(นิยายแปล) The Daughter of the Albert House Wishes for Ruin 4-1

ตอนที่ 4-1

ตอนที่ 4-1

 

“ถึงหลายๆครั้งฉันอาจจะทำเหมือนลืมไปว่านี่คือเกมจีบหนุ่มก็เถอะนะ แต่ไอ้เกมนี้น่ะ ทั้งเกมมันมีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆของพวกตัวละครหลักทั้งนั้นเลยนะ”

“ก็พอจะเข้าใจครับ คุณหนูเคยบอกว่ามันเกมที่มีแต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ”

“ใช่ อลิเซีย ที่เป็นตัวละครหลักอ่ะนะ จะมีปฏิสัมพันธ์ที่เริ่มจากเป็นเพื่อนกับหนุ่มหล่อที่เป็นเป้าหมายในการจีบซักคน ก่อนที่มันจะพัฒนาเป็นความรักในเวลาต่อมา โดยมีพวกตัวร้ายที่คอยมาขัดขวางความรักที่ ที่เรียกว่าพวก นางร้าย ตัวร้าย อะไรประมาณนั้น”

อาดี้ ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ตรงกันข้ามกับแมรี่ คอยพยักหน้าตอบรับแมรี่ ที่กำลังอธิบายอยู่

ฉัน มองอาดี้ที่ มัวแต่สนใจหนังสือ และคอยตอบรับฉันแบบส่งๆ  พ่อบ้านของฉันคนนี้นี่ ไม่ได้ตั้งใจฟังที่ฉันพูดเลยสินะ  

 

ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่หอสมุดของสถาบันที่ ตอนนี้ไม่มีใครมาใช้บริการห้องสมุดแล้ว ทั้งยังพวกคณะกรรมการห้องสมุดที่พึ่งจะออกไปได้ซักพักแล้ว จึงทำให้ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการวางแผนการขั้นต่อไป

“อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ ฉันจะต้องไปขัดขวางความรักของอลิเซีย ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงดี นายคิดว่ายังไงอาดี้?”

“ก็คงต้องแบบนั้นแหละครับ ค่อยๆหาวิธีเอา”

“ฉันจะฟ้องท่านพ่อ ถ้านายยังไม่ยอมปิดหนังสือแล้วตังใจฟังที่ฉันพูดดีๆ”

“ลุยกันเลยครับ! มาวางแผนกันครับว่าจะเอายังไงดี ฮ่าๆ !!”

“นี่ฉันว่าลำดับความสำคัญที่นายต้องทำตามคำสั่งเจ้านายในตัวนายมันดูแปลกๆนะ ทั้งท่านพ่อและฉันระดับความสำคัญต้องมาอันดับแรกๆทั้งคู่สิ”

นี่ฉันยังเป็นลูกสาวของตระกูลอัลเบิร์ตอยู่นะย่ะ

อาดี้ได้แต่ขำกับท่าทางข่มขู่ของแมรี่

“แล้วคุณหนูจะไปขัดขวางเรื่องรักๆใคร่ๆ ของอลิเซียจัง ยังไงล่ะครับ?”

“นายนี่เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงๆเลยนะ เอาเถอะอลิเซียน่ะเผลอไปปักธงแบบไม่รู้ตัว มีไม่กี่คน”

ตอนนี้เป้าหมายที่ อลิเซีย ปักธงไปแบบไม่รู้ตัวมี 3 คน

 

หนึ่งในคนที่อลิเซียสนิทมากที่สุดคือ แพรทริค ไดซ์ ประธานนักเรียน ที่ได้รับคำชมมากมายว่าเขาเป็นประธานที่เก่งและดีที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของ สถาบันเซนต์คาเรเลีย

พื้นเพของเขามันดูดีอย่างมากเป็นคนที่เก่ง ทุกด้าน และจะเรียกว่า โกงที่สุดในเกมก็ได้ เขามาจากตระกูลที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ด้วยผมสีครามและดวงตาสีเดียวกัน ทำให้เขาคนนั้นดูราวกับเจ้าชายเลยล่ะ

ในเกมเขาคนนี้เป็นคนที่เพิ่มระดับความสัมพันธ์ยากมาก ค่าความสัมพันธ์ในตอนแรกนั้นก็ต่ำที่สุดในบรรดาตัวละครทั้งหมด ในตอนที่เขาพบนางเอกครั้งแรก เขาบอกกับนางเอกว่า  “อย่ามาคุยกับผมได้ไหม”

ไอ้นิสัยที่แสนจะดูเย็นชา เหมือนเจ้าชายน้ำแข็งนั่น ทำให้เขากุมหัวใจของหญิงสาวได้มากมาย เลยเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมมากที่สุดในเกม แถมพวกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเขามันขายดีสุดๆไปเลย

 

แถมแพทริคตัวจริงก็ไม่ต่างกับความขายดีของเขา ทุกคนในสภานักเรียนก็ล้วนรักและเคารพเขาสุดๆ เขาเลยเป็นเคารพมากที่สุดในสภา แถมความนิยมของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ในสถาบันเท่านั้น คงไม่เกินจริงถ้าจะบอกว่า สาวน้อยสาวใหญ่ที่สบตาเขา ต้องล้วนเคยตกหลุมรักเขาสักครั้งบ้างแหละ  

ประธานนักเรียน เลขาสภานักเรียน และครูฟิสิกส์

สามคนนี้เป็นตัวละครที่อลิเซีย จะเข้าไปพัวพันมากที่สุด

 

จะยังไงก็ตามแพทริคไม่ว่าระดับความสัมพันธ์จะต่ำแค่ไหน ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเขาจะเป็นคนที่น่าเข้าหามากๆ เพราะเขาเป็นมิตรกับทุกคน เขามักจะทำดีด้วยโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เป็นพวกอ่อนโยนตามธรรมชาติ  

ส่วน เลขาสภานักเรียนเป็นแค่คนที่อยากรู้อยากเห็น เพราะ อลิเซียเป็นสามัญชน เขาเลยสนใจแค่นั้นแหละ และครูสอนวิชาฟิสิกส์เขาเป็นคนใจดีที่รู้สึกสงสารอลิเซีย ที่มีความทุกข์ที่มาจากความต่างที่มากเกินไปจากเรื่องของชนชั้น

พัฒนาการในปัจจุบันของอลิเซียตอนนี้ ถือว่ามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นไหมนะ?

ยังไม่มีวี่แววว่าเส้นทางของใครที่จะนำไปสู่การออกเดท เพื่อที่จะพัฒนาเป็นมากกว่าเพื่อนแต่น้อยกว่าคนรักเลย

จากจุดนี้ สามารถไปทำความรู้จักกับตัวละครเป้าหมายคนอื่นแทนได้ หรือจะเพิ่มสถานะกับเป้าหมายที่ต้องการเพื่อไปยังเส้นทางที่เฉพาะเจาะจง ดูเหมือนว่าจุดเปลี่ยนจะรออยู่ไม่ไกล

“ถึงจะไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะลงมือเท่าไหร่ แต่ถ้ามันไปได้สวยล่ะก็ มันอาจจะดีก็ได้”

อาดี้ พยักหน้าราวกับว่าเขาประทับใจ ในตัวแมรี่ ที่ศึกษาเรื่องราวรักๆใคร่ๆของอลิเซียมาอย่างดี

“น่าสนใจนะครับ ที่คุณหนูรู้เรื่องของอลิเซียจัง ละเอียดขนาดนี้”

“…ก็ช่วงนี้ผู้หญิงคนนั้นน่ะนะ มาคุยกับฉันตลอดเลย แถมดูจะดีใจเหลือเกินที่ได้เล่าให้ฉันฟังน่ะสิ”

ฉันก็สงสัยนะว่าจะมาบอกฉันทำไม … แมรี่พึมพำ โดยมองไปยังทางอาดี้ และหันหลังกลับเมื่ออาดี้ ตอบคำถามเธอไม่ได้

“ผมคิดว่าคุณหนูกับเธอเป็นเพื่อนกันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” อาดี้ได้แต่คิดโดยไม่กล้าพูดมันออกไป แน่นอนว่า แมรี่น่าจะรู้สึกบ้างเล็กน้อยแหละ แต่ตราบใดที่ดันตั้งเป้าไปที่เส้นทางหายนะ ถ้าเธอเกิดยอมรับขึ้นมา หัวใจของเธออาจจะแหลกสลายเป็นชิ้นๆแน่ๆ

 

“ยังไงก็ตาม! ตอนนี้เมื่อฉันรู้ว่าอลิเซียไปข้องเกี่ยวกับสามคนนั้น ฉันเลยอยากเข้าไปขัดขวางล่ะ!”

ใน “ตึกตักตึกตักรักในสถาบัน” แมรี่คุณหนูนางร้ายคนนี้ชอบเข้าไปขัดขวางความรักของตัวละครหลักอย่างอลิเซียทุกครั้ง

เธอนั้นตั้งใจตีสนิทกับพวกเป้าหมายในการจีบต่อหน้าต่อตาอลิเซีย และมักว่าอวดว่าตัวเอง เหมาะสมกับพวกเป้าหมายในการจีบมากกว่าอลิเซีย แถมในงานเลี้ยงของตระกูลอัลเบิร์ต คนที่ค่ามีความชอบสูงสุดนั้นจะถูกเลือกเป็นคู่ของแมรี่ในงานเลี้ยงนั้น

แม้ว่า ในเกมแมรี่จะพยายามมีส่วนร่วมกับเป้าหมายในการจีบเท่าที่ทำได้ ถึงจะรู้ว่าเป้าหมายในการจีบจะชอบอลิเซียมากกว่าเธฮ ถึงรู้อย่างนั้นแมรี่ก็จะเข้าไปก่อกวนโดยไม่ดูบรรยากาศรอบข้างเลย

ยังไงก็ตามในตอนท้ายเธอก็จะถูกประณามอย่างหนัก ถึงรู้แบบนั้นเธอยังตั้งเป้าเพื่อให้มันไปยังเส้นทางนั้น

 

“ผู้หญิงคนนั้น บอกว่าจะเข้าไปในเมืองวันนี้ล่ะ เห็นบอกจะไปขอบคุณพวกที่ช่วยเหลือเธอตอนย้ายมาใหม่ๆ ล่ะ “

“คุณหนูได้ยินมาจากเธอหรอครับ?”

“ก็เจ้าตัวนั่นแหละที่เอ่ยปากชวนฉันไปด้วยเนี่ย!”

“ว้าว……”

“หยุดเลยนะ ฉันอยากจะร้องไห้แล้วเนี่ย! ถึงยังไงฉันต้องไปขัดขวางยัยนั่น มันต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในเมืองแน่ๆ”

ฉันสงสัยว่ามันคืออะไร จึงพยายามนึกมันจากความจำที่ยังพอจะมันจำได้

มีไรซักอย่างในตัวเมือง ภาพบางส่วนที่นึกได้ก็มีหลายเรื่องเกิดขึ้นในเมือง และที่สำคัญในนั้นมันมีแมรี่อยู่ด้วยล่ะ

เท่าที่ฉันจำได้ เหมือนจะเป็นแพทริคที่อยู่ในรถม้ากับแมรี่

“ฉันจำได้แล้วล่ะ! ฉันอยู่ในรถม้ากับแพทริค และก็จะไปเจอกับอลิเซียแหละ!”

 

ในเกม ตัวละครหลักอย่าง อลิเซียกำลังมุ่งหน้าไปยังเมือง เหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย โดยระหว่างทาง รถม้าที่ แมรี่และแพทริค นั่งอยู่นั่น อลิเซียที่บังเอิญไปเห็นภาพที่ทั้งสองพูดคุยอย่างใกล้ชิด เธอจึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เพราะดันเข้าใจผิดว่าทั้งสองกำลังออกเดทกันอยู่

ยังไงก็ตาม ตามเส้นเรื่องของแพทริค มันเป็นเพียงแค่แผนการของ แมรี่ที่จะแสดงให้อลิเซียเห็นภาพบาดตา แถมยังชวนอลิเซียขึ้นรถม้ามาแบบบังคับๆอีก

 

แม้จะมีข้อมูลไม่มาก แมรี่ในเกมคงเข้าหาแพทริคด้วยเกราะกำบังที่เรียกว่าตระกูล เพื่อเข้าหาเขา อย่างเช่น “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ฉันจะไปส่งคุณเอง” อะไรแบบนี้ซึ่งเขาก็ต้องตอบรับได้เพียงอย่างเดียว

“ผมว่ามันน่าจะมีปัญหาแน่นอนครับ”

“นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ฉันต้องชวนแพทริคไปที่เมืองด้วยตัวเอง!”

โชคดีที่แมรี่และแพทริครู้จักกันกันมานาน แถมเป็นขุนนางผู้มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ เคยแลกเปลี่ยนคำทักทายกันในงานสังคมก่อนที่จะเข้าเรียนด้วยซ้ำ

แล้วก็รวมถึง ความสัมพันธ์ที่มากพอที่จะขอให้เป็นคู่ที่คอยคุ้มตอนมีงานเลี้ยงได้อีก ตระกูลอัลเบิร์ตและตระกูลไดซ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกัน มานานหลายชั่วอายุคน และเมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์เหล่านี้ ก็ไม่แปลกที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แถมแมรี่และแพทริคยังมีรูปร่างหน้าตาที่ทำให้ทุกคนต้องอิจฉาอีก

 

“ฉันรู้จักกับแพทริคมานานแล้วแถมยังสนิทกันดี ถ้าฉันพูดว่า ‘ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย ฉันจะไปส่งคุณเอง’ เขาก็ไม่ปฏิเสธหรอก”

“คุณหนูครับ ตอนนี้เราไม่มีรถม้านะครับ”

“อะไรนะ?”

“เราขี่จักรยานมาเรียนกันนะครับ คุณหนูก็รู้ดีนี่”

“…….”

“…….”

“จริงด้วย ฮ่าๆ…!”

แมรี่ได้แต่ ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอย่างใจสลาย

การกระทำที่ดูไม่สมกับเป็นขุนนาง แถมเธอกำลังใจสลายสุดๆด้วย

“ใครคนไหนมัน บังคับให้คุณหนูตระกูลขุนนางขี่จักรยานมาเรียนกัน! “

“ก็คุณหนูเองนั่นแหละครับ!”

“ก็แบบ รถม้ามันใช้เวลาตั้ง 50 นาที แถมวิ่งได้แต่ถนนเส้นหลัก จักรยานใช้เวลาแค่ 15 นาทีเอง แถมผ่านซอกซอยได้ง่ายๆด้วย ไอ้นั่นมันเสียเวลาเกินไปต่างหาก!”

“ครับๆ มันมีถนนแคบๆ หลายสาย ที่รถม้ามันวิ่งไม่ได้อยู่เยอะ”

“ใช่ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้สาระที่สุด!”

อาดี้ ถอนหายใจและพยักหน้าให้ แมรี่ ที่กำลังกรีดร้องและบ่นไม่ยอมหยุด

 

หากนั่งรถม้าคันใหญ่มาจากคฤหาสน์ของแมรี่เพื่อไปโรงเรียน จะต้องอ้อมไปรอบๆถนน ที่สลับซับซ้อนตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ที่หน้าประตูของสถาบันยังเต็มไปด้วยรถม้าที่ทั้งไปรับและไปส่งคนในสถาบัน ทำให้มันต้องใช้เวลานานขึ้นไปอีกในการหาที่จอด

แต่ในทางกลับกัน หากขี่จักรยาน สิ่งที่ต้องทำคือขี่ ออกมาจากทางประตูหลัง ซึ่งเป็นที่จอดรถจักรยานสำหรับคนรับใช้ที่ทำงานที่คฤหาสน์อัลเบิร์ต มันสามารถขี่ตรงมาที่สถาบันได้เลย ที่จอดก็หาได้ไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงแล้ว ถ้าถามว่าเดินทางแบบไหน มันมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน คงต้องบอกว่าเป็นอย่างหลังนั่นแหละ

อย่างไรก็ตาม จักรยานมันมีไว้สำหรับให้สามัญชนขี่ เพื่อเดินทางไปที่ต่างๆ ขณะที่พวกขุนนางผู้มั่งคั่งมักจะผ่อนคลายบนรถม้ามากกกว่า มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคุณหนูที่ไหนมาขี่จักรยานแบบนี้

“ฉันทำพลาดไปซะแล้วสิ มีนางร้ายคนไหนที่จะมาขี่จักรยานกันล่ะ”

“คุณหนู ขี่จักรยานมาเรียนได้ 3 ปีแล้วนะครับ แถมก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาทำแบบนี้เลยครับ ”

“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ นั่นเป็นสาเหตุที่สถาบันของเราเลยไม่มีที่จอดจักรยานสินะ ในที่สุดฉันรู้สาเหตุเรื่องนี้ซะที”

“แล้วเรื่องคุณแพทริคล่ะครับ หรือเราควรกลับคฤหาสน์อัลเบิร์ตไปเอารถม้า มาดีไหมครับ”

“………… ไม่ ฉันจะไปชวนเขาเหมือนเดิมนี่แหละ!”

“นี่คิด จะชวนเขามาขี่จักรยาน หรอครับ!?”

“ใช่ฉันจะชวนเขามาให้ได้นั่นแหละ!”

แม้ว่าฉันจะรู้ว่าจะถูกปฏิเสธ แต่การหนีไม่ยอมสู้ ฉันยอมรับไม่ได้! อาดี้ปิดปากเงียบ เมื่อได้ยินคำตอบของแมรี่ ที่ชวนให้เขาประหลาดใจ  

ถึงอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นแพทริค ที่เป็นถึงประธานนักเรียน ถ้าหากมีรถม้ามันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่จักรยานนี่เขาคงไม่ขี่มันแน่ๆ

กล่าวง่ายๆ แมรี่นั้นพร้อมเผชิญหน้ากับภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จแน่ๆ

ดังนั้น อาดี้จึงให้กำลังใจอย่างห่วงๆ และเตรียมรอเก็บซากคุณหนู ของตนอย่างจริงจัง

แมรี่ที่ยืนทำหน้าจริงจังจึงก้าวเท้าอย่างรวดเร็วออกไปที่โถงทางเดินทันที

 

Options

not work with dark mode
Reset