ขี่หลังฟีนิกซ์มาถึงจุดหมาย ณ น่านฟ้าเมืองบัลเซ่ โดยใช้เวลาเฉลี่ยไม่ถึง10วินาที
พอมองลอดลงไปเหนือผืนดินก็เห็นสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งเข้าหาเหล่าฮันเตอร์อยู่
ดูเหมือนอาร์โนลด์กับฮันเตอร์คนอื่นจะยังมีชีวิตอยู่ มาทันเวลาเฉียดฉิวเลยสินะ
“ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ส่วนที่เหลือช่วยไปรอในเมืองเถอะ ฟีนิกซ์ พาผู้เฒ่าอารอนกับคนอื่นๆลงไปยังเมืองด้านล่างที”
『น้อมรับคำบัญชา!』
“เดี๋ยวก่อน ไค—”
โรสเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่สนและกระโดดลงสู่ผืนดิน
ลงสู่ผืนดินพร้อมกับบดขยี้สัตว์ประหลาดหัวแกะที่กำลังเข้าโจมตีหญิงสาวผิวคล้ำนุ่งห่มน้อยพอดี
ยัยนี่ ผู้หญิงที่แอบดูละครลิงตรงตรอกหลังนั่นสินะ เอาเถอะ ในสถาณการณ์แบบนี้จะยังไงก็ช่าง
หันไปรอบๆมองหาผู้แข็งแกร่งแต่ ว่าแล้วเชียวมีแต่ลูกกระจ๊อกทั้งนั้น อันที่จริงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่างกันตรงไหน ถ้าจะให้พูด เจ้าวิตถารใส่แค่กางเกงในกับผ้าคลุ่มนั่นดูวางท่ายังไงไม่รู้ หมอนั่นคงจะเป็นบอสสินะ ตามหลักทั่วไป สัตว์ประหลาดที่รวมตัวกันเป็นฝูงแบบนี้มักมีกฎปลาใหญ่กินปลาเล็ก หมอนั่นคงจะแข็งแกร่งที่สุดแล้วละมั้ง ที่เหลือก็ สัตว์ประหลาดหัวหมาป่า เสือ นกอินทรี พวกนั้นสินะ
เสื้อผ้าที่พวกมันใส่นั่นมันชุดจากต่างโลกไม่ใช่รึ?ก็นะ เพราะตำราที่ได้รับจากดันเจี้ยนสำหรับผู้อ่อนแอนั่นมีเขียนบอกรายละเอียดเกี่ยวกับวัฒนธรรมของต่างโลกอยู่ยังไงล่ะ
ว่ากันว่า กลุ่มคนเฟ้อฝันชอบมารวมตัวกันและเลียนแบบเสื้อผ้ากับรูปลักษณ์ของตัวละครที่ปรากฏในเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้น เหมือนจะเขียนไว้แบบนั้น
ใช่ ถ้าจำไม่ผิด เรียกว่า【คอสเพลย์】ส่วนคนพวกนั้นดูเหมือนจะถูกเรียกว่า【คอสเพลย์เยอร์】
พวกวิปริตนั่นคงมีงานอดิเรกเหมือนกันละมั้ง หมายความว่า พวกนั้นคือสัตว์ประหลาดจากต่างโลกเหรอ?
ดูเหมือนอาร์โนลด์จะแพ้ไปแล้วด้วยสิ บางทีเจ้าวิตถารผ้าคลุมกับพวกสัตว์ประหลาดชุดทหารพวกนั้นจะมีการติดตั้งไอเทมจำกัดความสามารถเหมือนฉันสินะ
ก่อนอื่น—
“อย่าขยับ ถ้าขยับแม้แต่ก้าวเดียวพวกแกตาย”
ส่งสายตาไปรอบๆพร้อมกับออกคำสั่งโดยใส่จิตสังหารลงไปด้วย พวกสัตว์ประหลาดนับพันหยุดชะงักทันที ฮะ!หมดคำจะพูด
ระบุ 【ฮิลลิ่งสไลม์】จำนวน30ตัวจาก【หนังสือภาพปราบปราม】และทำการ【ปลดปล่อย】
“รักษามนุษย์ที่อยู่ที่นี่ให้หน่อย”
ราวกับกำลังบอกว่า “จะพยายาม” 【ฮิลลิ่งสไลม์】ตัวสั่นและกระโดดดึ๋งๆเข้าหาเหล่าฮันเตอร์ที่บาดเจ็บ ห่อหุ้มร่างนั้นและรักษาทันที
『นะ-นั่นมัน ฮิลลิ่งสไลม์!?』
ผู้หญิงชุดทหารหน้านกอินทรี ขึ้นเสียงอย่างตกใจ
โฮ่ สัตว์ประหลาดพวกนี้รู้จักฮิลลิ่งสไลม์ด้วยงั้นเหรอ
『ทำไม ผู้ติดตามลำดับสูงสุดของอพอลโล่ถึงมาอยู่ที่ผืนโลกได้!? 』
『โง่จังนะ ก็หมายความว่ากองทัพสวรรค์กำลังจะลงมายังผืนโลกไม่ใช่รึไง』
『หมายความว่า เจ้านั่นคือลูกน้องของอพอลโล่งั้นเหรอ!!』
เจ้าหน้าเสือกับหมาป่า เข้าผสมโรงด้วย ส่งเสียงพูดคุยในหัวข้อที่ไม่อาจเข้าใจได้
『เงียบ!!』
พอชายผมแดงชุดคลุมวิตถาร ตวาดเสียงแข็ง ทั้งสามก็เปลี่ยนท่าทางเป็นท่ายืนตรงทันที
ใบหน้าสบายๆของเจ้าผ้าคลุมวิตถารจนถึงเมื่อกี้หายแว๊บในพริบตา และหลี่ตาสังเกตฉันอย่างระมัดระวัง
『พลังที่แค่มองก็ทำให้เด็กๆของเดี๊ยนกลัวตัวสั่น แม้แต่พลังที่ทำให้ฮิลลิ่งสไลม์ที่ทั้งเอาแต่ใจและทนงตนยอมเชื่อฟัง เธอ เป็นใครกันแน่?』
“อุมุ ฉัน ไค ไฮเนมัน ก็แค่เจ้าไร้ความสามารถที่ผ่านทางมา”
ก็ไม่ได้ตั้งใจจะด้อยค่าตัวเองหรอก เพราะนั่นคือที่มาและจุดเริ่มต้นของฉันยังไงล่ะ ฉันไม่ได้มองสมยานามของตัวเองในแง่ร้ายเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาดูหมิ่นขนาดนั้นหรอก กลับกัน คิดว่าดีด้วยซ้ำที่ไร้ความสามารถ ต้องขอบคุณกิฟท์นี้ทำให้ฉันไม่ไปลุ่มหลงกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไร้รสชาติ ไร้กลิ่น มากเกินความไม่จำเป็น
『เล่นตลกอยู่เหรอ? ไม่มีทางที่ท่านผู้ไร้ความสามารถพรรค์นั้นจะทำให้เด็กๆของเดี๊ยนหวาดกลัวได้ถึงขนาดนั้นหรอก』
เจ้าผ้าคลุมวิตถารที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเหงื่อไหลราวกับน้ำตก เหลือบมองเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังตัวแข็งเป็นหินอย่างหงุดหงิดพร้อมกับกล่าวเช่นนั้นออกมา
“ไม่ได้เล่น เรื่องจริงแท้แน่นอน ยังไงก็แล้วแต่ รีบปลดพลังจำกัดความสามารถนั่นออกซะ ไม่งั้นได้จบในพริบตาแน่”
ฉันดึง【พิรุณกระหน่ำ】ออกจากไอเทมบ็อก ผู้แข็งแกร่งที่ไม่ได้เจอมานาน หลังจากนี้คือ โอกาสที่จะได้รู้ว่าระดับของโลกนี้มันอยู่แค่ไหน
『พลังจำกัดความสามารถ? นั่นน่ะหมายความว่ายังไงเหรอ?』
“หืม?ก็บอกว่า จะเป็นไอเทมหรือความสามารถก็ช่างแต่รีบปลดความสามารถเลียนแบบลูกกระจ๊อกจนไร้ที่ตินั่นออกซะ”
『กะ-กำลังจะบอกว่าเดี๊ยนคนนี้เป็นลูกกระจ๊อกงั้นเหรอ‼?』
“ไม่ๆ ไม่ได้จะบอกแบบนั้น ปลดความสามารถเลียนแบบที่ใช้อยู่ตอนนี้ออกซะ หมายถึงแบบนี้ต่างหาก แกก็คงไม่อยากตายไปทั้งๆที่ถูกหยามอยู่แบบนี้ใช่มั้ยล่ะ”
ฉันก็อยากรู้ระดับของโลกเหมือนกัน ราวกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ความสัมพันธ์แบบWIN-WIN นั่นไง
『โปจิ、มิเกะ、พิโกะ、ฆ่าเจ้าขยะน่ารังเกียจนั่นซะ!』
『『『ฮะ!』』』
ทันใดนั้น เหล่าคอสเพลย์เยอร์ชุดทหารหัวอสูรต่างจับอาวุธพุ่งเข้าล้อมฉัน
เจ้าทรีโอ้ชุดทหารทั้งสามตัวนี้ ดูเหมือนจะต้านการข่มขู่ของฉันได้สินะ เอาเถอะ อาจจะแค่ความรู้สึกช้าก็ได้
เอาเป็นว่า การใช้ลูกน้องเพื่อวัดระดับพลังของคู่ต่อสู้ เป็นวิธีที่มีอยู่ดาษดื่น
ถ้างั้น ก็มาปรุงเจ้าลูกกระจ๊อกพวกนี้ให้อร่อยเพื่อให้เจ้านั่นยอมเอาจริงกันเถอะ
『แกน่ะ ได้ตายไปแล้ว!』
สัตว์ประหลาดหน้าหมาป่ายกขวานพุ่งมายืนอยู่ตรงหน้าฉันและแสยะยิ้ม
『ใช่แล้ว กล้าเรียกท่านปาซึซึว่าลูกกระจ๊อกช่างไม่รู้จักเจียมตัวเอาซะเลย』
หญิงหัวนกอินทรีควงหอกและประกาศถ้อยคำเห็นพ้อง
『จงตายด้วยเงื้อมมือของพวกเรา――สามทหารเสือแห่งปาซึซึ――เอ๊ะ?』
ในที่สุดก็รู้ตัวแล้วสินะ เพราะเข้าใกล้ฉันอย่างไม่ระวังตัวนั่นแหละ ดูเหมือนจะเป็นแค่พวกความรู้สึกช้าสินะ
“โทษที ฟันไปแล้วล่ะ”
ฉันฟันพวกมันทั้งสามด้วยความเร็วสูง
มองวิถีดาบเมื่อกี้ไม่ออกเหรอนี่ ฟันไปตั้งตัวละ1000ครั้งถ้วนเลยนะ
『อะไร――』
『โกหก――』
คำสั่งเสียวาระสุดท้ายของชีวิตพร้อมกับเส้นตัดผ่านทั่วร่าง พริบตาต่อมา ก็ได้กลายเป็นเศษเนื้อร่วงหล่นสู่ผืนดิน
『……』
ชั่วขณะหนึ่ง เจ้าผ้าคลุมวิตถาร ถลึงตาจ้องมองร่างของเหล่าลูกน้องที่จมกองเลือด และส่งสายตามาทางฉัน เลยยิ้มให้ไปทีนึง
『――อึก!!』
เพียงแค่นั้น ก็ทำให้เจ้าผ้าคลุมวิตถารดีดตัวถอยหลังราวกับสปริงและตั้งท่าพร้อมรบ
“ย้ำอีกรอบแล้วกัน รีบปลดความสามารถเลียนแบบลูกกระจ๊อกนั่นออกซะ”
กล่าวบอกอย่างสงบแต่แผงไปด้วยแรงกดดัน
『ธ-ธะ-เธอน่ะ เป็นใครกันแน่!!?』
“ห๋า?ก็บอกว่า ไค ไฮเนมัน ไง พึ่งแนะนำตัวไปเมื่อกี้เองไม่ใช่เราะ”
『ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! เธอน่ะเก็บซ่อนพลังแบบไหนไว้กันแน่!!?』
เจ้าผ้าคลุมวิตถาร ร่ายบทพูดที่ไม่อาจเข้าใจได้ออกมา
“มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะทำเป็นไขสืออีก กำลังล้อเลียนฉันที่ไร้ความสามารถอยู่งั้นเหรอ?งั้นถ้าฆ่าลูกน้องของแกซะให้หมดจะเอาจริงขึ้นมารึเปล่านะ”
『นั่นน่ะ หมายความว่ายัง――』
ผู้ตายไม่มีสิทธิ์พูด ฉันเมินเจ้านั่นที่กำลังพูดอะไรสักอย่างและเอามือจับด้ามของพิรุณกระหน่ำ――
“วิชาดาบไคริวที่แท้จริงรูปแบบดาบเดียว กระบวนท่าที่สี่――”
เส้นด้ายพลังเวทย์ ถูกปล่อยออกจากตัวฉันไหลผ่านเขตรกร้าง เข้าตรึงอสูรหัวสัตว์นับพัน จากนั้น――
“ใยแมงมุมพิษ”
ใบดาบถูกดึงออกจากฝักพร้อมกับถ้อยคำอันแผงไปด้วยพลังนั้นของฉัน
หัวของเหล่าอสูรร่วงหล่นสู่ผืนดินตามด้วยร่างที่สูญเสียหัวเลือดพุ่งกระฉูดและล้มลงกับพื้นราวกับหุ่นเชิดถูกตัดสาย
สัตว์ประหลาดนับพันกลายเป็นศพโดยไม่มีข้อยกเว้น
กระบวนท่าที่ใช้เมื่อกี้【วิชาไคริวที่แท้จริงรูปแบบดาบเดียว】――กระบวนท่าที่สี่、ใยแมงมุมพิษ
คือ ท่าที่ปล่อยด้ายพลังเวทย์ที่มีผลตรวจจับสัตรูออกไปทุกทิศทางและผู้ที่ติดอยู่ในตาข่ายจะถูกฟาดฟันโดยไม่สนระยะทาง ตอนกำลังฝึกใช้【ไคริววิชาขว้างปา】ว่าสามารถเชื่อมโยมการฟันข้ามชั้นบรรยากาศได้รึเปล่านั้น ก็ดันทำได้ซะงั้น
เดิมที ขอบเขตของด้ายพลังเวทย์ตรวจจับก็ไม่ได้กว้างด้วย เหนือสิ่งอื่นใด พลังโจมตีก็มีแค่จากการฟันเพียงอย่างเดียว เพราะงั้น คงไม่ส่งผลอะไรมากกับผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงหรอก สรุปคือ เป็นท่าที่ทำได้แค่เคลียร์ครีปนั่นเอง
『……』
หันแค่หัวไปมอง เจ้าผู้คลุมวิตถารผมแดงที่กำลังแก้มกระตุกเพราะเข้าใจสถาณการณ์ว่าเหล่าลูกน้องถูกฆ่าไปแล้ว
“เอาล่ะ คงเข้าใจแล้วสินะ ฉันไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องออมมือให้หรอกนะ”
『งั้นเหรอ เธอคือ เทพนักฆ่าที่กองทัพสวรรค์ส่งลงมาสินะ!?』
เทพนักฆ่า?หมอนี่หัวไม่เป็นไรแน่นะ?เทพมันจะไปมีอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง อายุก็ตั้งขนาดนี้แล้วจะให้เล่นเป็นเทพอยู่อีกรึไง
ไม่สิ บางทีหมอนี่อาจจะเป็นสัตว์ประหลาดผู้น่าสงสารที่ป่วยเป็นโรค『จูนิเบียว』โรคละเมอเฟ้อฝันที่ผู้ใหญ่ทุกคนมักเป็นในช่วงอายุ14-15ปีโดยไม่มีข้อยกเว้น ที่อ่านเจอในตำราที่ได้จากดันเจี้ยนสำหรับผู้อ่อนแอนั่นก็ได้
“งี้เอง ดูเหมือนจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงเลยนะนั่น ลำบากแย่เลยนะ”
เอาเถอะ ไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อยแล้วก็จะฆ่าด้วย
『จะน่ารังเกียจไปถึงไหนกัน!! ไม่ว่าทางไหน การปล่อยเธอไปทั้งๆแบบนี้ อาจจะกลายเป็นอุปสรรคของเหล่าท่านผู้นั้น เพราะงั้น――』
“เพราะงั้น?”
“ก็ขอให้ตายมันซะตรงนี้นี่แหละ!!”
คำราวออกมาราวกับสัตว์อสูร ร่างกายเริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดและปริแตก จนเปลี่ยนร่างไปในที่สุด
กล้ามเนื้อเริ่มนูนขึ้น ปีกค้างคาวงอกออกจากกลางหลัง จากนั้นใบหน้าก็แปลเปลี่ยนเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่คล้ายกับจิ้งเหลน ทำไงดีล่ะเนี้ย?ถ้าปกติก็คงสับเป็นชิ้นๆตอนการป้องกันหละหลวมระหว่างเปลี่ยนร่างไปแล้วแต่…ตอนนี้อยากจะกำหนดจุดยืนของตัวเองในโลกใบนี้ไว้ก่อนด้วยสิ
ถ้าไม่รับเอาค่าประสบการณ์ตรงนี้ บางทีผลลัพธ์อาจจะกลับมารัดคอตัวเองทีหลังก็ได้ รู้สึกเหมือนจะเป็นแบบนั้นเลยแฮะ ถึงจะขัดกับหลักการของฉันแต่ควรดูมันเปลี่ยนร่างจนเสร็จอยู่ตรงนี้เฉยๆสินะ
“……”
เปลี่ยนร่างเสร็จสิ้น ฉันอ้าปากค้างจ้องไปที่หมอนั่นอยู่ครู่นึงและ
“อย่าบอกนะว่า นั่นคือร่างจริงของแกน่ะ?”
ไม่ว่ายังไงก็อยากถามออกไป
『ใช่แล้ว、นี่แหละ・ตัว・เดี๊ยน! มากลัวเอาตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ แกฆ่าลูกน้องของเดี๊ยน จงรับผลกรรมนั้นด้วยร่างกายและวิญญาณของแกให้สาสมซะเถอะ!』
ถึงจะไม่อยากเชื่อแต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง
“ก็ไม่ได้หวังให้มันลงเอยแบบนี้หรอกนะ……”
ราวกับแสดงความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ ฉันคอตก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกสู่อากาศ
『ดี!ดีเลยไม่ใช่เหรอ!ผู้แข็งแกร่งอย่างเธอสั่นกลัว คุกเข้าลงต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่ของเดี๊ยน ทิวทัศน์แบบนั้นเดี๊ยนชอบที่สุดเลยล่ะ!!』
“ผลสุดท้ายก็มาไม่ทันสินะ……”
ถ้าไม่อย่างนั้น เจ้าลูกกระจ๊อกพรรค์นี้ ไม่มีทางโค่นผู้บัญชาการอัศวินซึ่งเป็นราชองครักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักรได้หรอก บางทีเจ้าพวกที่แข็งแกร่งอาจจะโดนอาร์โนลด์จัดการไปก่อนแล้วก็ได้ จนเหลือแต่ลูกกระจ๊อกพรรค์นี้ไว้ เจ้าผ้าคลุมวิตถารพูดว่า『เหล่าท่านผู้นั้น』เพราะงั้นไม่ผิดแน่ ผลสุดท้าย ก็ไม่ได้ประมือกับผู้แข็งแกร่ง ทำให้ไม่รู้จุดยืนของตัวเองบนโลกนี้ เวรเอ้ย!มาอีหรอบอีกแล้วเหรอ!
『เธอน่ะ พูดเรื่องอะไรไม่เห็นเข้าใจ――』
ฉันชี้นิ้วไปทางเจ้าผ้าคลุมวิตถาร
“หนวกหู! ไม่เห็นรึไงว่าคนเค้ากำลังจิตตกอยู่!!”
ฉันชักพิรุณกระหน่ำออกจากฝัก ตัดแขนขวามันจดขาด
『อ๊าาาาาาาย!!!』
มองดูเจ้าผ้าคลุมวิตถารตะโกนแหกปากจนแสบแก้วหูอย่างไม่ใส่ใจ
ฉันนิ่วหน้าพร้อมกับ
“พอ ลูกกระจ๊อกอย่างแกหมดประโยชน์แล้ว ตายซะ”
ประกาศคำสั่งตาย
『ระ-รอเดี๋ยว――』
เจ้าศพพยายามก้าวถอยหลังหนีจากฉันแต่จบลงที่ก้นจ้ำเบ้า จากนั้น――
『เอ๊ะ?』
พอเห็นขาทั้งสองข้างของตัวเองตั้งอยู่ตรงหน้า
『เอ๊ะ ขาของเดี๊ยน?』
พอตระหนักถึงความจริงตรงหน้า ก็กรีดร้องออกมาอีกครั้ง
『มะ-ไม่ทำอีกแล้ว จะไม่มายุ่มย่ามกับโลกนี้อีกแล้ว!!』
“ฉันน่ะนะ เบื่อคำพูดเพ้อเจ้อของแกเต็มทนแล้ว”
ฉันสะบัดเลือดออกจากใบดาบแล้วเก็บพิรุณกระหน่ำเข้าฝัก จ้องมองไปยังเจ้าผ้าคลุมวิตถาร
『จะยอมปล่อยไปเหรอ?』
“ยอมปล่อย?พูดอะไรน่าขำดีนะ แกน่ะ?”
ไม่มีทางที่ฉันคนนี้จะปล่อยสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติไปอยู่แล้ว ที่ฉันเก็บพิรุณกระหน่ำเข้าฝักก็เพราะบรรลุเป้าหมายไปแล้วยังไงล่ะ
『ฮี้!! นะ-นี่มัน อะไร!!?』
เส้นจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านทั่วร่างของมัน และค่อยๆเปลี่ยนไป
『ร่างกายกับใบหน้าของเดี๊ยน กำลังพังทลาย!!』
เจ้าผ้าคลุมวิตถาร พยามยามหยุดการเลื่อมสลายของร่างกายตัวเองแต่
『อ๊าาาาาาาย!!』
พร้อมกับเสียงแห่งความตาย ทั้งร่างถูกสับจนกลายเป็นก้อนเนื้อแตกกระจายร่วงหล่นสู่ผืนดิน
ให้ตายสิ อุตส่าห์จะได้รู้จุดยืนของตัวเองบนโลกนี้ทั้งที พอเปิดฝาออก กลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้จากไปแล้ว เหลือให้แต่พวกลูกกระจ๊อกในหมู่ลูกกระจ๊อกซะงั้น พักหลังมานี้ เจอแต่อะไรแบบนี้ตลาดเลยสินะ
พอถอนหายใจเฮือกใหญ่เสร็จ ฉันก็ลูบไล่พวกฮิลลิ่งสไลม์เป็นรางวัลให้จนหนำใจจากนั้นก็เก็บพวกมันลงหนังสือและเริ่มเดินไหล่ตกไปยังเมืองที่พวกโรสอยู่