นางบำเรอเติมใจ 63

ตอนที่ 63

“อะไรนะคะ” เธอได้ยินในสิ่งที่เขาพูดไม่ชัด เลยหันไปถามด้วยความแน่ใจ ทั้งที่หัวใจเต้นตุบๆ แทบจะทะลุออกมาด้านนอก

“ฉันต้องการเธอ ตอนนี้ คิดราคาเท่าไหร่” เมื่อได้ยินคำถามที่ชัดเจนบวกกับหน้าคมที่ฉายแววจริงจังบวกกับคำพูด ก็ทำให้ร่างบางสั่นเท่าขึ้นมาทันที กำมือแน่นมองหน้าคนที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างไม่เข้าใจ เขาเห็นเธอเป็นได้แค่นั้นจริงๆ สินะ เดินเข้าไปหาเขาโดยเว้นระยะ

“ไม่ใช่ว่าคุณกำลังจะแต่งงานหรอกหรือคะ” เงยหน้าขึ้นสบตาคมที่จ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว เธอเห็นแววตาไหววูบของเขาแต่มันแค่แป๊บเดียวก็กลับมานิ่งเหมือนเดิม

“ใครบอกเธอ” กรวิทย์คิดว่าเขายังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอ หรือแม้แต่กับใครก็ตาม

“หวานเดาถูก”

“ก็ไม่เชิง” การแต่งงานของเขากับพิมพ์ประภาทางผู้ใหญ่แค่เกิ่นๆ ไว้และให้ทั้งสองคนศึกษากันจริงจัง แต่ยังไม่มีวันที่แน่นอน

“แล้วไม่ละอายบ้างเหรอคะที่ทำแบบนี้ ถ้าว่าที่เจ้าสาวของคุณรู้เขาจะเสียใจแค่ไหน” หทัยรัตน์มีกฎของตัวเองตั้งแต่แรก เธอจะไม่แย่งของใคร และจะไม่เป็นเมียเก็บหรือนางบำเรอของคนที่มีเมียแล้ว กฎที่เธอตั้งขึ้นตั้งแต่เริ่มรับงานแบบนี้

และนั่นมันคือตอนที่เธอเป็นนักศึกษาไม่มีงานทำ ตอนนี้เธอมีงานทำแล้วไม่จำเป็นที่เธอต้องกลับไปทำอะไรแบบนั้นอีก ทั้งๆ ที่เธอจะหยุด อยากให้เขาเป็นคนสุดท้ายที่เธออยู่ด้วย แต่เขากลับยัดเยียดให้เธอกลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้ง

“ฉันไม่ใช่คนดีเธอก็รู้” กรวิทย์มองผู้หญิงตรงหน้าแล้วอยากจะจับเธอมาลงโทษ ความรู้สึกของเขาตอนนี้สับสนไปหมด เขาตั้งใจจะปล่อยเธอไปแล้วทำตามคำมั่นสัญญาของผู้ใหญ่แต่งงานกับพิมพ์ประภา แต่ทำไมแค่วันนี้ เขาเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น แค่เธอบอกว่าจะหาคนที่ดีรับเลี้ยงต่อมันถึงกับทำให้เขาต้องมานั่งกระวนกระวายแบบนี้ด้วย

หลังจากที่กลับมาจากส่งพิมพ์ประภาเขาก็กลับเข้ามาที่คอนโด ในหัวของเขาคิดแต่ว่าจะทำยังไงให้หทัยรัตน์กลับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม เขาชินกับการที่มีเธออยู่บนเตียงทุกๆ วันที่กลับมาที่นี่ ถึงจะรู้ว่ามันผิดแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เขาต้องการหทัยรัตน์ ทั้งที่บอกตัวเองเป็นร้อยๆ รอบแล้วว่าเธอก็แค่ผู้หญิงที่เขาซื้อมาอยู่ด้วย แต่มันก็ไม่ได้ผล

และตอนนี้เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เขายังไม่ได้ใช้อุบายอะไรหลอกล่อ มันก็ทำให้เขาไม่รอช้าที่จะรั้งตัวเธอไว้

“หวานรู้ค่ะว่าคุณไม่ใช่คนดี แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในฐานะแบบนั้นแล้ว” หทัยรัตน์มองหน้าคนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คนดีด้วยสายตาเจ็บปวด เขาไม่ใช่คนดีก็จะดึงเธอให้ไม่ดีด้วยเหรอ เขาจะให้เธอเป็นชู้กับเขาใช่ไหม

“ฉันก็บอกให้เธอเสนอราคามาอยู่นี่ไง เริ่มใหม่”

“คุณกร” หทัยรัตน์เรียกชื่อเขาเสียงดัง อย่างโมโห

“เธอบอกว่าจะหาคนเลี้ยงใหม่หนิ ไม่ต้องหากลับมาอยู่กับฉัน” กรวิทย์พูดเสียงจริงจัง

ใครบอกว่าเธอจะหาคนเลี้ยงใหม่ เธอพูดว่า ถ้าจะ ถ้าจะ เขาเอาไปตีความแบบนั้นได้ยังไง แล้วอะไรคือให้กลับมาอยู่กับเขา มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ ในวันที่เธอบอกว่าจะไปทำไมเขาไม่รั้งเธอไว้ ทำไมเขาถึงยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

