(นิยายแปล) The Daughter of the Albert House Wishes for Ruin 4-2

ตอนที่ 4-2

ตอนที่ 4-2

 

ตั้งแต่ที่ได้คุยกันกับแมรี่มันผ่านมาได้ซักพักแล้ว

“ไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมขี่มันจริงๆ”

อาดี้ที่เอ่ยขึ้นเบาๆอย่างแปลกใจ ขณะที่กำลังขี่จักรยานโดยมีแพทริค ประธานนักเรียนของ เซนต์คาเรเลียซ้อนท้ายอยู่ เส้นผมของที่ดูเรียบลื่นมันปลิวไสวไปตามสายลม ท่วงท่าที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานของเขา มันดูแล้วสง่างามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

 

สาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

เมื่อแมรี่ ได้เชื้อเชิญแพทริคให้ตามเธอมา ซึ่งเขาก็ดันตามมาง่ายๆ และแมรี่พาเขาไปพื้นยังที่ว่างในสถาบัน หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ที่จอดรถจักรยาน ก็ได้

เมื่อมองไปทางแพทริค เขามองดูจักรยานสองคันที่จอดอยู่ด้วยความสนอกสนใจอย่างมาก ข้อสงสัยของเขาก็ได้ข้อสรุปเมื่อเขาถามแมรี่ และอาดี้

 

ถ้ายังจำจุดประสงค์เดิมได้ แพทริคและแมรี่ทั้งคู่ควรนั่งรถม้าผ่านมาทางนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถทำตามเหตุการณ์ของเกมต้นฉบับได้สมบูรณ์ แต่อลิเซียน่าจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ถ้าเห็นภาพนี้ระหว่างเดินทางกลับไปที่สถาบัน

แน่นอนว่า แพทริค ผู้เป็นขุนนางตั้งแต่กำเนิดนั้น ไม่เคยขี่จักรยานเลย มันเลยเป็นไปไม่ได้ที่แมรี่จะนั่งซ้อนท้ายเขา

เลยกลายเป็นว่า อาดี้ พ่อบ้านแสนดีของ แมรี่ ต้องมาขี่จักรยานให้ แพทริค ซ้อนท้าย ก็ไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันถูกไหม? ก็คงจะไม่นั่นแหละ เพราะมันผิดตั้งแต่แรกแล้วที่ขี่จักรยานมาเรียน ซึ่งคำตอบมันก็คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

“ยังไงก็เถอะครับ มันเป็นเรื่องที่บ้าเกินไปแล้วที่มาทำแบบนี้… ถ้าผมจะถูกฟ้องร้องโดยตระกูลไดซ์นี่ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เลยครับ”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมบอกเองนี่ว่าจะมาด้วย แถมยังอยากลองขี่จักรยานดูสักครั้งด้วยซ้ำ”

“แปลกใจนะครับเนี่ยที่คุณ สนใจขี่จักรยานด้วย”

“ก็เวลาลมมันกระทบผ่านใบหน้าแล้วทำให้รู้สึกดีน่ะ ได้ยินมาจาก อลิเซี…… ใครซักคนบอกมานี่แหละ”

“ฮ่าๆ…จากใครบางคนสินะครับ?”

อาดี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่แพทริคพูดเว้นช่วงไปเมื่อกี้ ก่อนจะจงใจกระแอมในลำคอเล็กน้อยกลบเกลื่อน

แมรี่ซึ่งขี่จักรยานอยู่ข้างๆ เงี่ยหูฟังการแลกเปลี่ยนการสนทนาเมื่อกี้ เธอขี่จักรยานท่ามกลางสายลมเย็นด้วยท่าทางสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกประหลาดใจกับ การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของแพทริคที่มีต่ออลิเซีย

คุณประธานนักเรียนดันสนใจพาหนะของคนสามัญชน มากกว่าที่แมรี่คาดหวังไว้ซะอีก อลิเซียอาจจะคิดไม่ถึงว่าตัวเองกำลังจะค่อยๆกลายเป็นคนสำคัญของแพทริคคนนี้ไปแล้ว

 

ในเกมดั้งเดิมเราจะเล่นเป็นอลิเซีย และมีฉากหลังคือการใช้ชีวิตในสถาบัน เราจะเข้าใจความรู้สึกชัดเจนจริงๆของตัวละครอย่าง อลิเซียคนเดียวเท่านั้น ส่วนตัวละครอื่นจะเข้าใจได้แค่จากบทสนทนาเล็กๆน้อยๆ กับค่าตัวเลขที่บ่งบอกความชอบ ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแพทริคตกหลุมรักอลิเซียมากขนาดไหน ซึ่งแค่มองก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว แม้ว่าจะไม่มีค่าความชอบให้ดูก็ตาม

แมรี่กรีดร้องในใจเมื่อคิดว่ามันน่าสนใจขนาดไหน เพราะนี่มันไม่ใช่ในเกม ถ้าได้เห็นฉากที่แพทริคค่อยๆสารภาพรักด้วยความสุขุมเยือกเย็น โดยค่อยๆกระซิบบอกรักเบาๆที่ข้างหู ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ หน่อยๆมันจะน่าสนใจขนาดไหน

 

เมื่อฉันมองไปที่ข้างหน้าอย่างชัดๆ ก็เห็นภาพแสนคุ้นเคยที่สุดปลายถนน

หญิงสาวที่ค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆอยู่ไม่ไกล ผมสีทองของเธอปลิวไสวไปตามสายลม แขนขาที่เพรียวบางของเธอมันเคลื่อนไหวตามจังหวะการเดินที่ดูแล้วช่างงดงาม ไหนจะเป็นเครื่องแบบแสนคุ้นเคยของเซนต์คาเรเลีย ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นสถานศึกษาของพวกขุนนาง และแน่นอนว่านักเรียนที่เดินอยู่คนเดียวอย่างไม่ระวังตัวคนนั้นคือ อลิเซีย

นักเรียนคนอื่น ๆของสถาบันเซนต์คาเรเลีย ไม่สามารถออกมาข้างนอกด้วยการเดินเท้าออกมาเองแน่นอน และก็ไม่สามารถออกไปไหนคนเดียว ได้ถ้าไม่มีรถม้าหรือคนคุ้มกัน

แมรี่เตรียมเข้าหาอลิเซียคนที่ทำตัวไม่เหมือนใครในเซนต์คาเรเลีย จากทางด้านหลัง โดยเพิ่มแรงจับที่แฮนด์จักรยานให้มั่นคง

เหมือนกับอีเว้นท์ในเกม คุณจะเดินทางไปเจอกับอลิเซีย เธอที่เห็น แมรี่กำลังคุยอย่างสนุกสนานและเป็นมิตรอยู่กับแพทริค จะเกิดความเข้าใจผิดขึ้น ทำให้เธอเริ่มตีตัวออกห่างจากแพทริค

มันควรต้องเป็น แบบนั้น

 

……ใช่ มันควรต้องเป็น แบบนั้น

…………ฉันกำลังสงสัยว่ามันจะได้ผลไหมนะ

แถมฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่สถานการณ์มันแตกต่างจากเกมดั้งเดิมเล็กน้อย

ในเกมดั้งเดิม แมรี่และแพทริค นั่งอยู่กันในรถม้าของตระกูลอัลเบิร์ตด้วยกัน แถมจะดูใกล้ชิดกันมาก เป็นที่เข้าใจได้ว่า ทำไม อลิเซีย ถึงได้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งฉันก็พอเข้าใจได้

แต่แล้วตอนนี้ล่ะ? แพทริคกับอาดี้ทั้งคู่ อยู่บนจักรยานคันเดียวกัน ส่วนแมรี่ ดันขี่จักรยานคนเดียว

มันคงจะเป็นแบบเดียวกับในเกม หากอลิเซียเข้าใจผิดว่า “พวกเขาดูสนิทกันมากเลย บางทีพวกเขาคงจะ …”  แต่ในกรณีนี้ ไม่ใช่แมรี่กับแพทริคล่ะนะ …

“ไม่เอาแล้ว หยุดคิดดีกว่า แมรี่ … ฉันน่ะต้องเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้”

แมรี่รู้สึกขนลุกเมื่อเผลอไปคิดอะไรแปลกๆเข้า

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสูญเสียความมั่นใจที่นี่? แผนมันเริ่มไปแล้ว และเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ช่างมัน ก็เพราะฉันเป็นลูกสาวของตระกูลอัลเบิร์ตนี่นา

ใช่ มันควรจะได้ผล อลิเซียจะต้องเข้าใจผิดฉากนี้อย่างแน่นอน

……เอาละ เอาเป็นว่าถ้าเกิดจะเข้าใจผิดต่างกันนิดหน่อยๆก็คงจะไม่เป็นไร

ประเด็นคือมันจะเป็นเรื่องดีถ้า อลิเซีย และแพทริค จะถูกขัดขวางความสัมพันธ์ แม้ว่าอาดี้อาจจะเข้าไปพัวพันด้วยนิดหน่อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ล่ะนะ ตอนนี้เขากำลังจะเป็นเครื่องสังเวยชั้นดีแทนฉันเลยล่ะ

ขณะที่แมรี่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ พวกเขาก็ขี่จักรยานไปอยู่ข้างๆ อลิเซียแล้ว …

“โอ๊ะ ท่านแพทริค”

“หืม อลิเซีย? อาดี้ หยุดรถก่อน”

“รับทราบครับ!”  

เอี๊ยด…!  

 

แมรี่รีบเบรกจักรยานตาม และจอดรถเงียบๆอยู่ข้างๆ  

“สวัสดีค่ะทุกคน”

อลิเซียได้โค้งคำนับทักทายพวกเขา

การทักทายที่ไม่คุ้นเคยและน่าอึดอัดใจ แต่ถ้ารู้จักบุคลิกและนิสัยของอลิเซียดีแล้ว มันจะเรียกรอยยิ้มได้ไม่ยาก

อันที่จริง แพทริค มักจะว่าคนอื่นที่ทำตัวแบบนี้ แต่เขากลับพยักหน้าตอบกลับอลิเซีย ในทางตรงกันข้าม สายตาที่เขามองเธอนั้นค่อนข้างที่จะอ่อนโยน เขาผู้ที่ปกติจะหน้านิ่งและเย็นชาตอนนี้เขากลับดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ

แต่อลิเซียนั้น ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของแพทริคเลย เธอมองคนทั้งสามอย่างประหลาดใจและเอียงคอด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะ ทำไมถึงมาขี่กันจักรยานกัน”

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อลิเซียจะประหลาดใจ

เพราะ ขุนนางผู้มีชื่อเสียงสองคน ที่เป็นนักเรียนของสถาบันที่ซึ่งมีเพียงขุนนางเท่านั้นที่เข้าเรียนได้ กำลังขี่ยานพาหนะของสามัญชน

 

เพื่อตอบสนองต่อข้อสงสัยของอลิเซีย แพทริคกระแอมเบา ๆ แล้วหันมามองแมรี่ โดยพยายามให้เธอแก้ไขสถานการณ์ให้ ฉันพูดเลยได้ว่าเขาไม่กล้าบอกว่า “เขาสนใจจักรยานหลังจากที่ได้คุยกับอลิเซีย” แน่ๆ

นัยน์ตาของแมรี่เบิกกว้างเล็กน้อย เพราะท่าทางที่เข้าใจง่ายของแพทริค ในเกมเขาทำให้ผู้เล่นหญิงหลงใหลง่ายๆ ด้วยคำพูดจาที่หวานเลี่ยน เมื่อความชอบของเขาเพิ่มมากขึ้น แต่ในตอนนี้มันน่าสนใจเช่นกันเมื่อเขากำลังอยู่ตรงกลางระหว่างความอ่อนหวานและความภาคภูมิใจ ต่อภาพลักษณ์ที่เขามี

แต่ตอนนี้จะมัวแต่เงียบไม่ได้

ดังนั้น แมรี่เริ่มคิดหาทางออก โดยส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ฉันคิดว่ามันน่าจะดีถ้าจะออกกำลังกายบ้างน่ะ” และค่อยๆแอบถอยห่างจากอลิเซียและคนอื่นๆ

“โอ้ จริงสิฉันมีเรื่องจะคุยกับอาดี้นิดหน่อยน่ะค่ะ” เธอพูดออกมา ก่อนจะดึงแขนพ่อบ้านของตัวเองที่ยืนไม่รู้เรื่องให้ถอยห่างออกมาจากพวกเขา ทำกับเหมือนว่าตัวเองเป็นแม่สื่อที่ไม่อยากเป็น กขค. ก็จะประมาณว่า “ทั้งคู่คุยกันตามสบายเลยนะคะ” อะไรแบบนี้

 

จากนั้น เมื่ออยู่ห่างจากพวกเขาจนเเสียงไม่สามารถได้ยินไปถึงตรงอลิเซียได้ เธอก็เหยียบเท้าของ อาดี้ค้างไว้อย่างนั้น

“คุณหนูครับ … อึ๊ก อย่าเหยียบเท้าผมสิครับ ลองมองดูพวกเขาดูสิครับ”

“สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะถามนายคือ ทำไมนายถึงหยุดรถจักรยานย่ะ นายก็รู้แผนของฉันแล้วไม่ใช่รึไง! จะหยุดทำไมห๊ะ!”

“ฮ่าๆ คุณหนูครับดูนั่นสิ แพทริคหน้าแดงใหญ่เลย ถึงอลิเซียจังจะเป็นคนน่ารักอยู่แล้วก็เถอะ ผมคิดว่าผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนั้นมาก่อนเลยล่ะครับ”

“… ดูเหมือนว่าเราต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วล่ะ ฉันจะเรียกท่านพ่อมาคุยด้วย”

“ผมขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ถึงมันจะเป็นคำสั่งของคุณหนูก็เถอะ แต่ผมก็ขัดคำสั่งท่านแพทริคไม่ได้นี่ครับ!”

ผมโทษด้วยจริงๆนะครับ! อาดี้ก้มโค้งขอโทษแมรี่อย่างสุดตัว จนแมรี่ต้องจับหน้าผากของเธอที่มันเริ่มจะรู้สึกเวียนหัว

แน่นอนว่า อาดี้ ที่มีครอบครัวที่ทำงานเป็นพ่อบ้าน คงไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำสั่งของแพทริค ที่เป็นชนชั้นสูงที่มีอำนาจได้ ซึ่งฉันเข้าใจ แล้วคำสั่งของเธอล่ะย่ะ

นอกจากนี้ ฉันรู้สึกว่าลำดับความสำคัญในตัวเขาน่าจะแปลกไปนะ เป็นธรรมดาที่ท่านพ่อของเธอ ที่เป็นผู้นำ ของตระกูลอัลเบิร์ต จะสำคัญเป็นอันดับต้นๆ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันที่เป็นลูกสาวของท่านพ่อเนี่ย ดูเหมือนความสำคัญมันจะ อยู่ต่ำ กว่าแพทริค อีก….

 

เมื่อเห็นแมรี่จ้องหน้าอย่างกดดัน อาดี้ที่กำลังทำหน้าลำบากใจอยู่ ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนกำลังทำสีหน้าอารมณ์เสียอยู่

“พวกเขาเรียกแล้วนะครับ อย่าให้พวกเขารอเรานานเลยนะครับ คุณหนูอารมณืดีเถอะนะครับ นะครับ”

อาดี้จึงยิ้มออกมา

เห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มนั่น ช่วยทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเธอเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีได้ เธอจึงถอนหายใจออกมาและเลิกโกรธเขาแล้วด้วย จากนั้นพวกเขาจึงเดินกลับไปหา แพทริคและอลิเซีย

ฉันรู้สึกว่าการที่ต้องมาคอยถามหาเหตุผลของการกระทำของ อาดี้ และคอยเตือนเขาในฐานะเจ้านายมันเป็นเรื่องปกติ แต่การไปใจดีไม่ลงโทษเขานี่ เหมือนฉันกำลังให้ท้ายอาดี้เลย จะมาคิดหาเหตุผลรองรับเรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่เวลา…..และฉันก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆเลย ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นแบบนี้ก็เถอะมันก็อดใจที่ไม่สงสัยไม่ได้นี่นาว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

 

“ขอโทษที่ให้รอนะคะ”

แมรี่คุยกับแพทริคและอลิเซียด้วยรอยยิ้มสดใส

เห็นได้ชัดว่าการสนทนาของพวกเขามันดูผ่อนคลายและมีชีวิตชีวาอย่างมากจนทั้งสองซึ่งไม่ได้รู้เลยตัว ฉันที่เดินกลับมา เมื่อมองไปที่ อลิเซียก็ดูมีความสุขตามปกติดี แต่แพทริคนี่เมื่อเผลอสบตากับ ฉันทำท่าทางอายๆซะงั้น

“เอาล่ะ แพทริค กลับกันเถอะ แล้วก็สวัสดี อลิเซีย เจอกันพรุ่งนี้ที่สถาบันนะ”

“เอ่อ คือว่า…”

แพทริค เอ่ยขึ้นขัดแมรี่ ที่กำลังบอกลาอลิเซีย

แมรี่ก็กลอกตาของเธอ เลยถามไปว่ากลับไปว่ามีอะไร แพทริคก็กระแอมในลำคอหนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมา

นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเหตุการณ์ตรงหน้า

“ไม่คิดเลยว่าตอนขี่มันเองจะรู้สึกดีกว่าตอนนั่งซะอีก มันดีต่อการออกกำลังกายจริงๆนะเนี่ย”

“น่าทึ่งมากเลยค่ะ ท่านแพทริค ที่สามารถขี่มันได้ในการลองเพียงครั้งเดียว แถมยังมีฉันนั่งซ้อนท้ายอีก!”

“มันไม่ได้ขี่ยากเลยครับ มันขี่ง่ายกว่าการขี่ม้าเยอะเลยล่ะครับ”

แมรี่ถอนหายใจเสียงดังเมื่อมองไปทางด้านข้าง ที่ซึ่งทั้งสองคนกำลังรับลมเย็นๆและคุยกันอย่างมีความสุข

 

เมื่อฉันใช้ข้อศอกจิ้มเข้าที่เอวของ อาดี้ เหมือนฉันได้ยินเสียงแปลกๆออกมา “อึ๊ก … ”

“ฉันรู้สึกเหมือนฉันแพ้การแข่งขันนี้เลย แพ้ทั้งการแข่ง แพ้ทั้งการเดิมพัน”

“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูนะครับ แต่ได้โปรดจับผมดีๆแล้วอยู่นิ่งๆ ได้ไหมครับคุณหนู”

“ถ้าฉันตกลงไป มันคงจะไม่ดีสินะ”

แมรี่ถอนหายใจแล้วหันไปโอบเอวของอาดี้

 

ตอนนี้แมรี่นั่งซ้อนท้ายจักรยานที่อาดี้กำลังขี่มันอยู่ ซึ่งมันคือจักรยานสองที่นั่ง

ข้างๆมี แพทริคและอลิเซีย ที่กำลังขี่จักรยานอยู่ข้างๆ ในจักรยานที่มีสองที่นั่งเหมือนกัน ดังนั้น หากมองจากด้านข้างจะเห็นว่าพวกเขามันดูไม่เหมือนขุนนางเลย เหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วๆไปมากกว่า

อันที่จริง แพทริคและอลิเซียก็ดูจะสนุกสนานกันดี แต่บางครั้งเมื่อจักรยานสั่นแรงๆ อลิเซียก็จะเผลอไปกอดแพทริค … ซึ่งฉันตอนนี้รู้สึก*หวานอมขมกลืนเอามากๆเลย

 

แต่กลับกันในด้านของ แมรี่และอาดี้ พวกเขามีแววตาที่เหมือนปลาตาย แถมมีเสียงยังมีเสียงพึมพำว่า ฝ่ายแพ้ เป็นระยะๆ อาดี้ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับออร่ามืดมนที่ ลอยมาจากด้านหลัง ที่เมื่อมองในตอนแรกอาจจะดูเหมือน เพื่อนสนิทชายและหญิงธรรมดาๆ แต่ถ้ามองดีๆแล้วบรรยากาศมันเหมือน *ความแตกต่างต่างราวฟ้ากับเหว ดีๆนี่เอง เพราะออร่ามืดมนน่ากลัวจากด้านหลังนั้นแหละ

 

ถึงอย่างนั้นหลังจากขี่จักรยานในตัวเมืองกันได้ซักพัก ก็มาถึงปลายทางเลยหยุดขี่จักรยานกัน

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ท่านแพทริค แล้วก็ขอบคุณท่านแมรี่และคุณอาดี้ เหมือนกันนะคะ”

ลิเซียที่โค้งคำนับขอบคุณอย่างกังวลๆ จนแมรี่ยิ้มและตอบกลับไป “ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกนะ”

แมรี่หยิกเอวของ อาดี้ หลายครั้ง บางครั้งก็ขู่เขาว่าจะฟ้องท่านพ่อ ใบหน้าที่เต็มไปรอยยิ้มที่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ ที่ดูงดงามเพียงแต่ ……ถ้ามองดีๆ แววตาก็ยังเหมือนปลาตายอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม อลิเซียนั้นหัวเราะอย่างมีความสุขโดยไม่ได้รับรู้ ถึงข้างในจิตใจของแมรี่เลย แถมแพทริก เท่าที่เห็นก็ดูเหมือนจะพอใจอย่างมากด้วย

ภาพของของ หญิงสาวไร้เดียงสาและเจ้าชายที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แมรี่ซึ่งที่พยายามลบความไม่ค่อยสบอารมณ์ ก็ถอนหายใจเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นถึงอารมณ์ขุ่นมัวของเธอ มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ที่เหมือนว่าจะแพ้ศึกตั้งแต่ก่อนจะรบด้วยซ้ำ

 

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แพทริคจะทำคือการพา อลิเซียเดินไปส่งให้ถึงจุดหมายปลายทาง ถึงอลิเซียจะเกรงใจ แต่แพทริคก็พูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

นี่มันห่างไกลจากการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางความรัก มันเหมือนกับว่าวันที่ได้พาทั้งสองไปออกเดทในเมืองมากกว่า มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้ทั้งหมดหรอกนะ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังคอยให้กำลังใจพวกเขาอยู่นั่นแหละ

จากนั้นแมรี่ก็มองเห็นทั้งสองที่จากไปพร้อมกับเดินคุยกันอย่างมีความสุขด้วย สายตาที่เหมือนปลาตายนั่นแหละ

“ฉันสงสัยว่าฉันต้องการทำอะไรกันแน่ … “

คำพูดที่พึมพำของแมรี่ทำให้อาดี้ ดูลำบากใจ อาจเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เลยรู้สึกว่าคราวนี้เขาต้องรับผิดชอบมัน

 

 

 

 

*หวานอมขมกลืน หมายถึง ตกอยู่ในภาวะจำยอมไม่ว่าจะถูกกระทำดีหรือร้าย พอใจ หรือไม่พอใจก็ตาม.

*ความแตกต่างต่างราวฟ้ากับเหว คือ ความแตกต่างที่ต่างกันมากๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

*****ตอนนี้ยาวเหลือเกิน รู้สึกแปลลำบากกว่าตอนที่ผ่านๆมามาก แถมสำนวนในตอนนี้ยังมีเยอะอีก ส่วนแมรี่ก็ทำเลวไม่ขึ้นเลยจริงๆ

Options

not work with dark mode
Reset