บ่วงมาร 23

ตอนที่ 23

แองเจลล่าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายที่หน้าตาดีมากเข้าขั้นเทพบุตรเฉกเช่นผู้ชายที่กำลังยืนประจันหน้ากับหล่อนในขณะนี้อยู่จริงๆ นึกว่าจะมีแต่บนฟ้าเท่านั้น ทั้งๆ ที่รอบกายของหล่อนก็เต็มไปด้วยผู้ชายหน้าตาดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นมาร์คอส หรือแม้แต่เหล่าบอดี้การ์ดของตัวเอง

แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้ลำคอของหล่อนแห้งผาก ทำให้หล่อนจ้องมองเขาอย่างลืมตัวอยู่เนิ่นนาน เขาหล่อระเบิดระเบ้อได้อย่างน่าทึ่ง จนหล่อนหาคำมาบรรยายความดูดีนี้ของเขาไม่ได้ เขาดูโดดเด่นจากบรรดาเหล่าบอดี้การ์ดสี่ห้าคนที่อยู่รวมกลุ่มอยู่ด้วยทั้งๆ ที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทเหมือนกัน

หญิงสาวจ้องมองบุรุษแดนทรายเบื้องหน้าด้วยท่าทางตกตะลึงพึงเพริด ไล่สายตาสำรวจเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบด้วยความชื่นชมที่ปิดไม่มิด รูปหน้าสี่เหลี่ยม คางหยักลึก ดวงตาสีนิลเนื้อดีระยิบระยับไร้ความรู้สึกอยู่ใต้ปื้นคิ้วดกดำ จมูกโด่งเชิดแบบผู้ชายที่เหย่อหยิ่งจองหองในตัวเอง ขณะที่ริมฝีปากสีสดนั้นเสมือนแต้มด้วยรอยยิ้มหยันตลอดเวลา

หล่อเหลือเกิน… หล่อนไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อมากมายได้ขนาดนี้มาก่อน

“คุณแองจี้ครับ…”

เสียงโลแกนบอดี้การ์ดร่างยักษ์เอ่ยเรียกชื่อเบาๆ แต่กระนั้นมันก็ยังไม่สามารถทำให้แองเจลล่าสามารถละสายตาจากใบหน้าหล่อระเบิดของชายหนุ่มแปลกหน้าได้เลยแม้แต่วินาที

“คุณแองจี้ครับ นี่คือฟาเดลบอดี้การ์ดคนใหม่ของคุณแองจี้ครับ”

ประโยคนี้แหละสามารถทำให้หล่อนรู้สึกตัว และสมองกลับมาทำงานอีกครั้งได้ แองเจลล่าฝืนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ขณะใช้ความพยายามที่มีทั้งหมดในตัวเองบังคับให้สายตาละออกจากใบหน้าหล่อลากไส้ของพ่อบอดี้การ์ดคนใหม่ และในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ สาวน้อยเป่าปากออกด้วยความโล่งอก

“ไปบอกพี่มาร์คอสว่าฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น…” แองเจลล่าหมุนตัวเดินหนี แต่เสียงของโลแกนยังดังไล่หลังมาเข้าหูอีกจนได้

“นายสั่งให้ผมบอกคุณแองจี้ว่า ต่อจากนี้ไปคุณแองจี้สามารถออกจากที่พักไปไหนก็ได้ทุกที่ตามที่คุณแองจี้ต้องการ…”

“จริงเหรอโลแกน…”

คนที่ยืนหันหลังอยู่หมุนตัวกลับมา พร้อมๆ กับฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ยิ่งเห็นโลแกนพยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยแล้วหญิงสาวแทบจะกระโดดกู่ก้องให้กึกก้องกับอิสรภาพที่เฝ้าต้องการมานาน

“แต่ทุกที่ที่คุณแองจี้ไป… จะต้องมีฟาเดล…”

รอยยิ้มที่แต่งแต้มใบหน้างามจางหายไปจนหมดสิ้น ขณะที่หญิงสาวตวัดสายตาไปยังผู้ชายหล่อระเบิดระเบ้อที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นหินสลักด้วยความไม่พอใจ

“ไม่มีทาง!”

“อย่าขัดคำสั่งพี่เชียวนะแองจี้”

เสียงกระด้างคุ้นหูดังขึ้นที่ปากประตูในฝั่งตรงกันข้ามกับจุดที่หล่อนยืนอยู่ แองเจลล่าสะบัดผมสีน้ำตาลไหม้ของตัวเองจนยุ่งเหยิง ขณะหันไปจ้องหน้าพี่ชายที่พึ่งจะปรากฏตัวเขม็ง ความขุ่นเคือง ความต่อต้านอัดแน่นเต็มนัยน์ตาคู่งามมหาศาล

“บอกแล้วไงว่าไม่มีทาง… น้องจะไม่มีวันยอมให้พี่มาร์คอสกักขังอีกแล้ว”

ไม่รู้ว่าหล่อนตาฝาดไปหรือเปล่าแต่ตอนที่มาร์คอสเดินผ่านผู้ชายที่ชื่อฟาเดลน่ะ หล่อนเห็นพี่ชายตัวเองยิ้มสุภาพให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นด้วย ถึงแม้ปกติมาร์คอสจะไม่ใช่คนถือตัวมากนัก แต่เขาก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับลูกจ้างคนไหนแบบนี้เลย

หล่อนสงสัย… แต่ความสงสัยนั้นก็ถูกกลบทับด้วยความกรุ่นโกรธจนหมดสิ้น

“พี่ก็ให้อิสรภาพเธอแล้วไงล่ะ น้องจะไปไหนก็ได้ตามที่เธอต้องการ…” มาร์คอสเดินมาหยุดตรงหน้าน้องสาวคนงามที่ตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“แต่พี่มาร์คอสก็ยังให้คนไปคุมน้องอยู่ดี… น้องมันเป็นคนปัญญาอ่อนหรือไงถึงต้องตามกันทุกฝีก้าวแบบนี้น่ะ” หญิงสาวตวัดสายตามองไปยังคนตัวโตที่หล่อระเบิด แล้ววูบหนึ่งก็เหมือนกับว่าได้เห็นสายตาเหยียดหยามจากดวงตาสีนิลคู่นั้น แองเจลล่าแก้มร้อนผ่าว กับความไม่เป็นมิตรที่ผู้ชายหล่อระเบิดเปิดฉากขว้างเข้าใส่หน้า

“น้องไม่ได้ปัญญาอ่อนหรอกแองจี้ แต่น้องอ่อนต่อโลกมากเกินไป… ต่อไปนี้ไม่ว่าน้องจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ น้องก็จะต้องมีฟาเดลอยู่ข้างๆ ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น…”

แองเจลล่าส่ายหน้าจนเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ของตัวเองสะบัดยุ่งเหยิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง ก่อนจะจ้องหน้าพี่ชายเขม็งด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก

“เพื่ออะไรหรือคะพี่มาร์คอส ทำไมจะต้องให้น้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้ด้วย…”

ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะออกมาเบาๆ หันไปสบตากับฟาเดลอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามของหล่อน “ก็เพราะฟาเดลจะนำพาน้องไปสู่อ้อมอกขององค์ชายบาร์ซาร์อย่างปลอดภัยยังไงล่ะ”

“น้องไม่ไป…! ได้ยินไหมพี่มาร์คอสว่าน้องไม่ไป!”

แทนที่พี่ชายจะสะทกสะท้านบ้าง แต่กลับตรงกันข้ามซะงั้น “น้องขัดคำสั่งขององค์ชายบาร์ซาร์ไม่ได้หรอก… ยังไงซะน้องก็ต้องไป…”

“เอาร่างกายของน้องไป แต่หัวใจของน้องไม่มีวันตามไปแน่”

มาร์คอสหัวเราะเบาๆ ขณะก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูของน้องสาว “หัวใจของน้องจะไปก่อนตัวเสียอีก… บาร์ซาร์น่ะหล่อไม่ผิดเพี้ยนจากฟาเดลสักนิด…”

ทุกส่วนในร่างกายตื่นเร้าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะช่องท้อง หญิงสาวปลายตามองคนที่ถูกอ้างแล้วก็ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ชายจากตะวันออกกลางคนนี้หล่อระเบิดจริงๆ แต่จะหล่อเหลา หล่อมากมายขนาดไหนก็ช่าง หล่อนจะไม่มีวันยอมให้พี่ชายของหล่อน หรือแม้แต่ไอ้องค์ชายบ้าอำนาจนั้นมาบ่งการชีวิตอีกแล้ว

“น้องเกลียดองค์ชายบาร์ซาร์ ต่อให้พระอาทิตย์เวียนมาขึ้นตอนกลางคืน หัวใจของน้องก็ไม่มีทางเป็นของผู้ชายเถื่อนถ่อยคนนั้นได้หรอก จำเอาไว้นะพี่มาร์คอส น้องจะต่อต้านให้ถึงที่สุด…”

“แล้วน้องจะไม่พูดคำนี้อีก…”

“น้องจะพูดจนชีวิตจะหาไม่นั่นแหละ”

“แล้วพี่จะคอยดู…”

มาร์คอสส่ายใบหน้าหล่อๆ ของตัวเองอย่างสุดเอือมระอาน้องสาว ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ชายหล่อลากไส้ที่หล่อนพึ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต

“ฟาเดลตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หน้าที่ดูแลแองจี้เป็นของนาย ทำทุกอย่างได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากฉัน หากเธอดื้อก็ลงโทษได้เลย… และที่สำคัญที่สุดห้ามปล่อยให้แองจี้อยู่ห่างจากสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เพราะแม่คุณเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าแม่มดในนิทานเสียอีก…”

ฟาเดลไม่ได้ตอบแต่ปลายตามามองยังหล่อน วูบหนึ่งเสมือนเห็นความชิงชังในดวงตาคมกริบคู่นั้น หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวแทบไหม้ เกลียดพวกผู้ชายที่ชอบวางอำนาจบาทใหญ่นัก

“พี่มาร์คอส! น้องไม่ยอมนะ!”

ไม่มีใครสนใจคำพูดของหล่อนเลยสักคน พวกเขาทำเหมือนกับว่าหล่อนคือวัตถุชิ้นหนึ่งที่จะโยกยกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ใดก็ได้ตามอำเภอใจ ความขุ่นเคืองกดดันให้สมองน้อยๆ ของแองเจลล่าผลิตแผนการต่อต้านขึ้นมามากมาย และแน่นอนว่าหล่อนจะต้องทำให้ผู้ชายจอมอวดดีพวกนี้รู้ว่าชีวิตเป็นของหล่อน ดังนั้นจะมาบังคับกันแบบนี้ไม่ได้

พวกเขาทั้งหมดเดินออกไปจากห้องของหล่อนแล้ว ขณะที่ประตูห้องนอนถูกปิดลงอย่างแน่นหนา หญิงสาวทรุดกายนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง ความเครียดหยั่งรากลึกอยู่ภายในอก สมองหนักอึ้งไปด้วยความชิงชังที่มีต่อผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่มาร์คอสบอกว่าเป็นคู่หมายของตัวเอง

องค์ชายบาร์ซาร์…

เชอะ… ผู้ชายเถื่อนๆ จากประเทศด้อยพัฒนาพวกนั้นน่ะเหรอ ไม่มีทางที่หล่อนจะชายตาแลอย่างแน่นอน รอให้เจอหน้าก่อนเถอะ หล่อนจะเอาคืนให้สาสมเลยทีเดียว โทษฐานที่ทำให้หล่อนถูกกักขัง ไร้อิสรภาพมานานแสนนานแบบนี้

“องค์ชายเถื่อน…”

แองเจลล่าเชิดหน้าสูง ใบหน้าหวานซึ้งเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และไม่ช้าของที่อยู่ใกล้ๆ มือไม่ว่าจะเป็นหมอน นิตยสาร หรือแม้แต่แจกันบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าก็ถูกกวาดลงไปกองกับพื้นห้องจนหมด แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์เดือดดาลของหล่อนสงบลงได้ หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงห้าฟุตห้านิ้ว จากนั้นหล่อนก็ก้าวพรวดๆ ตรงไปที่ประตูห้อง กำลังจะยื่นมือไปกระชากให้มันเปิดออก แต่มันกลับเปิดกว้างออกซะก่อน พร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่สุดสมาร์ทของพ่อบอดี้การ์ดหน้าหล่อผสมเถื่อนก้าวเข้ามา

“หลบไปไหน ฉันจะออกไปข้างนอก!”

หล่อนตวาดใส่ แต่พ่อฟาเดลหล่อโคตรไม่แสดงท่าทางสะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว แถมยังปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา จากนั้นก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับหล่อน

ระยะห่างไม่ถึงไม้บรรทัดทำให้หล่อนได้เห็นความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของพ่อบอดี้การ์ดสุดหล่อชัดเจนยิ่งขึ้น และมันก็ทำให้หล่อนถึงกับอ้าปากหวอ เบิกตาค้างไปเลยทีเดียว

นายนี่… ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อ ดูสิ… แม้ผิวกายจะเป็นสีแทนแต่กระนั้นหล่อนก็ยังมองเห็นรอยหนวดสีเขียวจางๆ บนใบหน้าหล่อระเบิดของเขาได้อย่างชัดเจน จมูกก็โด๊งโด่ง คิ้วก็ดกดำ ดวงตาก็ทั้งหวานซึ้งทั้งคมกริบ แถมปากสีระเรื่อของเขายังได้รูปสวยอีกต่างหาก

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมอนี่เป็นแค่บอดี้การ์ดธรรมดาๆ น่ะ นี่หากบอกว่าฟาเดลเป็นองค์ชาย หรือเชื้อพระวงศ์หล่อนก็คงเชื่อแบบไม่ลังเลเลยแหละ

“พี่ชายของคุณ… ไม่อนุญาตให้คุณออกไปที่ไหนทั้งนั้นในตอนนี้…”

โอ้… เสียงก็ยังไพเราะน่าฟังอีกด้วย ทั้งๆ ที่พ่อคุณพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำก็ตาม ตกลงหมอนี่จะมีจุดไหนบ้างไหมที่ไม่สมบูรณ์แบบน่ะ

“แต่ฉันจะไป… ซึ่งนายไม่มีสิทธิ์มาห้าม…”

หญิงสาวกัดฟันละสายตาจากผู้ชายหล่อลากไส้ตรงหน้า จากนั้นก็เชิดหน้าสูงแสดงความอวดดีและท้าทายออกไปอย่างไม่คิดจะยอมแพ้ หล่อนจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับหรอก แม้แต่พ่อบอดี้การ์ดที่หล่อสุดในสามโลกคนนี้ก็ตาม

“หากจะต้องมัดคุณไว้กับเตียง ผมก็จะทำ…”

แองเจลล่าแทบเต้นได้กับคำตอบของผู้ชายตรงหน้า “นี่นาย…” สาวน้อยกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บแค้น สองมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น ดวงตาหวานฉ่ำวาวโรจน์

Options

not work with dark mode
Reset