“ฉันมีกฎของตัวเองคือไม่เป็นชู้กับใคร เสียใจด้วยนะคะ” เธอพูดเสียงแข็ง

“ฉันยังไม่แต่งงาน”

“แต่คุณมีแฟน”

“ไม่ใช่” หทัยรัตน์หัวเราะออกมาเบาๆ กับคำตอบของเขา

“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับคุณคะ”

“เราแค่ลองศึกษากันดู” สำหรับพิมพ์ประภาถึงเธอจะชัดเจนว่ารักเขา แต่เขาก็ยังไม่มีความรู้สึกนั้นให้เธอ มันมีแค่ความเอ็นดู และตอนนี้เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง

“คนเห็นแก่ตัว” กรวิทย์ยอมรับอย่างเต็มปากว่าตอนนี้เขาเห็นแก่ตัว

“ฉันยอมรับ” ร่างใหญ่เดินเข้าไปหาร่างบาง ซึ่งเดินถอยหลังให้เขาทันที

“ถ้าคุณอยากได้นางบำเรอสักคนไว้สนองความใคร่ ก็ไปหาเอาที่อื่นเถอะค่ะ ฉันไม่รับงานนี้” หทัยรัตน์พูดอย่างโมโหจัด สะบัดหน้าเดินออกจากห้อง แต่มันก็แค่ก้าวเดียวเพราะแรงกระชากจากด้านหลังทำให้เธอตัวปลิวกระแทกเข้ากับอกแกร่งเปลือยเปล่าของคนตัวใหญ่เต็มๆ

“เธอก็รู้ว่าไม่มีใครรู้ใจฉันเท่าเธอ” แขนแกร่งล็อคเอวบางเข้าหาก้มลงกระซิบข้างหูสวย เขาไม่ได้ทำรักกับร่างบางนี้มาเกือบเดือนแค่เพียงแตะต้องและมีร่างบางเบียดเสียดอยู่ในอ้อมแขนความนุ่มหยุ่นของเธอเสียดสีไปมาจากแรงดิ้นมันก็ทำให้เขาร้อนรุ่มขึ้นมาทันที

“ปล่อย” หทัยรัตน์ดิ้นเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของเขา แต่เขาก็รัดแน่นเหลือเกิน

เป็นงูรึไง

“และฉันก็รู้ด้วยว่าไม่มีใครรู้ใจเธอเท่าฉัน” ใบสวยหันหนีริมฝีปากที่ก้มลงมาจะจูบเธอ ใช่ อย่างที่เขาบอกเรื่องบนเตียงเราสองคนรู้ใจกันเป็นอย่างดี ไม่งั้นเธอจะอยู่กับเขาได้นานขนาดนี้เหรอ แค่เขาจูบเขากอดนิดกอดหน่อยเธอก็พร้อมจะโอนอ่อนไปกับเขา เพราะเขารู้จุดอ่อนของเธอเป็นอย่างดี

“ฉันไม่ยอม” เสียงปฏิเสธขาดหายเบาหวิวลงเรื่อยๆ หายใจหอบแรงขึ้น

แรงบีบเคล้นที่บั้นท้ายพร้อมกับตัวตนที่บดเบียดเข้าหาทำให้เธอหายใจติดขัด แถมยังมีลมหายใจอุ่นๆ ปลายลิ้นร้อนๆ ของเขาไล้เล็มอยู่ที่หลังใบหูยิ่งทำให้เธออ่อนระทวยยอมแพ้เขาอย่างราบคาบ

ทั้งที่ใจพยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองโอนอ่อนไปกับเขา แต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เขามันร้ายกาจ แถมยังใจร้ายกับเธอมาก

“ฉันต้องการเธอ ต้องการเธอมากกว่าใคร หวาน” เสียงกระเส่ากระซิบบอก ลิ้นร้อนๆ ซอกซอนเข้าไปในใบหูสวย ขบกัดเบาๆ ให้ร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัว

หทัยรัตน์แทบยืนไม่อยู่เม้มปากแน่นหลับตาพริ้ม เธอแพ้เขาแพ้เพราะความรักที่เธอมีต่อเขา แพ้เพราะคิดถึงร่างกายของเขา สัมผัสของเขา

กรวิทย์ดันเธอให้ถอยไปที่เตียงผลักร่างบางให้นอนลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมทันที จ้องใบหน้าหวานที่เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของตัวเอง จูบซับไปทั่วใบหน้า

“คุณกรปล่อยหวาน” หทัยรัตน์พยายามตั้งสติ

“ไม่ อยู่กับฉันนะหวาน” สองตาจ้องกัน หทัยรัตน์เห็นความเว้าวอนอยู่ในดวงตาของเขา และเธอก็เชื่อว่าเขาเห็นความลังเลอยู่ในสายตาของเธอ ดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ แล้วเขาจะมองเห็นความรักของเธอบ้างรึเปล่านะ หรือเห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ ต้องการเธอแค่ตอนอยู่บนเตียง

ปากหนาก้มลงจูบคนที่จ้องเขาตาไม่กะพริบ เขาอยากรู้ว่าหทัยรัตน์คิดยังไง อยากรู้ว่าสายตาที่เธอมองเขาตอนนี้หมายความว่ายังไง

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset