ง​ นาง​กาง​มือ​ออก​ภายใต้​หมวก​คลุม​หน้า​นั้น​ เผย​ให้​เห็น​จดหมาย​น้อย​แผ่น​หนึ่ง​ที่​เสียบ​อยู่​ใน​นั้น​ นาง​เปิด​ออก​ดู​อย่าง​ไม่ลังเล​

เฉิงฝั่งอย่า​เศร้าโศก​ไป​

“น้องสาว​” เสียง​ของ​ฟ่าน​เจียง​หลิน​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​อย่าง​กังวล​ไม่หาย​

เฉิงเจียว​เหนียง​พับ​จดหมาย​น้อย​ให้​เรียบร้อย​แล้ว​สอด​ไว้​ใน​แขน​เสื้อ​ เงยหน้า​ขึ้น​มา

“ไป​กัน​เถิด​” นาง​บอก​

“นายใหญ่​”

ณ นอก​ห้อง​หนังสือ​ของ​นายใหญ่​โจว​มีเสียง​ฝีเท้า​รีบร้อน​ดัง​ขึ้น​พร้อมกับ​เสียง​ตะโกนเรียก​ ประตู​ถูก​เปิด​ออก​อย่าง​แรง​ ฮูหยิน​โจว​ก้าว​เข้ามา​ด้วย​สีหน้า​ตื่นเต้น​ นาง​ขัดจังหวะ​การ​สนทนา​ระหว่าง​นายใหญ่​โจว​และ​ท่านชาย​โจว​หก​

สายตา​ของ​ฮูหยิน​โจว​มอง​ไป​บน​โต๊ะ​ บน​นั้น​มีสาส์น​กราบทูล​ข้อราชการ​แผ่น​หนึ่ง​ ใน​มือ​นายใหญ่​โจว​ยัง​ถือ​พู่กัน​ไว้​

“ท่าน​จะเขียน​อัน​ใด​หรือ​ ท่าน​จะเขียน​อัน​ใด​” ฮูหยิน​ใหญ่​สาวเท้า​เร็ว​เข้ามา​ แล้ว​เอ่ย​ถามย้ำ​ถึงสอง​ครา​

“เป็น​ฮูหยิน​จะมาถามไถ่เรื่อง​นี้​เพื่อ​การ​ใด​” นายใหญ่​โจว​เอ่ย​สีหน้า​อึมครึม​

“ท่าน​กำลัง​เขียน​สาส์น​กราบทูล​ยื่น​มติ​ไม่ไว้วางใจ​ใช่หรือไม่​ เหตุใด​จึงเขียน​เรื่อง​นี้​เล่า​ ยาม​นี้​ผู้คน​ต่าง​หวาดกลัว​ว่า​จะโดน​หลูเจิ้ง​ลาก​ไป​เกี่ยวข้อง​ด้วย​ กลัว​คน​ของ​หอ​อาลักษณ์​หลวง​จะไปหา​ถึงบ้าน​ ข้า​ไป​สืบถาม​ข่าวคราว​มาแล้ว​ คน​ๆ นั้น​ยอมรับ​แล้ว​ว่า​หญิง​นาง​นั้น​เป็น​คน​ทำ​เรื่อง​ทั้งหมด​ เว้น​ตระกูล​เรา​ไว้​ยัง​ไม่พิจารณา​ เหตุใด​ท่าน​จึงรีบร้อน​หา​ที่​ตาย​เช่นนี้​!” ฮูหยิน​โจว​เอ่ย​ขึ้น​

“ท่าน​แม่ มิได้​ร้ายแรง​เพียงนั้น​…” ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​ขึ้น​

เขา​ยัง​พุด​ไม่ทัน​จบ​ก็​ถูก​ฮูหยิน​โจว​ตบ​เข้า​บ้องหู​

ฝ่ามือ​นี้​ทำเอา​นายใหญ่​โจว​มึนงง​ไป​

ความ​เงียบ​พลัน​ปกคลุม​ภายใน​ห้อง​

“ข้า​ส่งเจ้าไป​ตะวันออกเฉียงเหนือ​เพื่อให้​เจ้าทำ​คุณูปการ​ มิใช่ให้​เจ้าทิ้ง​ครอบครัว​และ​หน้าที่​เพื่อ​หญิง​ใด​!” ฮูหยิน​โจว​ร้องไห้​พลาง​เอ่ย​ขึ้น​

“เจ้าจะไป​รู้​อัน​ใด​” นายใหญ่​โจว​ทั้ง​โกรธ​ทั้ง​อาย​อยู่​ไม่น้อย​ ฝ่ามือ​นั้น​ตบ​ลง​บน​ใบหน้า​ลูกชาย​ก็​เหมือน​ตบ​ลง​บน​ใบหน้า​เขา​เช่นกัน​ เขา​ยก​มือขึ้น​ตบ​โต๊ะ​แล้ว​ตะคอก​

“ข้า​ไม่รู้​อัน​ใด​ทั้ง​นั้นแหละ​” ฮูหยิน​โจว​ร้องไห้​เอ่ย​สะอื้น​ “แต่​ข้า​รู้​ว่า​เพราะเหตุใด​ชาย​หก​จึงทำ​เช่นนี้​! เจ้าบอก​มาตามตรง​”

นาง​มอง​ท่านชาย​โจว​หก​

“หาก​มิได้​มีนาง​เป็นสาเหตุ​ ตอนนั้น​เจ้าจะออกหน้า​มาพูด​หรือไม่​”

ท่านชาย​โจว​หก​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​

“ไม่ขอรับ​” เขา​ตอบ​

“เจ้าดู​สิ เจ้ายัง​มีหน้า​มาบอ​กว่า​ไม่เพราะ​…” ฮูหยิน​โจว​เอ่ย​ด้วย​ความโมโห​

ยัง​ไม่ทัน​จะกล่าว​จบ​ก็​ถูก​ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​แทรก​ขึ้น​ว่า​

“ท่าน​แม่ นาง​มิใช่หญิง​นาง​นั้น​ นาง​คือ​เฉิงเจียว​เหนียง​ นาง​เป็น​ลูกสาว​ของ​ท่าน​น้า​ นาง​เป็น​ญาติ​ของ​ตระกูล​โจว​เรา​” เขา​เอ่ย​ขึ้น​ “ชาติ​นี้​ทั้งชาติ​เรา​ทำได้​เพียง​เดินตาม​นาง​เท่านั้น​ นาง​มีเกียรติ​ ข้า​จึงได้​มีเกียรติ​ นาง​ล้มเหลว​ พวกเรา​ก็​จะไม่ได้รับ​สิ่งดี​ๆ อัน​ใด​ด้วย​เช่นกัน​ มิใช่ว่า​เรา​อยาก​หลบเลี่ยง​ก็​จะหลบเลี่ยง​ได้​ ต่อให้​ยาม​นี้​ไม่เป็นไร​ ภายหน้า​ก็​ต้อง​ถูก​คิดบัญชี​อยู่ดี​”

“เรื่อง​ร้ายแรง​เพียงนั้น​ที่ไหน​กัน​ พวก​เจ้าต่างหาก​ที่​เอา​พึ่งพิง​นาง​” ฮูหยิน​โจว​เช็ด​น้ำตา​เอ่ย​ “เป็น​พวก​เจ้าที่​ไม่ละทิ้ง​

ละทิ้ง​ไป​แล้วก็​ละทิ้ง​ไป​ให้​สิ้น​สิ”

“ท่าน​แม่ วางใจ​เถิด​ ไม่เกิด​ปัญหา​หรอก​ขอรับ​” ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​แล้ว​ก้าว​เข้าไป​นั่งคุกเข่า​ลง​ข้าง​กาย​ฮูหยิน​โจว​

“จะไม่เกิด​ปัญหา​ได้​อย่างไร​ ก่อเรื่อง​ใหญ่โต​เพียงนี้​ ถูก​คน​บงการ​ให้​เป็น​มีด​ ไม่ว่า​จะชนะ​หรือไม่​ นาง​ก็​หนี​คำ​ประณาม​เรื่อง​ที่​อกตัญญู​ปลุกระดม​คน​ไม่พ้น​อยู่ดี​ ราชสำนัก​จะทน​ให้​คน​เยี่ยง​นี้​มีชีวิต​อยู่​ได้​อย่างไร​!” ฮูหยิน​โจว​เช็ด​น้ำตา​พลาง​เอ่ย​

ท่านชาย​โจว​หก​ยิ้ม​ออกมา​

“ท่าน​แม่ ท่าน​รู้เรื่อง​นี้​ด้วย​หรือ​” เขา​ยิ้ม​เอ่ย​

“เจ้ายัง​จะยิ้ม​ได้​อยู่​อีก​! ข้า​มิใช่คนโง่​เสียหน่อย​” ฮูหยิน​โจว​ร้องห่มร้องไห้​กล่าว​ “ดีร้าย​อย่างไร​ข้า​ก็​คลุกคลี​อยู่​ใน​เมืองหลวง​มาหลาย​ปี​แล้ว​”

ท่านชาย​โจว​หก​ยิ้ม​

“ท่าน​แม่ ท่าน​วางใจ​เถิด​ นาง​มิใช่มีด​ นาง​คือ​คน​ทำ​มีด​” เขา​เอ่ย​ “นาง​ไม่ยอมให้​มีด​ย้อน​มาทำร้าย​ตน​ได้​หรอก​”

เทียบ​กับ​ความกังวล​ร้อนใจ​ของ​ตระกูล​โจว​แล้ว​ บรรยากาศ​ภายใน​วังหลวง​ยังคง​เป็น​ดังเดิม​ ณ ตำหนัก​ของ​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยิ่ง​เงียบงัน​และ​อบอุ่น​

เนื่องจาก​เมื่อคืน​เข้านอน​ดึก​ พอ​เสวย​มื้อ​เช้าเสร็จ​ก็​วิ่ง​ตาม​ลูกหนัง​เสีย​ทั่ว​ลาน​หน้า​ตำหนัก​ ชิ่งอ๋อง​จึงง่วง​ขึ้น​มาอี​กรอบ​และ​เข้านอน​ไป​แล้ว​

ในขณะที่​ชิ่งอ๋อง​กำลัง​นอน​อยู่​นั้น​ ก็​เป็นเวลา​ที่​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ต้อง​เร่ง​อ่าน​ตำรา​

ทว่า​คราวนี้​เขา​นั่ง​ถือ​ตำรา​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ แต่กลับ​ไม่พลิก​เปิด​สัก​หน้า​อยู่​เนิ่นนาน​ ทุก​ครา​ที่​มีเสียง​ฝีเท้า​ดัง​ขึ้น​ด้านนอก​ เขา​จะนั่ง​หลัง​ตรง​ขึ้น​ จน​สุดท้าย​ก็​โยน​ตำรา​ทิ้ง​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ยืน​อยู่​บน​ระเบียง​

“องค์​ชาย​จะออก​ไป​ด้านนอก​หรือ​พ่ะย่ะค่ะ​” ขัน​ทีหน้า​ประตู​เอ่ย​ถามขึ้น​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ส่ายหน้า​ไม่พูดไม่จา​ ยืน​มองออก​ไป​ด้านนอก​เช่นนั้น​ไม่ขยับ​ไหว​

ยาม​ที่​จวิ้น​อ๋อง​อยู่​คนเดียว​มักจะ​เงียบงัน​อย่าง​แปลกประหลาด​เช่นนี้​ ทุกคน​ต่าง​ก้มหน้า​ไม่พูด​อัน​ใด​อีก​

ลมหนาว​ปลายเดือน​แปด​ต้นเดือน​เก้า​พัด​อวล​ผ่าน​ตำหนัก​ทั้ง​นอก​ทั้ง​ใน​อย่าง​เงียบงัน​

ขันที​นาย​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ด้านนอก​ตำหนัก​ ใน​มือถือ​สาส์น​กราบทูล​ข้อราชการ​ของ​ขุนนาง​เอาไว้​ เขา​เดิน​เข้ามา​ด้วย​รอยยิ้ม​

เขา​คือ​ขันที​ขั้น​หก​ที่มา​ข้าง​กาย​ฮ่องเต้​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​เห็น​เขา​มาเยือน​ก็​รีบ​แย้มยิ้ม​ออกมา​

“องค์​ชาย​ ฮ่องเต้​มีสาส์น​จำนวน​หนึ่ง​ต้องการ​ให้​ท่าน​ดู​พ่ะย่ะค่ะ​” เขา​ยิ้ม​ทูล​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​พยักหน้า​แล้ว​หันหลัง​เดิน​เข้า​ประตู​ไป​ ขันที​ผู้​นั้น​เดินตาม​เข้าไป​ ขันที​ด้านนอก​ลาก​ประตู​ปิด​อย่าง​รู้งาน​

“ได้​พบ​นาง​หรือไม่​” จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​หันมา​ถาม

ขันที​ยังคง​แย้มยิ้ม​ดัง​เก่า​

“องค์​ชาย​ ไม่วางใจ​ใน​การทำงาน​ของ​ตระกูล​เรา​หรือ​” เขา​เอ่ย​พลาง​ถวาย​สาส์น​ที่อยู่​ใน​มือ​ไป​ให้​ “อย่า​รีบร้อน​พ่ะย่ะค่ะ​ รับ​สาส์น​นี้​ไป​ก่อน​”

พลาง​เอ่ย​เตือน​อย่าง​เยิ่นเย้อ​ลีลา​

“องค์​ชาย​ ท่าทาง​เช่นนี้​ของ​องค์​ชาย​มิอาจ​ให้​คนอื่น​เห็น​ได้​นะ​พ่ะย่ะค่ะ​ ครา​ก่อน​ท่าน​พูด​ใน​สิ่งที่​ไม่ควร​พูด​ต่อหน้า​ฮ่องเต้​ แต่​ทำเอา​คนอื่น​โกรธเคือง​…หาก​ถูก​คนอื่น​จับ​จุดอ่อน​ได้​จะแย่​เอา​นะ​พ่ะย่ะค่ะ​…”

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยิ้ม​ออกมา​ เขา​ยื่นมือ​ไป​รับ​สาส์น​นั้น​มา

“แย่​ก็​แย่​ไป​สิ จะเป็นอัน​ใด​ไป​” เขา​เอ่ย​พลาง​เร่ง​ถามอีกครั้ง​ “เป็น​อย่างไรบ้าง​ ได้​พบ​นาง​หรือไม่​”

“ได้​พบ​พ่ะย่ะค่ะ​” ขันที​เอ่ย​บอก​

“ให้​นาง​แล้ว​ใช่หรือไม่​” จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​มอง​ขันที​ด้วย​แววตา​เป็นประกาย​พลาง​เอ่ย​ถาม

ขันที​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​

“แล้ว​นาง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ โศกเศร้า​หรือไม่​ ไม่สิ ไม่สิ ต่อให้​นาง​โศกเศร้า​ก็​ไม่เผย​ออกมา​หรอก​ แล้ว​นาง​…นาง​…เป็น​อย่างไรบ้าง​หรือ​”

ขันที​มอง​ใบหน้า​สดใส​ของ​เด็กหนุ่ม​ตรงหน้า​ ได้ยิน​คำ​ไถ่ถามจาก​เขา​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ก็​หลุด​หัวเราะ​ออกมา​

“องค์​ชาย​ นาง​เป็นสาวเป็นนาง​ ซ้ำยัง​มาหอ​อาลักษณ์​หลวง​ จะไม่ปิดหน้า​ปิด​ตา​ให้​มิดชิด​ได้​อย่างไร​พ่ะย่ะค่ะ​” เขา​เอ่ย​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​พลัน​ตะลึง​ไป​ ทันใดนั้น​ก็​หลุด​หัวเราะ​ออกมา​

“ลำบาก​เจ้าแล้ว​” เขา​เอ่ย​แล้ว​ไม่พูดถึง​ประโยค​หลัง​อีก​

ขันที​กลับ​ประหลาดใจ​ไม่น้อย​

“องค์​ชาย​ ท่าน​ควร​ถามว่า​นาง​กลัว​หรือไม่​มิใช่หรือ​ ที่นั่น​คือ​หอ​อาลักษณ์​หลวง​เชียว​นะ​พ่ะย่ะค่ะ​” เขา​เอ่ย​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยิ้ม​แล้ว​กลับ​ไป​นั่ง​ด้านหน้า​โต๊ะ​ดังเดิม​พลาง​เปิด​สาส์น​ดู​

“นาง​ไม่กลัว​หรอก​ บน​โลก​นี้​ไม่มีอัน​ใด​น่ากลัว​ เพียงแต่​…คง​เศร้าโศก​ใน​บาง​ครา​กระมัง​” เขา​เอ่ย​

ขันที​ถอย​ออกมา​ช้าๆ แล้ว​ลาก​ประตู​ตำหนัก​ให้​ปิด​ลง​

ณ หอ​อาลักษณ์​หลวง​ในเวลานั้น​เอง​ ผู้ตรวจการ​บน​บัง​ลังก์​มอง​ไป​ยัง​คน​ที่​ยืน​อยู่​เบื้องล่าง​ สีหน้า​ปรากฏ​รอยยิ้ม​บาง​

“คง​เป็น​ครา​แรก​ที่​คนธรรมดา​เยี่ยง​พวก​เจ้ามายืน​อยู่​ที่นี่​ได้​” เขา​เอ่ย​ “ที่​แห่ง​นี้​มีเพียง​ขุนนาง​เท่านั้น​ที่จะ​เข้ามา​ได้​ ยาม​นี้​ช่างเป็นเกียรติ​เป็น​ศรี​แก่​พวก​เจ้าเสีย​จริง​”

แต่​เกรง​ว่า​เกียรติยศ​เช่นนี้​คง​ไม่มีใคร​อยาก​จะรับ​

ผู้ตรวจการ​หุบ​ยิ้ม​ลง​ เคาะ​ไม้จิงถังอยู่​สอง​สามหน​

“ฟ่าน​เจียง​หลิน​ เจ้าทราบ​โทษ​ของ​เจ้าหรือไม่​!” เขา​ตะคอก​ลั่น​

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

Score 10
Status: Completed

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค แนวแก้แค้นสุดแสบฉบับหมอเทวดาสุดสวย! ผลงานจากผู้เขียน ‘หวนชะตารัก’


เฉิงเจียวเหนียงก็เป็นแค่เด็กสติไม่สมประกอบคนหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เฉิงเจียวเหนียง?’

ภาพความทรงจำประหลาดมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวของเด็กสาวคนหนึ่ง…

ภาพของเฉิงเจียวเหนียง คุณหนูที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในวัดเต๋า แต่จู่ๆ กลับมีเหตุการณ์ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ใจกลางวัดจนทำให้นางสลบไป

เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าแม้ร่างกายจะหายดีเป็นปกติ แต่ความทรงจำของนางกลับหายไปหมดสิ้น

นางจึงตัดสินใจกลับมายังบ้านตระกูลเฉิงเพื่อตามหาความทรงจำที่แท้จริงของตัวเอง

และระหว่างทางกลับบ้าน นางก็ค้นพบความสามารถพิเศษในการรักษาคน

กระทั่งใช้ทักษะนี้ รักษาคนไข้จนเลี้ยงตัวเองได้และกลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะ ‘หมอเทวดา’

ทว่าทันทีที่คนในตระกูลทราบข่าวการกลับมาของนาง พวกเขากลับมิได้ยินดีแม้แต่น้อย

…แต่ถึงอย่างไร ก็อย่าหวังว่านางจะเป็นเหยื่อให้ใครกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อก่อน!

และหากจะมีศึกใดที่น่าตื่นใจ… สำหรับนางแล้วก็เห็นจะเป็นศึกในบ้านตระกูลเฉิงหลังนี้นี่แหละ!

Options

not work with dark mode
Reset