ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 629 เพลงกวนกระแสทะเลครามโกงได้

ตอนที่ 629 เพลงกวนกระแสทะเลครามโกงได้

ตอนที่ 629 เพลงกวนกระแสทะเลครามโกงได้

เมื่อเห็นคำตอบของน้องสะพานสวรรค์น้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็วางใจแล้วเช่นกัน

หากสะพานสวรรค์น้อยถูกขังอยู่ในค่ายกลดอกท้อและไม่มีทางออกมาได้จริง เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีทางนิ่งดูดายปล่อยให้นางหวาดกลัวอยู่ในนั้นห้าวัน ต้องหาทางช่วยนางออกมาแน่นอน

ถ้าช่วยไม่ได้จริงๆ ต่อให้ต้องใช้ประกาศิตกระบี่บุปผาโรยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน

ถึงอย่างไรบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงก็มีไพ่ลับอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นว่าแม้แต่ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ที่เขาเคยสนใจมาก ตอนนี้ก็ไม่สนใจเท่าไรแล้วเช่นกัน

บทบาทสำคัญที่สุดยามประกาศิตกระบี่บุปผาโรยอยู่ในมือเขา ที่จริงแล้วก็เพื่อใช้ปลอบใจตัวเองเท่านั้น

อย่างไรเสีย ท่าพิฆาตที่ใช้งานได้ครั้งเดียวแบบนี้ ควรจะนำมันมาใช้เวลาไหน ในใจเขาก็ไม่มีแผนการชัดเจนเช่นกัน

หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ ต่อให้เขาไม่มีมัน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก

แน่นอน ต่อให้ใช้ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย เยี่ยเว่ยหมิงก็คงทำให้หวงเย่าซือปล่อยคนไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้นอยู่ดี แต่ต้องเพิ่มเงื่อนไขบางอย่างเพื่อขยายผลตอบแทนให้มากที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น ให้เขาไปที่ศาลาฝึกกระบี่ แล้วสอน ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ให้สะพานสวรรค์น้อยอะไรทำนองนั้น

แต่ตอนนี้ในเมื่อสะพานสวรรค์น้อยเจอภารกิจลับที่โจวปั๋วทงก็นับเป็นโอกาสของนาง จะได้ลดความยุ่งยากให้เยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน

ในหลายวันต่อจากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงจะได้อยู่บนเกาะดอกท้ออย่างไม่ต้องกังวล เวลาว่างๆ จะได้ไปจุดตีมอนสเตอร์ที่ชวีหลิงเอ๋อร์บอก จะได้ใช้ชีวิตแบบไม่น่าเบื่อเกินไป

ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปแล้วห้าวัน

ระหว่างนั้น เยี่ยเว่ยหมิงไปดูผู้เล่นอีกสามคนที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ หนึ่งในนั้น ตัวแทนของพิษประจิมก็ย่อมเป็นเมฆเคลื่อนเดียวดายที่เขาเจอก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีจันทราสะท้อนน้ำ ศิษย์เกาะดอกท้อ ตัวแทนของมารบูรพา และเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นที่ถูกปล่อยเข้ามาในวันที่สาม

ในจำนวนนั้น วิธีการฝ่าค่ายกลเข้ามาของเมฆเคลื่อนเดียวดาย ตั้งแต่ต้นจนจบเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้เลย

จันทราสะท้อนน้ำนั้นไม่ต้องพูดมาก เพราะเดิมทีก็เป็นศิษย์ของเกาะดอกท้ออยู่แล้ว มีวิธีเข้าออกค่ายกลดอกท้อก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

มีเพียงเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่น เจ้าหมอนั่นค่อนข้างโชคร้าย เขายืนหยัดแหกปากอยู่นอกค่ายกลใหญ่ดอกท้อเป็นเวลาสามวันเต็มๆ หวงเย่าซือถึงได้เปิดค่ายกลให้เขาเข้ามา

จากนั้น หวงเย่าซือก็บอกข่าวที่ทำให้เขาแทบจะน้ำตาแตก

ที่จริงแล้ว ค่ายกลใหญ่ดอกท้อไม่เพียงแค่ใช้สกัดกั้นศัตรูภายนอกเท่านั้น ทั้งยังกั้นเสียงได้ด้วย

เสียงหมาป่าคำรามที่เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นสำคัญตัวเองผิด อย่าว่าแต่หวงเย่าซือเลย แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ถูกรบกวนเช่นกัน

ส่วนสาเหตุที่เขาถูกปล่อยเข้ามาก็เพียงเพราะว่าในระหว่างสามวันที่เขาส่งเสียงหอน บังเอิญเติมเต็มเงื่อนไขภารกิจลับอีกอย่างของเกาะดอกท้อ ‘เคารพเลื่อมใสอาจารย์’ สามวัน

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ต่อให้เขาไม่ทำอะไรเลย แค่รออยู่นอกค่ายกลใหญ่ดอกท้อเฉยๆ สามวัน หรือถึงขั้นสร้างกระท่อมนอนหลับ ขอเพียงเวลาผ่านไปแล้วสามวัน หวงเย่าซือก็จะปล่อยเขาเข้ามาแน่นอน

หลังจากได้ยินข่าวนี้แล้ว เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็แทบเสียสติ

แต่เพราะกลัวเลเวลกับพละกำลังของหวงเย่าซือ เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะอาศัยการต่อสู้ระบายอารมณ์ด้านลบที่อยู่ในใจ เลือกจะเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว ใช้วิธีการนี้กำจัดความกลัดกลุ้มที่อยู่ในใจ

หลังจากผ่านมื้อค่ำของวันที่ห้า เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกเสียงเอะอะโวยวายดึงดูดให้มาถึงล้านกว้างนอกเขตที่พักอาศัยของเกาะดอกท้อ

เห็นจันทราสะท้อนน้ำ เมฆเคลื่อนเดียวดายกับเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็ทยอยมาตามเสียงเช่นกัน เสียงโวยวายนั่นไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของหวงเย่าซือ ประมุขเกาะดอกท้อและหวงหรงบุตรสาวของเขา

สองพ่อลูกกำลังถลึงตาจ้องกัน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ท่าทางเหมือนไม่มีใครยอมใครแม้แต่น้อย

“หึ!” หวงเย่าซือสะบัดแขนเสื้อ ในดวงตาฉายแววสังหาร “เจ้าเด็กบ้านั่น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าถูกชาวมองโกลตั้งให้เป็นว่าที่ราชบุตรเขยดาบทองแล้ว ยังจะมาให้ความหวังลูกสาวข้าอีก ช่างใจกล้านัก!…

…ข้าจะไปฆ่าเขา ทำให้เขาได้รู้ว่าจุดจบของการรังแกลูกสาวของข้าเป็นอย่างไร!”

พอได้ยินว่าหวงเย่าซือจะฆ่ากัวจิ้ง หวงหรงที่เดิมทีเดือดดาลดุร้ายก็ว่าง่ายทันที นางเขย่าแขนหวงเย่าซือพร้อมกล่าวขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ที่จริงพี่จิ้งก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลายเป็นราชบุตรเขยดาบทองอะไรนั่นหรอก เขาแค่ถูกคนมองโกลหลอกใช้ก็เท่านั้นเอง เพราะเขาซื่อบื้อเกินไป ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยเจอเขา ท่านก็รู้นี่ว่าเขาซื่อบื้อขนาดไหน ใช่ไหมล่ะ”

เมื่อหวงเย่าซือเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ น้ำเสียงก็อ่อนลงเช่นกัน พยักหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “หรงเอ๋อร์ เจ้าพูดไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนโง่จริงๆ…

…ดังนั้น ข้ายิ่งต้องฆ่าเขา!”

“ท่านพ่อ!”

หวงหรงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หวงเย่าซือกลับพลันคว้าแขนของหวงหรงขึ้นมา จากนั้นใช้ท่าร่าง ‘บิน’ ไปทางค่ายกลใหญ่ดอกท้อทันที

เมื่อได้เห็นฉากนี้ ผู้เล่นทั้งสี่ก็สบตากันปราดหนึ่ง ต่างก็กำลังขึ้นคิดว่าจะตามไปยุ่งเรื่องชาวบ้านดีหรือไม่ แต่กลับเห็นหวงเย่าซือวิ่งขึ้นวิ่งลงไม่กี่ครั้ง ก็กระโดดขึ้นไปบน ‘ยอดเขาดรรชนี’ แล้ว จากนั้นก็นำขลุ่ยหยกที่พกไว้ที่เอวขึ้นมาจ่อปาก

เสียงขลุ่ยดังเข้ามาในหู เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกทันทีว่าปราณแท้ในร่างกายตนเองเริ่มร้อนรนตามเสียงขลุ่ย

ความรู้สึกแบบนี้ เขาได้สัมผัสมันเป็นครั้งที่สองแล้ว

“แย่แล้ว มันคือเพลงกวนกระแสทะเลคราม!”

ตอนนี้ จันทราสะท้อนน้ำที่เป็นศิษย์ของเกาะดอกท้ออุทานอย่างตกใจ ใช้สองมือปิดหู แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องตัวเอง

ที่จริงแล้ว ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ ของหวงเย่าซือคือวิธีการโจมตีด้วยคลื่นเสียงชนิดหนึ่ง ตราบใดที่ปิดหูไว้ก็จะลดดาเมจได้เยอะมาก

แต่ผู้เล่นสี่คนที่อยู่ตรงนั้น แต่ละคนก็ไม่ใช่พวกถือศีลกินเจ ไม่ได้มีพื้นฐานความเชื่อใจระหว่างกัน ทั้งยังเป็นคู่แข่งกันในภารกิจนี้ด้วย

ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีคนอื่นหรือเปล่า อาศัยโอกาสนี้ลดความสามารถของคู่ต่อสู้ให้อ่อนแอลง!

ดังนั้นหากเทียบกับการอยู่ข้างนอก การอยู่ในห้องส่วนตัวที่มีการปกป้องจากระบบต่างหาก ถึงจะรับประกันความปลอดภัยของตนเองได้มากที่สุด

เมื่อเห็นจันทราสะท้อนน้ำเป็นเช่นนี้ ผู้เล่นอีกสามคนรวมทั้งเยี่ยเว่ยหมิงก็เอาเยี่ยงอย่างบ้าง มีเพียงหวงหรงที่ปิดหูอย่างเดียว จ้องเงาร่างอันเย่อหยิ่งของหวงเย่าซือบนยอดเขาดรรชนีพร้อมกระทืบเท้าอย่างร้อนใจ

พอกลับมาถึงห้องตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอามือที่ปิดหูออกทันที แล้วก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง เริ่มโคจรวิชากำลังภายใน ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ต้านแรงปะทะของ ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ ระลอกแล้วระลอกเล่า

-1000

-1000

-1000

……

เนื่องจากเลิกปกป้องหูแล้ว แรงกระแทกของ ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ จึงเริ่มกระตุ้นปราณแท้ในร่างกายเขาให้สร้างความเสียหายต่อเส้นชีพจรและอวัยวะภายในของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ยังดีที่วิชากำลังภายใน ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ แม้จะไม่เก่งอย่างอื่น แต่เรื่องการรักษาถือเป็นอันดับหนึ่ง

เมื่อโคจรกำลังภายใน ค่าพลังชีวิตของเขาที่ตกลงอย่างบ้าคลั่งก็ฟื้นฟูเร็วมากจนตาเปล่าสังเกตได้

เมื่อกินยาฟื้นฟูพลังชีวิตอีกเม็ด เกิดผลทับซ้อนกัน ก็ไม่น่าเชื่อว่าพลังชีวิตของเขาจะกลับมาเติมของเดิมทีเสียไปจนเกิดความสมดุลแล้ว!

อีกทั้งสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ภายใต้แรงกดดันของ ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ ที่หวงเย่าซือบรรเลงด้วยตนเอง เยี่ยเว่ยหมิงพบว่าค่าประสบการณ์ของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก!

ระดับความเร็วแบบนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกชื่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกทันที ท่ามกลางเสียงขลุ่ยแบบนี้ เขากินยาฟื้นฟูกำลังไปพลาง ฝึกวิชากำลังภายในไปพลางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เวลาฝึกวิชา เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานเท่าไร กระทั่งเสียงขลุ่ยที่เป็นเหมือนโปรแกรมโกงเงียบลงกะทันหัน

เยี่ยเว่ยหมิงที่เคยลิ้มลองรสชาติแล้วติดใจ พอเห็นว่าตัวเองยังขาดค่าประสบการณ์อีกสองล้านกว่าก็จะเพิ่มเลเวล ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ได้ ก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยหนำใจ

หวงเย่าซือคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

เจ้าจะเป่าขลุ่ยก็เป่าให้จบไปเลยสิ จู่ๆ มาหยุดกลางคันหมายความว่าอย่างไร

เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้มันทรมานขนาดไหน

แม้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีทางบังคับ BOSS เลเวลร้อยแปดสิบให้เป่าขลุ่ยต่อได้อยู่ดี

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาทำได้เพียงโคจร ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ อีกรอบ ปรับสภาพร่างกายของตนเองให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดอีกครั้ง

ตอนนี้เอง เสียงขลุ่ยของหวงเย่าซือกลับดังขึ้นอีก “ผู้เข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่ทุกคน เชิญมาร่วมตัวกันที่ศาลาฝึกกระบี่โดยเร็ว ต้องมาถึงภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ในการประลองครั้งนี้!”

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Score 10
Status: Completed
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!

Options

not work with dark mode
Reset