[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai 1 พ่อแม่บังคับให้ผมต้องแต่งงานในชั้นปีที่สองของมัธยมปลาย…

ตอนที่ 1 พ่อแม่บังคับให้ผมต้องแต่งงานในชั้นปีที่สองของมัธยมปลาย...

“…อะไรนะ? ชั้นเหรอ? กำลังจะต้องแต่งงานเนี่ยนะ?”

“ใช่แล้ว ดีใจด้วยนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พี่น่ะ กำลังจะได้เป็นสามีคนแล้ว”

 

อยู่ดีๆน้องสาวของผมก็โทรมา แล้วก็มาบอกผมเฉยเลยว่าผมกำลังจะต้องแต่งงาน สมองของผมถึงกับไม่สามารถประมวลผลสิ่งที่น้องสาวกำลังพยายามพูดออกมาได้เลย ผมก็เลยขอให้เธอลองพูดอีกรอบดู

 

“นายุ น้องพี่… ใครกำลังจะต้องไปแต่งงานกับใครในวันพรุ่งนี้นะ”

“โอ้โห พี่นี่ก็หัวรั้นจริงๆเลย พี่น่ะ กำลังจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงไง”

“เอ่อ… ขอถามอีกซักรอบนึงแล้วกันนะ ใครคือ ‘พี่’ ที่เธอพูดถึงเหรอ?”

“ห้ะ? ก็นักเรียนม.ปลายจืดๆบ้านๆที่เป็นพี่ชายของชั้น ซาคาตะ ยูอิจิ ไง มีปัญหาอะไรรึไง? ชิ”

 

เฮ้ย อย่ามาทำชิใส่ชั้นนะ จริงๆชั้นคนนี้ต้องเป็นคนที่โกรธซี่

 

ซาคาตะ ยูอิจิ นั่นน่ะ เป็นชื่อของผม ก็เหมือนอย่างที่น้องสาวของผมบอก ผมก็เป็นแค่นักเรียนม.ปลายจืดๆบ้านๆเท่านั้น ชีวิตม.ปลายของผมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ตัวของผมมีผมสีดำเรียบๆพร้อมกับหุ่นที่ค่อนข้างจะธรรมดา ผมเป็นคนประเภทที่แต่งตัวง่ายๆ เพราะเอาแต่ใส่เสื้อคลุมของโรงเรียน เกรดของผมก็ไม่ได้เลิศเลออะไร และนอกจากนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอะไรซักเท่าไหร่

 

แล้วนั่นก็คือคนๆเดียวกันกับคนที่กำลังจะต้องแต่งงานในวันพรุ่งนี้เนี่ยนะ? ยิ่งกว่านั้น ต้องมาแต่งกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้อีก?

 

“อยู่ดีๆก็มาบอกชั้นตอนนี้เนี่ยนะ? มาบอกชั้นว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าวหนึ่งวันก่อนวันแต่งงาน? แล้วก็ยังจะมาบอกอีกว่าชั้นต้องแต่งงานกับคนที่ชั้นไม่เคยรู้จัก? เอาจริงๆแล้วชั้นไม่ได้เด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้หรอกเหรอ? นี่มันเป็นมุกตลกอะไรกันเนี่ย?”

“พวกเค้าไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับชั้นเลย ถ้านายมีปัญหาอะไรก็ลองไปพูดกับคุณพ่อเอาแล้วกัน ชั้นน่ะเป็นแค่คนส่งสาส์นเท่านั้นแหละ”

 

ผมรับรู้ได้เลยว่าระหว่างที่ยัยนั่นกำลังพูดประโยคๆนั้น ยัยนั่นกำลังรู้สึกรำคาญผมอย่างมาก

 

“ว่าไง เจ้าลูกชาย! นี่พ่อเอง!”

 

พ่อได้พูดกับผมผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งดูเหมือนกับว่าพ่อผมจะดูมีชีวิตชีวามากเลย

 

ด้วยเหตุผลต่างๆทางด้านการงาน พ่อของผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว เค้าก็เลยได้พานายุที่กำลังเรียนอยู่ม.ต้นไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้ผมในทางกลับกัน ต้องเริ่มใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวในญี่ปุ่นมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว

 

“นี่พ่อคิดจะเอาจริงกับการแต่งงานที่ไม่น่าไว้ใจแบบนี้จริงๆเหรอครับ” ผมถามพ่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากนั้นพ่อก็ได้กระแอมขึ้น แล้วก็เริ่มพูดขึ้นมาว่า

“คือว่าพ่อน่ะกำลังจะต้องจัดการกับอะไรหลายอย่างเลย เพราะว่าพ่อได้เลื่อนขั้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในต่างประเทศ แล้วนั่นมันก็เป็นงานที่เสี่ยงมากๆ เพราะถ้าพ่อทำได้ดีก็จะรุ่ง แต่ถ้าพ่อทำอะไรพลาดก็อาจจะโดนไล่ออกได้”

“อ่าห้ะ แล้ว?”

“พ่อก็ได้รู้จักกับลูกค้าที่รวยมากๆคนนึง แล้วเค้าก็มีลูกสาวที่กำลังย้ายมาเรียนม.ปลายในโตเกียวพอดี เท่าที่พ่อฟังมา ตอนนี้เธอคนนั้นอยู่ตัวคนเดียว พ่อของเธอก็เลยเป็นห่วงว่าเธออาจจะโดนปล้นหรือไม่ก็อาจจะโดนผู้ชายแปลกๆที่ไหนมาจีบ หรืออะไรทำนองนั้น”

“…ผมเริ่มเห็นภาพแล้ว สรุปก็คือคนที่เป็นลูกสาวจะต้องมาแต่งงานกับผมสินะ”

“มันก็คงจะไม่เกินจริงล่ะนะ ถ้าพ่อจะบอกว่าชะตากรรมของบ้านตระกูลซาคาตะเราขึ้นอยู่กับการแต่งงานครั้งนี้”

 

เห็นแก่ตัวจริงๆเลย

ระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่ ผมก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับบ่นขึ้นว่า

 

“เฮ้อ… พ่อรู้มั้ย… การที่ผมได้เห็นพ่อเศร้าที่ต้องเลิกกับแม่น่ะ มันทำให้ผมคิดไม่ออกเลยว่าผมจะเป็นยังไงถ้าผมต้องแต่งงาน พ่อก็รู้ใช่มั้ย?”

“นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องในอดีตตอนช่วงม.ต้นปีสามอีกด้วยใช่มั้ยล่ะ”

“ใช่แล้ว นั่นก็ด้วยอีกเรื่องนึง… เฮ้ย! เงียบปากไปเลยน่า นายุ! แล้วพ่อไปไหนเนี่ย?”

“พ่อหนีกลับไปที่ห้องแล้ว”

“ให้ตายสิ… ขอร้องล่ะนะ นายุ ช่วยไปคุยเรื่องนี้กับพ่อให้ล้มเลิกทีเถอะ”

“ชั้นไม่รู้ด้วยหรอก ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นจะต้องพานายไปแนะนำตัวให้เจ้าสาว บายนะ ชิ”

 

โอโห ยัยนั่นตัดสายผมทิ้งเลยเหรอเนี่ย แล้วทำไมยัยนั่นถึงดูไม่พอใจขนาดนั้นกันนะ ชอบทำตัวไม่มีเหตุผลตลอดเลย

แต่เดี๋ยวก่อนนะ พ่อคิดจะเอาจริงเหรอเนี่ย? ผม? ต้องแต่งงาน? พอทีเถอะ… ผมไม่รู้แล้วว่าผมจะต้องทำใจยังไงดี…

 

***

 

หนึ่งวันผ่านไปหลังจากที่ได้รับสายจากโทรศัพท์

ผมไม่รู้ว่าผมทำได้ยังไง แต่ผมก็สามารถผ่านพิธีเปิดภาคเรียนไปได้ด้วยดี และในระหว่างที่ผมกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น

 

“เฮ้ย! ทำไมทำหน้าตาหม่นหมองแบบนั้นล่ะยูอิจิ?”

หลังจากที่ผมนั่งลงในที่นั่งของผมด้วยความงุนงง อยู่ดีๆผมก็โดนตบหลังเข้าอย่างแรง

“แล้วทำไมนายถึงดูอารมณ์ดีขนาดนั้นล่ะมาสะ?”

“ก็ปีนี้เป็นปีที่ห้าติดกันแล้วไงที่เราจะได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันน่ะ!”

“หยุดเลย คำพูดนายมันน่าแขยงชะมัดยาดเลย”

“ทำไมนายถึงอารมณ์เสียแบบนั้นล่ะ ลองหลับตาแล้วจินตนาการดูว่านายกำลังคุยอยู่กับสาวสวยแทนสิ”

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก เสียงนายมันเข้มเกินไป”

 

คนๆนี้มีชื่อว่า คุราอิ มาสะฮารุ เค้าเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วล่ะ โดยปกติแล้วเค้าจะชอบใส่แว่นดำ แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่

ตามปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะใส่ใจใคร ก็เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่อยากจะเข้าหาผม เพราะฉะนั้นการที่มีเจ้านี่เป็นเพื่อน มันก็เลยยังทำให้ผมสบายใจได้บ้าง

แต่แค่คิดว่าจะต้องยุ่งกับสาว3Dก็ทำผมหลอนซะแล้ว

 

“แต่ว่าก็ห้าปีเลยนะ สามปีในม.ต้นแล้วก็อีกสองปีในม.ปลาย ฮ่า ถ้านายเป็นผู้หญิงล่ะก็นี่คงจะเป็นอะไรที่คล้ายกับในรอมคอมเลย”

“แค่อยู่ห้องเดียวกันมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นหรอกน่า”

“นายไม่เห็นจะต้องมาทำลายความฝันชั้นแบบนั้นเลย… แต่ว่ามันก็ถูกของนายนะ เพราะชั้นอยู่ห้องเดียวกับนิฮาระมาตั้งแต่ม.ต้นปีสาม ถ้ามันเป็นอย่างที่ชั้นพูดไป ป่านนี้พวกเราคงคบกันไปแล้ว…”

 

หลังจากนั้นมาสะก็ได้ชี้ไปที่นิฮาระ โมโมโนะ ผู้หญิงที่กำลังหัวเราะอยู่อย่างเสียงดัง

เธอคนนั้นก็อยู่ห้องเดียวกับเราสินะ

เธอหน้าตาดูเหมือนกับสาวแกลด้วยที่ว่าเธอมีผมสีน้ำตาลฟูๆที่พริ้วไหวไปมา… แต่แค่คิดเกี่ยวกับเธอผมก็อยากจะถอนหายใจแล้ว

เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่นิฮาระซังเจออะไรที่น่าสนใจ เธอก็จะคอยลากผมไปเข้าร่วมด้วยเสมอ

เอาจริงๆมันน่ารำคาญมากๆเลยเพราะปกติตัวผมเองจะพยายามเลี่ยงสาว3Dให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตลอด

 

“…หื้ม?”

 

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรอยู่เรื่อยเปื่อย ผมก็เหลือบมองเห็นเด็กผู้หญิงใส่แว่นเรียบ ๆคนนึงเข้า

ถึงแม้ว่าเธอจะแนะนำตัวไปแล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมลืมหน้าตาของเธอไปแล้วล่ะ เอาจริงๆผมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของเธอเลยด้วยซ้ำ

เธอมีผมสีดำที่ถูกรวบมัดเป็นทรงโพนี่เทล และเธอก็มีตาทรงอัลมอนด์ที่ผมเกือบจะมองเห็นได้ไม่ชัด หลุดลอดออกมาจากแว่นเล็กๆของเธอ

ด้วยที่ว่าผมนั่งอยู่ ผมเลยไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจ แต่ผมคิดว่าร่างกายของเธอมันดูออกจะเล็กน่ารักดี

 

เธอเป็นตัวอย่างสุดเพอร์เฟ็คต์สำหรับการกลมกลืนไปกับผู้คนเลย เธอเป็นธาตุอากาศ1ดี ๆนี่เอง

 

ไม่โดดเด่นทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี เป็นแค่คนบางคนที่ไม่ได้น่าจดจำ ถ้ามีการรวมรุ่นล่ะก็ คนแบบนี้คงโดนลืมจนไม่ได้ถูกชวนให้เข้าร่วมงานแน่ ๆ

พอได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังใช้ชีวิตในอุดมคติแบบนี้ ผมก็เผลอหลุดปากออกไปเบา ๆ

 

“ดีจังน้า…”

 

นั่นเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาอยากให้ชีวิตมัธยมปลายของผมเป็นเลย

ผมอยากให้ผู้คนมาคุยกับผมแค่เท่าที่จำเป็น ผมอยากเป็นเหมือนธาตุอากาศ1ที่ไม่มีใครสนใจ

ผมอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปราศจากความวุ่นวายต่างๆ

 

ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากที่จะมีชีวิตที่เงียบและสงบสุข

 

***********************************************************************

 

ผมยังจำช่วงเวลาในช่วงมัธยมต้นปีสามของผมได้ดี

 

สมัยก่อนผมมันน่าสมเพช ผมเคยเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสในโรงเรียน

ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะเป็นโอตาคุที่ชอบมังงะและอนิเมะ ผมก็ยังสามารถที่จะเล่นมุกและหยอกล้อไปทั่วจนคุณครูรำคาญได้ ผมสามารถคุยกับเด็กผู้หญิงในห้องได้อย่างสบาย ๆง่าย ๆ

ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะเป็นโอตาคุ ผมก็ยังมีทั้งเพื่อนผู้ชายและผู้หญิงมากมาย

 

ผมหลอกตัวเองซะจนคิดว่าผมเป็นคนที่“เจ๋ง”และ”ป๊อป” ว่าง่ายๆก็คือโอตาคุสุดป๊อป ผมเคยคิดว่าตัวผมเองนั้นพิเศษกว่าใคร ผมเลยได้ใจมากไปหน่อย

 

“ยูอิจิ~! พรุ่งนี้นายอยากจะมาช็อปปิ้งกับชั้นมั้ย?”

“เอ๋ ชั้นไม่อยากไปเลย ไม่ใช่ว่าปกติผู้หญิงใช้เวลาช็อปปิ้งโคตรนานเลยเหรอ?”

“ใจร้ายจังเลยน้า~ ทั้ง ๆที่ผู้หญิงที่น่ารักอย่างชั้นชวนเธอนะเนี่ย!”

 

หลังจากวันอันยาวนานที่โรงเรียนได้จบลง เพื่อนของผมที่เป็นเด็กสาวร่วมห้องก็ได้มาพูดคุยกับผม

ในระหว่างที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ใบหน้าของเธอก็ถูกแสงส่องกระทบอย่างงดงามในห้องเรียนที่ไร้ซึ่งผู้คน

ผมสูดหายใจเข้าอย่างลึก ๆ แล้วก็ได้พูดออกมาอย่างเบา ๆ

 

“นี่ ทำไมพวกเราไม่ลองคบกันดูล่ะ เธอกับชั้นน่ะ?”

 

เธอได้หันหน้ามาทางผมด้วยหน้าตาที่ดูตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พร้อมกับกวัดแกว่งนิ้วของเธอกับเส้นผมไปมา

หลังจากนั้นเธอก็ตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารักของเธอว่า

 

“เอ่อ.. ชั้นขอโทษนะ ชั้นคบกับเธอไม่ได้หรอก…”

 

การโดนปฎิเสธเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้คาดคิดไว้เลย

ทั้ง ๆที่ที่ผ่านมาผมได้เริ่มสนิทกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็มั่นใจพอว่าเธอน่าจะคิดแบบเดียวกับผมแล้วแท้ ๆ

 

แต่ว่ามันผิดมหันต์

และนอกจากการโดนปฏิเสธแล้ว ทุกคนก็ดันมารู้ว่าการสารภาพรักของผมโดนปฏิเสธอย่างอเนจอนาจในวันรุ่งขึ้นอีก

 

พวกเค้าหัวเราะเยาะใส่ผม

พวกเค้าล้อเลียนและทำเหมือนผมเป็นตัวตลก

สุดท้ายผมก็เข้าใจแล้วว่าผมไม่สามารถที่จะแกล้งทำตัวเป็นคนร่าเริงได้ เพราะผมมันเป็นคนที่อาภัพและน่าสมเพช

 

***

 

เฮ้อ… วันนี้มันไม่น่ากลับบ้านเอาซะเลย…

ผมได้เดินออกมาจากอาคารเรียนอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับหน้าที่ก้มลงด้วยความผิดหวัง

วันนี้มีการเรียนการสอนแค่ครึ่งวัน เพราะฉะนั้นดวงอาทิตย์ก็เลยยังส่องสว่างจ้าอยู่

ผมมั่นใจได้เลยว่าทุก ๆคนที่ห้องคงกำลังทำอะไรสนุก ๆกันอยู่แน่ ๆ เช่นวางแผนไปเที่ยวหรือทำอะไรทำนองนั้น

หรือไม่ก็ย้ายไปที่ร้านอาหารครอบครัวเพื่อที่จะไปสังสรรค์

แต่ก็นะ ผมคงไม่รู้หรอก เพราะพวกเค้าอยู่กันคนละโลกกับผม

 

แต่แค่คิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้วผมก็อยากถอนหายใจออกมาแล้ว

ผมจึงได้เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วก็หยิบพวงกุญแจออกมา

 

ยูนะจัง…

 

ยิ้มอันสดใสและแสนบริสุทธ์ของเธอทำให้ผมอยากที่จะยิ้มตามเลยทีเดียว

ผมสีน้ำตาลของเธอที่ถูกรวบมัดอยู่ในทรงโพนี่เทล และรูปปากที่ดูน่ารักของเธอ…

มันเหมือนกับว่าเพียงแค่มีเธออยู่ โลกก็สามารถสงบสุขได้เลย…

มันเหมือนกับว่าเพียงแค่มีเธออยู่ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง…

ยูนะจังนี่คือเทพธิดาชัด ๆ…

 

“ถ้าผมจำเป็นที่จะต้องแต่งงานจริง ๆ ผมคงขอเลือกที่จะแต่งงานกับยูนะจังดีกว่า…”

นั่นน่ะ คือความรู้สึกที่แท้จริงของผม

 

『Love Idol Dream! Alice Stage☆』

เกมนี้น่ะ ได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงฤดูหนาวที่ผมกำลังเรียนอยู่ปีสามในชั้นมัธยมต้น

โดยจะมีตัวละครหนึ่งร้อยตัวที่ถูกเรียกว่า “Alice idols” ที่จะถูกพากย์เสียงทุกตัว

นอกจากนี้ ตัวเกมเองก็จะมีการปล่อยอีเว้นท์ต่าง ๆออกมาเป็นช่วง ๆอยู่ตลอด

ตัวเกมจะมีการจัดประกวดความนิยมอยู่เป็นประจำ และตัวละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็จะได้ขึ้นแสดงตอนพิเศษสำหรับพวกเธอเองโดยเฉพาะ

อีกอย่างนึง ตัวละครต่าง ๆภายในเกมจะใช้ชื่อต้นที่เหมือนกับตัวนักพากย์อีกด้วย

เช่น ตัวละครที่ชื่อว่า ”ยูนะ” ก็จะถูกพากย์เสียงโดย อิซูมิ ยูนะ และตัวละครที่ชื่อว่า “รันมุ” ก็จะถูกพากย์เสียงโดย ชิโนมิยะ รันมุ เป็นต้น

 

มันเหมือนกับว่าผู้พัฒนาเกมเองไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนี้แค่เพื่อสำหรับเกมโดยเฉพาะอย่างเดียว แต่เหมือนว่าจะต้องการโปรโมตนักพากย์เสียงด้วย เพราะว่าพวกเขาได้สร้างช่องวิทยุออนไลน์ขึ้นมาเพื่อให้นักพากย์ได้ผลัดกันมาทำงานกันเหมือนเซเลบริตี้

ตอนนั้นหลังจากที่ผมโดน… ปฏิเสธอย่างน่าเจ็บปวดไป ผมก็รู้สึกไม่อยากที่จะไปโรงเรียนเลย ผมจึงเก็บตัวอยู่ที่บ้านอยู่หลายวัน ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง ผมก็ได้ติดเกมนี้เข้าอย่างจัง

 

“ยูนะจังจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอเองน้า~ เพราะงั้นทำไมเราไม่มายิ้มไปด้วยกันล่ะ~”

 

เธอทำให้ผมหลงรักเธอได้ทันทีหลังจากที่ผมสุ่มได้เธอจากกาชา

น้ำเสียง สีหน้า และท่าทางของเธอที่ผมได้เห็น มันทำให้ผมหลงเสน่ห์ของเธอเลยล่ะ

 

ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้เจอยูนะจังล่ะก็ ผมคงจะอยู่บ้านนานกว่านั้นอีกมาก

 

ถ้าให้พูดกันตามตรง หลังจากเหตุการณ์นั้น มันก็ทำให้ผมกลัวที่จะต้องตกหลุมรักกับสาว3Dเลย

เพราะว่าต่อให้ผมจะชอบเด็กสาวซักคนแค่ไหน ผมก็ไม่มีทางที่จะเดาความรู้สึกของเธอได้ออกเหมือนกับในเกม

นอกจากนี้คุณอาจจะเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บ หรือไม่อีกฝ่ายนึงก็อาจจะต้องเจ็บ

ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ผมขออยู่กับยูนะจังตลอดไปดีกว่า

 

เพราะ2Dจะไม่มีวันหักหลังคุณได้

มันก็จริงอยู่ที่ผมไม่สามารถคบกับเธอในชีวิตจริงได้ แต่แทนที่จะต้องคอยกังวลว่าจะต้องทำให้ใครเจ็บปวด ผมขอแค่ได้เห็นเธอผ่านหน้าจอก็พอแล้วล่ะ

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมฝันอยากจะแต่งงานกับยูนะจัง

 

ยูนะจังในชุดแต่งงานสีขาวเหรอ

หน้าอกธรรมชาติขนาดใหญ่ของเธอคงจะดูเด่นมากเพราะคอร์เซ็ตที่เธอต้องผูกไว้รอบเอว

ผมสีน้ำตาลที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอก็คงจะถูกรวบมัดอยู่ในทรงโพนี่เทลแล้วก็พลิ้วไหวไปมาตามลม

ตาของเธอก็คงจะเบิกกว้าง พร้อมกับส่องเป็นประกายเบา ๆ

หลังจากนั้นปากเล็ก ๆน่ารักที่ดูคล้ายแมวของเธอก็คงจะเขยื้อนเข้ามาอย่างช้า ๆ…

 

“หึ๊ม..?”

 

ในระหว่างที่ผมกำลังหลงอยู่ในภวังค์ของผม ทันใดนั้นผมก็ได้ถูกลากกลับเข้ามาสู่โลกความจริง

ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าทำไม นั่นก็เป็นเพราะว่าผมได้เห็นเด็กสาวคนนึงกำลังยืนอยู่แบบเก้ ๆกัง ๆ

เธอ… เธอคือเด็กสาวที่ผมเห็นในห้องเรียนเมื่อเช้า เด็กสาว “ธาตุอากาศ1”

เธอกำลังพยายามยื่นมือสั่นๆชองเธอออกไปที่ต้นไม้ข้างทาง

นี่เธอกำลังพยายามที่จะทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?

 

“อ๊ะ… นั่นมัน”

 

ที่ตรงสุดปลายกิ่งของต้นไม้มีซองจดหมายสีชมพูติดอยู่

มันคงจะโดนลมพัดไปจนติด ซึ่งดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอามันกลับมา

ผมไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เด็กสาวแบบเธอถึงกับต้องลงทุนทำอะไรขนาดนี้

 

“เอาล่ะ นี่”

ผมเดินไปข้าง ๆเธอแล้วก็หยิบซองจดหมายจากกิ่งไม้ออกอย่างรวดเร็ว

“เอ๊?”

เธอคงจะตกใจจากการที่อยู่ดี ๆผมก็ไปอยู่ข้าง ๆเธอ เพราะว่าเธอรีบถอยหลังหนีผมอย่างเร็ว

แต่ถ้าให้พูดล่ะก็ตัวเธอเตี้ยกว่าผมอยู่พอสมควร

 

“เมื่อกี้กำลังมีปัญหาอยู่ใช่มั้ยล่ะครับ มันคงจะง่ายกว่าถ้าให้ผมช่วยเพราะผมตัวสูงกว่า”

“เอ่อ… คือ…”

หลังจากนั้นผมก็ได้ยื่นซองจดหมายคืนเธออย่างเร่งรีบ ด้วยที่ว่าไม่ผมอยากจะข้องเกี่ยวอะไรกับเธอเท่าไหร่

“…ขอบคุณค่ะ…”

ในขณะที่เธอกำลังกล่าวขอบคุณผม เธอก็ได้หลับตาลงเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนว่าเธอกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่

 

“นี่น่ะ… มันสำคัญกับชั้นมากเลยค่ะ…”

 

หลังจากนั้นเธอก็ได้ยิ้มออกมาอย่างดูสดใสและปราศจากความกังวลใด ๆ

เสียงของเธอนั้นใสและไพเราะ

มันรู้สึกราวกับว่าผมกำลังเห็นอะไรที่ออกมาจากคัตซีนเกมเลย

 

“อ่า… มะ-ไม่ นะ-นั่นมัน เอ่อ… ครับ…”

ผมส่ายหัวด้วยความตกใจเมื่อผมรู้ตัวว่าเมื่อกี้ผมกำลังมองชายชมเธออยู่

“งะ-งั้น ผมกำลังยุ่งอยู่นิดหน่อยพอดีเลย ขอตัวนะครับ!”

ผมพยายามรีบนึกถึงยูนะจังแทนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงรอยยิ้มของเธอ

 

ก็เธอเป็นสาว3Dนี่

ผมตัดสินใจไปแล้วว่าจะสนแค่สาว2D

ผมก็เลยรีบถอยห่างจากเธอแล้วหนีออกมา

 

***

 

ก็ มันควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ

 

“…เอ่อ”

“ห-ห้ะ?”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอก็กำลังยืนอยู่ที่หน้าบ้านของผมเช่นกัน

ผมทรงโพนี่เทลของเธอกำลังปลิวไหวไปกับลมที่พัด

และเธอก็ยังคงกอดซองจดหมายไว้อย่างแน่นอยู่

หลังจากนั้นเธอก็ได้เอียงหัวด้วยความประหม่าเล็กน้อย

 

“ทะ-ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”

“ก็นี่มันบ้านผมน่ะสิ”

จากนั้นพวกเราก็จ้องมองกันและกันอย่างน่าอึดอัด

ทันใดนั้นเอง ประตูบ้านของผมก็ได้ถูกเปิดขึ้น

“พี่นี่เสียงดังมากเกินไปแล้ว”

 

ผมของผู้หญิงคนนี้ดูดำและนุ่มฟู ดูค่อนข้างจะออกไปทางสั้นๆ

เธอมีดวงตาโฉบเฉี่ยวที่หลุดรอดออกมาจากใต้หน้าม้าของเธอ และนอกจากนี้เธอก็กำลังใส่เสื้อแจ็คเก็ตทับกับเสื้อยืดอยู่

ขาของเธอที่อยู่นอกกางเกงขาสั้นมันดูขาวและเรียวยาว

ร่างกายของเธอดูไม่เหมือนกับเด็กสาวเลย และใบหน้าของเธอก็ยังดูเหมือนทั้งผู้ชายและผู้หญิง เธอจึงโดนคนเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆว่าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีแทน

นี่คือ ซาคาตะ นายุ น้องสาวของผมที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปี2

 

“พี่นี่ช้าจริง ๆ ชั้นรอจนเบื่อแล้วเนี่ย”

“ก็ช่วยไม่ได้นี่ ชั้นเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเอง”

“เงียบปากไปเลยน่า”

เธอได้ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แล้วก็จ้องผมเขม็ง

หลังจากนั้นเธอก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างแรง

“พี่คงจะหลงไปกับโลกมโนเกี่ยวกับตัวละครเกมนั่นอีกแล้วสินะ น่าสิ้นหวังจริง ๆ

“เธอว่ายังไงนะ น่าสิ้นหวังอย่างงั้นเหรอ?! ยูนะจังน่ะคือความหวังของมนุษยชาตินะ!

“พี่ก็เลยยอมใช้ชีวิตคนเดียวในญี่ปุ่นเพื่อแค่ที่จะเล่นเกมนั้นต่อสินะ”

“ใช่แล้วล่ะ มันก็แหงอยู่แล้วว่ามันเป็นหน้าที่ที่ชั้นจำเป็นต้องทำ”

“ทั้งมีพี่ที่ไร้ประโยชน์ต่อสังคม ทั้งมีพ่อที่ชอบทำอะไรเว่อร์ๆเยอะแยะ แล้วก็มีชั้นเนี่ย น้องสาวที่ต้องคอยจัดการปัญหาที่ก่อโดยทั้งคู่ตลอด อย่างกับโดนสาปชัดๆเลย”

“เออะ-เอ่อ…”

 

ระหว่างที่พวกเราสองคนกำลังยุ่งกับการเถียงกันอยู่ สาวธาตุอากาศก็ได้พูดแทรกขึ้นมา

 

“เอ่อ… ยูนะจังที่หมายถึงนี่หมายถึงยูนะจากAlice Stageรึเปล่าคะ? ที่ให้เสียงโดย อิซูมิ ยูนะ น่ะค่ะ?

“เธอรู้จักเค้าเหรอ?!”

“อ่า เอ่อ…ชอบเธอเหรอคะ?”

“ใช่แล้ว ผมรักเธอมากเลยล่ะ”

 

นายุเดาะลิ้นระหว่างที่ผมกำลังตอบคำถามอย่างตื่นเต้น

หลังจากที่เด็กสาวได้ยินคำตอบของผม เธอก็ได้ยิ้มออกมาอย่างดูเขินอาย

 

“เหรอ… ขอบคุณนะคะ…”

“ขอบคุณเหรอ? เรื่องอะไรกัน?”

‘อ๋อ ก็ชั้นคือ อิซูมิ ยูนะ น่ะค่ะ”

 

อะไรนะ?

เธอว่าไงนะ?

 

“โอ๊ะ… หรือเธอจะหมายความว่าเธอใช้ชื่อเดียวกันเหรอ? มันก็คงจะเป็นเรื่องบังเอิญสินะ”

“ไม่ใช่ค่ะ จริงๆแล้วชื่อของชั้นคือ วาตานาเอะ ยูกะ”

“วาตานาเอะ ยูกะ เหรอ?”

 

น้องสาวของผมดูแปลกออกไปเล็กน้อย

หลังจากนั้นเธอก็เดาะลิ้นแล้วพูดขึ้นว่า

 

“อ้า… อย่างงั้นเองสินะ พี่ ดีใจกับการแต่งงานด้วยนะ งั้นชั้นขอตัวกลับบ้านก่อนล่ะ”

“ห๊ะ?! เดี๋ยวก่อนสิ! ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องแนะนำชั้นให้รู้จักกับคู่ของชั้นก่อนเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ก็พี่ได้เจอเธอแล้วนี่”

“…เอ๋?”

 

ผมได้มองกลับไปที่เด็กสาวอีกรอบ

ตรงหน้าของผมคือเพื่อนร่วมชั้นที่ได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ วาตานาเอะ ยูกะ โดยเธอกำลังใส่แว่นอยู่และมีผมทรงโพนี่เทล

 

…ห๊ะ? งั้นนี่ก็หมายความว่า…

 

“วาตานาเอะ ยูกะจัง เธอคือลูกสาวของลูกค้า และก็เป็นคนที่พี่กำลังจะต้องแต่งงานด้วย”

“ยะ-ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชั้นชื่อ วาตานาเอะ ยูกะ เอ่อ… อย่างแรกเลยก็ขอขอบคุณที่คอยสนับสนุนชั้นนะคะ…”

 

ผมรู้สึกตกใจอย่างมาก

ยังไงซะ… เด็กสาวคนนี้ก็พูดอะไรที่ดูไม่น่าเชื่อออกมาเลย

 

“ชั้นคือ อิซูมิ ยูนะ… นักพากย์ของยูนะจัง อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ”

 

[“ถ้าผมจำเป็นที่จะต้องแต่งงานจริง ๆ ผมคงขอเลือกที่จะแต่งงานกับยูนะจังดีกว่า…”]

แน่นอน ว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมเคยคิดไว้เมื่อก่อน

บางทีอาจจะมีบางคนที่อยากแต่งงานกับนักพากย์ของตัวละครที่ตัวเองชอบ

แต่นั่นไม่ใช่ผม

 

เพราะว่า… แน่นอนอยู่แล้วว่านักพากย์น่ะ เป็นสาว3D

Tl note: ใช้คำว่าธาตุอากาศแทนวิญญาณ 

เรื่องนี้แปลแล้วลงnekopostครั้งแรกเลยครับ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะ ขออนุญาตฝากเพจด้วยคร้าบ ตามชื่อuserเลย คุยlight novelและต่างๆ 😀

https://www.facebook.com/Onlyhiratrans

[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai

[นิยายแปล] Ore no iinazuke ni natta jimiko, ie de wa kawaii shika nai

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset