[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai 3 คนที่ผมจะต้องแต่งงานด้วยเป็นเพื่อนร่วมห้องหรอกเหรอ?

ตอนที่ 3 คนที่ผมจะต้องแต่งงานด้วยเป็นเพื่อนร่วมห้องหรอกเหรอ?

“ซาคาตะคุง… นายคือ [ยมทูตคลั่งรัก] เหรอคะ?! เอ๋?!”

 

วาตานาเอะซังดูตกใจไป ร่างกายของเธอก็เริ่มที่จะโซซัดโซเซถอยไปข้างหลัง

พอได้เห็นท่าทีตอบกลับที่เวอร์แบบนั้นมา ผมก็รู้เลยว่าผมพลาดแล้ว

ผมรู้ว่าผมเผลอพูดออกไปโดยไม่คิด แต่ก็ไม่น่าที่จะบอกเธอว่าผมเป็น [ยมทูตคลั่งรัก] เลย

ผมไม่ได้อยากจะอวดหรืออะไร แต่ผมก็ส่งจดหมายแฟนไปหาเธอเยอะอยู่จริงๆ

 

ถ้าฟอรั่มใหญ่ๆมารู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ พวกเค้าคงจะพูดอะไรอย่างเช่น [น่าแขยงจัด 555] [ยมทูตคลั่งรัก 555] [แจ้งตำรวจจับมันเถอะ] หรืออะไรแบบนั้นแน่ๆ หรือมันอาจจะอยู่ในขั้นที่แย่กว่านั้นอีกก็ได้

 

และในระหว่างที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับอะไรแบบนั้นอยู่ วาตานาเอะซังก็ได้เงียบไป แล้วก็เอามือของเธอไปไว้ที่คางตัวเอง

เธอคอยส่งเสียงออกมาเป็นครั้งคราวว่า “ฮืมมม….” ซึ่งนั่นมันทำให้ผมประหม่าชะมัด

 

จากนั้น จู่ๆวาตานาเอะซังก็ได้ลุกขึ้นมา… แล้วก็โค้งคำนับหัวของเธอลง

 

“ถึงชั้นอาจจะไม่ได้เพรียบพร้อม… แต่ชั้น วาตานาเอะ ยูกะ นักพากย์ของ อิซูมิ ยูนะ จะพยายามทำหน้าที่ภรรยาของนายให้ดีที่สุดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ เพราะฉะนั้น ฝากตัวด้วยนะคะ!”

“…ห้ะ?”

สถานการณ์มันต่างกับสิ่งที่ผมได้คิดเอาไว้แฮะ สมองของผมถึงกับหยุดทำงานไปช่วงนึงเลย

 

“ฮืมมม… แต่ชั้นรู้สึกเหมือนมันมีอะไรแปลกๆไปนะคะ มีอะไรที่พวกเราทำพลาดไปเหรอ… อ๊ะจริงด้วย! ชื่อเรียกไง! เพราะว่าเราใช้ชื่อเรียกให้เกียรติกันกับภาษาสุภาพ มันก็เลยรู้สึกแปลกๆนิดนึง จริงมั้ยล่ะ?!”

“อ่า จริงด้วย… พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน งั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ชื่อเรียกให้เกียรติหรือภาษาสุภาพก็ได้”

“ได้ งั้นต่อไปพวกเราจะมาพูดกันแบบสบายๆแล้วกันนะ! พวกเราแต่งงานกันแล้วก็อายุเท่ากันด้วย เพราะงั้นการใช้ภาษาสุภาพมันก็ออกจะทำให้รู้สึกห่างเหินกันไปนิด ว่ามั้ย?!”

“เออะ-เอ่อออ… วาตานาเอะซัง”

“อ๊ะ! วิธีที่เราเรียกชื่อกันด้วย! ใช่แล้วล่ะ!”

 

โดยไม่รีรออะไรใดๆ วาตานาเอะซังก็ยังคงพูดกับผมต่อไปอีก

 

“เรียกชั้นว่ายูกะนะ! ถ้านายเรียกชั้นด้วยนามสกุลทั้งๆที่เราแต่งงานกันแล้วมันก็ออกจะแปลก ใช่มั้ยล่ะ?!”

“เออะ-เอ่อออ…”

“งั้นต่อจากนี้ไปชั้นจะเรียกนายว่า ‘ยูคุง’ แล้วกัน! อะไรอีกดีล่ะ…? อะไรอย่างอื่นที่คู่แต่งงานเค้าทำกันอีกเหรอ…?”

“ดะ-เดี๋ยวก่อน!”

 

ผมได้ส่งเสียงดังขึ้นออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้ขัดวาตานาเอะซังไป

จากนั้นวาตานาเอะซังก็มองมาที่ผม แล้วก็มีท่าทีที่ดูตกใจออกมาครู่นึง… ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะกลายไปเป็นท่าทีที่ดูหดหู่ จากนั้นเธอก็ได้นั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบสงบ ไม่ต่างอะไรกับแมวเชื่่องๆตัวนึง

 

“ขอโทษนะ… ชั้นคงพูดมากไปหน่อยใช่มั้ย….”

“ไม่หรอก นั่นมันไม่เป็นไรเลย เธอรู้มั้ย? คือ จริงๆเธอดูตื่นเต้นมากเลยตอนที่เธอกำลังพูดน่ะ”

“ชั้นเข้าสังคมกับคนอื่นได้แย่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วน่ะ… ชั้นเอาแต่คิดอยู่ตลอดเลยว่า ‘ชั้นจะต้องพูดอะไรซักอย่างแล้ว’ แล้วก็จะเผลอพูดออกไปมากเกินตลอด….”

 

ในระหว่างที่วาตานาเอะซังกำลังดูเศร้าสร้อยอยู่… หัวใจของผมก็เต้นแรงไปพักนึงเลย

นั่นก็เป็นเพราะว่า… การที่ได้เห็นวาตานาเอะซังพูดคุยไม่หยุด มันทำให้ผมนึกถึงยูนะจัง

 

ยูนะจัง ผู้เป็นAlice idolที่ยังอยู่ในชั้นมัธยมต้น เธอเป็นคนที่มีชีวิตชีวาพร้อมกับพลังที่ล้นหลามอยู่ตลอด

ความสดใสของเธอสามารถที่จะถูกส่งต่อให้กับผู้คนที่อยู่รอบๆตัวของเธอได้

บางครั้ง เธอก็จะแกล้งคุณเหมือนกับเป็นปีศาจตัวน้อย

แต่ถ้าคุณแกล้งเธอกลับ เธอก็จะอายแล้วก็จะทำตัวเอะอะโวยวาย

 

เธอเป็นเหมือนกับกล้องสลับลายเลยละ การแสดงออกของเธอมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นั่นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรักยูนะจัง

 

“ชั้นพูดมากเกินไปจริงๆ… เผลอทำไปอีกแล้วซะได้…”

ในระหว่างที่ผมกำลังหลงละเมอเกี่ยวกับยูนะจัง วาตานาเอะซังก็ดูเศร้าลงพร้อมกับห่อไหล่ของเธอไป

 

“เธอดูต่างจากความรู้สึกที่เธอให้เวลาที่เธออยู่โรงเรียนเลยนะ ว่ามั้ย?”

“ที่โรงเรียนชั้นปิดปากไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะ ชั้นไม่อยากให้คนคิดว่าชั้นเป็น ‘เด็กแปลกคนนั้นที่พูดมากเกินไป’ ชั้นก็เลยพยายามจะพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะแบบนั้น คนก็เลยไม่ค่อยพูดกับชั้น”

“อา… ชั้นเข้าใจเลยว่าเธอรู้สึกยังไง”

 

ผู้คนมักจะพูดกับเธอแค่ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น

เธอเป็นเหมือนกับธาตุอากาศ ที่ไม่ถูกรับรู้จากใครๆ

ก็แค่ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆอย่างสงบสุข

 

นั่นก็คือวิธีทีวาตานาเอะซังใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเธอ

 

“แล้ว… ซาคาตะคุง… ไม่สิ ‘ยูคุง’”

วาตานาเอะซังได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วก็ได้ยิ้มออกมาอย่างหวานๆ

 

“นายจะแต่งงานกับชั้นได้มั้ย?”

“ไม่”

 

ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกแย่ แต่ผมก็ปฏิเสธเธอไปในทันที

 

“เอ๋?! ทำไมล่ะ?!”

“ชั้นคืออิซูมิ ยูนะ นักพากย์ของยูนะจังคนนั้นเลยนะ มันจะมีโอกาสแค่ไหนกันที่พ่อแม่จะจัดงานแต่งให้นาย แล้วคู่ของนายจะเป็นนักพากย์ให้ฮีโรอินตัวโปรดของนายน่ะ? นี่มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากเลยนะ! คือ ไม่ใช่ว่าชั้นเป็นคนๆเดียวที่มีครบตามเงื่อนไขทั้งหมดเหรอ?”

“ใช่แหละ แต่… นักพากย์คือมนุษย์ไง”

 

ผมได้พึมพำสิ่งนั้นออกมาอย่างเบาๆ

 

“มันก็จริงที่ชั้นรักยูนะจังมากกว่าอะไรในโลกใบนี้ แล้วเธอก็เป็นนักพากย์เสียงคนเดียวของยูนะจัง อิซูมิ ยูนะ แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้น… ชั้นก็คิดว่ามันผิดที่จะสรุปเอาว่าทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกันน่ะ…”

 

ผมได้ขำให้กับนิสัยแย่ๆที่น่าเศร้า น่าขยะแขยง และน่าสมเพชของผม

 

“เชื่อชั้นเวลาที่ชั้นพูดว่าตอนนี้กำลังมีความสุขเถอะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีสาวมาสารภาพรักกับชั้น แต่… ชั้นตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่มีวันตกหลุมรักกับสาว 3D อีก เพราะว่าในชีวิตจริง เธออาจจะทำให้คนอื่นเจ็บปวด แล้วคนอื่นก็อาจจะทำให้เธอเจ็บปวดได้….”

 

สีหน้าของวาตานาเอะซังได้ดูเศร้าและหม่นหมองลงเมื่อผมมองไปที่เธอ

ลักษณะที่เธอเป็น มันกลับเหมือนกับผมเมื่อสมัยก่อนเลย

 

อ่า นี่เลยเป็นเหตุผลไง

เวลาที่คุณสารภาพความรู้สึกของคุณออกไป ทั้งสองข้างก็อาจจะต้องเจ็บปวด

 

นี่เลยเป็นเหตุผลที่ผมกลัวที่จะต้องตกหลุมรักกับสาว 3D …

 

“ชั้น… ขอโทษจริงๆนะ เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย ชั้นก็แค่เป็นไอ้ขี้ขลาดน่ะ… มันก็เลย…”

“…ในตอนแรก ชั้นก็ตั้งใจที่จะยกเลิกงานแต่งนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเหมือนกัน”

 

สีหน้าของวาตานาเอะซังดูอ่อนโยนลง ในระหว่างที่เธอกำลังเริ่มพูด

“มันก็นานมากแล้ว ที่ชั้นคิดว่า [ยมทูตคลั่งรัก] คือคนที่สำคัญสำหรับชั้นมากน่ะ นายรู้มั้ย?”

วาตานาเอะซังได้พูดถึงนามปากกาของผมอย่างอ่อนโยน ถึงแม้ว่านั่นมันจะเป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นมาตอนช่วงจูนิเบียวก็ตาม

 

“ตอนที่ชั้นเริ่มพากย์เสียงให้กับยูนะจัง ชั้นทำมันได้แย่มาก ชั้นเอาแต่ทำผิดพลาด จนหัวหน้าโกรธชั้น แล้วชั้นก็กลับไปร้องไห้ที่บ้าน ในตอนนั้น [ยมทูตคลั่งรัก] จะส่งจดหมายแฟนมาให้ชั้นเยอะแยะอยู่ตลอด”

“จดหมายแฟนเยอะแยะจนถึงขั้นที่เธอขยะแขยงสินะ”

“ชั้นไม่เคยรู้สึกขยะแขยงหรืออะไรแบบนั้นเลย [ยมทูตคลั่งรัก] ไม่เคยตำหนิ เกลียด หรือทำอะไรก็ตามที่ทำให้ชั้นเจ็บปวดเลย เค้ามักจะส่งมาแต่คำพูดให้กำลังใจ แล้วจดหมายพวกนั้นมันก็ทำให้ชั้นมีกำลังใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ พอได้รู้ว่ามีคนกำลังเฝ้ามองชั้นอยู่… ชั้นก็อธิบายมันออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะ ว่ามันช่วยชั้นไว้มากแค่ไหน”

 

สีหน้าของวาตานาเอะซังดูอ่อนโยน ใจดี และบริสุทธิ์

มันเหมือนกับว่าผมกำลังมองหน้าของยูนะจังเลยละ…

 

“ชั้นไม่เคยคิดเลยว่าชั้นจะมีโอกาสได้เจอกับคนๆเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น เค้าก็ยังใจดีแม้ว่าเค้าจะไม่รู้ว่าชั้นคือยูนะจังด้วย เค้าช่วยเพื่อนร่วมห้องของเค้าในตอนที่เธอคนนั้นกำลังเจอกับปัญหา ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่เคยคุยกับเธอมาก่อน เค้าทำเหมือนกับว่ากำลังทำอะไรที่ปกติและต้องทำอยู่แล้ว เหมือนว่ากำลังช่วยเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เค้าช่วยชั้นโดยไม่ได้บ่นอะไรออกมาเลย และไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนด้วย”

“ไม่หรอก… คือ ใครๆก็ต้องทำขนาดนั้นอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ?”

