[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 138 บทที่ 7 22

ตอนที่ 138 บทที่ 7 ตอนที่ 22

ความเดินตอนที่แล้ว

หลังจากฝันร้ายจากเทียแมตได้เริ่มกลับมาอีกครั้ง โนโซมุได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่อาเซลไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ลากโนโซมุออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องเทียแมต จบลงด้วยการที่โนโซมุเสียท่า ตาแก่ซอนเน่เลยขอความช่วยเหลือจากเหล่าผองเพื่อนโนโซมุเนื่องจากตนเองไม่สามารถยื่นมือมาสอดได้เพราะเกินกำลังตัวเองเลยทำให้เขาต้องให้อุปกรณ์ในการผนึกอาเซลที่พยายามผนึกโนโซมุโดยใช้มิคาเอลทีเป็นพ่อตัวเองซึ่งยังหลงเหลือวิญญาณอยู่ในโลกใบนี้ทำการผนึกเทียแมตและจะจองจำจนกว่าโนโซมุจนแก่ตายและผนึกเทียแมตอีกรอบ แต่ด้วยความช่วยเหลือของซอนเน่ทำให้ผองเพื่อนถูกส่งไปยังมิติที่โนโซมุอยู่อีกฝากของเขตแดนได้ความช่วยเหลือจากผองเพื่อน

 

 

 

บทที่7 ตอนที่ 22

โซเมียพึมพำด้วยน้ำเสียงกังวลขณะมองดูซอนเน่และทอมที่ยังคงรักษาลิซ่าต่อไป

 

 

 

「……คุณมาร์ จะสบายดีไหมคะ?」

 

 

 

「กังวลเหรอ?」

 

 

 

「ค่ะ….ตามคำพูดของชายชรา อาเซลซังเป็นมังกรเช่นกัน และดูเหมือนว่าพยายามจะผนึกคุณโนโซมุไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม……」

 

 

 

เธอพึมพำด้วยเสียงอันอึมครึม สายตาของเธอจับจ้องไปยังส่วนลึกของป่า

 

ทอมอดไม่ได้ที่จะยิ้มในขณะที่เฝ้าดูความปลอดภัยของมิมูรุ ซึ่งอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

 

 

「ถึงกระนั้นก็ต้องทำอะไรบางอย่าง」

 

 

 

「คุณทอม?」

 

 

 

มันแตกต่างจากการละทิ้งไว้เพียงลำพังและแตกต่างจากโซเมียที่เอาแต่กังวล โซเมียจ้องมองดูทอมที่ค่อนข้างกังวล

 

ปกติเขาจะไม่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านั้นเป็นน้ำเสียงที่ตีความได้ในแง่ดี

 

บางทีซอนเน่เองก็รู้สึกแบบเดียวกันขณะที่ยังช่วยลิซ่าขณะมองมาทางนี้

 

 

 

「เมื่อได้พบกับเขาและใช้เวลากับเขาสักพัก ก็มีความคิดมากมายเกี่ยวกับเขาเพราะยังไงพวกเราก็เหมือนกัน」

 

 

 

「นี่หมายความว่าทอมและเพื่อนๆมีแผนจะทำอะไรใช่ไหมคะ?」

 

 

 

「เดี๋ยวโนโซมุก็หลับไปสักพัก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยเมื่อเทียบกับปู่ที่มอบให้ไอริสดิน่า……」

 

 

 

「หืมมม……」

 

 

 

ทอมยิ้มอย่างขมขื่นขณะมองไปที่โซเมียที่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

ซอนเน่เงยหน้ามองต้นไม้สีเทาด้วยความโศกเศร้า ในขณะนั้นลิซ่าก็เริ่มได้สติเล็กน้อย

 

 

 

「อะ อืออ……」

 

 

 

ริมฝีปากของเธอขยับด้วยความเจ็บปวดสักครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง

————————————————

 

กระสุนเวทย์และคิตกลงบนหลังของอาเซล แต่อาเซลผู้มีเกล็ดอันแข็งแกร่งไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย และหันมาหาไอริสกับคนอื่นๆด้วยความตกใจ

 

 

 

「……พวก “มนุษย์”อีกแล้วงั้นเหรอ? ถอยไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าควรมายุ่ง」

 

 

 

「สำหรับหลานสาวของตาแก่คนนั้น ถึงจะดูเหมือนมังกร แต่คำพูดก็ชอบทำให้โมโหอยู่เรื่อยนะ」

 

 

 

แม้แต่คำพูดอันเงียบงัน ก็ยังสัมผัสในน้ำเสียงของเธอได้ ฟีโออดทนไม่ได้ที่เห็นโนโซมุถูกเรียกว่า “เจ้านี่”

 

ขณะที่ไม่สนใจคำพูดของฟีโอ อาเซลก็เหลือบมองไอริสและคนอื่นๆที่พุ่งเข้ามา

 

เช่นเดียวกับน้ำเสียงอันเย็นชา การจ้องมองที่ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใครคนหนึ่ง สายตานั้นต่างมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

 

 

 

「พวกภูติงั้นเหรอ? ทำไมถึงไปอยู่กับเหล่ามนุษย์……」

 

 

 

ในสายตาของอาเซล เห็นซีน่าซึ่งถือคันศรอยู่ในมือ

 

เธอต้องแปลกใจเพราะสิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยร่วมกับระหว่างภูติและมังกรกลับเลือกที่จะเข้าข้างฝั่งมนุษย์และหันคมดาบเข้าหาเธอ

 

 

 

「เพราะสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ เชื้อวิญญาณแห่งราชวงศ์」

 

 

 

ในทางกลับกันเซน่าโค้งคำนับอาเซลด้วยความสุภาพอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม ในแววตานั้นมีความโกรธแฝงอยู่

 

มีความรู้สึกอันมากมายทั้งเคารพในตัวมังกรผู้สูงศักดิ์และในฐานะศัตรูของเพื่อนสนิท

 

 

 

「เหล่าภูติเอ๋ย หากเป็นเจ้าที่เป็นถึงวิญญาณแห่งราชวงศ์กลับเดินทางเส้นเดียวเอลฟ์สาวคนนั้นเจ้ารู้ไหมว่าต้องเกิดสิ่งใด……」

 

 

 

อาเซลพูดเตือนไปยังซีน่าและเหล่าภูติ ซึ่งแม้ว่าเธอจะเคารพวิญญาณราชวงศ์แค่ไหนก็ตาม

 

แม้ว่าน้ำเสียงอันเฉยเมยของอาเซลจะพูดออกมา แต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกไอริสแม้แต่น้อย

 

พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าเหล่าภูติที่เติมเต็มโลกใบนี้กำลังใช้พลังงานที่อยู่ร่วมกันเพื่อก่อกำเนิดพลังใหม่ซึ่งนำทางเหล่ามนุษย์

 

 

 

「แน่นอนว่าภูติเหล่านี้เป็นเพื่อนที่ประเมินค่าไม่ได้และไม่สามารถแยกเราออกจากกันได้ เราได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเจ้ามังกรดำตนนี้มีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใด หากเราไม่โค่นมันจะนำภัยพิบัติมาสู่โลก」

 

 

 

พลังอันอลหม่านของเทียแมต ที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ความเกลียดชังที่มีต่อทุกอย่าง เพียงเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เหล่าภูติตัวกระจ้อยต้องล้มตายมานักตานัก

 

ในฐานะคนที่เกิดมาพร้อมกับพลังแห่งภูติ เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายมากกว่าใครในหมู่เพื่อนๆของเธอ

 

เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณราชวงศ์อย่างมังกรที่เป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

 

แต่ถึงอย่างงั้นซีน่าก็ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนใจ

 

 

 

「ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ฉันก็เป็นหนี้ชีวิตเขามากกว่าที่ฉันจะตอบแทนไหว ถ้าท่านเอ่ยปากว่าจะปิดผนึกตัวเขานั้น งั้นฉันก็เลือกที่จะยืนเคียงข้างเขาผู้โดดเดี่ยวคนนี้ ต่อให้เป็นศัตรูต่อคนทั้งโลกก็ตาม」

 

 

 

คำพูดนั้นออกจากปากของเธออย่างเป็นธรรมชาติ

 

ชายหนุ่มผู้ให้โอกาสฉันได้หลุดพ้นจากโลกอันแสนโสมมที่จมปลักอยู่กับความแค้นและมอบความกล้าที่เผชิญหน้ากับเหล่าภูติ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนชายคนนี้

 

ด้วยวิธีนี้ ซีน่าน้อมรับอย่างเต็มใจและเป็นธรรมชาติ แม้ว่าตัวเธอจะเคารพตัวตนอันสูงส่งแต่ก็ไม่มีวันหักหลังผู้มีพระคุณ

 

อาเซลขมวดคิ้วเมื่อเห็นซีน่าเป็นแบบนั้น ที่พยายามช่วยโนโซมุแม้ว่าเทียแมตจะออกอาละวาดก็ตาม

 

 

 

「ช่างโง่เขลาเบาปัญญาเสียจริง แม้ว่าจะควบคุมเหล่าภูติได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่คิดว่าพลังนั้นเพียงพอที่จะล้มฉันคนนี้งั้นเหรอ ด้วยกำลังของมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเจ้าจะมีปัญหาปราบมังกรต้องสาปที่กินเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ยังงั้นรึ แม้ว่าเจ้าจะโค่นข้าได้จริงๆก็ยังมีตัวปัญหาอย่างเจ้านี่โผล่มา มันเป็นเพียงภัยพิบัติที่จะกวาดล้างทุกอย่างให้บรรลัย……」

 

 

 

「เหอะ ! ทำเป็นพูดจาอวดใหญ่แสร้งว่าทำเพื่อโลก แต่ตามที่ซอนเน่ได้กล่าวเอาไว้ จุดประสงค์อันแท้จริงของเธอก็มีเพียงแค่แก้แค้นให้พ่อของตัวเองไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนท่านมังกรขาวตนนี้ ยึดติดเพียงกับเรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้อะนะ」

 

 

 

「ขะ ขี้ประติ๋วงั้นเหรอ……」

 

 

 

คำพูดเยาะเย้ยของมาร์ขัดจังหวะของอาเซล

 

อาเซลหรี่ตาลงอย่างไม่สบายใจเมื่อเห็นมาร์ที่จู่ๆก็ก้าวมาข้างหน้า

 

 

 

「เจ้ามนุษย์ ริอาจดูถูกมังกรผู้สูงส่งอย่างข้าเช่นนี้เตรียมตัวตายไว้รึยัง……」

 

 

 

「แม้ว่าจะอ้างตัวว่าต่อสู้กับภัยพิบัติต่อมวลมนุษย์ชาติ แต่ดูยังไงก็ยังยึดติดกับความแค้นไม่หายเลยนี่หว่า มันคงเป็นเรื่องน่าสมเพชที่เข้าไปท้าทายใครสักคนแล้วโดนสวนกลับอย่างไม่ใยดีเช่นนี้」

 

 

 

อันที่จริงอาเซลได้รับบาดเจ็บในตอนนี้

 

พังผืดบนปีกข้างหนึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และลำตัวซึ่งส่องแสงราวไข่มุกก็เหลือรอยแผลเป็นทั่วทั้งตัว

 

ถึงแม้จะไม่ได้บาดเจ็บสาหัส แต่ก็เป็นบาดแผลที่ไม่อาจมองข้ามได้

 

แต่เหนือสิ่งอื่นใดโดนมนุษย์เพียงคนเดียวลูบคมไปถึงเพียงนี้ และการที่บุคคลนั้นคือศัตรูของเธอก็ทำให้อาเซลวิตกกังวล

 

 

 

「…………」

 

 

 

บรรยากาศอันหนักอึ้งรอบตัวพวกเขาเริ่มเป็นการปล่อยจิตสังหารใส่กัน

 

ธาตุต้นกำเนิดอันไม่เป็นมิตรหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของอาเซลและเข้าทำลายวงจรวิญญาณที่อยู่รอบๆเธอ

 

ความรู้สึกที่ว่าต้องรีบเผด็จศึกเข้ามาทันใด

 

มาร์ยื่นมือขวาออกไปจับดาบใหญ่ที่แบกไว้บนหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำและยกมือซ้ายขึ้นตั้งท่า

 

อาเซลและมาร์จ้องมองกัน จิตสังหารที่มองไม่เห็นเข้าปะทะระหว่างทั้งคู่

 

ไอริสเข้ามาแทรกระหว่างทั้งสอง

 

ขณะมาร์แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันดุเดือดให้ได้เห็น เขาได้เผชิญหน้ากับอาเซลอย่างตรงไปตรงมา

 

 

 

「ท่านอาเซลคะ พวกเราไม่มีเวลามาต่อสู้กับคุณมากนัก ดังนั้นได้โปรดเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าการที่ท่านลากเพื่อนของเรามาโลกอื่นจนเราต้องตามมาเพราะมีจุดประสงค์อะไรคงรู้กันสินะ?」

 

 

 

โลกที่ถูกปิดกั้นเป็นพื้นที่ๆมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถแทรกแซงได้ และเท่าที่อาเซลรู้มีเพียงคนเดียวที่ทำเช่นนั้นได้

 

 

 

「…………」

 

 

 

「บุคคลนั้นไม่ต้องการให้ท่านทำเช่นนี้ค่ะ」

 

 

 

อาเซลยังคงเงียบและกัดริมฝีปากแน่น เดาว่าคงนึกถึงปู่ของเธอ

 

ไอริสไม่เข้าใจความตั้งใจที่แท้จริงของซอนเน่

 

อย่างไรก็ตาม เข้าใจได้ว่าไม่อยากให้อาเซลใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อปิดผนึกเทียแมต

 

อาเซลพยายามแก้แค้นเทียแมตในฐานะศัตรูของมิคาเอลพ่อของเธอ

 

ในทางกลับกันซอนเน่ที่เป็นพ่อของมิคาเอล มีคำพูดและการกระทำที่ทำให้แม้แต่เทียแมตต้องกังวล แต่ไม่ได้มีความแค้นเคืองใดๆต่อกัน

 

เมื่อชายชราพูดถึงลูกชายของตัวเองก็จะนึกถึงเทียแมตเสมอรวมทั้งอาเซลที่เป็นลูกของมิคาเอล สีหน้าของเขาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ราวกับต้นไม้ใหญ่ที่เหี่ยวเฉา

 

ยังมีหลายสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของชายคนนั้น แต่ไม่มีทางที่ซอนเน่จะรู้ดีต่อความเสียใจของอาเซลในการที่ต้องเสียพ่อไป

 

ไอริสพยายามโน้มน้าวอาเซลด้วยความหวังริบหรี่จากคำพูดของซอนเน่

 

แต่ทว่า……。

 

 

 

「……อย่าถามอะไรโง่ๆ」

 

 

 

อาเซลตัดคำพูดโน้มน้าวของไอริสอย่างไม่ใยดี แม้ว่าจะแสดงความเจ็บปวดบนใบหน้า ราวกับถูกทิ่มแทงด้วยหอก

 

 

 

「ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมังกรแห่งความเกลียดชังตนนี้ไปได้ เพื่อไม่ให้การตายของพ่อต้องสูญเปล่า และเพื่อชำระล้างมังกรที่แปดเปื้อนไปด้วยบาปตนนี้ ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้!」

 

 

 

「……ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ ฉันจะเอาชนะคุณและนำโนโซมุกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย!」

 

 

 

「โง่เง่าน่า ! มนุษย์คนนี้ถูกความเกลียดชังของเทียแมตกลืนกินไปแล้ว หากบาเรียที่ใช้ผนึกถูกทำลาย เทียแมตจะอาละวาดไม่หยุดแน่ ไม่มีทางที่มันจะหยุดจนกว่าร่างกายจะแหลกสลายกันไปข้าง และในที่สุดมันก็จะฟื้นคืนชีพกลับมา」

 

 

 

「อ๊าาาาาาาาาาาาาากกกกกกก ! กรั๊ซซซซซซซซซ!」

 

 

 

ความแค้นของเทียแมตที่อยู่ในตัวโนโซมุถูกปลดปล่อยไปทั่วป่าสีเทาแห่งนี้ เขาพยายามดิ้นรนปลดพันธนาการที่จองจำเอาไว้ด้วยความเกลียดชัง

 

ไม่มีวี่แววของไอริสและผองเพื่อนสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา

 

ไอริสและคนอื่นๆต่างมีสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเห็นภาพที่ดูเหมือนเป็นคำยืนยันของอาเซล

 

 

 

「ก็ไม่รู้หรอกว่าจะพูดอะไร ! แต่เทียแมตโกรธมากไม่ฟังใคร!」

 

 

 

「ไม่มีมังกรเผ่าไหนๆที่จะปล่อยเทียแมตไว้ตามลำพังได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ฉันแต่มังกรตนอื่นๆก็จะเข้ามาปิดผนึกแทนที่ฉันอยู่ดี มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ปู่ของฉันดันเป็นคนเจอมันก่อนก็เท่านั้นเอง」

 

 

 

มาร์อดไม่ได้ที่จะโกรธ แต่อาเซลก็พูดปัดตกไป

 

แม้ว่าซอนเน่ที่เป็นผู้สังเกตการณ์จะเจอโนโซมุแล้ว เขาก็แทบจะไม่ใช้มาตราการรุนแรงใดๆเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเป็นคนอื่น

 

ที่เลวร้ายที่สุด คนสังเกตการณ์อาจจะปิดผนึกเทียแมต

 

ไม่อยากจะจินตนาการเลยหากเป็นคนอื่นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

 

「นอกจากนั้น โนโซมุยังเป็นมนุษย์จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปี เมื่อเวลาผ่านไปผนึกของเทียแมตจะถูกปลดออกจากร่างของเขาและความเกลียดชังของเธอจะนำพามาซึ่งหายนะแก่คนรอบข้าง!」

 

 

 

ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็คือไม่ช้าก็เร็ว นี่คือชะตากรรมของมนุษย์คนนี้ที่จะต้องถูกปิดผนึกไปพร้อมกับเทียแมต

 

จิตสำนึกในฐานะวิญญาณอันสูงส่งแห่งราชันย์วิญญาณผู้ปกครองเหนือวัฏจักรเผ่ามังกร ได้ผลักดันโทษฐานทุกอย่างลงที่เทียแมต

 

สิ่งที่อาเซลพูดล้วนไม่ผิด

 

แรงจูงใจของเธอคืออยากปิดผนึกเทียแมต แต่การแยกเทียแมตออกจากร่างโนโซมุก็มีความเสี่ยง

 

หายนะที่ดำรงอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้อ่อนแอหากจะผนึกก็มีเพียงตอนนี้ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว

 

 

 

「แต่ว่านะ……」

 

 

 

แม้แต่ไอริสก็เข้าใจเหตุผลได้ ไม่ เพราะเธอเป็นขุนนางที่ต้องปกป้องประชาชนเธอจึงรู้ดีว่าเรื่องที่พูดมันเป็นจริงแค่ไหน

 

แต่ว่า……。

 

 

 

「ถึงกระนั้นฉันก็ทนไม่ได้หรอกค่ะที่จะเสียเขาไปในตอนนี้」

 

 

 

ไอริสปฏิเสธทุกตรรกะทั้งหมด

 

แน่นอนว่าเข้าใจเหตุผลของอาเซล แต่ก็ยอมรับมันไม่ได้

 

เหตุผล? โชคชะตา? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนเลยสักนิด

 

หากชะตากรรมของเขาถูกกำหนดให้ต้องถูกผนึกและตายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ชะตากรรมแบบนั้นฉันจะฝ่าฟันไม่ยอมรับมันเด็ดขาด

 

เช่นเดียวกับที่เขาเลยช่วยน้องสาวของฉัน……。

 

ไอริสดึงดาบบางๆออกมาจากเอวของเธอ และจ้องมองไปที่อาเซล

 

ราวกับว่าเห็นจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเธอ เพื่อนๆต่างก็เตรียมพร้อม

 

 

 

「คิดจะสู้กับฉันงั้นเหรอ?」

 

 

 

「อา ขอโทษด้วย ต่อให้เป็นมังกรผู้สูงส่ง ก็จะขอจัดการลงนะตรงนี้」

 

 

 

อาเซลซึ่งหันหลังกลับ หันหน้าไปทางไอริสและคนอื่นๆราวกับได้ยินการประกาศทำสงคราม

 

เมื่อเห็นแล้ว่าพวกเธอเป็นศัตรู อาเซลก็เริ่มปรับพลังเวทย์

 

 

 

「หากมายืนขวางทางฉัน ฉันจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ แล้วจงอย่าได้เสียใจภายหลัง ที่แสดงความโง่เขลาให้กับฉันคนนี้」

 

 

 

อาเซลรวบรวมพลังเวทย์สีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากร่างของเธอ ไอริสและคนอื่นๆต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นมัน

 

 

 

「เดี๋ยวก่อน นั่นมันพลังเวทย์อะไรกัน!」

 

 

 

「สมแล้วที่เป็นตัวตนในตำนาน……」

 

 

 

ราวกับทะเลหมกเข้าปกคลุมท้องฟ้า หากเปรียบเทียบพลังเวทย์ของพวกไอริสก็เหมือนกับน้ำในคลองที่ปะทะกับสึนามิ

 

สเกลแตกต่างกันมากจนไม่สามารถหาอะไรมาต้านทานได้

 

 

 

「ข้าขอแด่วิญญาณแห่งแสง จงแสดงบารมีแก่คนโง่ผู้คลานอยู่เบื้องล่าง」

 

 

 

ตามคำสั่งของอาเซล วิญญาณแห่งแสงก่อตัวเป็นกระสุนเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนในอากาศ

 

มีลูกบอลแสงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มันใหญ่จนครอบคลุมพื้นที่ 70% ของท้องฟ้าทั้งหมด

 

 

 

「……ไม่จริง พวกนั้นไม่ฟังสิ่งที่ฉันคนนี้พูด แต่ดันฟังเธอคนนั้นแทนยังงั้นเหรอ」

 

 

 

「นี่มันระดับหายนะชัดๆ」

 

 

 

ซีน่าซึ่งใช้เวทย์วิญญาณได้เหมือนกันพยายามทำพันธสัญญาวิญญาณกับภูติแห่งแสง แต่ไม่มีการตอบรับจากภูติเลย

 

แม้ว่าปีกข้างหนึ่งจะถูกโนโซมุบดขยีเและได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ลดลง

 

โนโซมุที่สามารถทำให้ศัตรูจนมุมได้ก็ร้ายกาจไม่เบา

 

 

 

「ตายซะ!」

 

 

 

กระสุนเวทย์จำนวนมากตกลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่พวกไอริส

 

 

 

「ทิม่า ฟีโอ!」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว!」

 

 

 

ไอริส ทิม่า และฟีโอ สร้างบาเรียขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตามจำวนที่ถูกปล่อยออกมามันผิดมนุษย์มนาไปไกล มันกลืนกินบาเรียจนหายวับไปในทันที

 

เสียงระเบิดดังก้องไปตามๆกันในเวลาเดียวกัน ฝุ่นลอยคะคลุ้งปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว

 

ในชั่วพริบตาไอริสและพรรคพวกถูกพายุแห่งแสงกลืนกินหายไป

 

อาเซลมองดูสถานการณ์อย่างไม่แยแส และหันหลังกลับโดยไม่มองคู่ต่อสู้

 

ไม่ว่าจะเก่งสักแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์

 

ไม่มีทางที่จะต่อต้านได้หากเจอกับตัวตนในตำนาน

 

เสียใจที่ต้องลากเหล่าภูติมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ช่วยไม่ได้เพื่อที่จะผนึกมังกรร้ายตนนี้

 

เมื่อไอริสและคนอื่นๆ สลบไป อาเซลก็เริ่มผนึกโนโซมุต่อทันที

 

เป็นอีกครั้งที่องค์ประกอบต้นกำเนิดของอาเซลที่สร้างโดยเถ้าถ่านของมิคาเอลซึ่งใช้ผนึกโนโซมุ เมื่อวงเวทย์ก่อตัวขึ้นรอบคริสตัลก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา

 

จากนั้นวงเวทย์ใหม่เริ่มก่อตัวขึ้น ล้อมรอบวงกลมที่คุมตัวโนโซมุไว้

 

 

 

「ตอนนี้แหละ ไม่มีใครมาขวางทาง ฉันจะปิดผนึกแกซะ……」

 

 

 

「ด่วนตัดสินใจคิดว่าตัวเองชนะแล้วยังงั้นเหรอวะ!」

 

 

 

「หะ!?」

 

 

 

อาเซลที่กำลังผนึกต่อก็เจอลมอันรุนแรงพัดต่อหน้าเธอ

 

กระแสลมกรรโชกที่ชวนให้นึกถึงทอร์นาโดพัดฝุ่นออกไปกระแทกเข้ากับอาเซล

 

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายร่างกายของอาเซลซึ่งคล้ายกำแพงขนาดยักษ์ แต่อาเซลก็ต้องถอยหลังไปครึ่งก้าวเนื่องจากแรงกระแทกนั่น

 

หลังจากฝุ่นจางลง ก็มีร่างของมาร์ที่ถือดาบใหญ่

 

เบื้องหลังเขามีคนอื่นๆที่ยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย โดยมีบาเรียซ้อนไว้อยู่

 

สิ่งที่ถูกใช้งานคือบาเรียสี่สีได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ

 

บาเรียของทิมาถูกขยายขอบเขตไปอีกโดยมียันต์ติดตั้งไปทั่วบริเวณซึ่งฟีโอถนัดวิชาด้านตะวันออก แถมยังใช้เวทย์สนับสนุนของทิม่าที่ขาดความแม่นยำแต่ทรงพลัง

 

พลังเวทย์ในตำนานถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากตัวแปรภายนอกจนทำให้แม้แต่ลมหายใจของมังกรยังต้องสยบ

 

แม้ว่าบาเรียจะรับกระสุนเวทย์จำนวนมาก แต่ก็ยังคงส่องแสงเจิดจ้า

 

 

 

「เหอะ ไม่คิดว่าจะเอาตัวรอดได้เลยนะภายใต้สถานการณ์แบบนั้น……」

 

 

 

「อะเอ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ พอดียังคุมพลังเวทย์ไม่ค่อยได้……」

 

 

 

เทคนิตทางตะวันออกที่ควบคุมโดยฟีโอ ชดเชยได้ด้วยพลังวิญญาณที่ได้จากอาเซล นี่เป็นเพราะพลังเวทย์อันมหาศาลและพลังวิญญาณเข้าปะทะกัน

 

ในเวลาเดียวกันบาเรียของทิม่า ซึ่งส่องแสงด้วยภาพลักษณ์ไม่มั่นคงจึงเกิดการสั่นคลอน

 

ฟีโอหยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันไปทั่วบาเรียของทิม่า

 

ยันต์ที่ติดกับบาเรียก็ส่องแสง และเมื่อเข้าควบคุมพลังเวทย์ของทิม่าอีกครั้ง บาเรียที่สั่นคลอนก็กลับมาเปล่งประกายดั่งเดิม

 

 

 

「เอ้อ ข้าน้อยทนไม่ไหวแล้วเด้ออออ!」

 

 

 

「รู้แล้วน่า! มาร์ลุยกันเถอะ!」

 

 

 

ด้วยเสียงตะโกนของไอริส พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มวิ่งจุดหมายคือมังกรขาวตัวนั้น

 

พูดตามตรงอยากจะปลดปล่อยโนโซมุเต็มที่ แต่เป็นเรื่องจริงที่บาเรียที่ขวางกั้นนั้นกำลังรั้งโนโซมุที่คุมตัวเองไม่ได้ หากทำลายบาเรียก็จะกลายเป็นศึกสามด้าน

 

แม้ว่าเขาจะกลับมาได้สติ แต่ก็คงลำบากที่จะรับมือกับอาเซล

 

เพื่อที่จะทำให้เขากลับมาได้สติก่อน ต้องเอาชนะอาเซลเท่านั้น จากนั้นก็ค่อยดึงสติเขากลับมาในขณะที่เขาถูกความเกลียดชังกลืนกิน

 

 

 

「ฉันไม่ยอมให้พวกเธอมาขวางหรอกนะ!」

 

 

 

อาเซลสร้างกระสุนแสงขึ้นในอากาศอีกครั้งและยิงมันใส่ไอริสและคนอื่นๆที่เข้ามา

 

จำนวนมันเยอะมหาศาลจนไม่มีที่ให้หลบ

 

ไอริสและคนอื่นๆถูกแสงกลืนหายในพริบตาอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะต่อมา ทั้งสองคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรกระโ๗นออกมาและผลักดันองค์ประกอบต้นกำเนิดให้ห่างออกไป

 

 

 

「หะ!?」

 

 

 

อาเซลอดไม่ได้ที่จะตกใจ

 

บาเรียเวทย์สี่สีล้อมรอบไอริสและเพื่อนๆของเธอ น่าแปลกที่บาเรียของทิม่าสามารถทำให้เฉพาะเจาะจงรายบุคคลได้

 

โดยพื้นฐานแล้ว บาเรียเวทย์จะถูกติดตั้งในระยะที่กำหนดรอบผู้ร่าย ความยากจะเพิ่มมากขึ้นยิ่งมันห่างจากผู้ร่ายมากเท่านั้น และยังต้องใช้การควบคุมชั้นสูงในการรักษาเวทย์เอาไว้

 

นอกจากนี้ ยิ่งใช้เวทย์ชั้นสูงเท่าไรก็ยิ่งยากมากขึ้น

 

ควบคู่กับการใช้เทคนิคสุดหิน มีไม่กี่คนในทวีปอาร์คมีล ที่สามารถใช้ธาตุทั้งสี่ได้……。

 

เป็นเทคนิคที่ทิม่าที่มีพลังเวทย์มหาศาลแต่มีปัญหาเรื่องจัดการพลังเวทย์โดยไม่สามารถจัดการได้เพียงลำพัง

 

อันที่จริง บาเรียที่ไอริสและคนอื่นๆ สามารถป้องกันได้พังทลายลงในหลายๆจุด และดูเหมือนจะพังทลายลงทุกเมื่อ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อไอริสและมาร์หยิบเครื่องรางออกมาจากกระเป๋าติดไว้กับบาเรีย บาเรียก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง

 

การใช้เทคนิคยากๆพร้อมกัน ไอริสและคนอื่นทำให้เกิดขึ้นชั่วคราวด้วยการใช้เครื่องรางควบคุมจำนวนมาก

 

หากมีปัญหา เรื่องการควบคุมพลังเวทย์ ก็ใช้ไอเทมสิ้นเปลืองอย่างเครื่องรางที่ช่วยควบคุมพลังเวทย์ไว้ได้สักเวลาหนึ่งก็เพียงพอ

 

 

 

「ขอร้องล่ะทั้งสองคน อย่าใช้มันเยอะเกินไปเด้อ ! นี่ข้าผลิตเลือดตาแทบกระเด็นเลยนะ มันเป็นของใช้สุดแพงงงเลยน้าาาาาาาาาา!」

 

 

 

「หุบปากน่า!」

 

 

 

「ไว้เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเย็นที่ร้านชั้นเอง หยุดพล่ามได้แล้ว !」

 

 

 

「ไม่มีทางน่า แค่มื้อเย็นมื้อเดียวชดใช้ค่าเครื่องรางนั่นไม่หมดーーーーー!」

 

 

 

 ฟีโอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นทรัพย์สินมีค่าถูกใช้อย่างไม่ใยดี อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้คงไม่มีใครมาหวงของหรอก……。

 

น่าเสียดาย ฟีโอนั้นนั่งหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นเงินเก็บของเขาหายไปชั่วพริบตา เพราะเครื่องรางนั่น

 

 

 

(อึก ถ้ารอดจากการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้จะให้โนโซมุเลี้ยงขนมปังดำทุกวันเลย จะกินให้อิ่มแปล้เลยคอยดู……)

 

 

 

ความคิดของเขาใกล้จะหลุดออกจากโลกความเป็นจริง

 

แม้ว่าจะพึมพำว่าไม่อยากกินขนมปังที่แข็งเหมือนหิน แต่ว่าก็ต้องกัดก้อนเกลืออดทน เพราะการใช้เครื่องรางไปอย่างฟุ่มเฟือย

 

ปล่อยฟีโอนั่งเศร้าไว้ตามลำพัง ไอริสและมาร์หลบเลี่ยงกระสุนเวทย์จำนวนมากโดยแยกออกไปคนละด้าน และพยายามเข้าหาพร้อมกัน

 

 

 

「ชิ…..แต่ว่าอย่าคิดจะแตะต้องฉันได้ง่ายๆเชียวล่ะ!」

 

 

 

อาเซลเริ่มมุ่งความสนใจไปที่การโจมตีไอริสและมาร์

 

ความเร็วของไอริสและมาร์ค่อยๆลดลงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังเวทย์ที่มากขึ้น นอกจากนี้จำนวนกำแพงไฟที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินจำนวนมากทำให้เข้าหาได้ยากมากขึ้น

 

กำแพงไฟปรากฏขึ้นเป็นวงกลมเพื่อแยกทั้งสองออกจากอาเซล

 

ไอริสและมาร์ถูกหยุดโดยสิ้นเชิง หากเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะโดนรุกอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

 

「เหอะหยุดตามมาแล้วงั้นเหรอ……」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงแสดงสีหน้านิ่งสงบ

 

ทั้งสองมองหน้ากันเปลี่ยนทิศทางเดิน 90 องศาและวิ่งทางตรงกลางตามกำแพงไฟ

 

 

 

「มาร์」

 

 

 

「อืม เข้าใจแล้ว ถ้างั้นเปลี่ยนแผน อย่ากะเวลาพลาดล่ะ!」

 

 

 

ลมกรรโชกเกาะอยู่ในดาบใหญ่ของมาร์ ในเวลาเดียวกันพลังเวทย์ก็ถูกรวมไว้ที่มือซ้าย และเมื่อมั่นเปล่งแสง

 

สิ่งที่ผ่านช่องว่างของถุงมือเหล็กคือพายุลม

 

 

 

「เอาล่ะได้เวลาของฝากจากทอม ! เป่ามันไปเลย!」

 

 

 

 เทคนิคผสาน“สัตว์ร้ายผู้หิวโหยท่ามกลางวายุ(裂塵の餓獣)”

 

เทคนิค“ค้อนสะบั้นปฐพี”กับ”สัตว์ร้ายในอโมงค์ลมผู้หิวโหย“เป็นการผสานระหว่างทั้งสองเทคนิคเข้าด้วยกัน

 

สัตว์แห่งสายลมที่กลืนกินเสาเพลิงและกระสุนแสงที่ขวางเส้นทางของมันและทั้งหมดก็หันคมเขี้ยวไปหาอาเซลทันที

 

 

 

「อะไรนะ!? อั่กกกกกก!」

 

 

 

อาเซลส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

 

ฝูงสัตว์ร้ายที่หิวโหยเจาะกรงเล็บเข้าไปในเกล็ดของอาเซลและเปลี่ยนเขี้ยวของพวกมันให้กลายเป็นบาดแผลบนร่างอาเซลที่สร้างโดยโนโซมุ จนเกล็ดนั้นหลุดออกมา

 

มันทรงพลังมากจนไม่สามารถเทียบได้กับเทคนิคที่ยังไม่สมบูรณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา

 

 

 

「ทอม ขอบคุณจริงๆ……」

 

 

 

โดยส่วนตัวแล้วมาร์ยังคุมเทคนิคผสานได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ถ้าจำกัดเทคนิคที่ใช้และใช้บางอย่างที่ช่วยขับเคลื่อน ก็จะมองเห็นความเป็นไปได้ของการสร้างเทคนิคใหม่ขึ้นมา

 

มาร์ที่ถนัดเวทย์ลม ได้ขอให้ทอมสลักเทคนิคที่สามารถเปิดใช้งานเวทย์ เมื่อถ่ายเทพลังเวทย์ลงไป และเทคนิคที่สามารถปรับพลังเวทย์ได้ไว้ที่ด้านหลังของเกราะแขน

 

หากแกะสลักรูนลงในอาวุธความทนทานของมันจะลดลง เช่นเดียวกับการสลักเข้าไปในเกราะแขน

 

นอกจากนี้หากแกะสลักเข้าไปในชุดเกราะโดยตรง เทคนิคนี้จะทำให้เกราะแตกกระจายก่อนที่จะได้ใช้งาน ซึ่งทำให้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

 

เพื่อจุดประสงค์นั้น ทอมได้สลักรูนลงไปในผ้าที่อยู่ด้านหลังเกราะแขนของเขา

 

ด้วยเหตุนี้มาร์จีงใช้และสามารถเทพลังเวทย์ได้อย่างเต็มที่และสามารถควบคุมมันได้ง่ายมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามมีข้อเสียเหมือนกัน

 

ส่วนหนึ่งของเกราะแขนแตกกระจายแม้จะทำการสลักลงในผ้าก็ตาม

 

นอกจากนี้เทคนิคนี้จะยิ่งทำให้รูนที่สลักเสื่อมลงเรื่อยๆหากใช้ต่อเนื่อง ยังไม่ชัดเจนในแง่ของความคงทนในการใช้พลังเวทย์

 

อย่างไรก็ตามมาร์เองก็สามารถใช้พลังที่เพียงพอที่จะชดเชยในส่วนนั้นได้

 

ในความเป็นจริง เทคนิคนี้ใช้ทั้งอากาศโดยรอบและพลังเวทย์ที่ควบคุมในเวลาเดียวกัน และไม่เพียงแต่ดับกระสุนแสงที่เข้ามายังสร้างบาดแผลให้อาเซลอีกด้วย

 

 

 

「ไปกันเถอะ!」

 

 

 

ไอริสกระโดดนเข้าไปในพื้นที่ถูกเปิดแผลฟันลงมาและเข้าใกล้อาเซล

 

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」

 

 

 

ในมือของเธอมีดาบเล่มหนึ่ง

 

ดาบสีดำสนิทชวนให้นึกถึงค่ำคืนแห่งขุมนรก เต็มไปด้วยเวทย์เสริมความแข็งแกร่งหลายครั้ง

 

“สุริยะคลาส(月食夜)”

 

ดาบเวทย์ที่เสริมพลังเทียบเท่าได้กับแฟนท่อมของโนโซมุถูกวาดลวดลายลงไปในเนื้อของอาเซล

 

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกซ!」

 

 

 

ดาบบางๆที่ฟันทะลุร่างของอาเซลได้ลึกมาก นอกจากนี้ไอริสตวัดดาบบางๆและฟันร่างของอาเซลไปอีกสองสามครั้ง

 

 

 

「อ่าาา ไอ้พวกมนุษย์เฮงซวย!」

 

 

 

อาเซลใช้แขนอันใหญ่โตตะปบกับพื้นพยายามสะบัดไอริสให้หลุดออก

 

แต่ เนื่องจากความเจ็บปวดที่ปีกข้างหนึ่งของเธอและร่างกายที่ถูกฟันจากโนโซมุ เธอจึงเคลื่อนไหวได้ไม่มาก

 

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังตัวเล็กการโจมตีของอาเซลแม้จะรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเพราะบาดแผลรอบตัว

 

ในทางกลับกันไอริสที่ตัวเล็กกับเคลื่อนไหวได้พริวไหว สง่างามและไร้ช่องว่าง

 

ราวกับกำลังเต้นรำอยู่เธอยังคงฟาดฟันดาบบางๆพร้อมกับหลบการโจมตีของอาเซล

 

 

 

「อั่ก! อึก!? อั่ก、น่ารำคาญจริงงงงงงงงง!」

 

 

 

「!?」

 

 

 

「สมน้ำหน้า!เจ้ามนุษย์!」

 

 

 

ด้วยความตื่นตระหนกอาเซลจึงปล่อยธาตุต้นกำเนิดออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าและลมกรรโชกแรงก็พัดไอริสปลิวไป

 

หลังจากเป่าแมลงน่ารำคาญออกไป อาเซลก็รวบรวมพลังไว้ที่ปากของเธอ

 

อาเซลที่แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นไอริสที่พยายามลุกขึ้นนั่ง

 

 

 

「หายไปซะ!」

 

 

 

「มิมูรุ!」

 

 

 

「กำลังรออยู่เลย!」

 

 

 

มิมูรุกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ด้านหลังของอาเซล

 

ในมือของเธอมีเครื่องรางที่ซอนเน่มอบให้

 

ไอริสและคนอื่นๆต่างเป็นตัวล่อมาจนถึงตอนนี้ มันเป็นแผนที่ให้ว่ายันต์ที่ได้รับมาแผ่นเดียวจะใช้ผนึกอาเซลได้

 

 

 

「คิดว่าฉันไม่สังเกตเห็นอย่างงั้นรึ!」

 

 

 

อย่างไรก็ตามลูกไม้ตื้นๆคงไม่สามารถเอาชนะอาเซลได้

 

สามารถควบคุมภูติโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของมิมูรุอยู่แล้ว

 

อาเซลยกหางขึ้นพยายามตบมิมูรุ

 

 

 

「ใช่แล้ว ฉันเองก็รู้ดี」

 

 

 

「หา!? บ้าน่า!」

 

 

 

ช่วงเวลาถัดมา ลูกธนูจากด้านหลังไอริสก็แทงทะลุลมหายใจของอาเซลที่กำลังจะปล่อยออกมา

 

ทันทีที่ลูกศรเจาะและระเบิด มันปล่อยพลังเวทย์สี่ธาตุออกมา

 

อาเซลสะบัดตัวไปรอบๆเพราะความเจ็บปวดรุนแรงแล่นเข้าที่ปาก

 

 

 

「ตามที่คาดไว้ เวทย์เสริมพลังของทิม่าที่ได้การเสริมพลังจากทอมอีกที ทำให้สามารถสร้างลูกธนูอันทรงพลังได้ขนาดนี้ แต่ว่ามันรุนแรงเกินไปไหม」

 

 

 

คนที่ยิงธนูคือซีน่าซึ่งรออยู่ด้านหลัง ลูกธนูที่มีอักษรรูนสลักอยู่ตั้งแต่หัวลูกศรไปยันปลายขนนก

 

คาถาที่แกะสลักเอาไว้เป็นการผสมผสานระหว่างความสามารถของซีน่า “การลงทัณฑ์แห่งหมู่มวลดารา”ผสมผสานกับเวทย์เสริมพลังสี่ธาตุของทิม่าทำให้เกิดพลังอันมหาศาลระหว่างพลังเวทย์และพลังภูติ

 

โดยปกติแล้ว “การลงฑัณฑ์แห่งหมู่มวลดารา” จะถูกปล่อยออกไปพร้อมกับพลังภูติ แต่คราวนี้เต็มไปด้วยพลังเวทย์ของทิม่า

 

ลูกศรที่ครอบครองพลังของธาตุทั้งสี่ สามารถดับลมหายใจของอาเซลได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เธออยู่ในสภาพวิกฤต

 

 

 

「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนั้นจะทำอะไรแบบนี้ในขณะที่ฉันพยายามผนึกโนโซมุ……」

 

 

 

ขณะที่ประหลาดใจกับลูกธนูที่เธอยิงมา ซีน่าก็นึกถึงช่วงเวลาที่ได้รับลูกธนูดอกนี้

 

ตามที่ทอมกล่าวเอาไว้ หลังจากเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของโนโซมุ เขาก็พยายามอย่างหนักเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อหาวิธีรับมือร่วมกับทิม่าและบรรลุผล จนทำให้พวกไอริสดึงความสนใจทั้งหมดไปได้

 

แม้จะมีข้อบกพร่องอย่างเป็นของใช้แล้วทิ้งและใช้ได้เพียงครั้งเดียว หรือจะมีอันตรายย้อนกลับหลังจากเปิดใช้งานและประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่สูงลิ่ว

 

อันที่จริงสายธนูของซีน่าขาดเนื่องจากยิงลูกธนูอาบพลังเวทย์ลูกนั้นออกไป

 

แต่พลังทำลายล้างก็อย่างที่กล่าว

 

ลูกธนูที่ไม่พลาดเป้าหมายส่งผลให้ราชันย์วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

 

 

「หนอยแน่!」

 

 

 

「หนวกหู—————!」

 

 

 

อาเซลกระอักเลือดและยังคงพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ

 

มิมูรุติดเครื่องรางไว้บนร่างของเธอเรียบร้อย คาถาที่สลักไว้บนเครื่องรางถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติโดยใช้วิญญาณของซอนเน่เป็นแกนกลาง

 

แสงนับไม่ถ้วนพันธนาการร่างของอาเซลและผนึกพลังของเธอไว้

 

สิ่งที่สลักไว้บนนั้นคือบาเรียปิดกั้นที่ใช้กับโนโซมุ

 

 

 

「เอ่อ อั่ก สำเร็จ……」

 

 

 

「เอาจนได้นะ!」

 

 

 

มิมูรุแสดงความยินดีกับการที่เธอทำสำเร็จ ไอริสถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นหากอาเซลไม่ใช้ลมหายใจมังกรในการโจมตี และถ้าเธอไม่ชะลอและเร่งการโจมตีละก็

 

ความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บที่ต่อสู้กับโนโซมุ แต่ที่สำคัญที่สุด สายตาเชิงกลยุทธ์ในการทำนายการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้นั้นยังอ่อนหัดเกินไป

 

อาเซลไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก

 

อาจเป็นเพราะพลังทำลายล้างที่สูงจึงไม่สนใจที่วิธีการต่อสู้ หรือไม่เคยเจอกับการต่อสู้ “จริง” มาก่อน

 

เทคนิคที่ใช้ทรงพลัง แต่ก็ไม่มีความละเอียดอ่อนและความแม่นยำเหมือนซอนเน่

 

ความแข็งแกร่งที่ทรงพลังเกินไป แต่จิตวิญญาณยังเป็นแค่เด็ก พอมาคิดแล้วก็เป็นมังกรที่มีความวิบัติในตัว

 

 

 

「งั้นก็ปล่อยไปก่อน……」

 

 

 

ไอริสเหลือบมองอาเซลที่ถูกมัดติดกับพื้น แต่ในขณะนั้นเธอละทิ้งทุกความสงสัยและหันไปมองโนโซมุ

 

ในขณะนั้นเครื่องรางที่ผนึกอาเซลกลับระเบิดออก แสงจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายไปในอากาศ

 

แสงที่กระจัดกระจายไปรอบๆตกลงบนบาเรียที่ผนึกมังกรที่กักขังโนโซมุเอาไว้อยู่

 

 

 

「อ๊าาาาาาาาาาาาาห์!」

 

 

 

“บ้าเอ้ย!? พลังนั่นมัน……”

 

 

 

โนโซมุกรีดร้องด้วยความโกรธ พยายามดิ้นรนเพื่อปลดพันธนาการของเขาอีกครั้ง

 

บาเรียแสงค่อยๆแตกออก และห่างมองใกล้ๆก็จะเห็นร่างของโนโซมุที่สั่นคลอนพร้อมกับคริสตัลของมิคาเอลที่กำลังสูญเสียพลังงานไป

 

เห็นได้ชัดว่ามิคาเอลเป็นคนเปิดใช้งานเวทย์ผนึกมังกร แต่เขายืมพลังของอาเซลเพื่อผนึกเอาไว้

 

พลังของอาเซลที่ใช้รักษาถูกบาเรียปิดกั้นเอาไว้ และเครื่องรางของซอนเน่ก็ขัดขวางการทำงานของบาเรียผนึกมังกร ทำให้บาเรียที่กักขังโนโซมุหลุดออก

 

โนโซมุที่ได้รับพลังกลับคืนมาได้ฉีกบาเรียออกอย่างสุดกำลัง

 

นอกจากนี้พลังอันรุนแรงที่ถูกปลดปล่อยกระจายไปทั่วทิศทาง และมิคาเอลก็ปลิวล้มลงไปกับพื้น

 

 

 

「「มิคาเอลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล!」」

 

 

 

「รอก่อนนะโนโซมุ」

 

 

 

โนโซมุยกดาบขึ้นทำลายคริสตัล

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่ดาบจะแตะคริสตัลไอริสก็เข้าไปรับดาบเอาไว้

 

กระสุนเวทย์จำนวนมากถูกยิงออกมาระหว่างโนโซมุและมิคาเอล

 

เมื่อสัมผัสได้ว่าตกอยู่ในอันตรายโนโซมุจึงกระโดดถอยหลังไปราวกับสัตว์ป่า

 

ในขณะนั้นไอริสก็เข้ามาขัดขวางมิคาเอล และโนโซมุ สายตาของโนโซมุก็จ้องมองเห็นเพื่อนๆในที่สุด

 

ดวงตาสีแดงเข้มย้อมเป็นสีแดงด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นเดียวกับตอนนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองพวกฉันเป็นศัตรู

 

 

 

「ซีน่าเร็วเข้า!」

 

 

 

「อืม รู้แล้ววววอย่ารีบนักสิ!」

 

 

 

ซีน่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์ขยายวงจรเวทย์ระหว่างเธอกับโนโซมุให้กว้างขึ้น

 

ไอริสเชื่อมโยงวิญญาณของโนโซมุเข้ากับตัวเธอและพยายามทำให้โนโซมุกลับมามีสติอีกครั้ง

 

 

 

「โนโซมุ ได้ยินฉันไหม!? รีบๆได้สติกลับมาได้แล้วตาบ้า!」

 

 

 

「กรรรรรรรรร……」

 

 

 

「……ไม่สิ ความเกลียดชังมันมากเกินไปที่เขาจะได้ยินเสียงฉัน เขาหลอมรวมกับเทียแมตอย่างสมบูรณ์」

 

 

 

ไอริสขึ้นเสียงราวกับว่าเธอเคยทำให้โนโซมุกลับมามีสติอีกครั้ง แต่ตรงกันข้ามกับความคิดของเธอ ดวงตาของโนโซมุยังไม่กลับมาเป็นปกติ

 

ความโกรธเข้าครอบงำเหตุผลทั้งหมดอย่างสมบูรณ์และไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง

 

เมื่อพลังปิดผนึกกลับมา พลังของเทียแมตก็สร้างความเสียหายแก่ร่างกายโนโซมุอีกครั้ง

 

 

 

「ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ต้องหยุดด้วยกำลังเท่านั้นแล้ว」

 

 

 

「อืม ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดเขาแล้ว……」

 

 

 

มาร์เองก็ยืนข้างๆไอริสดึงดาบใหญ่ออกมา

 

ทิม่ายืนอยู่แนวหลังมาร์ถือดาบและจ้องมองไปยังโนโซมุ

 

 

 

「ฮะฮะฮะ รีบๆกลับมาได้สติได้แล้ว ทุ่มทุกอย่างหมดหน้าตักแล้วนะ……กระเป๋าแบนแฟนไม่มีเนี่ย」

 

 

 

「ไม่ต้องกังวลไปฟีโอ จะให้ยืมเงินแน่ดอกเบี้ย 50% ผ่อนใน 10 วัน」

 

 

 

「นี่มันขูดรีดยิ่งกว่าหนี้นอกระบบอีกนะ……」

 

 

 

แม้ว่าสถานการณ์จะสิ้นหวังฟีโอกับมิมูรุก็พูดกันชวนให้ขำ ซีน่ายังดูตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

การนำโนโซมุคนเดิมกลับมาอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

 

ครั้งที่แล้วโนโซมุยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่รอบนี้มีแต่ความเกลียดชังปกคลุม

 

อย่างไรก็ตามไอริสและคนอื่นๆดูเหมือนจะไม่กังวลอะไรมากนัก

 

จะต้องหยุดโนโซมุและพาเขากลับมา

 

หากโชคชะตาเล่นตลกและพาเขาไป ฉันจะเป็นคนทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาเอง

 

ด้วยความตั้งใจแบบนั้น เหล่าสาวๆและผองเพื่อนจึงได้เผชิญหน้ากับมังกรชั่วร้ายอีกครั้ง

 

 

 

「เฮ้อ แม้จะไม่คาดคิดว่าจะต้องสู้กันอีกครั้ง แต่คราวนี้เรียกว่าเป็นแมตซ์เอาคืนที่เล่นคราวก่อนจนอ่วมก็แล้วกัน!」

 

 

 

ด้วยคำประกาศอันกล้าหาญของมาร์ การต่อสู้ระหว่างโนโซมุและไอริสได้เริ่มต้นอีกครั้ง

 

 

หายไปนานสามเดือน ในที่สุดก็เรียนจบแล้วววววววว อีกไม่นานจะจัดงานฉลองรับปริญญาเด้อ

 

ส่วนเรื่องสนับสนุนช่างมันเหอะ ใครเอาไปอ่านพากย์อีก ขอให้แปลเองอย่าดูดไปอ่านเลยถึงให้เครดิตก็ไม่ยอม เสียเวลาแปล 5-8 ชั่วโมง ต่อตอนนะ

 

เรื่องราวนี้ผมจะเป็นคนจบมันเอง ! ไม่ต้องทวงแล้วววววว

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Score 10
Status: Completed
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset