บ่วงมาร 54 ตอนอวสาน

ตอนที่ 54 ตอนอวสาน

“นึกว่าใครเสียอีก นายนั่นเองเดนนิส โอซิล…”

เสียงของมาร์คอสทำให้เดนนิสที่กำลังจมปลักอยู่กับความกดดันต้องเงยหน้าขึ้น และก็ได้เห็นศัตรูคู่อาฆาตเดินฉีกยิ้มเข้ามาหาข้างกายมีพเยียอดีตเลขาคู่ใจเดินเคียงคู่มาด้วย นาริกาบีบมือของเดนนิสแรงๆ อย่างให้กำลังใจ และหวังเอาไว้ภายในอกว่าพวกเขาจะไม่ทะเลาะกันอีก

“สวัสดีครับ พี่เขย…”

แม้น้ำเสียงของเดนนิสจะค่อนข้างแปร่งไปบ้าง แต่มาร์คอสก็ไม่คิดจะถือสาอะไรอีก เขาอยากให้ทุกอย่างมันจบลงเสียที เหนื่อยเต็มทนกับการที่จะต้องมานั่งแก้ปัญหาให้กับทั้งตัวเองและเจ้าเดนนิส โอซิลผู้ที่กำลังจะเป็นน้องเขยของเขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“ยินดีต้อนรับน้องเขย…”

มาร์คอสประคองภรรยาให้ทรุดนั่งลงข้างๆ ก่อนจะหันไปทักทายนาริกาที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างกายของเดนนิส “สบายดีนะริก้า หวังว่าเจ้าเดนนิสคงไม่ได้หักโหมจนเธอไม่มีเวลาพักผ่อนหรอกนะ”

นาริกายังไม่ทันได้ตอบ เดนนิสก็แทรกขึ้นซะก่อน “ฉัน… เอ่อ ผมรู้จักคำว่าพอดี ผมไม่ได้ตะกละตะกลามเหมือนกับพี่เขยหรอกครับ”

มาร์คอสที่คิดว่าสามารถทำให้ให้สงบได้แล้ว ลุกพรวดขึ้นและโต้ตอบทันที “นี่นาย… เอ่อ พ่อน้องเขยกล้าว่าพี่เขยแบบนี้เลยหรือ”

นาริกากับพเยียมองหน้ากันด้วยความเอือมระอา ก่อนจะรีบคว้าแขนสามีใครสามีมันให้นั่งลง “มาร์คอสคะ ไหนว่าจะใจเย็นๆ ยังไงล่ะ”

“คุณก็ดูเจ้าน้องเขยตัวแสบสิ… มันว่าผม…”

พเยียถอนใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าเดนนิสอย่างขอร้อง “เจ้านายคะ พเยียอยากให้คุณสองคนญาติดีกันเสียที นะคะพเยียขอร้อง…”

เดนนิสนิ่งเงียบไม่รับปาก แต่พอเห็นสายตาวิงวอนของภรรยาสาวข้างกายอีกคนเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามญาติดีกับเจ้ามาร์คอส โรเจอริโอให้ได้ แม้ว่าในใจจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ตาม

“ผมผิดเอง… ผมขอโทษครับพี่เขย…”

มาร์คอสมองหน้าเดนนิส แล้วก็ถอนใจออกมา “นายไม่ผิดหรอกน้องเขย ฉันผิดเองนั่นแหละที่ใจร้อน แต่ต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฉันจะให้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการทำให้เมียรักเมียหลง ส่วนนายก็กรุณาดูแลน้องสาวบุญธรรมของฉันให้ดี เพราะเมื่อไหร่ที่นาริการ้องไห้อีก เมื่อนั้นสงครามระหว่างเราจะต้องเริ่มต้นขึ้นอีก…”

“ริก้าจะไม่มีวันร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว ผมสัญญา… แต่ส่วนให้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการให้เมียรักเมียหลงน่ะผมไม่ต้องการหรอกครับ เพราะแค่นี้ริก้าก็รักผมจนแทบจะกินผมเข้าไปทั้งตัวแล้ว จริงไหมจ๊ะทูนหัว”

ชายหนุ่มพูดอย่างทระนง และนั่นก็ทำให้นาริกาอดหมั่นไส้ไม่ได้ หญิงสาวฟาดมือลงบนต้นแขนกำยำของสามีแรงๆ ด้วยความขัดเขิน

“ดูพูดเข้าสิคะ…”

“หรือว่าเธอไม่ได้รักฉันล่ะ…”

“รักสิคะ รักมาก แต่อยากบอกกันแค่สองคน ริก้าไม่ได้หน้าหนาแบบคุณนี่คะ”

เดนนิสหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับเจ้าของบ้านเอาดื้อๆ “พอดีผมกับภรรยาเกิดอยากบอกรักกันตามลำพังขึ้นมากะทันหัน พวกเราคงต้องขอตัวกลับกันก่อน ไว้วันหน้าหากพวกเราสามารถเจียดเวลาลงจากเตียงได้มากพอที่จะเดินทางมาที่นี่ ผมจะพาริก้ามาเยี่ยมพวกคุณอีก…”

นาริกาหน้าแดงก่ำเมื่อถูกสามีรั้งให้ลุกขึ้นยืน “เดนนิสคะ คุณพูดอะไรน่ะ…”

“ฉันพูดความจริงไง เอาล่ะเราเอ่ยลาเจ้าของบ้านกันได้แล้ว” ชายหนุ่มหันไปสั่งภรรยาเสียงแหบพร่า และนาริกาก็ไม่มีทางขัดขืนได้นอกจากกล่าวลาตามที่สามีจอมเผด็จต้องการ จากนั้นร่างของหล่อนก็ถูกลากออกมาจากคฤหาสน์แสนหรูของมาร์คอสอย่างรวดเร็ว

“เจ้านายนี่ร้ายชะมัดเลยนะคะ…” พเยียพึมพำขึ้นเมื่อสองหนุ่มสาวลับสายตาไปแล้ว

มาร์คอสหัวเราะเบาๆ “คนมันกำลังคลั่งรักก็เป็นแบบนี้แหละครับพเยีย… ที่เขาเจียดเวลาแวะมาทักทายเราได้ผมก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะครับ”

“ในที่สุดริก้าก็มีความสุขที่แท้จริงสักที”

“เจ้านายสุดหล่อของคุณด้วย…” มาร์คอสทำเสียงกระด้าง และนั่นก็ทำให้พเยียหันมามองด้วยความแปลกใจ

“พเยียว่าจะถามหลายรอบแล้ว ทำไมเวลาคุณเรียกเจ้านายของพเยียคุณจะต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทำเป็นประชดประชันด้วยล่ะคะ”

“ก็เพราะคุณเคยรักมันไง” ในที่สุดมาร์คอสก็เฉลยออกมา

พเยียถอนใจเฮือกใหญ่ “ก็บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าพเยียไม่เคยรักเจ้านาย… ก็แค่หลงใหลความหล่อ และนั่นมันก็ก่อนที่เราจะได้เจอกัน”

มือบางนุ่มเนียนวางบนท่อนแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อเชิ้ตออกมาแผ่วเบา เงยหน้ามองลึกเข้าไปในดวงตาสีทองอร่ามของสามีตัวโตอย่างรักใคร่

“ผู้ชายที่พเยียรักมีแค่คนเดียวเท่านั้นค่ะ… นั่นก็คือคุณ มาร์คอส โรเจอริโอ”

เจ้าของชื่อยิ้มกว้างออกมา “ผมรู้ว่าคุณรักผม… รู้มาตลอด แต่ก็อดแปลบๆ ไม่ได้เมื่อคิดว่าคุณเคยรักผู้ชายคนอื่นมาก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคือคนแรกของหัวใจคุณ และเป็นคนแรกของร่างกายคุณ…”

“และแน่นอนค่ะว่าคุณจะเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตที่พเยียจะรักตลอดไป”

“ผมรักคุณทูนหัว… รักคุณมาก… เราขึ้นห้องกันเถอะ”

“ค่ะ…”

แล้วอ้อมแขนกำยำของมาร์คอสก็โอบกระชับรอบกายสาวของภรรยาแนบแน่นนำพาหล่อนสู่ห้องนอนที่อัดแน่นไปด้วยความรักของเขาทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้คุณเอเดนไปไหนแล้วล่ะคะ ไม่เห็นมาหาเราเลย…”

หญิงสาวถามขึ้นเมื่อสามีวางร่างของตัวเองลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ ขณะเจ้าตัวถอยออกไปกระชากเสื้อออกจากกายหนุ่มอย่างลนลานไร้ความอดทน

“เห็นว่าบินไปทำธุระที่นิวยอร์กมั้ง เจ้าหมอนี่ธุรกิจมันเยอะจะตายไป วันๆ ก็ทำแต่งาน รู้ไหมว่ากว่าผมจะอ้อนวอนให้มันมาช่วยเล่นละครเป็นแฟนของริก้าได้ ผมต้องหมดน้ำลายไปกี่ตุ่ม”

พเยียหัวเราะด้วยความขบขัน “คุณเอเดนใจแข็งแบบนั้นเชียวหรือคะ”

“อย่างมันน่ะเรียกว่าว่าใจแข็งไม่ได้หรอก ต้องเรียกว่าใจศิลา” มาร์คอสถอดเสื้อเสร็จก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงนอน รวบร่างภรรยาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวหัวเราะร่าเริง

“ความรักจะทำให้คุณเอเดนใจอ่อน…”

“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก หมอนี่มันเกลียดผู้หญิงยังกับไส้เดือน แถมการแต่งงานยังไม่เคยอยู่ในสมองของมันอีก ความรักคงเป็นความรู้สึกเดียวที่มันจะไม่มีทางได้รู้จัก…”

“แต่พเยียคิดว่าไม่นานคุณเอเดนก็จะต้องรู้สึกถึงคำว่ารัก… เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินทางมาถึง”

“ไม่มีวันนั้นหรอก ผมรู้จักมันดี…”

มาร์คอสพูดอย่างหนักแน่น แต่พเยียไม่คล้อยตาม “อย่าลืมสิคะว่าทั้งคุณทั้งเจ้านายก็มีลักษณะไม่ต่างจากคุณเอเดนเลย เกลียดผู้หญิง และเกลียดการแต่งงาน แล้วเป็นไงคะ สุดท้ายก็เอาแต่ลากเมียขึ้นเตียง…”

“ก็ผมรักคุณนี่…” ชายหนุ่มโอดครวญ ขณะเริ่มต้นซุกซนตามสัดส่วนอวบอิ่มของภรรยาไปทั่วทั้งกายสาว บีบเคล้น ฟอนเฟ้นอย่างเมามันจนสาวน้อยดิ้นพล่าน

“พเยียรู้ค่ะ… แต่อีกไม่นานคุณเอเดนก็จะต้องรักผู้หญิงโชคดีสักคนแน่นอน”

“ผมว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โชคดีหรอก เพราะผมมั่นใจว่ากว่าเจ้าเอเดนมันจะยอมรับว่ารักน่ะ เจ้าหล่อนคนนั้นคงจะยับเยินยิ่งกว่าริก้าเสียอีก…” ชายหนุ่มพึมพำกับปลายถันสีสด อ้าปากงาบงับเต้างามเข้าไปเต็มปาก

“แต่ผมว่าเราหยุดพูดถึงเจ้าหมอนั่นเถอะ ผมอยากให้คุณร้องครางอย่างเดียวพเยีย…”

และชายหนุ่มก็ไม่เปิดโอกาสให้กับภรรยาได้พูดคำใดออกมาอีก เมื่อเขาจัดการร่ายมนต์รักมนต์พิศวาสใส่กายสาวอย่างหนักหน่วง ครั้งแล้วครั้งเล่าจนสมองของพเยียไม่สามารถคิดอะไรได้อีก นอกจากนึกถึงปาก ลิ้น และฝ่ามือของสามีตัวโตของตัวเองเท่านั้น

“แอบหนีลงมาจากเตียงอีกแล้วนะทูนหัว…” นาริกาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อถูกอ้อมแขนกำยำของสามีโอบรัดรอบกาย พร้อมๆ กับปากร้อนผ่าวที่ฝังหนักหน่วงลงมาที่ต้นคอ

“ให้ริก้าพักบ้างสิคะ…”

“ฉันรักเธอนี่ ไม่อยากห่างเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว”

ความแข็งขืนตื่นตัวของเดนนิสสำแดงฤทธิ์เดชอยู่บริเวณบั้นท้ายของหล่อนอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้หล่อนหน้าแดงก่ำ เดนนิส โอซิลยามอยู่บนเตียงกับหล่อนนั้นไม่ต่างไปจากเด็กชายที่แสนเอาแต่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว เขาตะกละตะกลามเสมอหากได้คลุกวงในกับหล่อน และหล่อนก็ภูมิใจเหลือเกินที่ต่อจากนี้ไปหล่อนจะได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาจะรักตลอดไป

“ริก้ารู้ค่ะ…”

“ถ้ารู้… คราวหน้าก็อย่าหนีฉันออกมาคนเดียวอีกนะ เพราะฉันคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ หากไม่มีเธออยู่ข้างๆ คนสวย… อย่าห่างฉันอีกเลยแม้แต่วินาทีเดียวนะ”

ในที่สุดเขาก็จับหล่อนให้หันมาเผชิญหน้า ดวงตาสีฟ้าจัดที่เคยเป็นความลับเสมอสำหรับหล่อนตอนนี้อัดแน่นไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายนัก น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มซึมไหลออกมาอาบแก้ม หญิงสาวยิ้มหวานให้กับสามีด้วยความรักสุดหัวใจ

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณสำหรับความรักของคุณ… เดนนิส…”

“บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบฟังคำขอบคุณ แต่ชอบให้คุณขอบคุณผมด้วยกระทำมากกว่า… ไปเถอะคนสวย เราห่างจากเตียงนอนมาหลายนาทีแล้วนะ”

สาวน้อยแก้มแดงจัดด้วยความอับอายแต่ก็ยอมเดินตามพ่อคนตัวโตจอมตะกละกลับเข้าไปในห้องนอนอย่างว่าง่าย หัวใจสาวพองโตคับอก

“ฉันรักเธอ… นาริกา ริก้าของฉัน”

เหมือนจะเป็นคำสาบานสุดท้าย… ก่อนที่หล่อนจะไม่มีโอกาสได้รับรู้อะไรได้อีกนอกจากความพิศวาสแสนเร่าร้อนของสามีตัวโตแต่เพียงอย่างเดียว

อวสาน

แองเจลล่า โรเจอริโอ น้องสาวสุดหวงของ มาร์คอส โรเจอริโอ แค้นเคืองใจเป็นที่สุดเมื่อถูกพี่ชายบังคับให้เดินทางไปยังประเทศการ์ซาน ดินแดนที่หล่อนคิดว่ามันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน และก็มั่นใจเหลือเกินว่าองค์ชายบาร์ซาร์ว่าที่พระสวามีจะต้องมีนิสัยไม่ผิดไปจากดินแดนของตัวเองแม้แต่น้อย

หญิงสาวต่อต้าน หล่อนต้านทาน หาทางออกทุกทางเพื่อทำให้ตัวเองรอดจากบ่วงพันธนาการแสนเถื่อนนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องมาพลิกผันจนน่าตกใจ เมื่ออยู่ๆ บอดี้การ์ดหล่อระเบิดที่มีชื่อว่า ฟาเดล ปรากฎตัวขึ้น และนั่นก็ทำให้หัวใจที่เคยอวดดีของหล่อนหวั่นไหวอย่างรุนแรง แต่หล่อนจะไม่มีทางญาติดีกับนายบอดี้การ์ดจอมโหดฟาเดลหรอก ในเมื่อผู้ชายคนนี้คือข้าบาทขององค์ชายบาร์ซาร์ และหน้าที่ของเขาก็คือการนำหล่อนเข้าไปสู่อ้อมหัตถ์ขององค์ชายป่าเถื่อนคนนั้นเท่านั้นเอง

Options

not work with dark mode
Reset