“นั่นมันไม่จริงเลย… นายน่ะใจดีนะยูคุง นายเป็นเหมือนกับที่ชั้นคิดไว้เลยว่า [ยมทูตคลั่งรัก] จะเป็นยังไง นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ชั้นเปลี่ยนใจน่ะ… ตอนแรก ชั้นก็ไม่ชอบงานแต่งคลุมถุงชนแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้ ชั้นคิดว่า…”

 

——การที่พวกเราได้เจอกันมันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาละ

 

คำพูดพวกนั้นที่ถูกพูดออกมาจากริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของวาตานาเอะซัง

มันผ่านเข้ามาทางหูของผม และมันก็ทำให้หัวของผมมึนไปหมด

ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก และวาตานาเอะซังก็ได้หัวเราะคิกคักออกมาหลังจากที่ได้เห็นผมเป็นแบบนั้น

หลังจากนั้น หน้าของเธอก็เริ่มที่จะแดงขึ้น

 

“เพราะงั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชั้นขอฝากตัวด้วยนะ ชั้นจะพยายามให้ดีที่สุดแล้วก็จะพยายามเป็นภรรยาที่ดีด้วย!”

“ชั้นบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ชั้นจะไม่มีวันตกหลุมรักกับสาว 3D อีก”

“ใช่ มันก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นชั้นไงล่ะ!”

“…ห๊ะ?”

 

เด็กสาวคนนี้กำลังพูดอะไรเนี่ย?

ผมคงจะมีเครื่องหมายคำถามขนาดเ บิ้ ม ๆ กำลังลอยอยู่เหนือหัวของผมเลย

วาตานาเอะซังได้มองหน้าผม แล้วก็พูดขึ้นมาว่า:

 

“นายรู้มั้ย ก็เพราะว่าชั้นเป็นสาว 2.5 D ไง!”

 

 

 

เธอป่าวประกาศมันออกมาได้อย่างมั่นใจซะจนผมไม่รู้เลยว่าเธอกำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่า

มันเป็นการเถียงที่หลุดโลกมาก แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

แต่ วาตานาเอะซังดูภูมิใจกับตัวเองแล้วก็ได้ยิ้มออกมาอย่างกับเป็นผู้ชนะ พอมองไปที่เธอแล้ว ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลุดหัวเราะออกไป

 

“เอาละ สมมุติว่ามันจริงก็ได้ แต่ถ้าเราอยู่ด้วยกัน แล้วก็ไปโรงเรียนด้วยกัน มันจะต่างอะไรกับคน 3D เหรอ?”

“แต่ ยูนะเป็น 2D ไม่ใช่เหรอ? ถ้านายเอาเวลาที่คิดเกี่ยวกับยูนะทั้งหมดมารวมด้วยแล้วก็หาร มันก็จะเป็น 2.5 D ไง!”

“เอาอะไรมารวมกันแล้วก็หารกันนะ? สูตรประเภทไหนกันละนั่น…?”

“โม่ว… นั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ยังไงก็เถอะ! สิ่งที่ชั้นอยากจะพูดคือ ชั้นน่ะมัน 2D มากกว่าใครๆทั้งนั้นแหละ!”

“ทำไมเธอถึงดูพยายามขนาดนั้นกันอะ? เธอกำลังพยายามจะหลอกชั้นอีกแล้วเหรอ?”

“ชั้นไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำนะ…. อยากจะให้นายรู้ไว้เลยว่าชั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจกับเด็กหนุ่ม 3D หรอก ชั้นไม่เคยคิดที่จะมีแฟน แต่งงาน หรืออะไรแบบนั้นเลยด้วย เพราะงั้น พอคิดว่าจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ยูคุงแล้ว… ชั้นก็ไม่ได้อยากมีอนาคตแบบนั้นน่ะ”

 

จากนั้น ในระหว่างที่พวกเรากำลังเถียงกัน อยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่ามันบ้าที่ผมพยายามจะปฏิเสธเธอให้ได้อย่างหัวชนฝา ผมจึงได้หัวเราะออกไป

 

“อ๊ะ หัวเราะอะไรของนายกัน? นี่เรากำลังคุยกันจริงจังอยู่นะ!”

“ชั้นรู้ ชั้นรู้… ชั้นก็แค่คิดอยู่ว่าสิ่งที่เธอพูดมามันก็มีส่วนจริงอยู่บ้างน่ะ”

 

ผมใช้เวลาครู่นึงเพื่อพักหายใจ แล้วก็จ้องมองไปที่วาตานาเอะซังอย่างไม่ละสายตา

วาตานาเอะซังก็มองผมกลับมาด้วยตาใสๆ

 

“ถึงชั้นจะปฏิเสธการแต่งนี้ไป ชั้นก็รู้ว่าพ่อชั้นเป็นคนไม่ประสีประสา เพราะงั้นเค้าอาจจะส่งคู่แต่งงานคนที่ 2 หรือคนที่ 3 มาอีกก็ได้ ….”

“…อ่าห๊ะ”

“แล้วโอกาสที่ชั้นจะได้คู่แต่งงานที่เป็นนักพากย์ของยูนะจัง… มันก็น้อยเอามากๆ”

“มันไม่ได้น้อยเอามากๆซะหน่อย! มัน 0 เปอร์เซ็นต์เลยต่างหาก! ชั้นเป็นคนๆเดียวที่พากย์เสียงให้กับยูนะจังนะ!”

“ใช่ แบบนั้นคู่แต่งงานใหม่ของชั้นก็จะเป็นสาว 3D ธรรมดาๆ แล้วชั้นก็คงจะไม่ลังเลที่จะปฎิเสธเธอคนนั้นทันทีแน่ๆ แล้วพ่อของชั้นก็คงจะส่งมาเพิ่มอีก ชั้นก็คงจะปฏิเสธเธอคนนั้นไปอีก การทำอะไรที่มันซ้ำซากเอาจริงๆมันก็คงจะน่ารำคาญล่ะนะ”

“ใช่มั้ยล่ะ! นี่มันเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตเลยนะ นายรู้รึเปล่า? มันเป็นดีลสุดคุ้มเลย!”

 

มันรู้สึกเหมือนกับเป็นโปรโมชั่นขายของซะงั้นแฮะ

เธอต่างออกไปมากเวลาที่อยู่นอกโรงเรียน ตัวตนจริงๆของเธอมันสดใส แล้วก็ขี้เล่นด้วย

 

เธอคล้ายกับยูนะจังมากจริงๆ

 

“เอาล่ะ งั้นชั้นคิดว่าเราคงจะเริ่มทดลองกันก่อนสำหรับตอนนี้ก็แล้วกัน ส่วนเรื่่องแต่งงาน… มันจะโอเคมั้ยถ้าชั้นค่อยไปคิดตอนอื่นน่ะ?”

“ได้สิ พวกเรายังเด็กเกินไปที่จะแต่งงานแบบถูกกฎหมายแล้วก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า… เราจะเริ่มจากการเป็นคู่หมั้นกันก่อนไง!”

 

วาตานาเอะซังได้ยิ้มออกมาอย่างเขินๆในระหว่างที่เธอกำลังพูดถึงเรื่องนั้น

ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกเลยจากยิ้มออกไปด้วยเหมือนกัน

 

“ชั้นจะไม่รับผิดชอบถ้าเธอเสียใจกับเรื่องนี้นะ เข้าใจมั้ย?”

“ชั้นไม่เสียใจหรอกน่า เพราะงั้นเตรียมใจไว้ให้ดีเลย”

 

“เอาล่ะ งั้นชีวิตคู่ของพวกเราก็เริ่มแล้ว ฝากตัวด้วยนะ ยูกะจัง”

“ค่ะ ถึงชั้นอาจจะไม่เพรียบพร้อม แต่ก็ขอฝากตัวด้วยนะยูคุง”

 

และตามนั้น ผมและยูกะจังก็ได้เริ่มด้วยการเป็นคู่หมั้นกันก่อนสำหรับตอนนี้

เค้าพูดกันว่าการแต่งงานก็เหมือนกับสุสานของชีวิต

สำหรับตอนนี้ ผมจะพยายามให้… ไม่ตายก็แล้วกัน

 

ขอบคุณที่อ่านนะครับ หากชอบก็ฝากกดไลก์เพจเป็นกำลังใจด้วยน้า มาพูดคุยเรื่องln มังงะ อนิเมะ กันในเพจได้

facebook.com/OnlyhiraR

[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai

[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset