นางบำเรอเติมใจ 55

ตอนที่ 55

“คุณหวานคะ คุณหวาน” พยาบาลเรียกปลุกให้เธอตื่น หทัยรัตน์สะดุ้งตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวา ก็เจอกับนางพยาบาลที่เธอจ้างดูแลยายของเธอ

“พี่สายใจ ยาย ยายหวานล่ะคะ”

“ยายไปสบายแล้วจ้ะ พี่เสียใจด้วยนะจ๊ะ” สายใจเองก็เสียใจเหมือนกันเพราะมีความผูกพันกับสองยายหลาน เธอเห็นความรักของทั้งคู่ที่มีให้กัน

“อือๆ”

“ยายรักหวานมากรู้ใช่ไหม ท่านพูดเสมอว่าอยากให้หวานเข้มแข็ง” บ่อยครั้งเวลาที่สองยายหลานคุยกันสายใจก็อยู่ด้วย

“หวานรู้ หวานจะเข้มแข็ง”

“ดีมากเด็กดี จะโทรหาใครไหม” ถึงแม้จะรู้ว่าหญิงสาวไม่มีญาติที่ไหนมีกันแค่สองคน แต่ก็น่าจะมีคนพิเศษเพราะหลายครั้งที่เห็นผู้ชายมากับเธอ

“โทรค่ะ” สายใจหยิบกระเป๋ามาให้ แล้วเดินออกไปจากห้อง

หทัยรัตน์ชั่งใจอยู่ว่าเธอจะโทรหากรวิทย์ดีไหม จะเป็นการรบกวนเขารึเปล่า นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วเขาก็ยังไม่กลับมา ไม่ติดต่อมาเหมือนที่เขาไปทุกครั้ง เธอเองก็ไม่กล้าที่จะส่งข้อความหรือโทรหาเขา มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาไปทำงานที่อื่น

ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมาสองปีกว่าแต่เธอกับเขามันมีช่องว่างระหว่างกัน

ถ้าจะโทรหาพิรุณรักเวลานี้คงไม่ได้อีก

“เอมมี่แกอยู่ไหน”

(อยู่ห้อง มีอะไรรึเปล่าทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น)

“ยาย ยายฉัน อึก อือๆ” แค่พูดถึงยายน้ำตาเธอก็ไหลมาอีกแล้ว

(ยายแกเป็นอะไรหวาน) เอมมี่ถามเสียงตื่น

“ยายฉันท่านจากฉันไปแล้ว อือๆ”

(ใจเย็นๆ เดี๋ยวฉันไปหา แกอยู่โรงบาลใช่ไหม)

“อือ” สายถูกตัดไปแล้ว เธอไม่มีญาติที่ไหนเวลานี้เพื่อนสนิทเท่านั้นที่เธอพอจะพึ่งพิงได้

“ฟื้นแล้วเหรอครับ” กวินเดินเข้ามาก็เห็นเธอร้องไห้

“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณหมอลำบาก”

“ไม่ลำบากหรอกครับมันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว มีอะไรให้หมอช่วยก็บอกนะครับ”

“หวานคงจะไม่รบกวนหมออีกแล้วล่ะคะ” เมื่อยายของเธอไม่อยู่แล้ว เธอคงไม่มีอะไรจะรบกวนหมออีกแล้ว

กวินเองที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนใจหาย

“รบกวนได้ครับ หมอเองก็รู้สึกผูกพันกับยายอยากช่วยเหลือ” กวินรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“ขอบคุณนะคะ” หทัยรัตน์ยกมือไหว้ขอบคุณในความมีน้ำใจของเขา

“หวาน” เอมมี่ตรงดิ่งมาหาเพื่อนทันทีที่มาถึง

“แก” เอมมี่เดินเข้าไปกอดปลอบเพื่อน

“ไม่เป็นไรนะ แกยังมีฉันมียัยปลายฉันจะดูแลแกเอง”

“ขอบใจมากแก”

กวินเมื่อเห็นว่าเธอมีเพื่อนแล้วเขาก็เดินเลี่ยงออกไปจากห้อง

“แล้วนี่โทรหายัยปลายรึยัง”

“พรุ่งนี้ค่อยโทร ฉันกลัวจะรบกวนมัน”

“อืมๆ แล้วคุณกรล่ะ” หทัยรัตน์ส่ายหน้า

“ฉันไม่อยากรบกวนเขา เขาคงทำงานอยู่”

“แล้วแกจะไม่บอกเขา”

“ฉัน..”””””

“ถ้าไม่โทรก็ส่งข้อความบอกเขาก็ได้ ถือว่าทำตามมารยาทเขาเองก็รู้จักยาย” เอมมี่รู้ว่าขอบเขตของเพื่อนที่มีต่อเสี่ยของตัวเองนั้นมีแค่ไหน ถึงจะอยู่กับเขามานานแต่ทหัยรัตน์ก็ทำตามกฎเสมอ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนเธอหลงรักเสี่ยของตัวเองแล้วก็เถอะ

“ก็ได้” หทัยรัตน์ตัดสินใจส่งข้อความบอกคนที่อยู่ไกล

ถึงตอนนี้เวลานี้เธอจะอยากให้เขาอยู่ใกล้ที่สุดอยากได้ความอบอุ่นจากเขาแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เธอไม่กล้าเรียกร้องอะไรกับเขาทั้งนั้น ยิ่งเขาบอกว่ากลับมาจะมีเรื่องคุยด้วย เธอยิ่งกลัวว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่เขาขอยุติความสัมพันธ์ด้วย

“หวานวันนี้แกได้เข้าโซเชียลบ้างรึยัง” คนที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นถามเพื่อน

“ยัง”

“แสดงว่าแกยังไม่เห็นข่าวนี้” เอมมี่ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู อดสงสารเพื่อนไม่ได้ที่มีเรื่องถาโถมเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจแบบนี้ แต่เธอก็อยากให้เพื่อนรับรู้ และคิดว่าไม่น่าให้เพื่อนส่งข้อความบอกกรวิทย์เลย อุตส่าห์ลุ้นอยู่ในใจว่าเพื่อนจะสมหวังกับความรัก

หทัยรัตน์จับโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นเท่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขามีคนอยู่เคียงข้างอย่างแท้จริง

“ฉันจะไปจัดการเรื่องของยาย” หทัยรัตน์คืนโทรศัพท์ให้เพื่อน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มรสุมชีวิตของเธอในครั้งนี้เธอจะผ่านมันไปให้ได้ เธอต้องเข้มแข็งอย่างที่ยายบอก เธอจะรักตัวเองให้มากๆ

ฝุ่นผงสีขาวพร้อมกลีบดอกไม้ล่องลอยไปตามสายน้ำ สายลมพัดผ่านกระทบใบหน้า หน้าสวยแหงนเงยขึ้นบนท้องฟ้า ยายจะมองหวานอยู่บนนั้นใช่ไหมคะ หยดน้ำตาหยดเล็กๆไหลออกมาทางหางตา หทัยรัตน์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เธอจะไม่ร้องไห้ให้ยายเป็นห่วงอีก

งานศพยายของหทัยรัตน์ผ่านพ้นไปโดยไร้เงาของกรวิทย์ มีเพียงเลขาของเขาที่มาจัดการทุกอย่างให้ และเพื่อนสนิทกับพี่ที่ทำงานมาร่วมงาน และอีกหนึ่งคนที่เขาบอกว่าอยากช่วยเหลือเธอ เขาก็ช่วยจริงๆ นั้นคือหมอกวิน

“คุณรู้ไหม ยายชมคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ” ใบหน้าสวยหันไปทางต้นเสียง กวินยิ้มบางๆ ให้หญิงสาว

“ยายหวานนี่บ้ายอหลานจริงๆ นะคะ” หทัยรัตน์เองก็ยิ้มบางๆ ตอบกลับ ใบหน้ายังไม่คลายความหมองเศร้า

“มีหลานสาวเก่งหนิครับ” กวินเองก็ชื่นชมเธออยู่เงียบๆ ว่าหญิงสาวเป็นคนเก่ง

“ไม่จริงหรอกค่ะ หวานไม่เก่งสักนิด” บางปากเม้มเข้าหากัน ถ้ายายรู้เรื่องที่เธอทำท่านจะเสียใจแค่ไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องงานของเธอยายไม่รู้เรื่องอะไรเลย และเธอก็ไม่คิดจะบอกท่าน เพราะรู้ว่าถ้าบอกยายต้องเสียใจมากที่หลานสาวคนเดียวของท่านไม่รักดี เป็นผู้หญิงขายตัว

“คนเราเรื่องบางเรื่องถ้าแบกรับไม่ไหว ก็ปล่อยมันไปเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องไปจ่มอยู่กับมัน เศร้าได้เสียใจได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเอง” กวินรู้ว่าเธอเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอเศร้าไปมากกว่านี้

“เก็บความทรงจำดีๆ ไว้ในหัวใจเรา นึกถึงเวลาที่เรามีความสุขผมเชื่อว่ายายคุณก็อยากให้เป็นแบบนั้น”

“ขอบคุณนะคะ คุณหมอปลอบเก่งจัง” หทัยรัตน์ยิ้มได้มากกว่าเดิม หมอกวินเป็นคนอบอุ่น มีความเป็นผู้ใหญ่ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาช่วยเธอหลายๆ เรื่อง

“ผมอยากเห็นคุณยิ้มมากกว่าร้องไห้” หทัยรัตน์ชะงักไปชั่วขณะกับคำพูดของกวิน

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับทุกอย่าง ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวตอบแทนหมอนะคะ”

“ครับ ผมจะรอ” หทัยรัตน์ก้มมองมือของตัวเองแล้วบีบมันเบาๆ

“กลับกันเถอะค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ ไว้หวานจะโทรหา”

“ครับ” ร่างบางยืนมองรถที่แล่นออกไปจากคอนโดจนสุดสายตา ถึงหันหลังเดินเข้าไปข้างใน วันนี้เธอเหนื่อยจริงๆ

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset