[นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu 12 จัดการเลยรุ่นพี่โทวโกะ ไล่คาโมกุระไปซะ! (ตอนต้น)

ตอนที่ 12 จัดการเลยรุ่นพี่โทวโกะ ไล่คาโมกุระไปซะ! (ตอนต้น)

ผมกับรุ่นพี่โทวโกะ ต่างคนต่างขอแรงเพื่อนสนิทมาช่วย เพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่าคาโมกุระกับคาเรนทั้งสองคนเข้าไปโรงแรมที่ไหนให้ได้

 

แต่ก็ไปได้ไม่ถึงไหน

 

วันจันทร์ถัดจากนั้น ทั้งสองไม่เคลื่อนไหวเลย

 

สองวันต่อมาเมื่อวันพฤหัสฯ ทั้งสองไปนอกใจกันก็จริง แต่ก็คลาดสายตาไปตอนหลังจากออกมาจากสถานีนิปโปริ

ตอนนั้นทั้งสองออกมาทางช่องตรวจบัตรทางใต้ คนที่คอยสังเกตอยู่ตรงนั้นก็คืออิชิดะ

ดูเหมือนว่าอิชิดะซึ่งตามดูเว้นระยะห่างค่อนข้างไกลพอตัวเพื่อที่จะไม่ให้ทั้งสองรู้ตัว เลยกลายเป็นทำให้คลาดสายตาไปได้ง่าย ๆ

 

“ขอโทษนะ ความผิดของเราเองแหละ ทั้ง ๆ ที่ได้โอกาสดีแล้วแท้ ๆ”

 

อิชิดะเอ่ยปากขอโทษ แต่ผมก็ไม่ได้นึกโทษเขาเลยสักนิด

แค่อุตส่าห์เสียสละเวลา ช่วยกันขนาดนี้ก็นึกขอบคุณมาก ๆ แล้ว

การจะติดตามใครโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากจริง ๆ นั่นแหละ

แถมพอเป็น ‘คนที่รู้จัก’ ด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ต่อให้เป็นเรา ก็คงล้มเหลวเหมือนกัน

 

แถมวันจันทร์ถัดมา ทั้งสองคนกลับไม่โผล่มาที่นิปโปริเลยตั้งแต่ต้น

และเพราะว่ามี ‘เหตุผลที่จะไม่มาเจอ’ กับผมและรุ่นพี่โทวโกะ คิดว่ายังไงวันนั้นทั้งสองคนต้องพบกันแน่ ๆ

เป็นไปได้ว่าทั้งสองไปนัดเจอกันที่อื่น

 

วันนั้นตัวผม เกิดรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาเฉย ๆ ว่าทั้งสองคนเจอกันจริงหรือเปล่า ก็เลยลองโทรไปหาคาเรนเร็วกว่าปกติดู

เวลาที่คิดว่าทั้งสองคนน่าจะ ‘กำลังอยู่กลางหาว’ เลยเชียว

อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด เวลานั้นคาเรนไม่รับโทรศัพท์จริง ๆ

 

หลังจากนั้นสามชั่วโมง ผมก็โทรไปหาคาเรนอีกที

 

“——ค่ะ”

 

ไม่ใช่เสียงที่ดี๊ด๊าเหมือนอย่างเคย เป็นน้ำเสียงต่ำขุ่นเคือง

 

“คาเรน? ผมยูวเองนะ”

 

“ตอนจะโทรมา ดูแจ้งเตือนด้วย”

 

“งั้นหรอ”

 

“ว่าแต่ มีธุระอะไร?”

 

วิธีพูดแบบห้วน ๆ นั่นมันอะไรกัน

นี่คงจะอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ

 

“ไม่หรอก พอดีตะกี้โทรมาเห็นไม่รับสาย เลยคิดว่าเป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ”

 

“——ไม่มีไร ก็หลับอยู่”

 

“งี้นี่เอง ‘หลับอยู่’ สินะ”

 

ไอ้สวะร่านนี่ ความหมายที่เอ็งว่า ‘นอนอยู่’ มันไม่ใช่อย่างที่พูดมั้ยวะ!

 

“มีธุระแค่นี้หรอ?”

 

“เอะ อ่า แต่ว่าเราสัญญากันว่าจะทักมาหากันทุกวันนี่นา”

 

“——“

 

“เราเองก็อยากได้ยินเสียงคาเรนเหมือนกันนะ”

 

ขณะที่พยายามยั้งความหงุดหงิดของตัวเองไว้ ผมก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไปเสียจนได้

 

“ช่างมันเถอะ”

 

“เอะ?”

 

“โทรคุยกันทุกวันน่ะ พอได้แล้ว”

 

“แต่คาเรนเคยบอกไว้นี่นา ‘คุยกันทุกวันมันก็เป็นเรื่องปกติของแฟนหนุ่ม’ น่ะ”

 

“เรื่องนั้นถ้าตอนเริ่มคบกันมันก็คงงั้นแหละ นี่คาเรนเราคบกันมาได้สามเดือนแล้วนะ ไม่ต้องโทรศัพท์คุยกันทุกวันแล้วก็ได้มั้ย”

 

“หมายความว่า ไม่อยากให้เราโทรมาทุกวันแล้วอย่างงั้นหรอ?”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย แต่พอโทรคุยกันทุกวันมันเหมือนชั้นโดนติดตามดูยังไงอย่างงั้น อย่างกับโดนผูกมัดเอาไว้เลยอะ ถ้าคาเรนโดนแบบนั้น ชั้นอาจจะเกลียดยูวขึ้นมาก็ได้นะ”

 

ไอ้นี่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนชอบติดตามดูคนอื่นแท้ ๆ เอาปากที่ไหนมาพูดวะเนี่ย

 

“——งั้นเองหรอ——“

 

——เวลาที่อยู่กับคาโมกุระมันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรอ? เวลาที่คุยกับผมมันยังมีค่าอยู่ไหม?——

 

ความเงียบงันยืดยาวไปพักหนึ่ง

 

“เรื่องที่จะคุย มีแค่นี้ใช่มั้ย?”

 

“อะ อ่า”

 

“คาเรนรู้สึกปวดหัวละ ชั้นไปนอนก่อนละ”

 

“อา ฝันดีนะ”

 

ทันทีที่ผมตอบกลับไปนั้น สายก็ ‘ตัด’ ไปเสียแล้ว

 

 

วันต่อมา ——

 

“แบบนี้ ทำเรื่องพลาดไปแล้วสินะคะ”

 

รุ่นพี่โทวโกะกำมือไว้ที่คาง พลางทำสีหน้าตึงเครียด

Options

not work with dark mode
Reset